เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ชีวประวัติพอสังเขปของท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ บินติ ฮุเซน

1 ทัศนะต่างๆ 05.0 / 5

 

ท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ ผู้ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์กัรบะลาอ์


ท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ ถือกำเนิดในปีที่ 57 แห่งฮิจเราะฮ์ศักราช  ณ เมืองมะดีนะฮ์ การถือกำเนิดของท่านหญิงอันสืบเนื่องมาจากการแนะนำของอิมามฮะซัน อัลมุจญ์ตะบาอ์ ให้ท่านอิมามฮุเซนได้แต่งงานกับท่านหญิง อุมมุ อิสหาก  และผลที่ได้รับการแต่งงานนั้น ก็คือ การถือกำเนิดของทารกน้อยที่มีนามว่า "รุก็อยยะฮ์" หลังจากการถือกำเนิดได้ไม่นาน ท่านหญิงก็ต้องสูญเสียมารดา และได้รับการเลี้ยงดูจากอาหญิงของนาง ก็คือ ท่านหญิงซัยนับ (ซ) และนางยังได้อยู่ร่วมในกองคาราวานกัรบะลาอ์พร้อมกับบิดาของนางด้วย

 

ได้มีรายงานหนึ่ง กล่าวไว้ว่า


ท่านหญิงซะกีนะฮ์ ได้พูดกับน้องสาวที่มีวัยเพียงสามขวบ(คาดว่าน่าจะเป็นท่านหญิงรุก็อยยะฮ์) ในวันอาชูรอว่า "เราจะไปหาพ่อของเรากันเพื่อที่จะไปห้ามท่าน โดยหวังว่าท่านจะไม่ถูกสังหาร ณ กัรบะลาอ์"


เมื่อท่านอิมามฮุเซน (อ) ได้ยินคำกล่าวนั้น น้ำตาของท่านก็ได้หลั่งไหลออกมา และร้องเรียกหาท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ และกล่าวว่า โอ้รุก็อยยะฮ์ ลูกรัก มาหาพ่อซิลูก พ่อจะไม่ห้ามเจ้าหรอก มาซิให้ฉันได้เห็นเจ้าหน่อย แล้วท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ก็ได้วิ่งมาหาท่านอิมามฮูเซน หลังจากนั้น ท่านอิมามฮุเซนก็โอบกอดลูกน้อยไว้ในตักของท่าน และจุมพิตบนริมฝีปากที่แห้งซีดของนาง เวลานั้นเอง เด็กน้อยได้ร้องออกมาว่า

 

العطش العطش  فان الظما قد احرقني

 

"พ่อจ๋า หนูกระหายน้ำเหลือเกิน หนูกระหายน้ำเหลือเกิน ความกระหายน้ำ มันช่างทรมานหนูเสียเหลือเกิน ดั่งกับว่ามันเป็นไฟที่เผาไหม้ในตับของหนู"

 

เมื่อท่านอิมามได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวตอบว่า โอ้ลูกรัก รอหน่อยนะเดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำมาให้กับเจ้า และท่านก็ลุกขึ้นและออกไปสู่สมรภูมิรบ  แต่ทว่าที่เท้าของท่านมีมือของเด็กน้อยคนหนึ่งจับอยู่ และร้องไห้ ได้พูดว่า


 
يا ابة!  اين تمضي عنا؟

 

"โอ้พ่อจ๋า ท่านจะไปไหนหรือ? ทำไมท่านทิ้งหนูล่ะ และท่านอิมามก็อุ้มเด็กน้อยอีกครั้งหนึ่งไว้ในอ้อมกอดของท่าน จนกระทั่งเด็กน้อยนั้นนิ่งสงบ

 

การอำลาครั้งสุดท้ายของท่านอิมามฮุเซนกับท่านหญิงรุก็อยยะฮ์

 

การอำลาของท่านอิมามฮุเซน (อ) กับบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ของท่าน ซึ่งถือว่าเป็นการยากลำบากอย่างมากสำหรับท่าน แต่ในการอำลาครั้งสุดท้ายของท่านกับเด็กน้อยที่มีวัยสามขวบนั้น มันยากยิ่งกว่า


ได้มีรายงานกล่าวว่า ฮิลาล บิน นาฟิอ์ ซึ่งเป็นทหารคนหนึ่งของศัตรู ได้รายงานว่า ฉันได้ยืนใกล้กับแถวกองทหารและมองเห็น ฮุเซน บิน อะลีได้อย่างชัดเจน หลังจากที่เขาได้อำลาครอบครัวอะฮ์ลุลบัยต์ของเขาแล้ว และกำลังมุ่งหน้าสู่สมรภูมิรบ ทันใดนั้นเอง สายตาของฉันได้เหลือบไปเห็น เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ได้ออกมานอกไคมา (กระโจม)  และวิ่งมาที่อิมามฮุเซน  และได้จับที่ขาของอิมามและร้องเสียงดังว่า

 

يا ابة ! انظر الى فاني عطشان

 

"โอ้พ่อจ๋า มองดูหนูซิ หนูกระหายน้ำเหลือเกิน"

 

การได้ยินถ้อยคำนี้ แม้ว่าถ้อยคำนั้น จะสั้นก็ตาม แต่ว่า มันเป็นถ้อยคำที่เจ็บปวดดวงใจของท่านอิมามอย่างมาก  เปรียบดั่งเป็นคมหนามที่ทิ่มแทงหัวใจของท่าน
หลังจากนั้น น้ำตาที่เบ้าตาของท่านก็ถูกหลั่งออกมาจากดวงตาของท่านอิมาม พร้อมทั้งกล่าวว่า

 

الله يسقيك فانه وكيلى

"พระองค์อัลลอฮ์ จะทรงประทานน้ำให้กับเจ้า เพราะพระองค์คือ ผู้ที่ฉันมอบหมายต่อพระองค์"

 

ฮิลาล กล่าวอีกว่า ฉันได้ถามว่า เด็กน้อยนั้นเป็นใครกันหรือ แล้วเด็กผู้นี้เป็นอะไรกับอิมามฮุเซน?

 


เขาได้รับคำตอบว่า นั่นคือ ท่านหญิง รุก็อยยะฮ์ บินติ ฮุเซน ที่มีอายุเพียงสามขวบเท่านั้น

 


ท่านหญิง รุก็อยยะฮ์ เป็นผู้ตระเตรียมผ้าซัจญะดะฮ์ให้กับท่านอิมามฮุเซน  ในทุกเวลาที่ท่านอิมามทำการนมาซ และเช่นกันในช่วงเที่ยงวันของวันอาชูรอ ก็ได้ปูผ้านมาซ และรอบิดาของนาง แต่บิดาของนางไม่ได้กลับมา และทันใดนั้นเอง ชิมร์ บิน ซิลเญาชัน ได้เข้ามาและเห็นเด็กน้อยนั้นรอคอยผู้เป็นพ่ออยู่ ก็สั่งให้ทหารรับใช้ว่า จงเฆี่ยนตีเด็กน้อยคนนี้ ซึ่งทหารนายนั้นไม่ยอมปฏิบัติตาม จนในที่สุดชิมร์ จึงตบไปบนใบหน้าของเด็กน้อย ดังนั้น การตบครั้งนี้ เท่ากับทำให้อัรช์แห่งอัลลอฮ์ (บรรลังค์) สั่นสะเทือน  เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อมัลอูนตนหนึ่งได้ตบไปบนใบหน้าของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ) ผู้เป็นบุตรีแห่งศาสนทูตของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ)

 

สาเหตุการเป็นชะฮาดะฮ์ของท่านหญิงรุก็อยยะฮ์

 

รายงานจากท่านเชค อับบาส กุมมี ว่า

 

เมื่อสตรีทั้งหลายได้ถูกจับเป็นเชลย และบรรดาเด็กๆก็เช่นเดียวกัน พวกเขาก็ได้ถูกจับเป็นเชลยด้วยเช่นกัน ขณะที่บรรดาสตรีก็มีหน้าที่ในการคอยปลอบประโลมเด็กๆเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ดุจดั่งกับพวกนางนั้นเป็นบิดาของเด็กๆเหล่านั้น พวกนางก็บอกกับเด็กๆว่า บิดาของเจ้า พวกเขาจะกลับมา ซึ่งพวกเขาได้เดินทางไปยังสถานที่หนึ่งและพวกเขาจะกลับมาพบพวกเจ้าอย่างแน่นอน ในการปลอบประโลมนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้บรรดาเด็กนั้นมีความสบายใจ แต่เมื่อพวกเขาทั้งหลายถูกนำมาถึงยังวังของยะซีด

 

ก็ได้เด็กน้อยคนหนึ่งที่มีอายุเพียงสามขวบเท่านั้น ได้ร้องเรียกหาบิดาของเขา และตะโกนว่า "พ่อจ๋า พ่อหนูอยู่ไหน? หนูจะไปหาพ่อของหนู เพราะว่าเมื่อคืนนี้ หนูฝันเห็นพ่อ พ่อมาหาหนู" เมื่อบรรดาสตรีและเด็กๆได้ยินเสียงนั้นก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน ในเวลานั้น ยะซีด ผู้ปกครองในสมัยนั้น ซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ ก็รู้สึกตัวสะดุ้งตื่นมาและถามหาสาเหตุเสียงดังนั้นว่ามาจากไหน? เมื่อเขารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ ก็รับสั่งทหารให้เอาศรีษะของอิมามฮุเซนมาให้กับเด็กน้อยและวางลงใกล้กับเด็กน้อย เด็กน้อยได้ถามว่า นี่คืออะไรหรือ? ได้รับคำตอบว่า นี่คือ ศีรษะของพ่อของเจ้าอย่างไงล่ะ และเมื่อเด็กน้อยได้เห็นศีรษะของผู้เป็นบิดาก็ร้องไห้ออกมาอย่างมาก จนในที่สุด นางได้จากโลกนี้ไปในสภาพเช่นนั้น

 

บัดนี้ สถานฝังร่างอันบริสุทธิ์ของท่าน ซึ่งเรียกกันว่า ฮะรัมท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ ตั้งอยู่ใน เมืองดะมัสกัส ประเทศซีเรีย ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบรรดากลุ่มชนที่มีความรักต่อลูกหลานแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ อีกทั้งยังมีรายงานเกี่ยวกับกะรอมะฮ์ (ความมหัศจรรย์) ของท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ อีกมากมายด้วย

 

แหล่งอ้างอิง

1.วะกอยิอ์ อาชูรอ ซัยยิด มุฮัมมัด ตะกี มุก็อดดัม หน้าที่ 455

2.ฮัตรัต รุก็อยยะฮ์ เชค อะลี ฟัลซะฟีย์ หน้าที่ 550

3.ชีวประวัติท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ หน้าที่ 20

4.กามิล บะฮาอีย์ เล่ม 2 หน้าที่ 179

 

บทความโดย อะบูอะลี

 

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม