ประวัติโดยสังเขปของท่านหญิงฟาติมะฮ์ อัซซะฮ์รอ(อ) ตอนที่ 7

ประวัติโดยสังเขปของท่านหญิงฟาติมะฮ์ อัซซะฮ์รอ(อ) ตอนที่ 7

 

7. การเสียชีวิตของฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ (อ)

 

อิมามอะลีได้ประสบกับเรื่องน่าตกใจถึงสองเรื่องในวันเดียวกัน เรื่องแรก คือ การจากไปของมุฮัมมัด ศาสนทูตแห่งพระเจ้าผู้เป็นมิตรและผู้อุปถัมภ์ การจากไปของท่านศาสดาได้ทำให้ความผาสุกของครอบครัวของเขาสิ้นสุดลงไปจากโลกนี้ เรื่องที่สอง คือ การช่วงชิงสิทธิการสืบทอดของเขา บรรดาสาวกฉกฉวยเอาตำแหน่งคอลีฟะฮ์ไปจากบ้านของเขา และถือเป็นของพวกตน

 

ขณะที่อะลีกำลังพยายามที่จะตั้งสติกับเรื่องทั้งสองนี้ เรื่องที่น่าตกใจอีกเรื่องหนึ่งก็เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ร้ายแรงพอๆกับอีกสองเรื่องนี้ เพียงเวลา 75 วัน หลังการจากไปของท่านศาสดา ฟาฏิมะฮ์ บุตรีของท่านศาสดา ผู้เป็นภรรยาของอะลีก็เสียชีวิตไปอีกคนหนึ่ง


ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ เปรียบเสมือนเทียนที่ถูกจุดเปลวไฟอยู่ แล้วมันได้มอดไปทีละน้อย จากนั้นแสงของมันก็ค่อยๆ หรี่ลงตามลำดับ ท่านจึงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้นานหลังจากที่บิดาได้อำลาจากโลกไปแล้ว และท่านไม่พึงปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ความเศร้าโศกจะเกิดขึ้นเสมอในทุกๆ โอกาสที่ท่านได้ยินเสียงอะซานประโยคที่ว่า “ฉันขอปฏิญาณว่ามุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์”


ท่านต้องการที่จะได้พบกับบิดาของท่านด้วยความถวิลอยู่ทุกวันจนร่างกายซูบผอมลง จนมิอาจรับจิตวิญญาณของท่านที่ปรารถนาจะอำลาจากโลกไว้ได้ต่อไป ด้วยเหตุนี้ท่านจึงต้องอำลาจากโลกนี้ไป ด้วยการอำลาจากอย่างอาดูรต่อบุตรของท่านหญิง นางอำลาจากฮะซันในขณะที่มีอายุได้ 7 ปี ฮุเซนมีอายุได้ 6 ปี ชัยหนับมีอายุได้ 5 ปี และอุมมุลกุลซุมมีอายุได้ 3 ปี


ความทุกข์ระทมอันเกิดขึ้นโดยที่ท่านได้อำลาจากโลกนี้ไปประสบแก่สามีของท่าน ซึ่งเป็นผู้ร่วมชีวิตกับบิดาของท่านในการต่อสู้เสียสละและเป็นผู้ร่วมชีวิตของท่านด้วย ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะรออ์ได้หลับตาของท่านลงอย่างสนิท หลังจากได้สั่งเสียสามีในเรื่องที่เกี่ยวกับลูกที่ยังเป็นเด็กอยู่ ขณะเดียวกันก็ได้สั่งเสียว่าให้ฝังท่านอย่างลับที่สุด ฉะนั้น สุสานของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะรออ์ จึงเป็นสิ่งลี้ลับอยู่ จนกระทั่งถึงวันนี้ เท่ากับท่านได้ทำเครื่องหมายคำถามอันยิ่งใหญ่ไว้ในหน้าประวัติศาสตร์


ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะรออ์ ยังคงตั้งคำถามไว้ในประวัติศาสตร์ อันหมายความว่าท่านยังเรียกร้องสิทธิของท่านอยู่ และบรรดามุสลิมก็ยังคงไต่ถามเกี่ยวกับที่ตั้งของสุสานที่ไม่มีใครรู้จักอยู่ตลอดมา ท่าน อิมามอาลี(อ)นั่งลงข้างๆ สุสานของภรรยาอย่างผู้สิ้นหวัง ในขณะที่ความมืดได้ปกคลุมเข้ามา พลางปลอบประโลมวิญญาณของท่านว่า

 

رُوِیَ عَنْهُ أَنَّهُ قَالَهُ عِنْدَ دَفْنِ سَیِّدَةِ النِّسَاءِ فَاطِمَةَ ( علیهاالسلام ) کَالْمُنَاجِی بِهِ رَسُولَ اللَّهِ ( صلى الله علیه وسلم ) عِنْدَ قَبْرِهِ السَّلَامُ عَلَیْکَ یَا رَسُولَ اللَّهِ عَنِّی وَ عَنِ ابْنَتِکَ النَّازِلَةِ فِی جِوَارِکَ وَ السَّرِیعَةِ اللَّحَاقِ بِکَ قَلَّ یَا رَسُولَ اللَّهِ عَنْ صَفِیَّتِکَ صَبْرِی وَ رَقَ عَنْهَا تَجَلُّدِی إِلَّا أَنَّ فِی التَّأَسِّی لِی بِعَظِیمِ فُرْقَتِکَ وَ فَادِحِ مُصِیبَتِکَ مَوْضِعَ تَعَزٍّ فَلَقَدْ وَسَّدْتُکَ فِی مَلْحُودَةِ قَبْرِکَ وَ فَاضَتْ بَیْنَ نَحْرِی وَ صَدْرِی نَفْسُکَ فَ إِنَّا لِلَّهِ وَ إِنَّا إِلَیْهِ راجِعُونَ فَلَقَدِ اسْتُرْجِعَتِ الْوَدِیعَةُ وَ أُخِذَتِ الرَّهِینَةُ أَمَّا حُزْنِی فَسَرْمَدٌ وَ أَمَّا لَیْلِی فَمُسَهَّدٌ إِلَى أَنْ یَخْتَارَ اللَّهُ لِی دَارَکَ الَّتِی أَنْتَ بِهَا مُقِیمٌ وَ سَتُنَبِّئُکَ ابْنَتُکَ بِتَضَافُرِ أُمَّتِکَ عَلَى هَضْمِهَا فَأَحْفِهَا السُّؤَالَ وَ اسْتَخْبِرْهَا الْحَالَ هَذَا وَ لَمْ یَطُلِ الْعَهْدُ وَ لَمْ یَخْلُ مِنْکَ الذِّکْرُ

 

“ขอความสันติสุขพึงประสบแด่ท่านด้วยเถิด โอ้ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ เป็นสลามจากฉัน และจากบุตรสาวของท่านเอง ที่บัดนี้ได้มาพำนักอยู่ใกล้เคียงกับท่านแล้ว โดยนางได้ติดตามมาอยู่กับท่านอย่างรวดเร็วที่สุดโอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ความอดทนของฉันมีน้อยเหลือเกินสำหรับการจากไปของสุดที่รักของท่าน ประหนึ่งว่าเนื้อหนังของฉันได้ฉีกขาดไปแล้ว.....


บุตรสาวของท่านคงจะได้บอกเล่าให้ท่านได้รับทราบถึงเรื่องราวของประชาชาติของท่าน ที่ได้กระทำการละเมิดต่อนาง......ขอความสันติสุขจากดวงใจที่อำลาพึงประสบแด่ท่านทั้งสองด้วยเถิด”

 

ตามที่นักประวัติศาสตร์อิสลามได้บันทึกไว้เกี่ยวกับวันเสียชีวิตของท่านหญิงฟาติมะฮ์อัซซะรอ(อ)นั้นมีทัศนะที่ไม่ตรงกันแต่เป็นที่ยอมรับมากที่สุด ก็คือ นางเสียชีวิตหลังผู้เป็นบิดา คื อศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ศ็อลฯ)ได้เสียชีวิตเพียง 75 วัน(บ้างว่า 95 วัน) นั่นหมายถึง นางได้เสียชีวิตในวันอังคารที่ 3 เดือนญะฮ์มาดุษษานี ฮ.ศ. 11 ดังวจนะของท่านอิมามญะอ์ฟัร อัซซอดิก(อ)

 

บทความโดย เอกภาพ ชัยศิริ