เกร็ดชีวิตท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ : สมัญญานามและฉายานามของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์

เกร็ดชีวิตท่านหญิงฟาฏิมะฮ์  : สมัญญานามและฉายานามของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์

 

มีการกล่าวถึงสมัญญานามและฉายานามของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ไว้มากมายหลายนาม และบางนามนั้นก็ได้รับการขนานนามจากพระผู้อภิบาล และบ้างก็ได้รับการขนานนามจากศาสดาแห่งพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งแต่ละนามนั้นได้อธิบายและบ่งชี้ถึงความสมบูรณ์แห่งบุคลิกภาพของท่าน และตรงนี้เราจะกล่าวถึงสมัญญานามและฉายานามเพียงบางส่วน อาทิ ฟาฏิมะฮ์ บะตูล ฮุรเราะฮ์ ซัยยิดะฮ์ อัซรออ์ ซะฮ์รออ์ เฮารออ์ มุบาเราะกะฮ์ ฏอฮิเราะฮ์ ซะกียะฮ์ รอฎียะฮ์ มัรฎียะฮ์ มุฮัดดะษะฮ์ มัรยัม กุบรอ ซิดดีเกาะฮ์ นูรียะฮ์ ฮานียะฮ์ กอนีตะฮ์ อะฟีฟะฮ์ อินซียะฮ์ ซะมาวียะฮ์ ซัยยิดะตุนนิซาอิลอาละมีน อุมมุลอะอิมมะฮ์ อุมมุอะบีฮา อุมมุลฮะซันวัลฮุเซน อุมมุลมุฮ์ซิน มันซูเราะฮ์ และ ฯลฯ

(บิฮารุลอันวาร เล่ม 43 หน้า 10 อะมาลีซอดูก หน้า 592)


ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) กับท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ)

 

ความรักความผูกพันระหว่างท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) กับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) นั้น เป็นยิ่งกว่าความรักในระหว่างพ่อกับลูก มีรายงานว่า เมื่อครั้งที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ยังเป็นเด็กนั้น ท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) จะไม่เข้านอนจนกว่าท่านจะได้หอมและจุมพิตฟาฏิมะฮ์ (ซ.) บุตรสาวของท่าน

 

ในซอยของวันหนึ่ง พวกตั้งภาคีคนหนึ่งได้พบกับท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) เขาได้เอาขยะมูลฝอยกับสิ่งสกปรกโรยไปบนศีรษะและใบหน้าของท่าน ท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) ก็ไม่ได้ว่าอะไรและท่านก็กลับบ้านไปในสภาพดังกล่าว ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.) เข้ามาต้อนรับบิดา เมื่อท่านเห็นสภาพของบิดา ท่านก็รีบนำน้ำมาและจัดแจงล้างใบหน้าและศีรษะของบิดา ด้วยใบหน้าที่นองน้ำตา ท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) กล่าวว่า


“โอ้ลูกรัก อย่าร้องไห้ไปเลย จงมั่นใจเถิดว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงปกป้องบิดาของเจ้าจากความชั่วร้ายของเหล่าศัตรู และจะทรงให้ได้รับชัยชนะ” (กัชฟุลฆุมมะฮ์ เล่ม 1 หน้า 467)

 

วันหนึ่งท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) กำลังทำนมาซอยู่ในมัสญิดุลฮะรอม หนึ่งในพวกตั้งภาคีเจตนาที่จะดูถูก กลั่นแกล้ง และทำร้ายท่าน เขาได้หยิบเอารกอูฐที่เพิ่งเชือดใหม่ ๆ มา ซึ่งสกปรกและเต็มไปด้วยเลือด แล้วโยนใส่หลังท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) ในขณะที่ท่านกำลังก้มกราบกราน (ซะญะดะฮ์) ซึ่งท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.) ก็อยู่ในมัสญิดด้วย และท่านเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่านโกรธมากและวิ่งเข้าไปหาบิดาด้วยสภาพที่น้ำตานองหน้า ท่านหยิบรกอูฐขึ้นจากหลังบิดาและปาทิ้งไป
(มะนากิบ อิบนิ ชะฮ์รออชูบ เล่ม 1 หน้า 60)

 

3. ซัลมาน ฟาร์ซี กล่าวว่า: วันหนึ่งท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) เข้าพบท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ขณะนั้นเองท่านศาสดา (ศ็อลฯ) เห็นสีหน้าที่ไม่สบายใจของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ท่าน (ศ็อลฯ) จึงถามหาสาเหตุ? ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ตอบแก่บิดาว่า: โอ้ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) เมื่อวันก่อนลูกพูดล้อเล่นระหว่างที่พูดกับสามี ซึ่งในระหว่างนั้นลูกได้พูดล้อเล่นด้วยประโยคหนึ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจ ลูกเสียใจที่ทำให้สามีไม่พอใจ จึงขอโทษเพื่อให้เขาพอใจลูก เขาก็ยกโทษให้ลูกและมีสีหน้าที่เบิกบานและหันมองลูกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และลูกก็รู้สึกว่าเขาพอใจในตัวลูกแล้ว แต่ลูกกลัวว่าพระเจ้าจะไม่ทรงพอใจการปฏิบัติของลูกที่ได้ปฏิบัติต่ออาลี เมื่อได้ยินดังนั้นท่านศาสดา (ศ็อลฯ) จึงดำรัสว่า: โอ้ลูกรัก อย่าได้กังวลไปเลย เพราะความพอใจของสามีก็คือความพึงพอใจของพระเจ้า และความโกรธของสามีก็คือความกริ้วของพระเจ้าเช่นกัน แล้วท่านก็ได้กล่าวอีกว่า: สตรีที่ทำอิบาดะฮ์มากมายดั่งเช่นท่านหญิงมัรยัม (อ.) แต่หากทำให้สามีไม่พอใจ การอิบาดะฮ์ของเขาจะไม่ถูกยอมรับ ณ. พระเจ้า โอ้ลูกรัก จงรู้ไว้เถิดว่าการกระทำที่ดีที่สุดคือการเชื่อฟังปฏิบัติตามสามี โอ้ลูกรัก สตรีที่อดทนต่องานบ้านงานเรือนและพยายามจัดการเพื่อความสุขสบายของคนในครอบครัว เธอผู้นั้นก็เป็นชาวสวรรค์
(เอี้ยะห์กอกุลฮัก เล่ม 19 หน้า 112-113)

 

 
ลายมือที่สวยที่สุด

 

วันหนึ่งท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รออ์ (ซ.) กำลังทำงานบ้าน ท่านฮะซันกับท่านฮุเซน (อ.) บุตรชายผู้เป็นที่รักกำลังเขียนหนังสือ แต่ละท่านก็อ้างว่าลายมือของตัวเองดีกว่าและสวยกว่าอีกคน แล้วทั้งสองก็เข้ามาหามารดาเพื่อการตัดสิน และให้ท่านดูว่าของใครดีกว่าและสวยงามกว่ากัน แต่เพื่อไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งเสียใจ ท่านจึงบอกกับทั้งสองว่า “ไปถามบิดาของลูก ๆ ดูเถิด”

 

เมื่อท่านฮะซันกับท่านฮุเซน (อ.) ได้เล่าเรื่องราวให้บิดาฟัง ท่านอะลี (อ.) ผู้เป็นบิดาก็ไม่ต้องการให้ลูกคนใดคนหนึ่งเสียใจและหมดกำลังใจเช่นเดียวกัน ท่านจึงกล่าวว่า “ลองไปถามท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) ท่านตาของลูก ๆ กันดีกว่า”

 

เด็กน้อยทั้งสองจึงไปหาท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) และยื่นลายมือที่เขียนขึ้นให้ท่านดู ท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) ก็กล่าวเช่นเดียวกันว่า “ตาก็ไม่อาจตัดสินให้ได้ จนกว่าจะได้ปรึกษากับญิบรออีลเสียก่อน”


ญิบรออีลจึงได้ลงมาหาท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) และกล่าวว่า


“พระผู้เป็นเจ้าของท่านตรัสว่า ต้องให้มารดาของทั้งสองแสดงความคิดเห็นและตัดสินให้ทั้งสอง”


ท่านหญิงซะฮ์รออ์ (ซ.) ถอดสร้อยคอของท่านออกจากลำคอ แก้เงื่อนของสร้อยออก แล้ว สร้อยคอที่เป็นลูกปัดก็ร่วงกระจายลงบนพื้น จากนั้นท่านก็กล่าวกับลูกทั้งสองว่า
“ผู้ใดที่เก็บลูกปัดสร้อยคอได้มากกว่า เขาผู้นั้นจะมีลายมือที่สวยงามกว่า”


ทั้งสองท่านเก็บลูกปัดได้จำนวนเท่ากัน สุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดเสียใจ และได้ผลสรุปของการตัดสินว่า ลายมือของทั้งสองสวยงามและดีเท่าๆ กัน


ขอขอบคุณ เว็บไซต์  miuth.com