เกร็ดชีวิตท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ : เครื่องประดับของท่านหญิง


เกร็ดชีวิตท่านหญิงฟาฏิมะฮ์  : เครื่องประดับของท่านหญิง


ท่านอิมามซัจญาด (อ.) กล่าวว่า


“อัสมาอ์ บุตรสาวของอุมัยส์ เล่าให้ฟังว่า วันหนึ่ง ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี (อ.) นำทรัพย์สงครามที่ได้รับส่วนแบ่งจากสงครามหนึ่ง มาซื้อสร้อยคอให้กับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ภรรยาของท่าน เพื่อมอบเป็นของขวัญ และท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ก็ได้ใส่สร้อยเส้นนั้น


วันต่อมา ท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) มาที่บ้านของทั้งสอง ท่านเห็นสร้อยคอที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ใส่อยู่ที่คอ ท่านกล่าวว่า  โอ้ ลูกรัก จงอย่าให้ผู้คนและโลกนี้ล่อลวงเจ้า เจ้าเป็นบุตรีของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ จงอย่าชื่นชอบและมีความสุขไปกับความหรูหราทางโลก ทรัพย์สินเงินทอง และเครื่องประดับของมัน”

 

เมื่อท่านหญิงซะฮ์รออ์ (ซ.) ได้ยินคำพูดดังกล่าว ท่านก็ถอดสร้อยออกจากคอของท่าน และหลังจากที่ได้ขายมันไป ท่านก็เอาเงินมาซื้อทาสแล้วปล่อยเป็นไท ซึ่งทำให้ท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) ยินดีและมีความสุขยิ่งนัก

 
คำถามจากท่าน คำตอบจากฟาฏิมะฮ์

 

มีหญิงผู้หนึ่งเข้าพบท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) และถามท่านว่า


“ข้าพเจ้ามีมารดาที่อ่อนแอแก่ชราซึ่งท่านประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนมาซ และท่านได้ส่งข้าพเจ้ามาพบท่าน เพื่อถามปัญหาเหล่านั้น”

 

ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ได้ให้คำตอบแก่ผู้หญิงคนนั้น จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ถามคำถามข้อที่สอง ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ก็ได้ให้คำตอบกับนาง หลังจากนั้นนางก็ได้ถามคำถามข้อที่สาม ท่านก็ได้ตอบคำถามของนางจนกระทั่งถึงคำถามข้อที่สิบ ท่านก็ยังตอบคำถามให้นาง และเนื่องจากผู้หญิงคนนั้นได้ถามคำถามและปัญหาหลายข้อ ทำให้นางเกิดความละอาย จึงกล่าวกับท่านว่า


“โอ้ บุตรีแห่งศาสนทูต (ศ็อลฯ) ข้าพเจ้าจะไม่รบกวนท่านอีกแล้ว ท่านเหนื่อยแล้ว”

 

ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) กล่าวว่า


“อย่าได้อายไปเลย หากท่านมีคำถามใดก็จงถามมาเถิด ฉันจะให้คำตอบท่าน ฉันไม่เหน็ดเหนื่อยกับคำถามของท่านหรอก ทว่าฉันจะตอบด้วยความเต็มใจอย่างที่สุด หากบุคคลหนึ่งได้รับจ้างให้แบกของขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วเขาจะได้ค่าจ้างตอบแทน 100,000 เหรียญทอง เขาจะเหน็ดเหนื่อยจากการแบกของดังกล่าวไหม?”

 

ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า “ไม่หรอก เขาจะไม่เหนื่อย เพราะมีค่าจ้างที่ตอบแทนเป็นจำนวนมาก”

 

ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) กล่าวว่า “พระผู้เป็นเจ้าประทานผลบุญจากการตอบคำถามแต่ละปัญหานั้น ให้แก่ฉันมากมายยิ่งกว่าไข่มุกที่มีอยู่เต็มในระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดิน”

 

แล้วท่านก็กล่าวต่อไปว่า


“ฉันได้ยินบิดาของฉันกล่าวว่า บรรดาผู้รู้ชีอะฮ์ของฉันจะฟื้นคืนชีพในวันกิยามะฮ์ และพระผู้เป็นเจ้าจะประทานเสื้อคลุม (ยศฐาบรรดาศักดิ์) และผลบุญให้แก่พวกเขา ตามเกณฑ์ของความรู้ของพวกเขา และระดับขั้นของความยากลำบากและความพยายามของเขา ในวิถีทางแห่งการชี้แนะและชี้นำประชาชนจนกระทั่งจะประทานอาภรณ์แห่งเกียรติยศ 1,000,000 ชุด ที่ทำมาจากรัศมีให้แก่พวกเขาคนหนึ่ง จากนั้นพระผู้ทรงสัตย์ ผู้ทรงสูงส่งทรงประกาศว่า โอ้ ผู้ที่ให้การอุปการะแก่เด็กกำพร้าแห่งวงศ์วานของมุฮัมหมัด ในตอนนี้พวกเขาถูกตัดขาดจากบรรดาอิมามของพวกเขา พวกเขาคือบรรดาลูกศิษย์ของพวกเจ้า และเป็นลูกกำพร้าที่อยู่ภายใต้อุปการะคุณแห่งวิชาความรู้ของพวกเจ้า ได้รักษาศาสนาของพวกเขาสืบไป และได้รับการชี้นำและนำทาง จงมอบอาภรณ์แห่งเกียรติยศให้กับพวกเขา ตามที่พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากความรู้ของพวกเจ้าในโลกนี้

 

ในขณะนั้นเอง บรรดาผู้รู้ในประชาชาติของฉัน จะมอบอาภรณ์แห่งเกียรติยศให้กับพรรคพวกผู้ติดตามของพวกเขา จนกระทั่งได้มอบอาภรณ์แห่งเกียรติยศ 100,000 ชุดให้กับพวกเขา จากนั้นเหล่าลูกกำพร้าก็จะมอบอาภรณ์แห่งเกียรติยศให้กับบรรดาศิษย์ของเขา หลังจากที่อาภรณ์แห่งเกียรติยศได้แจกจ่ายให้แก่ผู้คนโดยทั่วถึงแล้ว ก็มีพระบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้าอีกว่า ให้เพิ่มอาภรณ์แห่งเกียรติยศที่ได้แบ่งปันออกไปให้กับบรรดาผู้รู้ให้เต็มจำนวนเหมือนเดิม และทรงบัญชาให้เพิ่มอีกเป็นสองเท่า และให้ประทานแก่บรรดาพรรคพวกผู้ติดตามด้วย”

 

แล้วท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ก็กล่าวว่า “โอ้ บ่าวของอัลลอฮ์ เส้นด้ายหนึ่งเส้นของอาภรณ์แห่งเกียรติยศนี้ ดีกว่าสิ่งที่ดวงตะวันสาดส่องไปถึง เป็นพัน ๆ เท่า”

(บิฮารุลอันวาร เล่ม 1 หน้า 3)

 
สายสร้อยที่เต็มไปด้วยความจำเริญ

 

ญาบิร บินอับดุลลอฮ์ อันซอรี กล่าวว่า


“วันหนึ่งพวกเราได้นมาซพร้อมกับท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) มีสาวกกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่รายรอบท่าน ทันใดนั้นก็มีชายชราที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่า ๆ เข้ามาหาท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) และเนื่องจากความชราภาพมากแล้ว ทำให้เขาไม่สามารถที่จะยืนทรงตัวอยู่ได้ ท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) มองเขา แล้วสอบถามความเป็นอยู่ของเขา เขาตอบว่า โอ้ ท่านศาสนทูต ข้าพเจ้าเป็นชายผู้หิวโหย ได้โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับประทานด้วยเถิด ข้าพเจ้าเปลือยเปล่า ได้โปรดให้เสื้อผ้าแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด และข้าพเจ้าเป็นผู้ยากไร้ ได้โปรดมอบสิ่งของให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด”

 

“ท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) กล่าวว่า ตอนนี้ ฉันไม่มีอะไรที่จะให้ท่านได้ แต่ฉันจะแนะนำที่หนึ่งให้กับท่าน เผื่อว่าท่านจะได้รับตามที่ท่านต้องการ ท่านจงไปที่บ้านของผู้ที่มีความรักต่ออัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ ซึ่งอัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ก็รักเขาด้วย ท่านจงไปที่บ้านของฟาฏิมะฮ์ (ซ.) บุตรีของฉัน บางทีนางอาจจะมีอะไรมอบให้ท่านบ้าง จากนั้นท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) ก็กล่าวกับบิลาลว่า จงนำทางชายชราไปที่บ้านของฟาฏิมะฮ์เถิด ”

 

“บิลาล พร้อมกับชายชราได้เดินทางมาที่บ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.) ชายชรากล่าวว่า ขอความศานติพึงมีแด่ท่าน โอ้ ครอบครัวของท่านศาสดา และศูนย์กลางแห่งการลงมาของมวลมะลาอิกะฮ์ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ตอบรับสลามและถามว่า  ท่านเป็นใคร?- ชายชราตอบว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ยากไร้ ข้าพเจ้ามาพบบิดาของท่าน แล้วท่านก็แนะนำข้าพเจ้าให้มาหาท่าน โอ้ บุตรีแห่งศาสนทูต โปรดให้ข้าพเจ้าได้อิ่มท้องเพื่อขจัดความหิวกระหาย ให้ข้าพเจ้าได้สวมใส่เสื้อผ้าเพื่อปกปิดความเปลือยเปล่า และให้สิ่งของแก่ข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้ายากไร้ ”

 

“ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ) ไม่มีอาหารใด ๆ อยู่ในบ้าน ท่านมอบขนแกะซึ่งเป็นผ้าปูรองพื้นของท่านฮะซันและท่านฮุเซน (อ.) ให้กับชายชรา เขากล่าวว่า ขนแกะนี้จะช่วยเหลือการดำรงชีวิตของฉันได้อย่างไรกันเล่า? ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) จึงถอดสร้อยคอที่บุตรสาวของท่านลุงมอบให้เป็นของขวัญให้ชายชรา และกล่าวว่า “จงเอามันไปขาย และแก้ไขการดำรงชีวิตของท่านด้วยสร้อยเส้นนี้”


“ชายชรารับสร้อยมาแล้วกลับไปหาท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ท่านฟัง ท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) ร้องไห้แล้วกล่าวว่า -จงนำสร้อยเส้นนี้ไปขายแล้วพระผู้เป็นเจ้าจะประทานความมั่งคั่งให้กับท่าน ด้วยความจำเริญของการที่บุตรีของฉันมอบมันให้กับท่าน  อัมมาร ยาซิร ได้ขออนุญาตท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) เพื่อจะซื้อมันจากชายชรา เขาถามว่า ท่านขายเท่าไหร่? ชายชราตอบว่า ฉันขายให้ด้วยราคาที่ทำให้ท้องของฉันอิ่มด้วยขนมปังและเนื้อ เสื้อกันหนาวของเยเมน ที่จะได้สวมใส่ร่างกายของฉันเพื่อทำนมาซด้วยเสื้อตัวนั้น และหนึ่งเหรียญทองที่นำพาฉันกลับไปหาครอบครัว”

 

“อัมมาร กล่าวว่า ฉันจะซื้อสร้อยเส้นนี้ ด้วยเหรียญทอง 20 เหรียญ เหรียญเงิน 200 เหรียญ เสื้อหนาวเยเมนหนึ่งชุด สัตว์พาหนะหนึ่งตัว ขนมปังและเนื้อที่จะทำให้ท่านอิ่ม ชายชราจึงขายสร้อยดังกล่าวให้อัมมาร เขารับเงินมาและอำลาท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) ท่านถามชายชราว่า ท่านอิ่มและได้สามใส่แล้วใช่ไหม? เขาตอบว่า ใช่แล้ว ด้วยความจำเริญของการให้ของท่านหญิงฟาติมะฮ์ (ซ.) ทำให้ข้าพเจ้ามั่งคั่งขึ้น อย่างที่ตาไม่เคยพบเห็นและหูไม่เคยยินได้ฟังมาก่อนเลย ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดประทานให้กับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.)”

 

“ท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) กล่าวกับเหล่าสาวกว่า อัลลอฮ์ได้ประทานสิ่งดังกล่าวนั้นให้กับฟาติมะฮ์ (ซ.) ตั้งแต่ในโลกนี้ เพราะพระองค์ได้ประทานบิดาอย่างฉัน สามีอย่างอะลี (อ.) และบุตรอย่างฮะซันและฮุเซน (อ.) ให้กับนาง เมื่อเทวทูตอิสรออีล มาดึงดวงวิญญาณของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) และถามท่านในสุสานว่า ศาสนทูตของท่านคือใคร? ท่านก็จะตอบว่า คือบิดาของฉัน เขาถามว่า อิมามของท่านคือใคร? ท่านก็จะตอบว่า คือ สามีฉัน อะลี บินอะบีฏอลิบ หลังจากที่ฟาฏิมะฮ์ (อ.) สิ้นชีวิต พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบหมายให้มะลาอิกะฮ์กลุ่มหนึ่ง กล่าวประสาทพรให้กับนาง บิดาของนาง สามีของนาง และลูก ๆ ของนางอยู่ตลอดเวลา พึงทราบว่า ใครก็ตามที่ได้มาเยี่ยมเยียน (ซิยาเราะฮ์) ฉัน หลังจากที่ฉันสิ้นชีวิตไปแล้ว เปรียบเสมือนกับเขาได้มาเยี่ยมเยียนฉันในตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ และใครก็ตามที่ไปเยี่ยมเยียนฟาฏิมะฮ์ (อ.) ก็เปรียบเสมือนกับเขาได้เยี่ยมเยียนฉัน”

 

อัมมาร หยิบสร้อยมาแล้วจุมพิต และวางไว้บนผ้าที่นำมาจากเยเมนแล้วกล่าวกับทาสรับใช้ของเขาว่า “จงนำสร้อยเส้นนี้ไปมอบให้กับท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) และฉันก็ได้มอบเจ้าให้กับท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) ด้วย”

 

เมื่อทาสรับใช้มาพบท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ) ท่านก็มอบสร้อยและทาสให้กับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ท่านหญิงหยิบสร้อยขึ้นมาและปล่อยทาสให้เป็นอิสระ เมื่อทาสรับใช้เป็นอิสระแล้ว เขาก็หัวเราะ ท่านหญิงถามเขาถึงสาเหตุที่เขาหัวเราะ เขาตอบว่า


“จากความจำเริญของสร้อยเส้นนี้ทำให้ข้าพเจ้าแปลกประหลาดใจยิ่งนัก เพราะมันทำให้คนหิวโหยได้อิ่มท้อง ทำให้คนเปลือยเปล่าได้อาภรณ์สวมใส่ ทำให้คนยากไร้มั่งคั่ง และทำให้ทาสได้เป็นไท แล้วยังกลับมาสู่เจ้าของอีกด้วย”


 (บิฮารุลอันวาร เล่ม 43 หน้า 56)


ขอขอบคุณ เว็บไซต์  miuth.com