วันอารอฟะฮ์ คือ วันแห่งการวิงวอนและกลับตัวกลับใจ

วันอารอฟะฮ์ คือ วันแห่งการวิงวอนและกลับตัวกลับใจ

 

ถึงแม้ว่าวันอารอฟะฮ์ จะไม่ถูกขนามนามว่าเป็นวันอีดก็ตาม แต่เนื่องจากว่าในวันอารอฟะฮ์เป็นวันซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ได้ทรงเชิญชวนปวงบ่าวของพระองค์ให้เข้าสู่การเคารพภักดีพระองค์ พระองค์ได้ทรงเปิดประตูแห่งการปฏิบัติคุณงามความดีให้กับปวงบ่าวของพระองค์ในวันดังกล่าว และเป็นวันซึ่งบรรดาชัยฏอนมารร้ายต่างกรีดร้องด้วยความโหยหวน เนื่องจากความโกรธ และความต่ำต้อยที่พวกมันได้รับในวันนี้

 

วันที่ 9 เดือนซุลฮิจญะฮ์  คือวันอารอฟะฮ์ ซึ่งในวันนี้ เอกองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) จะให้ความสำคัญและใส่ใจเป็นพิเศษไปยังสามสถานที่และมนุษย์สามจำพวก


1.กัรบาลาอ์ และบรรดาผู้ซิยารัตอิมามฮุเซน(อ)ที่กัรบาลาอ์

 

2.ทุ่งอารอฟะฮ์ และบรรดาผู้แสวงบุญที่รวมตัวกัน ณ สถานที่ดังกล่าว

 

3.ทุกสถานที่บนโลกนี้ที่มีการยื่นมือวิงวอนขอดุอาอ์ยังพระองค์พร้อมกับการสำนึกผิดในความผิดบาป


ทำไมเรียกว่า “อารอฟะฮ์” ?

 

– ญิบรออีลได้สอนรูปแบบการประกอบพิธีฮัจญ์ให้กับท่านนบีอิบรอฮีม เมื่อมาถึงทุ่งอะรอฟะฮ์ ญิบรออีลกล่าวว่า ท่านได้เข้าใจหรือและทราบหรือยัง? ท่านนบีอิบรอฮีมจึงกล่าวตอบว่า..อะรอฟตุ  ฉันรู้ ฉันเข้าใจและฉันทราบแล้ว.. ด้วยเหตุนี้จึงเรียกสถานที่ดังกล่าวว่า ทุ่งอารอฟะฮ์

 

– อีกรายงานหนึ่งระบุ ว่า อันเนื่องจากว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ของมวลผู้ศรัทธาได้สำนึกและยอมรับในความผิดบาปของตนในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา

 

– บางรายงานบันทึกว่า เนื่องจากเพราะมนุษย์ต้องอดทนต่อความยากลำบากในการเดินไปยังสถานที่ดังกล่าว เพราะหนึ่งในความหมายของ “อารอฟา” หมายถึงความอดทนต่อความยากลำบากที่เกิดขึ้น

 

ท่านนบีอาดัมกับวันอารอฟะฮ์

 

รายงานจากท่านอิมาม ญะอ์ฟัร อัศศอดิก(อ.) กล่าวว่า เมื่อท่านนบีอาดัม(อ.)ถูกขับไล่ออกจากสรวงสวรรค์ของพระองค์  และถูกส่งลงมายังโลกดุนยานี้  ท่านนบีอาดัม(อ.)ได้ร่ำไห้ในสภาพที่ก้มสุญุดต่อพระองค์ทุกเช้าเป็นเวลาสี่สิบวัน บนภูเขาศอฟา  จากนั้นท่านญิบรออีล ก็ได้ลงมาแล้วถามว่า  โอ้ อาดัม ท่านร้องไห้ทำไม ?

 

นบีอาดัม (อ.)ตอบว่า เพราะฉันถูกขับไล่ออกมาจากสรวงสวรรค์ของพระองค์และถูกส่งลงมายังโลกดุนยา

 

ญิบรออีล กล่าวว่า จงขออภัยโทษต่อพระองค์และวิงวอนขอยังพระองค์

 

นบีอาดัม(อ.)ถามว่า ทำอย่างไร ?

 

ท่านญิบรออีลได้นำท่านนบีอาดัม(อ.)ไปยังทุ่งมินาในวันที่แปดของเดือนซุลฮิจญะฮ์  และท่านนบีอาดัม(อ.)ก็ได้ค้างคืนที่นั้นจนรุ่งสาง จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ทุ่งอารอฟะฮ์

 

ท่านญิบรออีลได้สอนท่านนบีอาดัม(อ.)เกี่ยวกับการสวมชุดอิฮ์รอมและการกล่าวตักบีร ขณะที่จะออกจากเมืองมักกะฮ์  ครั้นเมื่อมาถึงช่วงบ่ายของวันอารอฟะฮ์  ได้สอนให้ท่านนบีอาดัม(อ.)ทำการอาบน้ำฆุซุล

 

หลังจากเสร็จสิ้นนมาซอัศริก็ได้สั่งให้นบีอาดัม(อ.)วุกุฟที่ทุ่งอารอฟะฮ์  จากนั้นก็ได้มีประโยคของการวิงวอนจากพระองค์ ที่ได้สอนว่า

 

سبحانك اللهم و بحمدك لا اله الا انت علمت و ظلمت نفسي واعترفت بذنبي اغفر لي انك انت الغفور الرحيم

 

ความว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่ง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์   ข้าฯพระองค์ได้กระทำความผิดบาปและซอเล็มต่อตัวข้าฯเอง  บัดนี้ข้าฯได้สำนึกผิดแล้ว  ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษแก่ข้าพระองค์ โอ้พระองค์พระผู้ทรงให้การอภัยโทษและเมตตายิ่ง

 

จากนั้นท่านนบี(อ.)ได้ทำการวิงวอนและร่ำไห้ในความผิดบาปในสถานที่แห่งนั้นจนพลบค่ำ   วันรุ่งขึ้นก็ได้เดินทางไปยังมัชอัรกับท่านญิบรออีล และได้นอนค้างคืนที่นั้น

 

ท่านนบีอาดัม(อ.)ได้วิงวอนขออภัยโทษและสำนึกในความผิดบาป ….จนในที่สุดท่านนบีอาดัม(อ.)ก็ได้รับการอภัยโทษจากพระองค์…

 

ท่านนบีอิบรอฮีม(อ)กับทุ่งอารอฟะฮ์

 

ท่านญิบรออีลได้สอนท่านนบีอิบรอฮีมรับทราบเรื่องการประกอบพิธีฮัจญ์.. ท่านนบีอิบรอฮีมจึงกล่าวว่า..อะรอฟตุ..ฉันได้รับทราบแล้ว.

 

ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)กับทุ่งอารอฟะฮ์

 

หุบเขาอารอฟะฮ์ในยุคสมัยต้นๆของอิสลาม คือ ห้องเรียนแห่งทะเลทรายของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)

 

ตามรายงานของนักอรรถาธิบายอัลกุรอานบางคน กล่าวว่า  โองการสุดท้ายของอัลกุรอานถูกประทานลงให้กับท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ) ณ ทุ่งอารอฟะฮ์ จากนั้นท่านศาสดาก็ได้แจ้งและบอกกล่าวให้กับสาวกของท่านได้รับรู้

 

วันนั้นในอดีต ตามประวัติศาสตร์บันทึกว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ได้กล่าวคุตบะฮ์ท่ามกลางการชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมุสลิมในการประกอบพิธีฮัจญ์  ท่านศาสนทูต (ศ็อลฯ)กล่าวว่า….

 

“โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย จงฟังถ้อยคำของฉัน เพราะฉันไม่รู้ว่า หลังจากที่ปีนี้ได้ผ่านพ้นไป ฉันจะได้อยู่ร่วมกับพวกท่านอีกหรือไม่ ดังนั้นจงฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะกล่าวต่อ

 

พวกท่านด้วยความตั้งใจเถิด และจงนำเอาถ้อยคำของฉันไปบอก กล่าวต่อบรรดาผู้ที่มิได้อยู่ ณ ที่นี่ใน วันนี้”

 

“โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย เดือนนี้ วันนี้ และเมืองนี้ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นชีวิตและทรัพย์สินของมุสลิม ทุกคนนั้นต่างก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน (อันเป็นสิ่งหวงห้ามต่อการละเมิดซึ่งกันและกัน)จงคืนสิ่งของให้แก่เจ้าของด้วยความชอบธรรม จงปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความยุติธรรม เพื่อที่จะไม่มีผู้ใดปฏิบัติต่อท่านด้วย ความอยุติธรรม

 

จงรำลึกเถิดว่าแท้จริงนั้น ท่านจะได้พบกับพระเจ้าของท่าน และพระองค์จะทรงคิดคำนวณการงานทั้งหลายของท่าน”

 

‎อัลลอฮ์ทรงห้ามท่านจากการกินดอกเบี้ย (ริบาอ์) ดังนั้น “ริบาอ์” ทั้งหลายจำต้องถูกยกเลิกจากวันนี้เป็นต้นไป

 

โอ้ บรรดามนุษย์ทั้งหลาย จงทำความเข้าใจต่อถ้อยคำที่ฉันนำมายังท่านฉันกำลังจะจากท่านไปโดยทิ้งไว้แก่ท่าน ซึ่ง “พระคัมภีร์แห่งอัลลอฮ์” (อัลกุรอาน) และอะฮ์ลุลบัยตของฉัน หากท่านดำเนินชีวิตของท่านตามสองสิ่งนี้ท่านย่อมไม่มีทางที่จะหันเหออกจากหนทางนี้

 

พึงตระหนักเถิดว่า มุสลิมทุกคนนั้นเป็นพี่น้องของมุสลิมแต่ละคนและบรรดามุสลิมนั้นได้สถาปนาความเป็นพี่น้องต่อกันขึ้นมา ไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับมุสลิมที่จะทำการละเมิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นของพี่น้องมุสลิมของเขาเว้นเสียแต่ว่ามันได้ถูกมอบให้แก่เขาด้วยความเต็มใจ ดังนั้นจงอย่ากระทำในสิ่งที่ไม่ยุติธรรมต่อตัวของท่านเองเถิด

 

การกล่าวตัสบีห์ของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ในวันอารอฟะฮ์

 

سُبْحانَ الَّذى فِى السَّمآءِ عَرْشُهُ سُبْحانَ الَّذى فِى الاْرْضِ حُكْمُهُ

سُبْحانَ الَّذى فِى الْقُبوُرِ قَضآؤُهُ سُبْحانَ الَّذى فِى الْبَحْرِ سَبيلُهُ

سُبْحانَ الَّذى فِى النّارِ سُلْطانُهُ سُبْحانَ الَّذى فِى الْجَنَّةِ رَحْمَتُهُ

سُبْحانَ الَّذى فِى الْقِيمَةِ عَدْلُهُ سُبْحانَ الَّذى رَفَعَ السَّمآءَ

سُبْحانَ الَّذى بَسَطَ الاْرْضَ سُبْحانَ الَّذى لا مَلْجَاَ وَلا مَنْجا مِنْهُ اِلاّ اِلَيْهِ

سُبْحانَ اللّهِ وَالْحَمْدُ لِلّهِ وَلا اِلهَ اِلا اللّهُ وَاللّهُ اَكْبَرُ

لااِلهَ اِلا اللّهُ وَحْدَهُ لا شَريكَ لَهُ لَهُ الْمُلْكُ وَ لَهُ الْحَمْدُ يُحْيى وَيُميتُ

وَيُميتُ وَيُحْيى وَهُوَ حَىُّ لا يَموُتُ بِيَدِهِ الْخَيْرُ وَهُوَ عَلى كُلِّ شَىْءٍ

บทความโดย เชคอิบรอฮีม  อาแว