ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ(ซ.) คือ นายหญิงเเห่งสากลโลก
ทานหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ(ซ.) คือ นายหญิงเเห่งสากลโลก
โดย ซัยหนับ มะมิง
หนึ่งในสมญานามของท่านหญิง ฟาฏิมะฮ์ (ซ.) คือ "ซัยยิดะฮ์ นิซาอิลอาละมีน " มีความหมายว่า นายหญิงเเห่งสากลโลก
ท่านหญิง คือ เเบบอย่างสำหรับประชาชาติในทุก ๆมิติ สิ่งใดก็ตามที่เป็นความจำเป็นที่มนุษย์คนหนึ่งควรมี พระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ) ได้สร้างสิ่งต่างๆเหล่านั้นไว้ในตัวตนของท่านหญิง ฟาฏิมะฮ์(ซ.) เเล้ว
เราสามารถกล่าวในหนึ่งประโยคว่า
ท่านหญิง คือ เเบบอย่างสำหรับสตรีเเละบุรุษทุกคน ที่เป็นมุสลิมเเละไม่ใช่มุสลิม
ท่านหญิงเหมาะสมที่สุดเเล้วกับตำเเหน่งเเละสถานภาพที่สูงทรงเเละเหมาะสมเเล้ว ที่ถูกเรียกว่า "ซัยยิดะฮ์ นิซา อิลอาละมีน"
ด้วยกับคุณลักษณะต่างๆที่ท่านหญิงมี จะขอยกบางคุณลักษณะของท่านหญิง:
1- ในด้านความรู้
วันหนึ่งท่านหญิงได้กล่าวเเก่ท่านอิมามอาลี ( อ.) ว่า ฉันจะเเจ้งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเเล้ว เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นตอนนี้เเละเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ท่านจะรับฟังไหม?
เมื่อท่านอิมามอาลี(อ.) ได้ยินสิ่งนี้ ท่านเเปลกใจในคำพูดที่มีความสูงทรงของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ซ.)
ท่านอิมามอาลี (อ.) ได้ไปเข้าพบท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ท่านศาสดาทราบเเล้วว่า
ท่านอิมามอาลี(อ.) จะถามเรื่องอะไร ก่อนที่ท่านอิมามจะถาม ท่านนบีได้ตอบว่า: สิ่งใดก็ตามที่ฟาฏิมะฮ์(ซ.) กล่าว ก็จะเป็นอย่างที่นางกล่าวเเน่นอน เพราะว่านาง คือ ผู้รู้ในเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเเล้วในอดีตเพราะนาง คือ ผู้รู้ในเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นเเละนาง คือ ผู้รู้ที่รู้เรื่องราวที่ยังไม่เกิดขึ้น
ท่านหญิง คือ ผู้รู้ซึ่งความรู้ของท่านนั้นมาจากพระองค์อัลลอฮ(ซ.บ)
2- ในภาคอิบาดัตของท่านหญิง
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า: เมื่อใดก็ตามที่ท่านหญิง สาละวนอยู่กับการทำอิบาดัต พระองค์อัลลอฮ(ซ.บ) จะชื่นชมท่านหญิงต่อหน้าบรรดามะลาอิกะอย่างภาคภูมิใจ
ท่านนบี(ศ็อลฯ) ทำอิบาดัตถึงขนาดว่า พระองค์(ซ.บ) ลงวะห์ยูว่า กุรอานไม่ได้ประทานลงมาเพื่อให้เจ้าลำบากเเละเหนื่อยถึงเพียงนี้
ความเหมือนที่ท่านนบีเเละท่านหญิงมีเหมือนกัน
หนึ่งในนั้น คือ ในภาคของการทำอิบาดัต
นี่คือ เเบบอย่างของความเป็นบ่าวของท่านหญิงที่มีต่อพระองค์(ซ.บ) เนื่องจากท่านหญิงมีสถานภาพที่สูงส่ง รูปเเบบการเคารพภักดีของท่านจึงสำเเดงออกมาในลักษณะเช่นนี้
3- บุตรีของบิดาที่เป็นเเบบอย่างสำหรับประชาชาติ
ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) คือ ผู้นำของประชาชาติ ท่านถูกส่งลงมาสำหรับทุกๆคน ไม่ใช่เเค่ประชาชาติใดประชาชาติหนึ่ง
ในหลายๆครั้ง ด้วยกันที่ท่านศาสดา จะกล่าวว่า
"ฟิดาฮา อาบูฮา" เเปลว่า บิดาของนางขอพลีเพื่อนาง
หนึ่งในเหตุการณ์ที่ท่านได้กล่าวถึงประเด็นนี้ คือ ในทุกๆครั้ง ที่ท่านศาสดาต้องการเดินทางไปยังต่างเเดน บ้านหลังสุดท้ายที่ท่านจะอำลา คือ บ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ซ.) เเละบ้านหลังเเรกที่ท่านศาสดาจะเข้าไปหาทุกครั้งที่ท่านกลับมา คือ บ้านของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ซ.)
เมื่อท่านศาสดา (ศ็อลฯ) เข้าไปในบ้านของท่านหญิง ปกติ เเล้วท่านศาสดาจะนั่งสักพักเเต่ครั้งนี้เมื่อท่านศาสดาเห็นว่าท่านหญิงกำลังทำงานบ้านอย่างหนัก ท่านนบี ไม่ได้นั่งเเละได้เดินออกจากบ้านไป
เมื่อท่านหญิงทราบก็รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมท่านศาสดารีบออกจากบ้านไปเพราะท่านไม่พอใจที่ท่านหญิงทำงานอย่างหนัก ท่านหญิงไปหาท่านอิมามฮะซันเเละท่านอิมามฮุเซน (อ.) ให้นำสลามของท่านเเม่ไปให้ท่านตาเเละบอกท่านตาว่า เเล้วเเต่การตัดสินใจของท่านตาในเรื่องนี้ ตรงนี้เองที่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)กล่าวว่า" ฟิดาฮา อาบูฮา"
เนื่องจากปัญหามากมายในสังคมที่ท่านศาสดาต้องพบเจอโดยเฉพาะในมักกะฮ์ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ไปยังข้างกะอ์บะฮ์ เพื่อเคารพภักดีต่อพระองค์ ก็ถูกพวกมุชริกีนเยาะเย้ยถากถาง เมื่อท่านเดินผ่านตามท้องถนนของมักกะฮ์พวกเขาก็กลั่นเเกล้งท่านนบีต่างๆนานา เมื่อท่านกลับบ้าน ท่านเจอกับบุตรสาวในขณะนั้น อายุ 5-6 ขวบ บุตรสาวคนนี้คอยปลอมประโลมเเละให้กำลังใจท่านนบีเเละอยู่เคียงข้างท่านตลอด
ตรงนี้เองที่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ คือ อุมมุ อาบีฮา"
ดังนั้น จากคุณลักษณะข้างต้นที่ยกมาซึ่งเป็นเพียงเเค่บางส่วนจากคุณลักษณะของท่าน เเค่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอเเล้วที่บอกว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ซ.) คือ นายหญิงเเห่งสากลจักวาล เเละเเบบอย่างสำหรับมนุษยชาติ.
ขอขอบคุณ เพจ สถาบันศึกษาศาสนา อัล-มะฮ์ดียะฮ์