ถอดรหัส “อัลเกาซัร” ตอนที่ 2

ถอดรหัส “อัลเกาซัร”  ตอนที่ 2


บรรยายโดย  ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลีมีน ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี

 

สารัตถะแห่งความหมายของฮะดีษกิซาอ์

 

ความจริงแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่า เราทุกคนคุ้นเคยกับฮะดีษบทนี้อยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อถึงตอนที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ) อิมามอะลี(อ) ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ(สลามุลลอฮฯ)  อิมามฮะซัน(อ) และ อิมามฮุเซน(อ)ได้เข้าไปอยู่ใต้ผ้าคลุมครบทุกคนแล้ว

 

และในขณะนั้น ชาวฟากฟ้าก็ได้คุยเรื่องคนอยู่ใต้ผ้าคลุมนี้เช่นกัน โดย อัลลอฮ์(ซ.บ) ผู้ทรงเกรียงไกรได้ตรัสกับบรรดามะลาอิกะฮ์ ความว่า


يَا مَلآئِكَتِى وَيَا سُكَّانَ سَمَاوَاتِى إِنِّى مَا خَلَقْتُ سَمَآءً مَّبْنِيَّةً وَّلا أَرْضاً مَّدْحِيَّةً وَّلا قَمَراً مُّنِيراً وَّلا شَمْساً مُّضِيئَةً وَّلا فَلَكاً يَّدُوْرُ وَلا بَحْراً يَّجْرِى وَلا فُلْكاً يَّسْرِى إِلا فِى مَحَبَّةِ هَؤُلاءِ الْخَمْسَةِ الَّذِيْنَ هُمْ تَحْتَ الْكِسَآءِ

 

“يَا مَلآئِكَتِى وَيَا سُكَّانَ سَمَاوَاتِى إِنِّى مَا خَلَقْتُ سَمَآءً مَّبْنِيَّةً”
 

โอ้บรรดามวลมะลาอิกัตเอ๋ย ! แท้จริงแล้ว ฉันไม่ได้สร้างชั้นฟ้าให้มั่นคงอยู่ คำว่า  “مَّبْنِيَّةً”(มั่นคง)

 

 “وَّلا أَرْضاً مَّدْحِيَّةً”


และไม่ได้สร้างแผ่นดินให้แผ่ขยาย


ประโยคต่อมา

 

“ وَّلا قَمَراً مُّنِيراً”


และไม่ได้สร้างดวงจันทร์ให้เปล่งแสงนวล


ประโยคต่อมา

 

“وَّلا شَمْساً مُّضِيئَةً”


และไม่ได้สร้างดวงอาทิตย์ให้รัศมีนั้นทอแสงเจิดจรัส


“وَّلا فَلَكاً يَّدُوْرُ”

และไม่ได้สร้างจักรวาลให้โคจร


ประโยคถัดมา

“وَلا بَحْراً يَّجْرِى”

และไม่ได้สร้างทะเลให้ไหลเวียน


ประโยคถัดมา คือ

 

"وَلا فُلْكاً يَّسْرِى” 

ไม่ได้ดลให้นาวาล่องอยู่ในทะเล

 

คำอธิบาย : ฉันไม่ได้สร้างชั้นฟ้าให้มั่นคงอยู่ และไม่ได้สร้างแผ่นดินให้แผ่ขยาย คือ ไม่ได้สร้างแผ่นฟ้าให้สูงส่งมั่นคง และไม่ได้สร้างแผ่นดินแผ่ขยายไปสุดโลก สุดขอบฟ้า และไม่ได้สร้างดวงจันทร์ให้เปล่งแสงนวล (ผมขอให้ความหมายว่า แสงจันทร์นวลผ่อง) และไม่ได้สร้างดวงอาทิตย์ให้รัศมีนั้นทอแสงเจิดจรัส และไม่ได้สร้างจักรวาลให้โคจร และไม่ได้สร้างทะเลให้ไหลเวียน  ไม่ได้ดลให้นาวาล่องอยู่ในทะเล ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นการอธิบายให้เข้าใจง่าย ไม่ได้จะอรรถธิบายทั้งหมดหรอก เพียงแต่จะนำเสนอหัวใจหลัก เรื่องใหญ่ที่สำคัญมาก กล่าวคือ ทั้งชั้นฟ้า แผ่นดิน ดวงอาทิตย์ ภูเขา ทั้งหมดที่อัลลอฮ์(ซ.บ.) สร้างมานั้น คือ  

 

“إِلا فِى مَحَبَّةِ هَؤُلاءِ الْخَمْسَةِ الَّذِيْنَ هُمْ تَحْتَ الْكِسَآءِ”

 

นอกเสียจากว่าเพื่อความรักแก่บุคคลทั้งห้าซึ่งพวกเขาอยู่ภายใต้ผ้าคลุมนั้นชัดแจ้ง ทั้งหมดที่สร้างมา อัลลอฮ์(ซบ.) เพียงยกตัวอย่าง 4-5 อย่างเท่านั้น เช่น แผ่นฟ้า แผ่นดิน ดวงเดือน ดวงอาทิตย์ ภูเขา ซึ่งหากจะกล่าวโดยสรุป ทั้งหมดที่ อัลลอฮ์(ซ.บ.) สร้างมานั้น เพราะความรักของฉันที่มีอยู่ กับ 5 คน ที่อยู่ใต้ผ้าคลุม โดยที่มะลาอิกัตยังไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น ที่ไหน อย่างไร ใครอยู่ใต้ผ้าคลุม

 

เป้าหมายจะชี้ว่า อัลลอฮ์(ซ.บ.) ต้องการจะเปิดเผยผ้าคลุม โดยยกตัวอย่าง กล่าวคือ ทุกสรรพสิ่ง ทุกสร้างขึ้นมาทั้งหมด ซึ่งจริงๆแล้วพระองค์ ต้องการจะบอกว่า ทุกสรรพสิ่งที่ฉันสร้างมานั้นเพราะความรักของฉันที่มีให้กับ 5 คน ที่อยู่ใต้ผ้าคลุม

 

“إِلا فِى مَحَبَّةِ هَؤُلاءِ الْخَمْسَةِ الَّذِيْنَ هُمْ تَحْتَ الْكِسَآءِ”

 

ทว่าในประโยคข้างต้น มะลาอิกัตยังไม่รู้ว่าใครอยู่ใต้ผ้าคลุม

 

 “فَقَالَ الأَمِينُ جِبْرَآئِيْلُ: يَا رَبِّ وَمَن تَحْتَ الْكِسَآءِ”

 

คำอธิบาย : หัวหน้ามะลาอิกัต นามว่า  “อามีน ญิบรออีล” ได้ถามว่า “ยาร็อบบี วะมัน ตะฮ์ตัลกิซาอ์” โอ้ผู้อภิบาลของฉัน ใครกันเล่า ที่อยู่ใต้ผ้าคลุม ?

 

เรามาพิจารณากันว่า ใครกัน ? ยิ่งใหญ่ถึงขนาดมะลาอิกัตต้องถามว่า “ที่อัลลอฮ์(ซ.บ.) ตรัสว่า พระองค์สร้างมาทั้งหมดนี้ เพราะความรักที่พระองค์มีต่อบุคคล 5 คน ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมนี้

 

ดังนั้น เมื่อ “อามีนญิบรออีล” ถามว่า โอ้ผู้อภิบาลของฉัน ใครกันเล่าผู้ที่อยู่ใต้ผ้าคลุม ?

 

อัลลอฮ์(ซ.บ.) ทรงตรัสว่า

 

فَقَالَ عَزَّ وَجَلَّ: هُمْ أَهْلُ بَيْتِ النُّبُوَّةِ وَمَعْدِنُ الرِّسَالَةِ، هُمْ فَاطِمَةُ وَأَبُوهَا وَبَعْلُهَا وَبَنُوْهَا فَقَالَ جِبْرَآئِيْلُ: يَا رَبِّ أَتَأْذَنُ لِى أَنْ أَهْبِطَ إِلَى الأَرْضِ لأَكُوْنَ مَعَهُمْ سَادِساً


“فَقَالَ عَزَّ وَجَلَّ”
 

พระผู้ทรงยิ่งใหญ่  (ฟะ กอลา อัซซะ วาญัล))พระผู้ทรงเกรียงไกรก็ได้ตรัสว่า

 

 “هُمْ أَهْلُ بَيْتِ النُّبُوَّةِ”

 

คำอธิบาย : (ฮุมอะฮ์ลุบัยติลนุบูวะฮ์) เมื่อมวลมะลาอิกัตได้คำตอบว่า ใช่แล้ว !พวกเขา 5 คนนั้นคือ อะฮ์ลุลเบต อะฮ์ลุลบัยติลนะบูวัต แห่งนะบูวัต แห่งศาสดา


“وَمَعْدِنُ الرِّسَالَةِ،”


คำอธิบาย : (วามะอ์ดินุรริซาละฮ์) พวกเขาเป็นศูนย์กลางแห่งการเผยแผ่ หรือ แหล่งที่ลงของสาส์นต่างๆทั้งหมดของฉันนั้น ลงมายังพวกเขา

 

ปุจฉา : ใครกัน ?ใครคืออะฮ์ลุลบัยติลนะบูวัต ? อันนี้หัวใจหลักที่สำคัญที่สุด

 

อัลลอฮ์(ซ.บ.) จึงตรัสต่อ ความว่า

 

"هُمْ فَاطِمَةُ وَأَبُوهَا وَبَعْلُهَا وَبَنُوْهَا”

 

คำอธิบาย :  “هُمْ فَاطِمَةُ”  (ฮุม ฟาฏิมะฮ์) (ผมขออธิบายพอสังเขปเพราะต้องบรรยายประเด็นอื่นๆร่วมด้วย อินชาอัลลอฮ์) ซึ่งแปลภาษาไทย ได้ความหมายว่า “ พวกเขาคือฟาฏิมะฮ์”
พวกเขาเหล่านั้นคือฟาฏิมะฮ์ ?

 

 ทีนี้ เรามาดูกัน คำว่า พวกเขาเหล่านั้น หมายถึงใครบ้าง ตอนแรกว่า จะไม่เจาะจงแล้ว มาถึงตรงนี้ คงต้องเจาะจงสักเล็กน้อย ดังนั้น เมื่อคำถามว่า “พวกเขาคือใคร” ในคำว่า “ฮุม” นี้ มีใครบ้าง
  ในคำว่า “ฮุมนี้” มีตั้งแต่ท่านนบี มีใครอีก คำตอบคือ อาลี(อ) ใครอีก ฮะซัน(อ) ใครอีก ฮุเซน (อ) ดังนั้น เพื่อจะชี้ว่า “ฮุมคือฟาฏิมะฮ์” และพวกเขาทั้งหมดคือฟาฏิมะฮ์

 

หลังจากนั้น จึงแยกอธิบาย คำว่า “وَأَبُوهَا”  เมื่อเอ่ยชื่อแล้ว ต้องลงรายละเอียดสักเล็กน้อยว่า วะอะบูฮา คือ พ่อของนาง แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อนบี ทว่าเป็นการเอ่ยชื่อฟาฏิมะฮ์ โดยใช้นบีพ่วงไปกับชื่อฟาฏิมะฮ์
ซึ่งถ้าพี่น้องเรียนภาษาอาหรับจะรู้ว่า ชื่อพ่วงกับชื่อจริงต่างกันอย่างไร

 

 เมื่ออัลลอฮ์(ซ.บ.) ตรัสว่า ฮุม ฟาฏิมะฮ์ หมายถึง พวกเขาเหล่านั้นคือ ฟาฏิมะฮ์ วะอะบูฮา และพ่อของนาง คำต่อมา “وَبَعْلُهَا وَبَنُوْهَا” วะบะอ์ลุฮา (และสามีของนาง) อิมามอะลี(อ) ก็พ่วงกับคำว่าฟาฎิมะฮ์ เป็นการอธิบายตามหลักภาษา

 

และหลักภาษาได้พ่วงวะบะนูฮา (และลูกๆของนาง) คือ อิมามฮะซัน(อ) และอิมามฮุเซน(อ) ก็ถูกพ่วงไปกับชื่อของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (สลามุลลอฮฯ) ซึ่งไม่แปลกเพราะทั้ง 2 ท่านเป็นลูก แต่ที่น่าฉงน คือ นบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)และอิมามอะลี(อ) ก็พ่วงกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (สลามุลลอฮฯ)ไปด้วย

 

 เห็นได้ชัดว่า บริบทข้างต้นเป็นวิธีการหนึ่งที่เอกองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.) ให้เกียรติกับท่านหญิงฟาฎิมะฮ์ (สลามุลลอฮฯ)

 

ประโยคต่อมา เมื่อญิบรออีลได้ยินดังนั้น

 

“فَقَالَ جِبْرَآئِيْلُ: يَا رَبِّ أَتَأْذَنُ لِى أَنْ أَهْبِطَ إِلَى الأَرْضِ لأَكُوْنَ مَعَهُمْ سَادِساً”

 

คำอธิบาย : หัวหน้าญิบรออีล จึงกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน พระองค์จะอนุญาตให้ฉันลงไปข้างล่าง ไปสู่พื้นดิน เพื่ออยู่กับพวกเขาเป็นคนที่หกได้ไหม อัลลอฮฺทรงตรัสว่า ได้ ฉันอนุญาตให้เจ้าลงไปได้ เรื่องก็ดำเนินต่อไป จนถึงการลงมาของ “อายะฮ์อัตตัฏฮีร” อายะฮฺที่ถูกประทานลงมารับรองความบริสุทธิ์ของ 5 คน ที่อยู่ใต้ผ้าคลุม

 

  قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم
أُنْزِلَتْ آیَةُ التطْهِیرِ فِیْ خَمْسَةٍ فِیَّ، وَفِیْ عَلیٍّ وَحَسَنٍ وَحُسَیْنٍ وَفاطِمَة


(إسعاف الراغبین ص 116/ صحیح مسلم، كتاب فضائل الصحابة.)
 

โดยท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “โองการอัตตัฏฮีรถูกประทานลงให้กับ  บุคคลทั้งห้า คือ ฉัน และอะลี ฮะซันกับฮุเซน และฟาฏิมะฮ์


นี่คือ แง่มุมความประเสริฐของสตรีผู้นี้ในค่ำคืนวันนี้ ซึ่งถือเป็นวันถือกำเนิดของนาง มัคลูกที่เป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) อีกทั้งพระองค์ทรงยืนยันความรักของพระองค์ในหลายๆที่ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือในฮะดิษกีซาอฺ และในฮะดิษต่างๆที่ ท่านนบีได้ยืนยัน

 

ความรักที่อัลลอฮ์(ซ.บ.)มีต่อฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ(สลามุลลอฮฯ)

 

ทำไมสตรีนางนี้ จึงเป็นที่รักยิ่งของเอกองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ซึ่งหากถามว่า รักขนาดไหน รักขนาดที่ว่า....(ตรงนี้ เราขอให้ความหมายในภาษาของมนุษย์) “ อัลลอฮ์(ซ.บ.) ทรงมอบดวงใจของพระองค์ให้เหมือนกับดวงใจของนาง”

 

 นี่คือ อุปมาเพียงหยดหนึ่งในความรักที่อัลลอฮ์(ซ.บ.) มีต่อท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ(สลามุลลอฮฯ)

 

ฮะดีษเกี่ยวกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ(สลามุลลอฮฯ)

 

อีกหนึ่งฮะดีษที่ชี้ถึงความประเสริฐ ความสูงส่งของท่านหญิง

 

“يا فاطمة إن الله ليغضب لغضبك ويرضى لرضاك”

 

โอ้ฟาฏิมะฮ์ แท้จริง พระองค์อัลลอฮ์ จะทรงกริ้วในสิ่งที่เจ้ากริ้ว และทรงพึงพอใจในสิ่งที่เจ้าพึงพอใจ

 

คำอธิบาย : อัลลอฮ์(ซ.บ.) จะทรงกริ้วกับการกริ้วของฟาฏิมะฮ์ และอัลลอฮ์จะทรงพึงพอใจกับความพึงพอใจของฟาฏิมะฮ์ นั่นหมายความว่า ความรู้สึกและดวงใจของอัลลอฮ์ กับดวงใจของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (สลามุลลอฮฯ) เหมือนกัน คือ ดวงเดียวกัน หรือ แม้นเราจะพูดอย่างไรก็ตาม ทว่านี่คือสถานภาพของสตรีคนนี้  เพราะฉะนั้น ถ้าเราเข้าใจแบบนี้ เมื่ออัลลอฮ์รักแบบนี้ เช่นนี้แล้ว นบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)จะไม่รักได้อย่างไร


แน่นอน นบีรักท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(สลามุลลอฮฯ) มากขนาดไหน พวกเราทุกคนล้วนได้ฟัง ได้อ่านคำตอบในฮะดีษของนบีมีอยู่อย่างอย่างมากมาย ทว่าหนึ่งในคำตอบนั้น คือความดีที่ล้นเหลืออยู่ที่นางนี้ อยู่ที่สตรีคนนี้ ความดีที่ล้นเหลือของอัลลอฮ์ทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่าง ความประเสริฐอันยิ่งใหญ่ของโลกนี้นั้นถูกซ่อนอยู่ที่สตรีคนนี้

 

อนึ่งประโยค “ความดีที่ล้นเหลือ” ผมขออธิบายเพิ่มเติม ขอใช้คำว่า “อันหนึ่ง” ที่อัลลอฮ์(ซ.บ.)ทรงประทานลงในซูเราะฮ์เกาซัรนี้ หากถามว่า คืออะไร แปลว่าอย่างไร ทำไมท่านหญิงถึงได้ถูกรักเป็นอย่างมาก ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านอิมามคาเมเนอี ท่านผู้นำสูงสุดของเราในปัจจุบัน ท่านได้อธิบายว่า “ความพิเศษหนึ่ง และความสำเร็จหนึ่งที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(สลามุลลอฮฯ)มี ซึ่งยากที่มนุษย์คนหนึ่งคนใด จะประสบความสำเร็จขั้นสูงสุด ได้เสมือนท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(สลามุลลอฮฯ)”

 

ดังนั้น หากจะทำความเข้าใจความสำเร็จในชีวิต หรือ ความสำเร็จในชีวิตที่มีอยู่ จะพบว่า ความสำเร็จของมนุษย์จะต้องมีรูปแบบ มีแบบอย่าง คนที่จะประสบความสำเร็จ จะประสบความสำเร็จกี่อย่าง แบบไหนบ้างนั้นขึ้นอยู่กับการวางของแต่ละคน

 

ทว่าความสำเร็จในชีวิตในทัศนะของท่านอิมามคาเมเนอี ได้วางไว้นั้น มีหลักสำคัญว่า มนุษย์ไม่ว่า หญิงหรือชาย ถ้าจะประสบความสำเร็จในชีวิต ในชีวิตของเขาจะต้องประสบความสำเร็จ 3 แง่มุมของชีวิต ดังนี้

 

1)ความสำเร็จในชีวิตส่วนตัว


2)ความสำเร็จในชีวิตครอบครัว


3)ความสำเร็จในชีวิตสังคม


ถอดความโดย A m I n i l L a