วิถีแห่งการรอคอยท่านอิมามมะฮ์ดี (ผู้มาโปรด )

วิถีแห่งการรอคอยท่านอิมามมะฮ์ดี (ผู้มาโปรด )

 


สำหรับ “การรอคอย” นั้น มีการอธิบายความหมายที่แตกต่างกัน จะอย่างไรก็ตามเรานั้นสามารถที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของการรอคอยได้ หากว่ามีการพิจารณาและใคร่ครวญอย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

“การรอคอย” หมายถึง การทอดสายตาไปยังเส้นทางเดิน อันเป็นการจ้องมองที่มีคุณค่า มีผล และสร้างปรากฏการณ์ต่างๆให้เกิดขึ้น

 

การรอคอย มิได้เป็นสภาวะของจิตด้านในเพียงอย่างเดียว ทว่าเป็นอิทธิพลจากผลภายในที่ส่งมาสู่ด้านนอก ก่อให้เกิดการตัดสินใจและการเคลื่อนไหว ด้วยเหตุนี้ คำรายงานจึงกล่าวว่า “การรอคอย”เป็นการกระทำอย่างหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ดีที่สุด “การรอคอย”เกิดขึ้นเนื่องจากมีผู้ที่ถูกรอคอย ความเพียรพยายามของเขา ก่อให้เกิดทิศทางที่จะเดินไป และทิศทางนั้นจะสิ้นสุดลงที่แก่นแท้ของสิ่งที่ตนรอคอย

 

ฉะนั้น “การรอคอย” จะไร้ความหมาย หากนั่งคอยเพียงประการเดียว “การรอคอย”ในลักษณะที่ว่า สายตาจับจ้องอยู่ที่ประตูแน่นอนมันจะไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้น แก่นแท้ของ ”การรอคอย” คือ การเคลื่อนไหว ความกระตือรือร้น และการก้าวไปสู่จุดหมายที่รอคอย

 

ยกตัวอย่าง :  ในการรอคอยแขกคนหนึ่งที่ตนไม่รู้จักเขาดี เจ้าของบ้านจะกุลีกุจอสร้างบรรยากาศของการต้อนรับ เพื่อรอคอยรับแขกผู้มีเกียรติของตน ขณะเดียวกัน เจ้าของบ้านจะพยายามขจัดอุปสรรคปัญหาต่างๆ ที่จะมารบกวนเพื่อไม่ให้กระทบกับแขกมาร่วมงาน

 

ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ดำรัสว่า :

 

 أَفْضَلُ أَعْمَال إنْتِظَارُ الْفَرَجِ

 

“การงานที่ดีที่สุดคือ การรอคอยการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี(อ.)”

 

หมายความว่า “การรอคอย” ที่ถูกต้องสมบูรณ์นั้นต้องควบคู่กับการปฏิบัติและการเคลื่อนไหว  นั่นหมายความว่า “การรอคอย” จะต้องนำไปสู่การเคลื่อนไหว การขับเคลื่อน และการยึดมั่นในหลักศรัทธาอะกีดะฮ์อย่างมั่นคง

 

ตามหลักการอิสลามนั้น การกระทำทุกอย่างจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความศรัทธาและอุดมการณ์และวิธีการทุกอย่างจะต้องอยู่บนพื้นฐานของโลกทัศน์และศรัทธา  ดังนั้นบริบทของ “การรอคอย” ต้องประกอบด้วยสององค์ประกอบหลักที่สำคัญ หนึ่งคือ หลักศรัทธา (อะกีดะฮ์)  สอง คือ อะมั้ล (การเคลื่อนไหว การขับเคลื่อน การกระทำ การปฏิบัติ )

ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ดำรัสว่า :

 

أَفْضَلُ الْعِبَادَةِ انْتِظَارُ الْفَرَجِ

 

“อิบาดะฮ์ที่ดีที่สุดและการงานที่ดีที่สุดคือ “การรอคอย”การปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี(อ.)”

 

 

ดังนั้น บนพื้นฐานดังกล่าว เราสามารถสรุปผลลัพธ์ตรงนี้ว่า  การรอคอยที่ถูกต้องสมบูรณ์จะเกิดจากพื้นฐานของหลักความเชื่อ ความศรัทธา  และตามหลักคำสอนที่มีอยู่ในตัวบทของศาสนา   และผู้รอคอยต้องมีหลักความเชื่อและอะกีดะฮ์ ดังนี้:

 

อะกีดะฮ์แรก

 

1.อิมาม คือ ศูนย์รวมของการมีอยู่- คือ สื่อกลางแห่งความโปรดปรานของพระองค์

 

จะเป็นเช่นไรกันเล่าเมื่อเมฆหมอกได้บดบังพระอาทิตย์ พื้นแผ่นดินและท้องทะเลทรายถูกปิดกั้นจากแสงแดด ต้นหญ้าและธัญพืชต่างแห้งเหี่ยวเฉาตาย

 

เมื่อโลกถูกรังสรรค์ขึ้นมาสิ่งดีและความสวยงามได้ปรากฏโฉมขึ้นบนโลกนี้ และแล้วเหตุการณ์แห่งกายเร้นกายของอิมามก็เกิดขึ้น ประชาโลกทั้งหลายจะเป็นเช่นไรหากถูกกีดกั้นจากการได้รับความโปรดปรานจากการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี (อ.)?

 

หมู่มวลแมกไม้ได้ประดับดาสวนให้มีความสวยงาม ความสวยงามและความหอมระรื่นของมวลบุบผามาลีบ่งบอกถึงความสามารถและความอุตสาหะของคนสวน มือที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาได้ยื่นน้ำให้เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตที่เหี่ยวเฉา ดวงใจที่เอ่อล้นความรัก และดวงตาที่ไม่เคยหลับใหลต่างเฝ้าคอยการกลับมาของผู้เยียวยาความบอบช้ำ ณ ตรงนี้เองที่การรอคอยได้เริ่มต้นขึ้น แน่นอนทุกคนคอยการกลับมาของท่านอิมามเพื่อสร้างความสุขสดชื่นแก่ประชาโลกทั้งหลาย

 

แน่นอน ในการรอคอยนั้นมีความสวยงามและความหวานชื่น ถ้าหากสายตาของเรารู้จักความสวยงาม และหัวใจก้าวเดินอยู่บนความหวานชื่น

 

อิมามซอดิก (อ.) กล่าวกับสาวกของท่านว่า พวกเจ้าจะให้ฉันบอกหรือไม่ว่ามีสิ่งหนึ่งถ้าไม่มีบุคคลใดรู้จัก พระเจ้าจะไม่ทรงตอบรับการงานของพวกเขา พวกเขากล่าวว่า เชิญบอกพวกเรามาเถิด  อิมามกล่าวว่า ขอสาบานด้วยพระนามแห่งพระเจ้า และสภาวการณ์เป็นศาสดาของท่านศาสนทูตแห่งอิสลามว่า การงานของเจ้าจะถูกตอบรับด้วยการยอมจำนนต่อบัญชาที่พระเจ้าตรัสไว้ ยอมรับวิลายะฮ์ของเรา และเป็นศัตรูกับผู้ที่เป็นศัตรูกับเรา เชื่อฟังปฏิบัติตามเรา(บรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์)  สำรวมตนจากบาปและรอคอยกออิม (อ.) ของเรา

 

ด้วยเหตุนี้ การรอคอยการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี (อ.) มีความพิเศษที่เฉพาะสำหรับอิมาม และเป็นความจำเป็นที่ประชาชาติทั้งหลายต้องรับรู้ เพื่อจะได้เข้าใจถึงความเร้นลับ และความประเสริฐของสิ่งนั้นที่จะกล่าวต่อไป

 

2. แบบอย่างที่ถูกยอมรับ

 

เมื่อรู้จักอิมามพร้อมกับสถานภาพที่สูงเด่นและจริยธรรมอันประเสริฐของท่านแล้ว สิ่งที่จะขอกล่าวต่อไปคือ การเชื่อฟังปฏิบัติตามแบบอย่างอันที่เป็นยอมรับและเป็นแหล่งความสมบูรณ์ทั้งหลาย

 

ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ดำรัสว่า :

 

ขอแสดงความยินดีสำหรับผู้ที่ได้สัมผัสกออิมแห่งครอบครัวของเรา ขณะที่เขาเชื่อฟังปฏิบัติตามกออิมก่อนที่จะปรากฏกาย และเชื่อฟังปฏิบัติตามอิมามก่อนหน้านั้น อีกทั้งพวกเขาประกาศตนเป็นศัตรูและออกห่างจากศัตรูของบรรดาอิมาม พวกเขาคือมวลมิตรและเป็นพรรคพวกของฉัน ณ ฉันแล้วพวกเขาเป็นประชาชาติที่มีเกียรติที่สุด

สำหรับบุคคลที่มีความสำรวมตนจากบาป แสดงความเคารพภักดี ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย มีเกียรติ มีความอดทน จริยธรรมของเขาเชื่อฟังและปฏิบัติตามแบบอย่างของอิมาม แน่นอน พวกเขาย่อมมีฐานันดรอันสูงส่ง ณ ท่านศาสดาผู้เป็นศาสนทูตแห่งพระเจ้าและอิมามแห่งยุคสมัยผู้เร้นกายอยู่ในปัจจุบัน และเมื่อถึงเวลาแห่งการปรากฏกายพวกเขาจะมีความสูงส่งสักปานใด

 

สิ่งเหล่านี้มิใช่ผลพวงของผู้ที่รอคอยการปรากฏกายหรอกหรือ ซึ่งพวกเขาเรียกร้องแต่ปรากฏการณ์ที่มีความสวยงามให้บังเกิดบนโลกนี้ พันธนาการตัวเองเข้ากับความดี และออกห่างจากความชั่วร้าย ระวังการกระทำและความคิดของตนตลอดเส้นทางแห่งการรอคอย มิเช่นนั้นแล้วพวกเขาก็คงติดกับดักของซาตานมารร้าย ระหว่างเขากับผู้มีคุณธรรมทั้งหลายก็คงเป็นมุมทแยงจะเพิ่มความห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ สิ่งนี้เป็นสัจธรรมอย่างแท้จริง

 

ดังที่อิมามมะฮ์ดี(อ.) กล่าวว่า :

 

فَمَا يَحْسِبُنَا عَنْهُمْ اِلاَّ مَا يَتَّصِلُ بِنَا مِمَّا نُكْرِهُهُ وَلاَ نُؤْثِرُهُ مِنْهُمْ

 

“ไม่มีสิ่งใดแยกเราออกจากชีอะฮ์ได้ เว้นเสียแต่ว่า ภารกิจของพวกเขาที่ถูกส่งมายังเรา มิได้สร้างความปลาบปลื้มแก่เรา ซึ่งสิ่งที่เราคาดหวังจากพวกเขา”

 

บั้นปลายของผู้รอคอยทั้งหลายคือ การได้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลของมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งเป็นรัฐบาลโลกที่มีความสถิตยุติธรรมอย่างที่สุด สิ่งนี้เป็นเกียรติยศสำหรับพลพรรคและผู้ช่วยเหลือข้อพิสูจน์สุดท้ายแห่งพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งจะไม่สามารถบังเกิดขึ้นได้ เว้นเสียแต่ว่าบุคคลนั้นได้ขัดเกลาจิตวิญญาณของตน ยกระดับจิตใจ และเป็นผู้มีคุณธรรมและศีลธรรมอันสูงส่ง

 

อิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) กล่าวว่า:

 

مَنْ سَرَّهُ اَنْ يَكُوْنَ مِنْ اًصْحَابِ الْقَائمِ فَلْيَنْتَظِرُ وَ لْيَعْمَلْ بِالْوَرَعِ وَ مَحَاسِنٍ الاَ خْلاَقِ وَ هُوَ مُنْتَظِرْ

 

“บุคคลใดก็ตามปรารถนาเป็นพลพรรคของมะฮ์ดี เขาต้องรอคอย และขณะที่รอคอยนั้นต้องมีความสำรวมตนจากความผิด มีจริยธรรม และประพฤติปฏิบัติแต่ความดีงาม  แน่นอนเขาคือผู้รอคอย”

 

เป็นที่ชัดเจนว่า ไม่มีแนวทางใดที่จะสรรสร้างให้อุดมการณ์ดังกล่าวบังเกิดขึ้น นอกจากแบบอย่างอันเป็นแนวทางของอิมามผู้บริสุทธิ์ ซึ่งท่านจะไม่สามารถพบได้ในแนวทางอื่น

 

3. การรำลึกถึงอิมาม

 

สิ่งที่สามารถสร้างการรู้จักได้อย่างระหว่างอิมามกับบรรดาผู้รอคอย และเป็นการสร้างความมั่นคงในการรอคอยได้อย่างต่อเนื่องคือ การสร้างความสัมพันธ์อันดีงามกับแพทย์ผู้บำบัดอาการป่วยไข้ทางจิตวิญญาณ

 

แน่นอน เมื่ออิมามเป็นเจ้าภาพเชิญต้อนรับประชาชาติ ท่านย่อมมีหน้าที่ดูแลแขกของท่านให้ทั่วถึงไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม ท่านจะไม่ลืมเลือนพวกเขาแม้สักนาทีเดียว  ฉะนั้น สมควรแล้วหรือที่แขกจะลืมเจ้าภาพโดยไม่สนใจใยดีต่อคำเชิญและหมกมุ่นอยู่กับความศิวิไลซ์ของโลก ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะรำลึกถึงท่านมอบความเป็นมิตร ความรัก และคิดถึงท่านก่อนก่อนผู้อื่นใดเสมอ ทุกครั้งที่ยกมือวิงวอนต่อพระเจ้า เราจะเริ่มต้นที่ท่านก่อนโดยขอวิงวอนให้ท่านมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง และปรากฏกายในเร็ววัน เนื่องจากท่านกล่าวว่า จงวิงวอนให้มากเพื่อการปรากฏกายของฉัน

 

اَللَّهُمَّ كُنْ لِوَلِيِّكَ الحُجَّةِ بْنِ الحَسَنِ صَلَوَاتُكَ عَلَيْهِ وَ عَلَى آبَائِهِ فِى هَذِهِ السَّاعَةِ وَ فِى كُلِّ سَاعَةٍ وَ لِيًّا وَ حَافِظًا وَ قَائِدًا وَ نَاصِرَا وَ دَلِيْلاً وَ عَيْنًا حَتَّى تُسْكِنَهُ اَرْضَكَ طَوْعًا وَ تُمَتِّعَهُ فِيْهَا طَوِيْلاً

 

“โอ้ อัลลอฮ์ ขอทรงโปรดประสาทพรของพระองค์แด่ผู้เป็นผู้ปกครอง (วะลี) ของพระองค์ ฮุจญะติบนิลฮะซัน และครอบครัวของท่าน ในเวลานี้และในทุกๆ กาลเวลา ท่านคือผู้ปกครอง ผู้ปกป้องดูแล ผู้นำ ผู้ช่วยเหลือและเป็นผู้ชี้นำทาง โปรดดูแลรักษาท่าน จนกระทั่ง (ถึงเวลานั้น) พระองค์ทรงมอบที่พำนักให้ท่านด้วยความปราโมทย์ยินดี และทรงโปรดให้ท่านสร้างคณูปการแก่แผ่นดินอย่างยาวนานเถิด”

 

บรรดาผู้รอคอยที่แท้จริง ทุกครั้งที่ท่านจะบริจาคทาน (เศาะดะเกาะฮ์) โปรดตั้งเจตนาเพื่อสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงของอิมามมะฮ์ดี (อ.) ก่อนเป็นอันดับแรก และไม่ว่าจะกระทำภารกิจการงานใดๆ จงวิงวอน (ตะวัซซุล) ผ่านท่านเสมอ พร้อมกับเรียกร้องการปรากฏกายของท่านเยี่ยงผู้ถวิลหาอย่างแท้จริง ดังบทขอพรวรรคหนึ่งพรรณนาว่า

 

عَزِيْزُ عَلَيَّ أَنْ اَرَى الخَلْقَ وَ لاَ تُرَى

 

ช่างเป็นความรันทดใจสำหรับข้าฯ เสียเหลือเกินที่มองหาทุกที่แต่ไม่พบท่าน

 

ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) จะเข้าร่วมการจัดงานสังสรรค์ งานปราศรัย หรืองานประชุมพบปะภายใต้ชื่อของท่านทุกครั้ง เพื่อต่อเติมความรักที่บรรดาผู้รอคอยมีต่อท่านให้ทวีความมั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น อิมามจะไปมาหาสู่ตามสถานที่ต่างๆ ที่มอบให้เป็นสิทธิ์ของท่าน เช่น มัสญิดสะฮ์ละฮ์ มัสญิดญัมกะรอน หรือซัรดาบอันศักดิ์สิทธิ์  (สถานที่ๆ อิมามเร้นกายหายไป)

 

ภาพที่สวยงามที่สุดสำหรับการรำลึกถึงอิมามมะฮ์ดี (อ.) สำหรับผู้ที่รอคอยการปรากฏกายของท่านคือ การให้สัตยาบันใหม่กับท่านทุกวัน ซื่อสัตย์ต่อพันธะสัญญาและยืนหยัดคำสัญญาที่ให้ไว้กับท่านอย่างมั่นคง ดังตอนหนึ่งของบทคำขอพร ดุอาอ์อัลอะฮ์ดิ ที่ว่า :

 

اَللّهُمَّ اِنّى اُجَدِّدُ لَهُ فى صَبيحَةِ يَوْمى هذا وَما عِشْتُ مِنْ اَيّامى عَهْداً وَعَقْداً وَبَيْعَةً لَهُ فى عُنُقى لا اَحُولُ عَنْها وَلا اَزُولُ اَبَداً اَللّهُمَّ اجْعَلْنى مِنْ اَنْصارِهِ وَاَعْوانِهِ وَالذّابّينَ عَنْهُ وَالْمُسارِعينَ اِلَيْهِ فى قَضآءِ حَوآئِجِهِ وَالْمُمْتَثِلينَ لاِوامِرِهِ وَالْمُحامينَ عَنْهُ وَالسّابِقينَ اِلى اِرادَتِهِ وَالْمُسْتَشْهَدينَ بَيْنَ يَدَيْهِ

 

โอ้ อัลลอฮ์ ในเช้าของวันนี้และวันที่ข้าฯ มีชีวิตอยู่ในห้วงวันทั้งหลายของข้าฯ ข้าฯ ขอให้คำมั่นสัญญา และสัตยาบัน (ที่มีต่ออิมาม) ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของข้าพระองค์ว่า ข้าฯ จะไม่ถอดถอนคำสัญญาและสัตยาบัน และข้าฯ จะรักษาให้มั่นคงต่อไป

 

โอ้ อัลลอฮ์ ได้โปรดดลบันดาลให้ข้าพระองค์เป็นผู้ช่วยเหลืออิมาม ผู้รับใช้อิมาม เป็นผู้ปกป้องอิมาม เป็นผู้รีบเร่งไปยังอิมามเพื่อกระทำสิ่งที่เป็นความปรารถนาของท่าน เป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน เป็นผู้สนับสนุนการมีอยู่ของท่าน เป็นผู้ล่วงหน้าไปยังการสนองเจตนารมณ์ของท่าน และเป็นผู้พลีชีวิต “ชะฮีด” ณ เบื้องหน้าท่าน

 

ถ้าบุคคลใดอ่านคำมั่นสัญญานี้ และยืนยันต่อคำสัญญาที่มอบแก่ท่านอย่างมั่นคงไม่มีเปลี่ยนแปลง ไม่หวั่นไหวหรือแสดงความอ่อนแอเมื่อเผชิญกับอุปสรรคปัญหา เป็นผู้เตรียมพร้อมและสร้างบรรยากาศเพื่อการปรากฏกายของท่าน แน่นอน พระผู้เป็นเจ้าจะทรงรักษาเขาให้เป็นผู้หนึ่งที่มีความเหมาะสมในการช่วยเหลืออิมามเมื่อยามที่อิมามปรากฏกาย

 

อิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) กล่าวว่า: บุคคลใดก็ตามอ่านพันธสัญญานี้ในตอนเช้าครบ 40 วัน เขาจะได้เป็นผู้ช่วยกออิมของเรา มาตรว่าเขาตายไปก่อนที่กออิมของเราจะปรากฏกาย พระเจ้าจะให้ฟื้นขึ้นมาจากหลุมฝังศพเพื่อช่วยเหลือกออิมของเรา

 

4. ความเป็นเอกภาพและเห็นอกเห็นใจ

 

เมื่อทราบถึงหน้าที่ของแต่ละคนในการรอคอยอิมาม (อ.) แล้ว บรรดาผู้รอคอยทั้งหลายยังต้องวางโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของอิมามผู้เป็นข้อพิสูจน์ของพระเจ้า อีกนัยหนึ่งสังคมของผู้รอคอยจำเป็นต้องเคลื่อนไหวขบวนการไปตามแนวทางที่อิมามมีความพึงพอใจ

 

ด้วยเหตุนี้ สังคมของผู้รอคอยจำเป็นต้องซื่อสัตย์ในคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับอิมาม และปฏิบัติสิ่งนั้นให้บรรลุเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อมในการปรากฏกาย และการจัดตั้งรัฐบาลโลกของอิมาม

 

อิมามมะฮ์ดี (อ.) แจ้งข่าวแก่ประชาชาติผู้รอคอยท่านไว้ดังนี้ว่า มาตรว่าบรรดาชีอะฮ์ของเรา (พระเจ้าทรงช่วยเหลือพวกเขาในการเชื่อฟังปฏิบัติตามพระองค์) เป็นผู้รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้อย่างมั่นคงมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน แน่นอน ความกรุณาในการพบจะไม่ถูกทำให้ล่าช้าสำหรับพวกเขา ซึ่งเป็นการเร่งเร้าการปรากฏกายของเราให้เร็วขึ้น บนความผาสุกในการพบเราด้วยการรู้จักที่สมบูรณ์และถูกต้องสำหรับพวกเขา

 

พันธสัญญาคือสิ่งที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของพระเจ้า และคำสอนของตัวแทนของพระองค์ ซึ่งจะขอกล่าวเฉพาะสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด  ดังนี้ :

 

1. ต้องพยายามฝึกฝนการเป็นผู้ปฏิบัติตามบรรดาอิมาม และเป็นมิตรกับผู้ที่เป็นมิตรกับอิมาม เป็นศัตรูและออกห่างจากบรรดาผู้ที่เป็นศัตรูกับอิมาม

 

อิมามมุฮัมมัด บากิร(อ.) รายงานจากท่านศาสดา (ศ็อล ฯ) ว่า: ขอแสดงความยินดีสำหรับผู้ที่ได้สัมผัสกออิมแห่งครอบครัวของเรา ขณะที่เขาเชื่อฟังปฏิบัติตามกออิมก่อนที่จะปรากฏกาย และเชื่อฟังปฏิบัติตามอิมามก่อนหน้านั้น อีกทั้งพวกเขาประกาศตนเป็นศัตรูและออกห่างจากศัตรูของบรรดาอิมาม พวกเขาคือมวลมิตรและเป็นพรรคพวกของฉัน ณ ฉันแล้วพวกเขาเป็นประชาชาติที่มี  เกียรติที่สุดในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ

 

2. ประชาชาติผู้รอคอย ต้องจำแนกความแตกต่างเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งอุตริที่เกิดขึ้นใหม่ การหันเหออกจากความจริงของศาสนา และความชั่วร้ายที่ปรากฏอยู่ในสังคม และต้องแสดงความรังเกียจเมือเผชิญกับการลืมเลือนแบบฉบับต่างอันดีงาม คุณค่าอันสูงส่งของจริยธรรม ท่านศาสดา (ศ็อล ฯ) ดำรัสว่า :

 

แน่นอน ประชาชาติในยุคสุดท้ายจะมีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งรางวัลของพวกเขาเหมือนกับรางวัลของมุสลิมในยุคแรกของอิสลาม พวกเขาทำการเชิญชวนประชาชาติไปสูความดีงาม และห้ามปรามความชั่วร้ายทั้งหลาย อีกทั้งต่อสู้กับความชั่วบนหน้าแผ่นดิน

 

3. ประชาชาติติผู้รอคอย ต้องบันทึกไว้ในแบบแผนของตนว่า เมื่อยามเผชิญหน้ากับผู้อื่นเขามีหน้าที่ให้การช่วยเหลือและให้ความร่วมมือ เขาต้องพยายามช่วยเหลือเพื่อนร่วมสังคมให้รอดพ้นจากความยากจน ความทุกข์ยาก และความเดือดร้อนต่างๆ เขาจะต้องไม่เป็นผู้ตกข่าวสังคม

 

ชีอะฮ์กลุ่มหนึ่งเรียกร้องให้อิมามมุฮัมมัด บากิร (อ.) อบรมพวกเขา อิมามกล่าวว่า: ผู้ที่เข็มแข็งที่สุดในหมู่พวกเจ้าต้องให้การช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า ผู้ที่ไม่มีความเดือดร้อนต้องให้ความช่วยเหลือ และเมตตาต่อผู้ที่มีความเดือดร้อน และทุกคนในหมู่พวกเจ้าต้องให้ความสนใจกันและกัน

 

กล่าวว่าขอบเขตของการช่วยเหลือเกื้อกูลมิได้จำกัดเฉพาะในสังคมที่ตนอาศัยอยู่ ทว่าความดีงามของผู้รอคอยสามารถหลั่งไหลไปสู่สังคมที่มีความต้องการและผู้ที่มีความเดือดร้อนได้ทุกที่ เนื่องจากภายในจิตวิญญาณของผู้ที่รอคอยไม่มีความแตกต่างกัน พวกเขาต้องไม่แบ่งแยกชั้นวรรณะหรือแบ่งแยกสีผิวกัน

 

4. บุคคลที่เป็นสมาชิกอยู่ในสังคมของผู้รอคอย พวกเขาต้องเพิ่มสีสันและกลิ่นไอของมะฮ์ดะวีย์ในสังคมให้มากยิ่งขึ้น ชื่อเสียงและเกียรติคุณของอิมามต้องถูกกล่าวขานอยู่ในสังคมเสมอ คำพูดและวิสัยทัศน์ของอิมามต้องเป็นเสมือนบทนำ หรือเป็นแบบอย่างทุกคำกล่าวขานของเรา ผู้รอคอยต้องขวนขวายและพยายามอย่างที่สุดในการเร่งรัดพัฒนาตนไปสู่การเป็นพลพรรคที่แท้จริงของอิมาม และต้องไม่สงสัยสิ่งเหล่านั้น แน่นอน เมื่อปฏิบัติได้ดังนี้เขาย่อมได้รับความเมตตา และความการุณย์พิเศษจากพระเจ้า

 

อับดุลฮะมีด วาซิฏีย์ เป็นสาวกคนสนิทของท่านอิมามมุฮัมหมัด บากิร (อ.) กล่าวกับอิมามว่า:

 

เราได้อุทิศทั้งหมดในชีวิต เพื่อแนวทางแห่งการรอคอยอิมามมะฮ์ดี  (อ.) จนเป็นสาเหตุให้บางคนในหมู่พวกเราเดือดร้อนและประสบกับปัญหา

 

อิมามมุฮัมมัด บากิร (อ.) กล่าวว่า: โอ้อับดุลฮะมีดเอ๋ย  เจ้าคิดหรือว่าพระเจ้าจะทรงปล่อยให้บ่าวของพระองค์ที่อุทิศทรัพย์สินเพื่อพระองค์ต้องหกระเหเร่รอน แน่นอน ขอสาบานด้วยพระนามแห่งพระเจ้าพระองค์จะทรงช่วยเหลือเขา ขอพระองค์ทรงเมตตาบ่าวผู้ฟื้นฟูคำสั่ง (วิลายะฮ์) ของเรา

 

คำกล่าวสุดท้ายคือ สังคมของผู้รอคอยต้องพยายามพัฒนาตนเองให้เป็นแบบอย่าง และต้องพยายามสร้างบรรยากาศที่จำเป็นเพื่อเตรียมรับการปรากฏกายของอิมามในฐานะของผู้ปลดปล่อยโลก

 

5. ผลของการรอคอย

 

บางคนคิดว่าการรอคอยผู้ปลดปล่อยโลก เป็นสาเหตุทำให้ประชาชนเพิกเฉยต่อหน้าที่การงาน และไม่ให้ความแตกต่าง พวกเขาจะรอคอยจนกว่าผู้ฟื้นฟูโลกจะยืนหยัดขึ้น และขจัดความเลวร้ายให้หมดไปจากโลก พวกเขาจะไม่แสดงอากัปกิริยาต่อต้านความชั่วร้าย ทว่าพวกเขาจะนิ่งเงียบ ไม่แสดงท่าทีใด ๆ นอกจากยืนประสานมือดูความเลวร้ายทีเกิดขึ้น

 

การพิจารณาเช่นนี้เป็นการพิจารณาแบบผิวเผินปราศจากการใคร่ครวญที่ท่องแท้ เนื่องจากเมื่อพิจารณาถึงแก่นแท้ของการรอคอยอิมามแล้วจะเห็นถึงความพิเศษและวิสัยทัศน์ของการรอคอย และความพิเศษต่างๆ ของผู้ที่รอคอย ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ว่าจิตวิญญาณของการรอคอย ที่ได้ผนวกเข้ากับความพิเศษที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผู้รอคอย มีฐานะภาพสูงส่ง ณ อิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งสิ่งนี้นอกจากจะไม่ทำให้พวกเขาเพิกเฉยแล้ว ยังเป็นพลังขับเคลื่อนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาอีกต่างหาก

 

“การรอคอย” สำหรับผู้ที่รอคอยการปรากฏกายอันจำเริญ ย่อมมีการเคลื่อนไหวและมีเป้าหมายที่ดีงาม และยิ่งผู้รอคอยเข้าใกล้แก่นแท้ของการรอคอยมากเท่าใด การเคลื่อนไหวไปสู่เป้าหมายก็จะทวีความเร็วมากขึ้นเท่านั้น ระหว่างการรอคอยมนุษย์ต้องทิ้งอัตตาตัวตนและจะถือว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอิสลาม ด้วยเหตุนี้ต้องพยายามปรับปรุงสังคมเท่าที่ตนมีความสามารถ เมื่อสังคมถูกสร้างด้วยเจตนารมณ์ที่พรั่งพร้อมด้วยวิทยปัญญา แน่นอน สังคมนั้นย่อมเติบโตไปในทิศทางที่มีความเจริญก้าวหน้า และผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมก็จะดำเนินชีวิตไปเพื่อการยืนหยัดความดีงาม เป็นสังคมแห่งการสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลง สร้างความสุข ให้ความหวัง และมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างดีภายในสังคม เป็นการสร้างบรรยากาศความเชื่อด้านศาสนาและมะฮ์ดีให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น ด้วยความสิริมงคลแห่งการรอคอยอิมามแม้ว่าบรรดาผู้รอคอย ไม่สามารถแก้ไขความชั่วร้ายได้ แต่อย่างน้อยที่สุดวิสัยทัศน์ความเชื่อเรื่องศาสนาของพวกเขาก็ได้รับการปกป้อง มีความอดทนอดกลั้นเมือเผชิญกับภยันตรายและภัยพิบัติต่างๆ มีความหวังว่าพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าต้องเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน พวกเขาจึงซื้อการทดสอบด้วยชีวิตและไม่ยอมแสดงความอ่อนแอหรือสิ้นหวังแม้เพียงเล็กน้อย

 

ยังจะมีแนวทางใดอีกหรือที่ได้วางรากฐานความเชื่อและการปฏิบัติให้กับศาสนิกของตนชัดเจนไปกว่าศาสนาอิสลาม เป็นแนวทางที่มีจุดหมายปลายทางเพื่อพระเจ้าซึ่งบั้นปลายสุดท้ายพระองค์จะทรงประทานรางวัลแก่พวกเขาเป็นการตอบแทน.

 

เรียบเรียงโดย เชคอิบรอฮีม อาแว

ขอขอบคุณ เว็บไซต์อัลมุศฏอฟา ภาคภาษาไทย