เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

สภาพต่างๆ ด้านศาสนาก่อนที่อิมามมะฮ์ดี (อ.)จะมาปรากฏกาย

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

 


สภาพต่างๆ ด้านศาสนาก่อนที่อิมามมะฮ์ดี (อ.)จะมาปรากฏกาย

 


ใคร่ขออธิบายเกี่ยวกับสภาพต่างๆด้านศาสนาก่อนการมาปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันดีจากรายงานว่า ในยุคสมัยนั้น อิสลามและ อัลกุรอาน จะคงเหลือแต่ในนามเท่านั้น

 


ในขณะเดียวกัน มุสลิมก็จะเป็นมุสลิมแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น และมัสยิดก็จะไม่เป็นศูนย์กลาง แห่งการนำทาง หรือ เป็นที่ว่ากล่าวตักเตือนคนให้เป็นคนดีอีกต่อไป ในเวลานั้นผู้รู้ หรือผู้นำศาสนาส่วนมาก จะเป็นผู้รู้ที่ชั่วร้ายที่สุดบนหน้าแผ่นดิน และเช่นเดียวกัน ศาสนาก็จะถูกซื้อขายกันในราคาแบบย่อมเยา และและสรุปยอดด้วยราคาที่ด้อยค่าที่สุด



อิสลามและมุสลิม


อิสลาม หมายถึง การยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระเจ้า และต่อพระบัญชาของพระองค์ อิสลามเป็นศาสนาที่เยี่ยมยอดที่สุด และเป็นศาสนาที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งค้ำประกันการมีความสุขของมนุษยชาติในโลกนี้ และโลกหน้า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มีค่าในนั้น ก็คือ การดำเนินงานอย่างเกิดผลของกฎแห่งอิสลาม และอัลกุรอาน



เมื่อเวลาสิ้น ยุค ทุกสิ่งทุกอย่างจะตรงกันข้าม ถ้าจะกล่าวอีกคำหนึ่งก็คือ ไม่มีอิสลามหลงเหลืออยู่เลย แต่อิสลามจะเหลือแค่ชื่อเท่านั้น อัลกุรอานจะถูกนำออกมาเสนอในสังคม แต่ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ยกเว้นโองการต่างๆที่ได้เขียนไว้ในหน้าเหล่านั้น มุสลิมจะเป็นมุสลิมแค่เพียงในนามเท่านั้น และไม่พบรูปลักษณ์ของอิสลามหลงเหลืออยู่เลย


ท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ.) กล่าวว่า เมื่อเวลานั้นผ่านมา ประชาชาติของฉัน (มุสลิม) ที่ไม่มีความเป็นอิสลามหลงเหลืออยู่เลย มีเพียงแค่ในนามเท่านั้น ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของอัลกุรอาน แต่จะมีแค่รูปแบบ และภาพร่างของมันเท่านั้น และมุสลิมจะถูกเรียกว่าเป็นมุสลิมแต่เพียงในนามเท่านั้น แต่ในจำนวนผู้คนทั้งมวล คนเหล่านั้นจะเป็นคนแปลกหน้าต่ออิสลาม

อิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) กล่าวว่า เวลานั้นจะผ่านมาในไม่ช้า เมื่อผู้คนไม่รู้จักพระเจ้า และไม่รู้ความหมายของการเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียว เมื่อถึงเวลานั้น ดัจญาล จะมาปรากฏ



มัสยิด


มัสยิดเป็นสถาน ที่นมัสการพระเจ้า สั่งสอนเรื่องศาสนา เป็นทางนำ และ สถานให้ที่ความรู้แก่ผู้คน ในยุคแรกๆ ของอิสลาม มัสยิดมีสำคัญถึงขนาดทำให้การบริหารงานต่างๆ สามารถทำสำเร็จได้ในมัสยิด ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนงานเพื่อทำการต่อสู้ในหนทางของพระผู้เป็นเจ้า มนุษย์สามารถสำนึกถึงการขึ้นเมี๊ยะรอจญ์ฝ่ายจิตวิญญาณได้จากมัสยิด



แต่เมื่อยุคสุดท้ายมาถึงมัสยิดจะสูญเสียความสำคัญ แทนที่จะเป็นศูนย์กลางการสอนศาสนา การเผยแพร่ และการให้ความรู้ มัสยิดกลับเพิ่มขึ้นแต่จำนวน ความแวววาว และความโอ่อ่าเท่านั้น และจะยังคงเป็นเช่นนั้น แม้ว่ามันจะถูกตัดขาดจากผู้ศรัทธาก็ตาม


ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้กล่าวว่า "ในเวลานั้น มัสยิดต่างๆ จะดูงดงาม และเจริญรุ่งเรือง แต่มันจะปราศจากทางนำ และ การให้ความรู้โดยสิ้นเชิง"



เกิดความเสื่อมจริยธรรมในหมู่นักนิติศาสตร์อิสลามหรือฟุกอฮาอ์


นักวิชาการและอุลามาอ์ของอิสลามเป็นผู้ปกป้องศาสนาของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก ทางนำ และการรู้แจ้งเห็นจริงของผู้คนนั้นขึ้นอยู่กับพวกเขา ด้วยความอดทนต่อความยากลำบากอย่างแสนสาหัส พวกเขาได้พิจารณาเหตุผลด้านความสำคัญของศาสนาจากรากฐานของศาสนา และนำเสนอต่อผู้คน แต่ในวาระสุดท้าย ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร อุลามาอ์ในวันนั้นจะเป็นอุลามาอ์ที่เลวร้ายที่สุด



เพื่อยืนยันถึงเรื่องนี้ ท่านศาสนทูต(ศ.)ของพระเจ้าได้กล่าวไว้ว่า “นักนิติศาสตร์ (ฟุกอฮาอ์) ในวันนั้น จะเป็นนักนิติศาสตร์ที่เลวร้ายที่สุดภายใต้ฟ้าสวรรค์ พวกเขาจะเป็นผู้ริเริ่ม การปลุกระดมฝูงชนให้ต่อต้านรัฐบาล และทำให้เกิดความสับสนอลหม่าน


และสิ่งเหล่านี้ก็จะกลับไปยังพวกเขา” บางทีพวกเขาอาจจะกล่าวพาดพิงถึงนักวิชาการศาลที่เข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นผู้พิพากษาอาชญากรรมของกษัตริย์ผู้ปกครองแบบเผด็จการ และผู้ปกครองที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง มันให้ข้อมูลที่บิดเบือนเกี่ยวกับอิสลามแก่ผู้นำเหล่านั้น



และยังมีผู้ที่พร้อมจะประนีประนอมกับผู้กระทำผิด และอาชญากรทุกคนร่วมอยู่ด้วย เช่น นักเทศวะฮาบีย์ จากการจ่ายเงินเดือนของกษัตริย์ต่างๆ ที่อ้างว่าการต่อสู้เพื่อต่อต้านอเมริกา และอิสราอลไม่ชอบด้วยกฏหมาย และคนเหล่านั้นที่ไม่ได้ประกาศการต่อต้านอาชญากรรมของอิสราเอล และพิพากษาอาชญกรรมของคนบางกลุ่มที่ได้สังหารผู้เดินทางไปแสวงบุญที่วิหารของพระเจ้า โดยการอ้างโองการต่างๆในอัลกุรอ่านและอัลฮาดิษ (รายงาน)


และแน่นอน พวกเขาเหล่านั้นจะต้องถูกกล่าวว่า เป็นฟุกอฮาอ์ที่เลวที่สุด เพราะจากผู้ใดเล่าที่ทำให้เกิดการปลุกระดม และจากผู้ใดเล่าที่การปลุกระดมจะมาถึง



เกิดการละทิ้งศาสนา


การละทิ้งศาสนา เป็นอีกสัญญานหนึ่งที่จะบ่งบอกถึงยุคสุดท้าย วันหนึ่งอิมามฮุเซน (อ.)ได้เข้าพบอิมามอาลี (อ.)ผู้ปกครองแห่งความซื่อสัตย์ในขณะที่รอบๆท่านรายล้อมไปด้วยผู้คน


อิมามอาลี(อ.)ได้กล่าวกับผู้คนเหล่านั้นว่า “ฮุเซนเป็นหัวหน้าของพวกท่าน เพราะท่านศาสดามูฮำมัด (ศ.)ได้เรียกท่านว่า ซัยยิด (เจ้านาย) และหัวหน้าจากท่ามกลางลูกหลานของฮูเซน และจะมีชายผู้หนึ่งมาปรากฏ ชายผู้นั้นจะมีลักษณะภายนอกและคุณลักษณะเหมือนฉัน เขาจะทำให้โลกเต็มด้วยความยุติธรรมและความเท่าเทียมกัน ต่างจากขณะนี้ที่โลกเต็มไปด้วยความอยุติธรรม และการกดขี่ข่มเหง มีคนถามว่า แล้วการมาปรากฏนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดครับ? ท่านกล่าวว่า “ มันจะเกิดขึ้นต่อเมื่อพวกท่านเปลื้องศาสนา เฉกเช่นการเปลื้องเสื้อผ้าจากเรือนร่าง”



การขายศาสนา


ถ้าชีวิตของคนกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาก็เหมือนกับถูกบีบบังคับให้เสียสละทรัพย์สมบัติเพื่อเอาชีวิตรอด และถ้าศาสนาของเขาตกอยู่ในอันตราย ถึงกระนั้นเขาก็ต้องเสียสละชีวิตของเขาเพื่อศาสนา แต่ในยุคสุดท้าย ศาสนาจะถูกขายในราคาที่ด้อยค่าที่สุด และคนเหล่านั้นที่บอกว่าเป็นผู้เชื่อในตอนเช้า ในตอนบ่ายเขาจะกลายเป็นคนนอกศาสนา
เพื่อยืนยัน เรื่องนี้ ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้กล่าวว่า "ความวิบัติจงเกิดแก่ชาวอาหรับ เพราะมารร้ายได้เข้าไปหาเขา เพื่อปลุกระดม เหมือนเป็นคืนที่มืดทึบ และมืดมัว ในตอนเช้ามนุษย์จะเป็นผู้ศรัทธา และ เป็นคนนอกศาสนาในเวลาที่ตะวันตกดิน กลุ่มผู้คนจะขายศาสนาของพวกเขาเพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์เพียงเล็กๆน้อยๆ และพวกเขาจะขายในราคาที่ด้อยค่าที่สุด ในเวลานั้นผู้ที่คิดว่าตัวเองภักดีต่อศาสนาอย่างมั่นคง จะเป็นเหมือนผู้ที่กำลังหยิบถ่านซึ่งยังไม่มอดออกจากไฟ หรือ เป็นเหมือนผู้ที่กำลังขย่ำหนามไว้ในมือ



แปลและเรียบเรียงโดย ซะฮ์รอ นูรอัยนีย์



ขอขอบคุณ เว็บไซต์อะฮ์ลุลบัยต์อะคาเดมี

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม