3 รอญับ วันชะฮาดะฮ์อิมามอะลี อัลฮาดีย์ (อ)

3 รอญับ วันชะฮาดะฮ์อิมามอะลี อัลฮาดีย์ (อ)

 

วันที่ 3 ของเดือนรอญับ  ซึ่งเป็นวันที่โศกเศร้าสำหรับเหล่าชีอะฮ์ทั้งหลาย  เนื่องจากวันนี้ในปี ฮ.ศ. 254  ท่านอิมามอะลี อัลฮาดีย์ (อ.) [ อิมามท่านที่สิบของชีอะฮฺ  ท่านมีสร้อยนามอีกชื่อหนึ่ง คือ อันนะกี  ]

  ท่านได้ถูกลอบสังหารเป็นชะฮีดในวันนี้  จึงขอแสดงความเสียใจต่อทุกท่านที่มีความรักในอะฮ์ลุลบัยต์ (วงศ์วานของท่านศาสดา)

 

       ในสมัยการปกครองของ มุตะวักกิล แห่งราชวงศ์ อับบาสิยะฮ์   มีชายคริสเตียนคนหนึ่งได้ทำซินา กับผู้หญิงมุสลิม  คอลีฟะฮ์ มุตะวักกิล  จึงได้ทำการตัดสินด้วยการประหารชีวิต  ขณะนั้นเองชายคริสเตียนผู้นี้ได้กล่าว กะลิมะฮ์ชะฮาดะฮ์  (การปฏิญาณตนเพื่อเข้ารับอิสลาม)   เมื่อ กอฏี ยะฮ์ยา บิน อักษัม ซึ่งเป็น อุลามาอ์ ประจำราชสำนักได้ยินดังนั้น จึงได้กล่าวขึ้นว่า :-

         “การเข้ารับอิสลามของชายคนนี้  ได้ขจัดความผิดบาปที่ชั่วร้ายในครั้งอดีตของเขาจนหมดสิ้นแล้ว  ดังนั้น จึงไม่ต้องลงโทษเขาอีก”

          แต่ทันใดนั้นก็ได้มีอุลามาอ์อีกคนหนึ่งเข้ามาคัดค้าน  เขากล่าวว่า

          “เขาต้องถูกเฆี่ยนสามกระทง”

          จนสุดท้ายอุลามาอ์แห่งราชสำนักหลายคนต่างก็ ฟัตวา แตกต่างกันไปจนหาข้อยุติไม่ได้  เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น  มุตะวักกิล จึงเห็นเป็นโอกาสดีที่จะได้ทดสอบ ท่านอิมาม อะลี อัลฮาดีย์ (อ.)   เขาจึงได้สั่งให้ตามตัวท่านอิมาม ฮาดีย์ (อ.) มาและสอบถามถึง ฮุกุ่ม ของเรื่องนี้

          ท่านอิมาม ฮาดีย์ (อ.) จึงตอบไปว่า : -

          “ฮุกุ่มของ นัศรอนี (คริสเตียน) คนนี้ก็คือ ต้องเฆี่ยนจนตาย”

          คำฟัตวานี้ทำให้ ยะฮ์ยา บิน อักษัม และเหล่าอุลามาอ์ไม่ถูกใจเป็นอย่างมากจึงกล่าวว่า : -

          “คำฟัตวาเช่นนี้ทั้งในอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์ของท่านศาสดาไม่ได้มีการรับรองไว้  ท่านไปเอามาจากไหนกัน”

          มุตะวักกิล จึงกล่าวว่า :   “ อธิบายมาซิว่าเอามาจากไหน?? ”

          ท่านอิมาม ฮาดีย์ (อ.) จึงกล่าวว่า : -    بسم اللّه الرحمن الرحيم  

          “  พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวถึง กาฟิร ทั้งหลายไว้ว่า
 

 فَلَمَّا رَأَوْا بَأْسَنَا قَالُوا آمَنَّا بِاللَّهِ وَحْدَهُ وَكَفَرْنَا بِمَا كُنَّا بِهِ مُشْرِكِينَ   فَلَمْ يَكُ يَنفَعُهُمْ إِيمَانُهُمْ لَمَّا رَأَوْا بَأْسَنَا سُنَّتَ اللَّهِ الَّتِي قَدْ خَلَتْ فِي عِبَادِهِ وَخَسِرَ هُنَالِكَ الْكَافِرُونَ

 

ครั้นเมื่อพวกเขาเห็นการลงโทษอันรุนแรงของเรา เขาก็กล่าวว่าเราศรัทธาต่อ อัลลอฮ์ (ซบ.) เพียงองค์เดียวและเราขอปฏิเสธต่อสิ่งที่ได้ตั้งภาคีกับพระองค์    แต่การศรัทธาของพวกเขาจะไม่มีประโยชน์อันใดเลยในยามที่พวกเขาได้ประจักษ์ถึงการลงโทษอันแสนสาหัสของเรา  นี่คือ ชะรีอะฮ์  ของพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ที่มีต่อปวงบ่าวของพระองค์ตั้งแต่ครั้งอดีต   (ซูเราะฮ์ ฆอฟิร : 84-85)   
 

ดังนั้น การเตาบะฮ์  หรือกลับตัวนั้นจะต้องทำก่อนที่บทลงโทษจะมาถึง ”

 

ยะฮ์ยาบิน อักษัม และเหล่าอุลามาอ์ แห่งราชสำนักเมื่อได้ยินเช่นนี้ต่างก็ต้องยอมรับในคำ ฟัตวาของท่าน อิมาม อลี อัลฮาดีย์ (อ.)  ดังนั้น มุตะวักกิลจึงสั่งให้ทำการเฆี่ยน นัศรอนี ผู้นี้จนตาย

ที่มา : -  ชะเราะฮ์ ชาฟียะฮ์  ของ อบี กุรอส  เล่ม2 หน้า167

 

ฮะดีษจากท่าน ท่านอิมาม อลี อัลฮาดีย์ (อ.)

 

مَنِ اتَّقىَ اللّهَ يُتَّقى ، وَمَنْ اطاعَ اللّهَ يُطاعُ، وَ مَنْ اطاعَ الْخالِقَ لَمْ يُبالِ سَخَطَ الْمَخْلُوقينَ، وَمَنْ اسْخَطَ الْخالِقَ فَقَمِنٌ انْ يَحِلَّ بِهِ سَخَطُ الْمَخْلُوقينَ

 

“ ผู้ใดก็ตามที่ยำเกรง ต่ออัลลอฮ์อย่างที่สุด อิฏออัต ภักดีต่อพระองค์อย่างจริงใจ  และผู้ใดก็ตามที่เขาเชื่อฟังต่อคอลิก  มัคลูกของพระองค์ก็จะยำเกรงต่อเขา  แต่ใครก็ตามที่เขาได้ทำให้พระองค์ต้องทรงกริ้ว  พระองค์จะให้เขานั้นมีความหวาดกลัวต่อเหล่ามัคลูกทั้งหลายของพระองค์ ”  (บิฮารุล อันวาร เล่ม68 หน้า 182)

 ขอขอบคุณเว็บไซต์ thaiislamlib