เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

27 รอญับ วันมับอัษ : วันแห่งการแต่งตั้งศาสนทูตท่านสุดท้ายแห่งอิสลาม

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

     27 รอญับ วันมับอัษ : วันแห่งการแต่งตั้งศาสนทูตท่านสุดท้ายแห่งอิสลาม

 

ก่อนหน้าที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นศาสดานั้น ท่านมักจะเก็บตัวอยู่ที่เชิงเขาในถ้ำ และละทิ้งการดำเนินชีวิตที่สบาย เพื่อหลีกห่างจากสภาพสังคมที่เสื่อมโทรม และเพื่อเรียนรู้ถึงสัจธรรมของบรรดาสรรพสิ่งที่ถูกสร้างของพระองค์ (เช่น มนุษย์ หรือแม้แต่สัตว์และพืช หรือสิ่งไม่มีชีวิตบนผืนโลก)  จากรายงานของนักชีวประวัติได้เห็นพร้องตรงกันทั้งหมดว่า "ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้ไปทำอิบาดะฮ์ (เคารพภักดี) ต่อพระผู้เป็นเจ้าที่ "ถ้ำฮิรออ์" ทุก ๆ ปี เป็นเวลาหลายเดือน

 

    

   "ถ้ำฮิรออ์" อยู่ทางตอนเหนือของเมืองมักกะฮ์ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็สามารถปีนลงไปในถ้ำได้ สภาพภูเขาทั่วไปเห็นหินดำ มันเป็นถ้ำที่มนุษย์สามาถปีนลงไปได้ ซึงจุดต่ำสุดของถ้ำมีขนาดพอที่คนหนึ่งคนจะยืนได้ ภายในถ้ำบางส่วนจะได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์  ความสำคัญของถ้ำนี้เถึงขนาดว่าป็นที่รู้จักของผู้คน ก็เพราะมันเป็นประจักษ์พยานสำคัญถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์อิสลาม ที่ทำให้ผู้คนตลอดทุกยุคทุกสมัยปรารถนาที่จะได้ไปเยือน ถึงแม้จะต้องลำบากในการปีนไปดูก็ตาม

 

      

 เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น ณ ถ้ำฮิรออ์นั้น ก็คือ การประทานโองการแห่งพระมหาคัมภัร์อัลกุรอาน และเป็นสถานที่ที่ท่านศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ของอิสลามได้ใช้เวลาอยู่ในถ้ำแห่งนี้  ด้วยเหตุนี้ถ้ำนี้จึงได้สื่อด้วยภาษาของมันและบอกกับพวกเราว่า นี่แหละคือสถานที่เคารพภักดีต่อพระผู้อภิบาลของบุรุษผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชน ท่านได้ใช้ชีวิตก่อนหน้าที่จะได้รับตำแหน่งศาสนทูตอยู่ที่นี่ทั้งคืนทั้งวัน  ท่านได้เลือกสถานที่นี้ทำการเคารพภักดีพระเจ้า ก็เพราะมันห่างไกลจากความวุ่นวายทั้งปวง ตลอดเดือน  รอมฎอนท่านจะพำนักอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ส่วนช่วงเวลาอื่นท่านจะหาโอกาสมาที่นี่บ่อยครั้ง จนภรรยาที่รักของท่านทราบดีว่า ถ้าท่านไม่กลับบ้านก็แสดงว่าท่านอยู่ที่ถ้ำฮิรออ์

 

       

ก่อนหน้าที่ท่านจะได้รับการประกาศแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูตนั้น ท่านเฝ้าครุ่นคิดอยู่ 2 เรื่อง คือ

 

       

เรื่องแรก ท่านมักจะครุ่นคิดเรื่องอำนาจการปกครองชั้นฟ้าและผืนแผ่นดิน อำนาจของพระเจ้า และต้องการจะประจักษ์แจ้งในความรอบรู้ของพระองค์

 

      

 เรื่องที่สอง ท่านคิดถึงแต่เรื่องหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวท่าน ท่านจะแก้ไขปัญหาสภาพสังคมในยุคนั้นได้อย่างไร?  สังคมที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทราบและไร้ซึ่งขื่อแปร ซึ่งท่านเห็นว่ามันไม่ยากที่จะแก้ไข

 

      

เนื่องจากการเคารพบูชารูปปั้นที่พวกมักกะฮ์กระทำกันนั้น มันสร้างความปวดร้าวให้กับท่านมาก แต่ในตอนนั้นท่านยังไม่ได้รับคำสั่งให้กระทำการใด  ท่านจึงจำเป็นต้องปลีกวิเวกไปอยู่ในสถานที่เช่นนั้น

 

เหตุการณ์เมื่อเริ่มประทานสาส์น

 

     

มะลาอิกะฮ์องค์หนึ่งซึ่งได้รับพระบัญชาจากเอกองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ให้นำโองการหนึ่ง ซึ่งเป็นปฐมบทสำหรับการชี้นำมนุษยชาติมาให้ท่านอ่าน เพื่อยืนยันสถานะการเป็นศาสนทูตและศาสดาของพระองค์  มะลาอิกะฮ์องค์นั้นคือ "ญิบรออีล"  และวันนั้นคือวันที่ 27 เดือนรอญับ เป็นวันแห่งมับอัษ (ประกาศการแต่งตั้งการเป็นศาสนทูต)

 

    

 เมื่อวันนั้นมาถึง ท่านญิบรออีลได้จำแลงกายมาเบื้องหน้าท่าน แล้วกล่าวกับท่านว่า "อิกเราะฮ์  (จงอ่าน)"  และเนื่องจากท่านไม่เคยได้รับการประศาสน์ความรู้จากที่ใดมาก่อน  ท่านจึงตองไปว่า "ฉันอ่านไม่ได้"   มะลาอิกะฮ์ญิบรออีลจึงได้บีบคั้นท่านให้อ่านอีก  ท่านก็ตอบแบบเดิม มะลาอิกะฮ์ได้กระทำเช่นนี้ถึง 3 ครั้ง จนท่านเริ่มรู้สึกว่าท่านสามารถอ่านได้ แล้วท่านก็อ่านตามที่ท่านเห็นสารที่อยู่ในมือของมะลาอิกะฮ์ที่กล่าวว่า..

 

"จงอ่าน ด้วยพระนามของพระเจ้า ผู้ทรงสร้างมนุษย์จากก้อนเลือด

 

จงอ่าน พระผู้อภิบาลของเจ้านั้น ทรงเกียรติยิ่ง

 

พระองค์ทรงสอนด้วยปากกา ทรงสอนมนุษย์ให้รู้ในสิ่งที่เขาไม่รู้"

 

(อัลกุรอานบทอัลอะลัก โองการที่ 1-5)

 

    

 เมื่อท่านญิบรออีลได้ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสมบูรณ์ และท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ก็ออกมาจากถ้ำฮิรออ์ กลับไปยังบ้านของท่าน

 

     

โองการที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ได้สร้างความกระจ่างให้กับแผนงานโดยรวมของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ว่า..  

 

     

ท่านจะต้องนำเสนอศาสนา ที่วางอยู่บนหลักการของการอ่านและการเรียนรู้แก่ประชาขาติทั่วไป

 

      

หลังจากได้รับประทานโองการแรกจบสิ้นลง จิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) เต็มไปด้วยรัศมีและความเรืองรอง สิ่งที่ท่านได้รับการบอกกล่าวจากญิบรออีลนั้น มันฝังแน่นอยู่ในดวงจิตของท่าน และหลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป (ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นช่วงเวลาที่ท่านเดินลงมาจากถ้ำฮิรออ์) ท่านญิบรออีลก็ได้มาหาท่านอีก แล้วกล่าวกับท่านว่า...

 

        "มุฮัมมัดเอ๋ย!! ท่านคือศาสดาของพระเจ้า และฉันคือญิบรออีล"

 

     

ท่านเดินกลับเข้าบ้านด้วยความกระวนกระวายใจและความเหนื่อยล้า เมื่อภรรยาสุดที่รักของท่าน (ท่านหญิงคอดิญะฮ์) เห็นท่านในสภาพเช่นนั้น  นางจึงได้ไต่ถามท่าน แล้วท่านก็ได้เล่าถึงสิ่งที่ท่านได้พบเห็นให้นางฟัง ท่านหญิงคอดีญะฮ์ (ซ.) มองท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) อย่างให้เกียรติแล้วขอดุอาอ์ (ขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า) ให้กับท่านว่า... "พระเจ้าจะทรงช่วยเหลือท่าน"

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์ islamicstudiesth

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม