เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

จอมราชันย์แห่งโคราซาน จักรพรรดิแห่งอาหรับและอะญัม (ตอนที่1)

1 ทัศนะต่างๆ 02.0 / 5

จอมราชันย์แห่งโคราซาน จักรพรรดิแห่งอาหรับและอะญัม (ตอนที่1)

 

อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในเนียะมัตและเตาฟีกในค่ำคืนนี้ ค่ำคืนอันยิ่งใหญ่อีกค่ำคืนหนึ่ง ค่ำคืนแห่งการรำลึกถึงลูกหลานของท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมากในหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม

 

สถานะภาพในด้านฮะกีกัตของบรรดาอะอิมมะฮฺ(อ)นั้น ทุกคนล้วนอยู่ในฮะกีกัตเดียวกัน มีความสามารถเหมือนกันเพียงแต่สถานการณ์และยุคสมัยของแต่ละท่านใช้ชีวิตอยู่นั้น จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าอิมามท่านใดที่มีโอกาสได้แสดงสถานภาพและศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของท่านมากน้อยแค่ไหน อย่างไร

 

ท่านอิมามริฎอ(อ) ได้ทิ้งผลงานอันยิ่งใหญ่ให้แก่มวลมนุษยชาติซึ่งเป็นผลงานที่เราทุกคนจะต้องให้ความสนใจและทำความเข้าใจให้ได้ว่าภารกิจอันยิ่งใหญ่ของท่านอิมาม(อ) นั้นคือภารกิจอันใด ?

 

อิมามส่วนมากจะเป็นมัซลูม (ผู้ถูกกดขี่) และไม่ค่อยมีโอกาสที่จะแสดงออกถึงศักยภาพต่างๆของพวกท่านอย่างแท้จริง ไม่ค่อยมีโอกาสได้แสดงบทบาทในสิ่งที่เอกองค์อัลลอฮฺ(ซบ) ได้ประทานให้กับพวกท่านอย่างสมบูรณ์ แต่ท่านอิมาม อาลี บิน มูซา อัรริฎอ (อ) เป็นอิมามท่านหนึ่งที่ได้รับบารอกัตอันยิ่งใหญ่ ซึ่งท่านได้ทิ้งมรดกอันล้ำค่าที่สุดสำหรับมวลมนุษยชาติและเป็นมรดกที่ชาวโลกจะได้ประโยชน์ จนถึงวันปรากฏตัวของท่านอิมามมะฮฺดี (อ)

 

อะไรคือมรดกอันล้ำค่าที่ท่านอิมามริฎอ(อ) ได้ทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์? ทำไมลูกหลานของรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ซึ่งเปรียบดั่ง เจ้าชายหรือเจ้าหญิงแห่งนครมะดีนะฮฺและแผ่นดินฮิญาซฺ ต้องมาจบชีวิตและมีสุสานในดินแดนที่ห่างไกลจากแผ่นดินเกิดของพวกเขา ท่านอิมามริฎอ(อ) อาศัยอยู่ในนครมะดีนะฮฺ แต่ต้องมาจบชีวิตอยู่ที่โคราซาน(ในอดีต) ซึ่งในปัจจุบันนี้เราเรียกว่าประเทศอิหร่าน มีระยะห่างไกลนับพันกิโลเมตร และในแผ่นดินนั้นก็เป็นแผ่นดินที่ไม่ใช่แผ่นดินของชาวอาหรับ แต่ด้วยเหตุผลอันใดท่านอิมามริฎอ(อ)จึงยอมรับภารกิจอันนี้ ?

 

ทุกๆการเคลื่อนไหวของบรรดาอะอิมมะฮฺ(อ) เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อมวลมนุษยชาติ ไม่มีการปฏิบัติหรือคำสั่งสอนใดๆของบรรดาอะอิมมะฮฺ(อ) ที่เป็นคำสั่งสอนหรือการปฏิบัติสำหรับบุคคลเฉพาะในยุคสมัยของท่านเท่านั้น ซึ่งมีรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆเหล่านี้

 

หลังจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมามมูซา อัลกาซิม(อ) และในช่วงการแย่งชิงอำนาจของราชวงศ์อับบาซียะหฺ มะอฺมูน อัรรอชีด ที่ได้รับแรงหนุนจากชาวอิหร่านมากกว่า ในขณะที่อามีนนั้นได้รับ การสนับสนุนจากบุคคลอาหรับ ซึ่งทั้งสองมีการแย่งชิงอำนาจกัน จนกระทั่งมะอฺมูนประสบความสำเร็จและได้สังหารอามีน จากนั้นก็สถาปนาตนขึ้นเป็น คอลีฟะฮฺแห่งอาณาจักรอิสลามในยุคนั้น เพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพของการปกครอง มะอฺมูนคอลีฟะฮฺแห่งราชวงศ์อับบาซียะหฺ จึงได้ย้ายเมืองหลวงจากแบกแดดมาตั้งอยู่ในโคราซาน ซึ่งเป็นเมือง มัชฮัดในปัจจุบัน ในอดีตอาจจะมีชื่อต่างๆ เช่น “มัรฺ” ซึ่งคนที่มาจากเมืองนี้เขาจะเรียกว่ามัรวีย์

 

หลังจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมาม มูซา อัลกาซิม(อ) ท่านอิมามริฎอ(อ) ก็ขึ้นดำรงตำแหน่งอิมามัต ยุคสมัยนั้นเป็นยุคสมัยที่ อับบาซียะหฺเรืองอำนาจเป็นอย่างมาก เราแทบจะกล่าวได้ว่ามะอฺมูน อัรรอชีด เป็นคอลีฟะหฺที่มีความฉลาด มีความสามารถในด้านต่างๆครบทุกประการซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองโคราซาน ส่วนท่านอิมามริฎอ(อ)พำนักอาศัยอยู่ในนครมะดีนะฮฺก็เพื่อเคลื่อนไหวในการรักษาและปกป้องแนวทางของอะฮฺลุลบัยตฺ(อ)

 

นอกจากนั้นท่านอิมาม(อ) จะให้การคุ้มครองบุคคลที่มีความรักต่อบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ(อ) และทำการเผยแผ่ความรู้ของท่านในนคร มะดีนะฮฺ ซึ่งในยุคนั้นสถานที่ใดที่บรรดาอะฮฺลลบัยตฺ(อ) ดำเนินชีวิตอยู่ สถานที่แห่งนั้นจะเป็นแหล่งความรู้ของศาสนา ทำให้บุคคลที่ต้องการแสวงหาความรู้ และบุคคลที่มีความสามารถทางด้านวิชาการทั่วทั้งอาณาจักรอิสลามก็จะเข้าไปอยู่ในเมืองที่อะฮฺลุลบัยตฺ(อ) อาศัยอยู่

 

ในยุคของท่านอิมามริฎอ(อ) ท่านยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะของการเผยแพร่ความรู้ และลักษณะของการรักษาวัฒนธรรม การปกป้องชีอะฮฺในแต่ละยุคแต่ละสมัยย่อมมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับภารกิจของ อิมามแต่ละท่าน ถึงแม้ว่าท่านอิมามริฎอ(อ) จะเคลื่อนไหวในลักษณะของวัฒนธรรมและความรู้ แต่ก็ยังสร้างความหวาดกลัวให้กับบรรดาทรราชและบรรดาฏอฆูตในยุคนั้น

 

บุคคลจำนวนมากเมื่อได้พบกับอิมามริฎอ(อ) พวกเขาจะถูกดึงดูดเข้าสู่สายธารของอะฮฺลุลบัยตฺ(อ) สิ่งนี้เองสร้างความกังวลให้กับมะอฺมูน อัรรอชีดเป็นอย่างมาก จากรายงานต่างๆที่เจ้าเมืองมะดีนะฮฺ ซึ่งเป็นตัวแทนถูกแต่งตั้งโดยมะอฺมูน อัรรอชีด ส่งข่าวมาว่าท่านอิมามริฎอ(อ) ซ่องสุมกำลังและมีแนวร่วมเพิ่มมากขึ้นซึ่งถ้าปล่อยให้อยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็จะเป็นภัยต่อการปกครองของมะอฺมูน อัรรอชีด ดังนั้นมะอฺมูน อัรรอชีด จึงตัดสินใจที่จะนำตัวท่านอิมามริฎอ(อ) เข้ามาอยู่ใกล้ตัวเขา จึงได้จัดฉากด้วยการส่งเทียบเชิญให้ท่านอิมามริฎอ(อ)เข้ามาอยู่ในเมือง มัชฮัด (เมืองโคราซานในอดีต) แต่ในความจริงแล้วเป็นการบังคับ และท่านอิมามริฎอ(อ) เองก็ไม่ได้ขัดขืนใดๆ ในคำเชิญครั้งนั้น

 

การที่ไม่ได้ขัดขืนและต่อสู้นั้น เราต้องทำการศึกษาและทำความเข้าใจในบทบาทของแต่ละอิมาม ซึ่งถ้าเรามองจากภาพนอกจะเห็นว่า เหตุผลอันหนึ่งเพราะบรรดาอะอิมมะฮฺ(อ) นั้นรู้พระประสงค์ของอัลลอฮฺ(ซบ) และรู้ว่าทำไมอัลลอฮฺ(ซบ) ถึงได้มีพระประสงค์เช่นนี้และสิ่งนี้ถือเป็นจุดสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นเรื่องเดียวกันกับเหตุการณ์ในกัรบาลาอฺ              ท่านอิมามฮูเซน(อ) รู้พระประสงค์ของอัลลอฮฺ(ซบ) ว่าทำไมเอกองค์ อัลลอฮฺ(ซบ) จึงได้มีพระประสงค์ให้นำเด็กๆและบรรดาสตรีไปยัง กัรบาลาอฺ ซึ่งเราก็ได้ฟังมัจญฺลิสมามากพอสมควรแล้ว และย่อมรู้แล้วว่าทำไมท่านอิมาม(อ) ต้องพาเด็กๆไป….. ทำไมต้องพาบรรดาสตรีไปในแผ่นดินกัรบาลาอฺ คำตอบคือ ในยุคนี้เราได้คำตอบที่สมบูรณ์ว่า เรื่องราวกัรบาลาอฺหากปราศจากการถ่ายทอดของบรรดาเด็กๆและสตรีนั้น เรื่องราวเหล่านี้ก็จะไม่จบลงแบบนี้ นั้นหมายความว่าไม่สามารถที่จะปลุกเร้าผู้คนได้…..ไม่สามารถที่จะปลุกเร้าความรักได้อย่างสมบูรณ์ การที่ท่านอิมามริฎอ (อ) ต้องยอมรับการถูกบังคับก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน เพราะบรรดาอะอิมมะฮฺ (อ) รู้สิ่งต่างๆไว้ล่วงหน้า บางครั้งเราแทบจะพูดว่า รู้มาตั้งแต่ตัวท่านยังไม่ถือกำเนิดด้วยซ้ำไป

 

ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า ลูกหลานของฉันคนหนึ่ง หรือส่วนหนึ่งของร่างกายของฉัน จะถูกฝังในแผ่นดินหนึ่งซึ่ง เรียกว่า “โคราซาน” เมื่อท่านรอซูลุลลอฮฺ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่าลูกหลานของฉันคนหนึ่ง นั้นหมายถึงหนึ่งในบรรดาอิมามสิบสอง และฮาดิษ บทนี้กล่าวในขณะที่กำลังพูดถึงเรื่องของอิมามสิบสอง จึงรู้แล้วว่าอิมามคนหนึ่งจะต้องถูกฝัง ณ แผ่นดินแห่งหนึ่งที่เรียกว่า “โคราซาน” ทั้งนี้ไม่ใช่รู้เพียงเท่านี้ แต่ยังรู้รายละเอียดทั้งหมดเหมือนกับท่านหญิง ฟาฏีมะฮฺ อัซซะฮฺรอ (อ) รู้เรื่องราวของท่านอิมามฮุเซ็น (อ) ที่จะเกิดขึ้นในแผ่นดินกัรบาลาอฺ

 

เมื่อท่านหญิงฟาฏีมะฮฺ อัซซะฮฺรอ(อ) ได้ให้กำเนิดอิมามฮูเซน(อ) รอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ได้ไปหาท่านหญิง ในเบื้องต้นได้บอกสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับท่านอิมามฮูเซน(อ) เมื่อท่านหญิงฟาฏีมะฮฺ(อ) ได้ยินสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ได้บอกกับรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ว่า “ฉันไม่ต้องการให้สิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นกับลูกของฉัน” แต่รอซูลุลลอฮฺ (ศ็อลฯ)ได้กล่าวว่า “แต่เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับลูกรักของเจ้านั้น จะสามารถปกป้องศาสนาของเราถึงวันกิยามัต และลูกของเจ้าคนนี้ก็จะได้รับตำแหน่งต่างๆที่สูงส่ง ซึ่งจะไม่มีผู้ใดสามารถก้าวไปถึง” แม้นว่าจะต้อง สูญเสียบุตรชายสุดที่รักไปแต่เป็นการสูญเสียที่คุ้มค่า เนื่องจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮูเซน(อ) คือการปกป้องอิสลามและเป็นหลักประกันว่า “ศาสนาอันบริสุทธิ์ที่รอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) นำมานั้นจะคงอยู่สืบไปจนถึงวันกิยามัต”

 

เรื่องราวในลักษณะนี้มีในทุกห้วงชีวิตของบรรดาอะอิมมะฮฺ(อ) และท่านอิมามริฎอ(อ) ก็เช่นกันมีบทบาทในลักษณะนี้ ที่ต้องเดินทางเข้าสู่แผ่นดินโคราซาน (อิหร่านในยุคปัจจุบัน)

 

อะไรคือบทบาทอันยิ่งใหญ่ของท่านอิมามริฎอ(อ) ? หลังจากที่ ท่านอิมามริฎอ(อ) ยอมรับการบังคับอันนี้เพื่อที่จะมุ่งสู่แผ่นดินโคราซาน เพราะรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) บอกไว้ล่วงหน้าแล้วเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น กับท่าน ว่าหลานของฉันคนหนึ่งหรือชิ้นส่วนหนึ่งของฉัน จะต้องจากแผ่นดินมะดีนะฮฺและจะต้องไปจบชีวิตที่แผ่นดินโคราซาน ท่านอิมาม ริฎอ(อ) ก็ยอมรับการเชิญของมะอฺมูน อัรรอชีด ซึ่งในยุคนั้นสถานภาพของมะอฺมูน อาจจะยังไม่เข้มแข็งสมบูรณ์พอในเบื้องต้น เพราะยังต้องต่อสู้กับฝ่ายอับบาซียะหฺที่ให้การสนับสนุนอามีน อัรรอชีด ผู้เป็นน้องชายของตัวเองซึ่งอยู่ในกรุงแบกแดด ฉะนั้นมะอฺมูนมีความจำเป็นที่จะต้องมีแรงหนุนและการสนับสนุนจากฝ่ายแผ่นดินเปอร์เซีย หรือฝ่าย โคราซาน (อิหร่าน) ซึ่งในยุคนั้นก็มีชีอะฮฺจำนวนมากพอสมควร จึงคิดว่าจะต้องได้รับแรงหนุนจากบรรดาชีอะฮฺ ดังนั้นจึงเทียบเชิญท่านอิมาม(อ) แต่เป้าหมายหลักจริงๆคือ เชิญท่านอิมามริฎอ(อ) มาควบคุมตัวและกักขังบริเวณต่างหาก แต่เมื่อเชิญมาแล้วก็จะต้องใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดให้กับตัวเอง

 

เมื่อท่านอิมามริฎอ(อ) มาถึงเมืองโคราซาน มะอฺมูน อัรรอชีด ก็ได้เสนอตำแหน่งรัชทายาทให้กับท่านอิมาม(อ) ในตอนแรกเสนอตำแหน่งคอลีฟะฮฺให้ ท่านอิมามริฎอ(อ) ปฏิเสธตำแหน่งนี้ จึงเสนอตำแหน่งรัชทายาทให้กับท่านอิมามริฎอ(อ) และท่านอิมาม(อ)ก็ปฏิเสธไม่ยอมรับตำแหน่งอันนี้เป็นเวลาสองเดือน

 

เหตุผลที่ปฏิเสธในเบื้องต้น ก็เพื่อที่จะทิ้งข้อคิดและประเด็นสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ว่า บรรดาอะอิมมะฮฺ(อ) ไม่ได้มีความกระสันทางการเมือง เพราะตำแหน่งอิมามนั้นสูงส่งกว่าตำแหน่งคอลีฟะฮฺทางการเมือง อิมามคือคอลีฟะตุลลอฮฺ ตัวแทนของพระองค์บนหน้าแผ่นดิน ไม่ว่าจะมีตำแหน่งคอลีฟะฮฺทางการเมืองหรือไม่ก็ตาม ซึ่งตลอดระยะเวลาสองเดือนที่มีการเจรจา จนกระทั่งสุดท้ายมะอฺมูนรู้แล้วว่าไม่สามารถที่จะให้อิมามริฎอ(อ) ยอมรับตำแหน่งนี้ด้วยสันติวิธีได้ ก็จึงเลือกใช้วิธีการข่มขู่ และบอกว่าจะอย่างไรก็ตามท่านจะต้องรับตำแหน่งนี้ ถ้าท่านไม่ยอมรับ เราก็จะบังคับท่านด้วยคมดาบ เมื่อมาถึงจุดนี้ท่านอิมามริฎอ(อ) รู้ว่าภารกิจของท่านนั้นยังไม่เสร็จ เราต้องเข้าใจว่าสำหรับบรรดาอะอิมมะฮฺ(อ) กับการเป็นชะฮีด การถูกคมดาบ การถูกยาพิษไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัวใดๆ ทั้งสิ้น แต่หากภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น ยังเป็นชะฮีดไม่ได้ จะต้องไปให้ถึงภารกิจของ ตัวเองจนเสร็จสิ้นและสมบูรณ์เสียก่อนจึงจะเป็นชะฮีดได้ เหมือนกับท่าน อิมามฮูเซน(อ)

 

ทำไมท่านอิมามฮูเซน(อ)ไม่เลือกที่จะเป็นชะฮีดในนครมะดีนะฮฺ ? ทำไมท่านอิมามฮูเซน(อ) ไม่เลือกที่จะเป็นชะฮีดที่นครมักกะฮฺ ? เพราะเป้าหมายแห่งการเป็นชะฮีดที่สูงสุดคือต้องเป็นชะฮีดที่แผ่นดิน “กัรบาลาอฺ”เท่านั้น

 

โดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี

ขอขอบคุณเว็บไซต์ Syedsulaiman

 

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม