บทเรียนจากนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ บทที่ 7 ผลลัพธ์แห่งการกลัวความยากจน

บทเรียนจากนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ บทที่ 7 ผลลัพธ์แห่งการกลัวความยากจน

 

 ท่านอะมีรุ้ลมุอ์มีนีน อิมามอะลี (อ) มีวจนะว่า

 

 

“ฉันมีความงุนงงต่อความรู้สึกนึกคิดของบุคคลผู้มีความทุกข์โทมนัสด้วยความกลัวต่อความยากจนทำให้เขาเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว และทำให้เขาเป็นคนกระหาย อยากได้ และต่ำต้อย เขากลายเป็นคนละโมบโลภมาก แต่ต้องทิ้งขว้างทรัพย์สินเหล่านั้นไปโดยไม่เข้าใจ ในโลกนี้เขาเลือกที่จะเป็นคนขอทาน และในโลกหน้าเขาจำเป็นจะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินอย่างเศรษฐีต่อพระผู้เป็นเจ้า”

 

 

คำอธิบาย : มนุษย์ที่เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวนั้นมีความแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปโดยสิ้นเชิง เพราะคนพวกนี้จะกักตุนทรัพย์สินเอาไว้ และจะยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างในหนทางของการกักตุนทรัพย์สิน พวกเขากลัวที่จะยากจนอันเนื่องจากการใช้จ่ายทรัพย์สินเหล่านั้น

 

 

พวกเขายอมแม้กระทั่งการอดที่จะดื่มและกินอาหารเมื่อต้องซื้อจากผู้อื่น มนุษย์เมื่อกลัวความยากจน เขาก็จะมีความตระหนี่ถี่เหนียว และเมื่อเป็นคนที่มีความตระหนี่ถี่เหนียว เขาก็จะกลายเป็นคนกระหายอยากได้ทรัพย์สินของผู้อื่นอีก จนทำให้เขาต้องต่ำต้อย และเป็นคนละโมบโลภมาก

 

 

หากถามว่าคนตระหนี่ถี่เหนียวกับคนยากจน บุคคลใดที่สร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจในสังมากกว่ากัน คำตอบคือ คนตระหนี่ถี่เหนียว เพราะบุคคลเหล่านี้จะกักเก็บเงินทองไม่ยอมใช้จ่ายเป็นเหตุให้ไม่มีเงินหมุนเวียน เกิดสภาพเงินฝืดได้ แต่คนจนนั้นจะพยายามทำงานหาเงิน เมื่อได้เงินแล้วก็จะรีบนำเงินไปจับจ่ายซื้ออาหารมากิน ซื้อเครื่องยังชีพต่างๆ มาใช้สอย ซึ่งจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในสังคมมากขึ้น เกิดสภาพคล่องตัวทางเศรษฐกิจ

 

 

ดังนั้นเงินทองที่อยู่ในการครอบครองของผู้ที่ตระหนี่ถี่เหนียวเป็นเงินที่ไม่สามารใช้ประโยชน์อะไรได้เลย เปรียบเสมือนผืนดินที่ไม่มีน้ำและความอุดมสมบูรณ์ใดๆ ผืนดินผืนนั้นก็ไม่สามารถส่งผลประโยชน์อะไรแก่ชาวสวนได้ หมายถึงไม่มีใครได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินของคนขี้เหนียวได้เลย เขาคือคนขอทานในโลกนี้ แต่เขากลายเป็นเศรษฐีที่ต้องแจงบัญชีทรัพย์สินต่อพระผู้เป็นเจ้าในวันแห่งการตัดสิน

 

ขอขอบคุณ เว็บไซต์อะฮ์ลุลบัยต์อะคาเดมี