สถานภาพของพระเยซูคริสต์ (อ.) ในคัมภีร์อัลกุรอาน
สถานภาพของพระเยซูคริสต์ (อ.) ในคัมภีร์อัลกุรอาน
เว็บไซต์อเมริกัน "VOX" เนื่องในโอกาสวันคริสต์มาส (ปี 2015) ได้ตีพิมพ์บทความที่มีหัวข้อว่า "สถานภาพของพระเยซูคริสต์ในคัมภีร์อัลกุรอาน" และได้กล่าวว่า “พระเยซูคริสต์ เป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากสำหรับชาวมุสลิม”
เว็บไซต์ "VOX" ในบทความชื่อ “Muslims love Jesus, too : 6 things you didn’t know about Jesus in Islam” ได้เขียนว่า : แม้ชาวมุสลิมจะไม่เฉลิมฉลอง "คริสต์มาส" (การประสูติของพระเยซูคริสต์ หรือศาสดาอีซา (อ.)) แต่ท่านก็มีสถานภาพที่สำคัญมากในศาสนาอิสลามและชาวมุสลิม
บทความนี้ได้กล่าวต่อไปอีกว่า : พระเยซูคริสต์ (อีซา) พระนางแมรี่ (มัรยัม) และกาเบรียล (ญิบรีล) ได้รับการกล่าวถึงในคัมภีร์อัลกุรอาน (นอกจากนี้ชื่อของศาสดาอาดัม, โนอาห์ (นูห์), อับราฮัม (อิบรอฮีม), โมเสส (มูซา) และบุคคลสำคัญอื่นๆ บางคนของพระคัมภีร์ไบเบิล ก็ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์อัลกุรอานด้วย)
เว็บไซต์นี้ได้เขียนว่า : ชาวมุสลิมเชื่อว่าพระเยซูเป็นศาสดาของพระเจ้าและเป็นบุตรชายของพระนางแมรี่ และท่านจะกลับลงมายังโลกก่อนถึงวันพิพากษา เพื่อนำความยุติธรรมกลับคืนมา และเพื่อต่อสู้กับ “ดัจญาล” (Al-Masih ad-Dajjal /المسيح الدجّال / the false messiah) ถ้อยคำทั้งหมดเหล่านี้เป็นที่คุ้นเคยกันดีสำหรับคริสเตียนส่วนใหญ่
ชื่อของพระนางแมรี่ (มัรยัม) ในคัมภีร์อัลกุรอาน ถูกกล่าวถึงมากกว่าในพระคัมภีร์ไบเบิล
ในบทความนี้ได้กล่าวว่า : ในคัมภีร์อัลกุรอานมีหนึ่งซูเราะฮ์ (บท) เต็มๆ ที่พูดถึงพระนางแมรี่ (ท่านหญิงมัรยัม) และพระนางแมรี่เป็นสตรีเพียงท่านเดียวที่ในคัมภีร์อัลกุรอาน มีซูเราะฮ์ (บท) หนึ่งในชื่อของพระนาง และจำนวนครั้งที่ชื่อของพระนางแมรี่ได้ถูกเอ่ยถึงในคัมภีร์อัลกุรอานนั้น มีมากยิ่งกว่าในคัมภีร์ไบเบิล “พันธสัญญาใหม่” (อินญีล)
เว็บไซต์อเมริกัน "VOX" ได้เขียนว่า : ทุกครั้งที่ชาวมุสลิมกล่าวชื่อของพระเยซู (ศาสดาอีซา) พวกเขาก็จะตามด้วยการกล่าวว่า “อะลัยฮิสสะลาม” (Peace be upon him /ขอความสันติสุขพึงมีแด่ท่าน) คำนี้จะถูกใช้สำหรับบรรดาศาสดาของพระเจ้าทุกท่าน และท่านศาสดามุฮัมมัดก็เช่นกัน ชาวมุสลิมเชื่อว่าพระเยซู (ท่านศาสดาอีซา (อ.)) มีปาฏิหาริย์ (มุอซิซาต) ต่างๆ โดยที่ในคัมภีร์อัลกุรอานได้กล่าวถึงบางส่วนของปาฏิหาริย์ดังกล่าว อย่างเช่น การเยียวยารักษาคนตาบอด การทำให้คนตายมีชีวิตขึ้นมาใหม่ และการปั้นรูปนกจากดินและเป่าวิญญาณเข้าไปในมัน
เรื่องราวของปาฏิหาริย์ (มุอ์ญิซาต) แรกของพระเยซู (การพูดในเปล) ก็ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์อัลกุรอานด้วยเช่นกัน และในช่วงเวลานั้นเองที่พระเยซูได้ประกาศความเป็นศาสดาของตนเองที่ได้รับแต่งตั้งมาจากพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสูงส่ง
ตามรายงานนี้ บทความนี้ได้จบท้ายด้วยกับการอ้างถึงโองการที่ 16 ถึง 34 ของซูเราะฮ์ (บท) มัรยัม ซึ่งเล่าเรื่องราวของพระนางแมรี่ (มัรยัม) ดังนี้คือ :
وَاذْکُرْ فِی الْکِتَابِ مَرْیَمَ إِذِ انْتَبَذَتْ مِنْ أَهْلِهَا مَکَانًا شَرْقِیًّا [16]
และ (โอ้มุฮัมมัด) เจ้าจงกล่าวถึง (เรื่องราวของ) มัรยัมที่อยู่ในคัมภีร์นี้เถิด เมื่อนางได้ปลีกตัวออกจากครอบครัวของนางไปอยู่ในที่แห่งหนึ่งทางตะวันออก (ของบัยตุลมักดิส หรือเยรูซาเล็ม)
فَاتَّخَذَتْ مِنْ دُونِهِمْ حِجَابًا فَأَرْسَلْنَا إِلَیْهَا رُوحَنَا فَتَمَثَّلَ لَهَا بَشَرًا سَوِیًّا [17]
แล้วนางได้ใช้ม่านกั้นตัวนางให้พ้นจากพวกเขา แล้วเราได้ส่งวิญญาณของเรา (ญิบรีล) ไปยังนาง แล้วเขาได้จำแลงตนเป็นคนธรรมดามาพบกับนาง
قَالَتْ إِنِّی أَعُوذُ بِالرَّحْمَٰنِ مِنْکَ إِنْ کُنْتَ تَقِیًّا [18]
นางกล่าวว่า “แท้จริงฉันขอความคุ้มครองต่อพระผู้ทรงเมตตา ให้พ้นจากท่าน หากท่านเป็นผู้ยำเกรง”
قَالَ إِنَّمَا أَنَا رَسُولُ رَبِّکِ لِأَهَبَ لَکِ غُلَامًا زَکِیًّا [19]
เขา (ญิบรีล) กล่าวว่า “แท้จริงฉันเป็นเพียงทูตของพระผู้อภิบาลของเธอ เพื่อฉันจะให้ลูกชายผู้บริสุทธิ์แก่เธอ”
قَالَتْ أَنَّىٰ یَکُونُ لِی غُلَامٌ وَلَمْ یَمْسَسْنِی بَشَرٌ وَلَمْ أَکُ بَغِیًّا [20]
นางกล่าวว่า “ฉันจะมีลูกได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ไม่มีชายใดมาแตะต้องฉันเลย และฉันก็มิได้เป็นหญิงชั่ว”
قَالَ کَذَٰلِك قَالَ رَبُّك هُوَ عَلَیَّ هَیِّنٌ ۖ وَلِنَجْعَلَهُ آیَةً لِلنَّاسِ وَرَحْمَةً مِنَّا ۚ وَکَانَ أَمْرًا مَقْضِیًّا [21]
เขา (ญิบรีล) กล่าวว่า “กระนั้นก็เถิด พระผู้อภิบาลของเธอตรัสว่า มันง่ายสำหรับข้า และเพื่อเราจะทำให้เขาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งสำหรับมนุษย์ และเป็นความเมตตาจากเรา และนั่นเป็นกิจการที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
فَحَمَلَتْهُ فَانْتَبَذَتْ بِهِ مَکَانًا قَصِیًّا [22]
แล้วนางได้ตั้งครรภ์ และนางได้ปลีกตัวออกไปพร้อมกับบุตรในครรภ์ ยังสถานที่ไกลแห่งหนึ่ง
فَأَجَاءَهَا الْمَخَاضُ إِلَىٰ جِذْعِ النَّخْلَةِ قَالَتْ یَا لَیْتَنِی مِتُّ قَبْلَ هَٰذَا وَکُنْتُ نَسْیًا مَنْسِیًّا [23]
ความเจ็บปวดใกล้คลอดทำให้นางหลบไปที่โคนต้นอินทผลัม นางได้กล่าวว่า “โอ้! หากฉันได้ตายไปเสียก่อนหน้านี้ และฉันเป็นคนที่ถูกทอดทิ้งถูกลืมเสียก็จะดี”
فَنَادَاهَا مِنْ تَحْتِهَا أَلَّا تَحْزَنِی قَدْ جَعَلَ رَبُّك تَحْتَك سَرِیًّا [24]
ดังนั้น เขา (ญิบรออีล) ได้เรียกนางจากเบื้องล่างของนางว่า “อย่าได้เศร้าเสียใจไปเลย เพราะพระผู้อภิบาลของเธอทรงจัดลำธารไว้เบื้องล่างของเธอแล้ว
وَهُزِّی إِلَیْك بِجِذْعِ النَّخْلَةِ تُسَاقِطْ عَلَیْك رُطَبًا جَنِیًّا [25]
และจงเขย่าต้นอินทผลัมมาทางตัวเธอเถิด เพื่อมันจะทำให้ผลอินทผลัมสดน่ากินร่วงลงมาให้แก่เธอ
فَکُلِی وَاشْرَبِی وَقَرِّی عَیْنًا ۖ فَإِمَّا تَرَیِنَّ مِنَ الْبَشَرِ أَحَدًا فَقُولِی إِنِّی نَذَرْتُ لِلرَّحْمَٰنِ صَوْمًا فَلَنْ أُکَلِّمَ الْیَوْمَ إِنْسِیًّا [26] فَأَتَتْ بِهِ قَوْمَهَا تَحْمِلُهُ ۖ قَالُوا یَا مَرْیَمُ لَقَدْ جِئْتِ شَیْئًا فَرِیًّا [27]
จากนั้นนางได้พาเขา (ทารกน้อย) มายังหมู่ชนของนางโดยอุ้มเขามา พวกเขากล่าวว่า “โอ้ มัรยัมเอ๋ย! แท้จริงเธอได้นำเรื่องอื้อฉาวมาแล้ว”
یَا أُخْتَ هَارُونَ مَا کَانَ أَبُوك امْرَأَ سَوْءٍ وَمَا کَانَتْ أُمُّك بَغِیًّا [28]
“โอ้ น้องหญิงของฮารูน พ่อของเธอมิได้เป็นชายชั่ว และแม่ของเธอก็มิได้เป็นหญิงเสเพล"
فَأَشَارَتْ إِلَیْهِ ۖ قَالُوا کَیْفَ نُکَلِّمُ مَنْ کَانَ فِی الْمَهْدِ صَبِیًّا [29]
นางชี้ไปทางเขา (ทารก) พวกเขากล่าวว่า “เราจะพูดกับผู้ที่อยู่ในเปลที่เป็นเด็กทารกได้อย่างไร?”
قَالَ إِنِّی عَبْدُ اللَّهِ آتَانِیَ الْکِتَابَ وَجَعَلَنِی نَبِیًّا [30]
เขา (อีซา) กล่าวว่า “แท้จริงฉันเป็นบ่าวของอัลลอฮ์ พระองค์ทรงประทานคัมภีร์แก่ฉันและทรงทำให้ฉันเป็นศาสดา”
وَجَعَلَنِی مُبَارَکًا أَیْنَ مَا کُنْتُ وَأَوْصَانِی بِالصَّلَاةِ وَالزَّکَاةِ مَا دُمْتُ حَیًّا [31]
และพระองค์ทรงให้ฉันได้รับความจำเริญ ไม่ว่าฉันจะอยู่ ณ ที่ใด และทรงสั่งเสียให้ฉันทำการนมาซและจ่ายซะกาตตราบที่ฉันมีชีวิตอยู่
وَبَرًّا بِوَالِدَتِی وَلَمْ یَجْعَلْنِی جَبَّارًا شَقِیًّا [32]
และทรงให้ฉันทำดีต่อมารดาของฉัน และจะไม่ทรงทำให้ฉันเป็นผู้ยโส ผู้เลวทรามต่ำช้า
وَالسَّلَامُ عَلَیَّ یَوْمَ وُلِدْتُ وَیَوْمَ أَمُوتُ وَیَوْمَ أُبْعَثُ حَیًّا [33]
และความสันติพึงมีแด่ฉัน วันที่ฉันถือกำเนิดและวันที่ฉันตาย และวันที่ฉันถูกทำให้ฟื้นขึ้นมามีชีวิตใหม่
ذَٰلِك عِیسَى ابْنُ مَرْیَمَ ۚ قَوْلَ الْحَقِّ الَّذِی فِیهِ یَمْتَرُونَ [34]
นั่นคืออีซาบุตรของมัรยัม มันเป็นคำพูดที่สัจจริง ซึ่งพวกเขายังมีความสงสัยในเรื่องของเขา
แปล/เรียบเรียง : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
ขอขอบคุณ เว็บไซต์ islamicstudiesth