เมตตาธรแห่งจักรวาล (ตอนจบ)

 

 

ความหมายของตะกียะฮฺ คือ การสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นในสังคมมุสลิมผู้ศรัทธา ไม่มีศาสนาสำหรับคนที่ไม่รู้จักการ ตะกียะฮฺ เพราะฉะนั้น ตะกียะฮฺจึงหมายถึงความระมัดระวัง ระวังว่าจะเกิดความแตกแยก เกิดความสับสนวุ่นวาย และเกิดความเข้าใจผิด การตะกียะฮฺจึงไม่ได้หมายถึงการหลอกลวงแต่ความเป็นเอกภาพต่างหากคือเป้าหมายสูงสุด

 

ท่านอิมามโคมัยนีได้วางรากฐานในการสร้างเอกภาพนี้ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้มีคำวินิจฉัยเรื่องนี้ว่า ถ้าหากการนมาซร่วมกันระหว่างพี่น้องซุนนีกับพี่น้องชีอะฮฺแล้วทำให้เกิดความเป็นเอกภาพ ความรัก ความเข้าใจต่อกันได้ การนมาซนั้นถือว่าเป็นเรื่องของการที่ควรกระทำ บางมัรญิอฺถึงกับกล่าวว่าไม่ต้องกลับมานมาซชดใช้อีก

 

ในกรณีที่ไปทำฮัจญฺ ณ มหานครมักกะฮฺ การนมาซในมัสยิดุลฮะรอมไม่จำเป็นต้องวางดินก็ได้ ทั้งนี้เพื่อความเป็นเอกภาพ โดยมัรญิอฺเกือบทั้งหมดมีคำวินิจฉัยที่พ้องต้องกัน

 

ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้วินิจฉัยเรื่องนี้ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แต่เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรดาอะอิมมะฮฺ(อ) จะเห็นได้ว่าความเป็นเอกภาพของมวลมุสลิมนั้นเป็นยอดปรารถนา ตรงกันข้ามกับการสร้างความแตกแยกที่เรียกว่าสามัคคีเภท นี่ต่างหากคือศัตรูที่ร้ายกาจของอิสลาม

 

สมัยอยาตุลลอฮฺ บุรุญิรดี ได้ให้ความสำคัญถึงความเป็นเอกภาพนี้ กรณีสถานศึกษาในเมืองกุมกับมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัรของไคโร จนเกิดความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง มีการแลกเปลี่ยนริซาละฮฺ เกิดปุจฉาวิสัชนาระหว่าง อุลามาอฺทั้งสองฝ่ายทำให้เกิดตำราเล่มสำคัญของพวกเรา คือ “อัลมุรอญิอาต

 

เชคมุฮัมมัดอาลี ชัลตูฏ อุลามาอฺซุนนี มีคำวินิจฉัยว่า มัศฮับชีอะฮฺเป็นมัศฮับหนึ่งในศาสนาอิสลาม สถานภาพของท่านในตอนนั้นคือเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร คำวินิจฉัยนี้เป็นบ่อเกิดของการประชุมร่วมระหว่างพี่น้องซุนนีกับ  ชีอะฮฺในกาลต่อมา

 

กรณีของพี่น้องซุนนีเกิดการตื่นตัวขึ้นในกลุ่มประเทศอาหรับที่เรียกกันว่าอาหรับสปริง เกิดจากความรู้สึกของคนส่วนใหญ่มองว่าระบบการปกครองของประเทศในอาหรับนั้น ผู้ปกครองคือฏอฆูตไม่ใช่เป็นบุคลากรของพระผู้เป็นเจ้า  เป็นพลพรรคของชัยฏอน  เป็นหุ่นเชิดของ นักล่าอาณานิคมตะวันตก  เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เกิดความตื่นตัวในระหว่างประเทศที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เช่น ประเทศอินโดนีเซีย อินเดีย ปากีสถาน และรวมความถึงมุสลิมในกลุ่มประเทศละแวกเดียวกัน มีอุลามาอฺจำนวนมากเดินทางไปศึกษาหาความรู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันถึงกรุงเตหะราน ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือความเป็นเอกภาพของพี่น้องซุนนีกับชีอะฮฺ

 

ศัตรูของอิสลามวิตกกังวลกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง จึงเริ่มกระบวนการสร้างความแตกแยกในประเทศอิสลามเข้มข้นยิ่งขึ้น

 

เหตุการณ์สงครามกลางเมืองในซีเรีย ผู้ที่สร้างความอัปยศก็คือ กองกำลังกบฏวะฮาบีที่มีกองทัพซุฟยานีและนักล่าอาณานิคมตะวันตกสนับสนุน การสู้รบระหว่างวะฮาบีกับซุนนีจึงยุติลงได้ยาก ทั้งยังใส่ร้ายโดยประโคมข่าวไปทั่วโลกจากสื่อของพวกเขาว่าเป็นสงครามระหว่างซุนนีกับชีอะฮฺ โดยชีอะฮฺเป็นผู้ข่มเหงรุกรานก่อน ดังได้บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นมาพอสังเขปแล้ว สัมพันธภาพระหว่างประชาชาติอิสลามจำเป็นที่อุลามาอฺทุกฝ่ายต้องสร้างความเป็นเอกภาพขึ้นมาให้ได้

 

การประชุมประเมินสถาณการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นของโลกมุสลิมที่ประเทศอิหร่านเมื่อไม่นานมานี้ มีข้อมูลที่เชื่อได้ว่านักล่าอาณานิคมตะวันตกได้เชิญอุลามาอฺซุนนีจำนวนหนึ่งไปปรึกษาถึงร่างแผนการสงบศึกระหว่างชีอะฮฺและซุนนี

 

ที่จริงสงครามระหว่างชีอะฮฺและซุนนียังไม่ได้เกิดขึ้น แต่พวกเขา ได้ร่างสัญญาสงบศึกขึ้นมาก่อน นัยยะสำคัญนี้คือพวกเขามีแผนการที่จะจุดไฟสงครามของสองนิกายขึ้นมาให้ได้ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้โลกอิสลามอ่อนแอและปราชัยในที่สุด

 

แผนการชั่วร้ายของนักล่าอาณานิคมตะวันตกบังเกิดผลแล้วในประเทศปากีสถาน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย รัฐบาลของประเทศเหล่านี้ถูกชักใยให้เต้นไปตามเกมของพวกมัน อินชาอัลลอฮฺจึงต้องหวังให้อุลามาอฺของทั้งสองฝ่ายเร่งสร้างความเป็นเอกภาพขึ้นมาให้ได้โดยรีบด่วน

 

วันนี้ที่กรุงเตหะรานเป็นสถานที่พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเอาจริงเอาจังอยู่

 

อัลฮัมดุลิลละฮฺ เนื่องจากระบบวิลายะตุลฟะกิฮฺในประเทศสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โดยมีท่านอิมามคาเมเนอีเป็นผู้นำ การตัดสินใจใดๆ ของรัฐในเรื่องผลประโยชน์ของอิสลามทำได้ฉับพลันท่วงที แม้ว่าจะมีกลุ่ม ต่อต้านคอยขัดขวางทุกวิถีทางอยู่ก็ตาม

 

พึงตระหนักให้จงดีว่าศัตรูของอิสลามบริสุทธิ์ในวันนี้หาใช่มีเพียง วะฮาบีไม่ แม้แต่มัรญิอฺชีอะฮฺที่ขายตัวก็มีอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

 

ผู้เรียกตนว่าเป็นอุลามาอฺเป็นมัรญิอฺของชีอะฮฺบางคนได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ศอฮาบะฮฺรวมถึงภริยาของรอซูลในที่สาธารณะ บางคนก็ออกมาอ่านดุอาอฺกุนูตสาปแช่งศอฮาบะฮ บางคนที่พี่น้องซุนนีนับถือ ทำให้เกิดความแตกร้าวระหว่างซุนนีและชีอะฮฺรุนแรง จนท่านอิมามคาเมเนอีต้องออกมาวินิจฉัยว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม(ฮะราม) ไฟที่ลุกโชนในหัวใจทั้งสองฝ่ายจึงได้มอดลง

 

ระบบวิลายะตุลฟากิฮฺที่มีผู้นำสูงสุดตัดสินใจได้อย่างฉับพลันทำให้บ่าวช่างยุทั้งหลายก่อหวอดไม่สำเร็จ ในที่ประชุมกรุงเตหะรานจึงย้ำให้ทั้งสองฝ่ายสร้างความเป็นเอกภาพขึ้นมาให้ได้มากที่สุด และให้ตระหนักว่าระหว่างผู้รอคอยกับผู้ถูกรอคอย คือ อิมามมะฮฺดี(อ) และประชาชาติอิสลามที่รวมถึงชีอะฮฺ ซุนนี และศาสนิกอื่นที่ถูกกดขี่ ต่างก็รอคอยท่านอิมาม มะฮฺดี(อ) เหมือนกัน

 

ประการสำคัญอย่างยิ่งอีกประการหนึ่งคือการเผยแพร่หลักการชีอะฮฺโดยไม่ดูกาลเทศะ ไม่ได้ดูว่าเขาสนใจหรือไม่เพียงใด เขามีความอยากรู้ อยากรับฟังหรือไม่ ถ้าหากเขาไม่พร้อม การเผยแพร่นั้นก็ถือเป็นสิ่งต้องห้าม

 

ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้พยายามนำเสนอสัปดาห์แห่งเอกภาพในโอกาสวันถือกำเนิดของท่านนบี มุฮัมมัด(ซล) เพื่อตอกย้ำว่า การจัดงานรำลึกสดุดีจริยวัตรของท่านศาสดานั้นถูกบรรดาอะอิมมะฮฺ(อ)นำเสนอสืบทอดกันมาด้วยการมองการณ์ไกลตลอด

 

ท่านอิมามมะฮฺดี(อ) ต้องการให้กองทัพของท่านมีทั้งชีอะฮฺ ซุนนีและผู้ถูกกดขี่ยากไร้ทั้งหลายมาเป็นแนวร่วม ยกเว้นกองทัพของซุฟยานีซึ่งประกาศชัดเจนว่าเป็นศัตรูกับท่าน

 

ลัทธิแห่งความชั่วร้ายอีกอย่างหนึ่งคือ ตักฟีรี พวกเหล่านี้จะกล่าวหาคนอื่นว่าเป็นผู้ปฏิเสธทั้งหมดหากมีแนวคิดที่ไม่ตรงกับตน ไม่ยกเว้นว่าจะเป็นซุนนีหรือชีอะฮฺ หากไม่เป็นพวกก็ต้องถือว่าฆ่า นี่คือตักฟีรี นี่คือ    วะฮาบี!   ความกักขฬะของพวกเขาเหล่านี้ถึงกับประกาศว่าผู้ใดมีความคิดไม่ตรงกับอิบนุ ตัยมียะฮฺ เป็นผู้ปฏิเสธทั้งหมด แม้แต่กระทั่งศอฮาบะฮฺก่อนหน้าพวกตนก็ไม่ละเว้น ศาสนาอิสลามคืออิสลามซุฟยานีและผู้มีแนวความคิดตรงกับบนีอุมัยยะฮฺเท่านั้น

 

ชนวนสงครามที่จะถูกจุดขึ้นระหว่างซุนนีและชีอะฮฺไม่มีวันที่จะดับมอดลงหากพี่น้องซุนนีและชีอะฮฺไม่ยอมรับฟังคำวินิจฉัยของอุลามาอฺทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง ขอให้สัปดาห์แห่งความเป็นเอกภาพนี้จงเป็นเวลาแห่งการขอพรจากเอกองค์อัลลอฮฺ(ซบ) โดยทุกคนตั้งจิตมั่นว่า

“ขอความเมตตาแห่งสากลจักรวาลที่พระองค์ทรงประทานแก่นบีมุฮัมมัด(ซล) ศาสดาของพระองค์จงบังเกิดขึ้นในหัวใจของมุสลิมทุกหมู่เหล่าจากวันนี้จนนิรันดร”

 

เมตตาธรแห่งจักรวาล

ทรงประทานมารังสรรค์จรรโลงโลก       บรรเทาโศกหมดทุกข์สิ้นยุคเข็น

จากสังคมอานารยะสุดลำเค็ญ            ก่อเกิดเป็นศาสนาอารยะธรรม

มีความรักมีอภัยมีเมตตา                  มีกรุณาปรานีที่สูงล้ำ

เกิดเอกภาพของมนุษย์จากทางนำ      กอปรกรรมทำดีมีต่อกัน

ถูกต่อต้านขัดขวางอย่างสาหัส           เพื่อขจัดทุกแนวทางท่านสร้างสรรค์

ด้วยอารยะป่าเถื่อนและอธรรม์           สุดท้ายนั้นต้องสยบนบศาสดา

ด้วยรัศมีรุจีรัตน์ประภัสสร                 เกิดความรักเอื้ออาทรทั่วแหล่งหล้า

ทุรชนต้องย่อยยับอัปรา                  ยอมสยบกับเมตตาแห่งจักรวาล

ขอสดุดีจริยวัตรอันประเสริฐ              วันกำเนิดศาสดาจงสืบสาน

มุทิตาจิตสดุดียั่งยืนนาน                 ตลอดกาลทุกกัปป์กัลป์นิรันดร

 

กษิรธารา ร้อยกรอง

 

 

โดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์ Syedsulaiman