เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ปาฐกถาพิเศษคืนชะฮาดัตท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) ภายใต้ชื่อ บี อบี อันติ วะอุมมี ตอนที่ 3

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ปาฐกถาพิเศษคืนชะฮาดัตท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) ภายใต้ชื่อ บี อบี อันติ วะอุมมี ตอนที่ 3

โดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี

 

หลังจากที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) ได้พิสูจน์ถึงความเป็น“อัลเกาษัร” ของนาง ท่านรอซูลุลลอฮ (ซล) ได้ประกาศสถานภาพที่ยิ่งใหญ่ของนางว่า   นางคือ ام ابیها   (อุมมุ อบีฮา) นางคือ “มารดาของบิดาของนาง” ซึ่งในภาษาด้านความหมายของอัคลากแล้ว จะอธิบายว่า นางคือ “สตรีและ บุตรีผู้หนึ่งซึ่งได้ทำหน้าที่แทนมารดาได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

 

หมายความว่า เป็นสตรีผู้หนึ่งซึ่งเป็นบุตรของบิดาแต่ทำหน้าที่ของมารดาได้อย่างสมบูรณ์ ห่วงใย ดูแลบิดาของตัวเอง เหมือนกับมารดา ดูแลบุตร ความห่วงใยในศาสดา ความรักที่มีต่อศาสดาอย่างแท้จริง

 

ถ้าเราศึกษาคำอธิบายที่สูงไปกว่านั้น ในความหมายของอิรฟาน หรือในความหมายของบุคคลที่มี “มะอฺรีฟัต” ที่สูงส่ง เราก็จะได้ความหมาย ที่สูงมากไปกว่าความหมายทางด้านอัคลากหรือความหมายทางด้านทั่วไปเสียอีก

 

ท่านอยาตุลลอฮ ฮะซัน ซอเดะหฺ ออมูลี หนึ่งในเอาลิยาอฺชั้นสูงของอัลลอฮฺ(ซบ) ปัจจุบันท่านอยู่ในเมืองกุม ได้อธิบาย ความหมายของ “มารดา” ว่า คือ ผู้ให้กำเนิด ผู้เป็นปฐมเลิศ ผู้เป็นปฐมเหตุ บางครั้งเราจะใช้คำนี้ว่า ‘แม่บท’

 

แม่บท คือ ปฐมเหตุ ปฐมเลิศของบทบาทต่างๆ ซึ่งอัลลอฮฺ(ซบ)ได้ตรัสกับท่านนบีในคืน “อิสรออฺ-เมี๊ยะรอจ” ว่า…

 

يـا أَحْمَدُ   لَوْلاکَ لَما خَلَقْتُ الْأَفْلاکَ

 

“โอ้ อะห์มัด ถ้าไม่มีเจ้า ฉันจะไม่สร้างสรรพสิ่งทั้งหมด”

 

หมายความว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินต่างๆ ถ้าไม่มีท่านนบีมูฮัมมัด(ซล) สรรพสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้นมา มนุษย์ก็ไม่ควรที่จะมีอยู่ในโลกนี้ จากนั้นอัลลอฮฺ(ซบ) ตรัสเสริมว่า จงรู้ไว้ว่า

 

ولولا علي لما خلقتک

 

“หากไม่มีอะลี ฉันก็จะไม่สร้างเจ้าเหมือนกัน”

 

ซึ่งชี้ให้เห็นถึงสถานภาพที่ยิ่งใหญ่ของท่านอิมามอะลี(อ)  หมายความว่า   หากมีคนอย่างท่านนบีมูฮัมมัด(ซล) แล้ว  แต่ไม่มีผู้สานต่ออย่างท่านอะลี อิบนี อบีฏอลิบ โลกนี้ก็ไม่ควรที่จะสร้างขึ้นมา ความยิ่งใหญ่ของผู้สานต่อ ถ้าไม่มีท่าน   อิมามอะลี(อ) ความเหน็ดเหนื่อยของท่านศาสดานั้นอาจจะสูญเปล่า จากนั้นอัลลอฮฺ(ซบ) ตรัสเสริมว่า

 

لولا فاطمة لما خلقتکما

 

“และหากไม่มีฟาฏิมะฮฺ (อ) เราก็จะไม่สร้างเจ้าทั้งสอง”

อาลิมอุลามาอฺชั้นสูงได้ชี้ให้เห็นว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) คือบ่อเกิดของทุกสรรพสิ่ง คือ มารดาของทุกสรรพสิ่ง

 

ความหมายของฮะดีษบทนี้ในทัศนะของบรรดาอาลิมอุลามาอฺ ที่เป็นเอาลิยาอฺของอัลลอฮฺ(ซบ) นั้นสูงส่งเกินที่เราจะเข้าใจได้ เพราะเรื่องของ ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะเข้าใจได้ง่ายๆ

 

คำพูดของบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ(อ) นั้นมันไม่ได้มีความหมายเดียว เพราะฮะดีษบทหนึ่งจากท่านอิมามศอดิก(อ) ได้ยืนยันว่า  ان حديثنا صعب مستصعب  แท้จริงฮะดิษและเรื่องราวต่างๆ ของเรานั้นเป็นสิ่งที่ยาก และยากที่จะเรียกหาความยากอีก ยิ่งเจาะลึกเข้าไปก็ยิ่งยากมากขึ้น

 

لا يحتمله

 

ไม่มีใครแบกรับความหมายอื่นๆ ของมันได้

หมายความว่า “ไม่มีใครสามารถที่จะรับเรื่องราวของเรา (อะฮฺลุลบัยตฺ(อ) ) ได้ ”

 

إلا الأنبياء والمرسلين والملائكة المقربين 

 

เว้นแต่ บรรดานบีและรอซูล และบรรดามะลาอิกัตที่ “มุกัรฺรอบีน” เท่านั้น หมายถึง มะลาอิกะฮฺผู้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ (ซบ)

 

و مؤمن امتحن الله قلبه للايمان

 

และบรรดามุอฺมินที่อัลลอฮฺ(ซบ) ทำการทดสอบอีมานและหัวใจของพวกเขาแล้ว

 

แน่นอนบุคคลที่อัลลอฮฺ(ซบ) ทดสอบอีมานและหัวใจที่มีความเข้มข้นเท่านั้น จึงสามารถที่จะรองรับเรื่องราวที่ลึกซึ้งของบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ(อ) ในมิติพิศวงนี้ได้ หากไม่มีมิติพิศวง เราก็จะไม่มีวันที่จะเข้าใจเรื่องราวของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) ได้ เพราะเป็นสตรีที่่ท่านศาสดาเรียกว่า “มารดาของบิดา” และให้เกียรติกับนางอย่างมาก

 

การจุมพิตไปที่มือของลูก ถือเป็นสิ่งที่ผิดปรกติ โดยหลักศาสนา เบื้องต้นลูกจะต้องจูบมือของบุพการี แต่ท่านนบีจะจูบมือของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) และท่านจะทำเป็นประจำ เมื่อท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (อ) เข้ามาในบ้านของท่านนบี ท่านก็จะลุกจากเก้าอี้ให้ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) นั่งบนเก้าอี้แทน แล้วท่านก็จะยืนให้เกียรติคุยกับท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (อ)

 

บรรดาอะอิมมะฮฺ(อ) ยังชี้ให้เห็นถึงสถานภาพของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) ให้เราเข้าใจมากขึ้น เพราะความยิ่งใหญ่ ความประเสริฐของสตรีผู้นี้ ยิ่งใหญ่เกินที่มนุษย์จะเข้าไปสัมผัสและทำความเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ ท่านอิมามศอดิก(อ) จะกล่าวไว้ในต่างกรรมต่างวาระ ด้วยสำนวนที่ แตกต่างกัน เช่น ฮะดีษบทหนึ่งกล่าวว่า

“เรา (อะฮฺลุลบัยตฺ(อ) ) คือฮุจญัต(ข้อพิสูจน์) ของอัลลอฮฺ(ซบ) เหนือพวกเจ้า”

บางครั้งจะกล่าวว่า

“เราคือฮุจญัตของอัลลอฮฺ เหนือสิ่งถูกสร้างทั้งมวล” บางครั้งใช้คำว่า

“เราคือฮุจญัตของอัลลอฮฺ เหนือมวลมนุษยชาติ”

โดยโฟกัสไปยังมนุษย์เป็นการเฉพาะ แต่ทุกประโยคก็จะจบด้วยคำว่า

“และท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (อ) คือ ฮุจญัตของอัลลอฮฺ เหนือเรา”

 

นั้นหมายความว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) มีอำนาจวิลายัตเหนือ บรรดาอะอิมมะฮฺ(อ)

ทุกสรรพสิ่งจะอยู่ในอำนาจวิลายัต และการบังคับบัญชาของ บรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ(อ) เว้นแต่อัลลอฮฺ(ซ.บ) เท่านั้น

 

การที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) เป็นฮุจญะตุลลอฮฺ อลัยนา มีวิลายัตเหนือบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ(อ) แน่นอนโดยสติปัญญาในความรู้ที่เรามีอยู่นั้นไม่สามารถที่จะเข้าไปถึงแก่นแท้ (ฮากีกัต)ของความหมายที่แท้จริงได้

 

ขอขอบคุณเว็บไซต์ Syedsulaiman

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม