เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

เตาฮีด (ความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้า) ตอนที่ 25

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

บทเรียนอูศูลุดดีน (รากฐานของศาสนา)
เตาฮีด (ความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้า) ตอนที่ 25

 

กุดเราะฮ์ “قدرة” พลังอำนาจเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์ทรงมีอำนาจ
1.ความหมายโดยทั่วไปของคำว่า “กุดเราะฮ์” คือ ผู้กระทำที่ถ้าหากต้องการที่จะให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้น มันก็จะเกิดขึ้นในทันทีและถ้าหากต้องการไม่ให้สิ่งใดเกิดขึ้นมันก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เหมือนกัน


บนนิยามอันนี้ ในทางกลับกัน คือสมมุติการไม่มีอำนาจของพระองค์ หมายถึง ความต้องการที่จะทำสิ่งๆหนึ่งให้เกิดขึ้นแต่ในความเป็นจริงสิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น หรือความต้องการไม่ให้สิ่งๆหนึ่งเกิดขึ้นแต่ในความความเป็นจริงสิ่งนั้นได้เกิดขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ถามว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ความต้องการของพระองค์ไม่เกิดขึ้น ?ซึ่งสามารถที่จะคาดคะเนได้สองสมมุติฐาน


สมมุติฐานแรก คือตัวตนของพระองค์เอง เป็นสาเหตุทำให้ความต้องการของพระองค์ไม่เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าสมมุติฐานอันนี้ผิดและไม่กินกับสติปัญญา เพราะด้านหนึ่งพระองค์ต้องการจะทำสิ่งๆนั้นและอีกด้านหนึ่งตัวตนของพระองค์ เป็นสาเหตุที่ไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเสียเองซึ่งมันขัดกับวิทยปัญญาของพระผู้เป็นเจ้า


สมมุติฐานที่สอง คือ สรรพสิ่งอื่นๆเป็นสาเหตุทำให้ความต้องการของพระองค์ไม่เกิดขึ้น สมมุติฐานนี้ก็เช่นเดียวกันเป็นสมมุติฐานที่ผิดและไม่กินกับสติปัญญา เพราะได้พิสูจน์ไปแล้วว่าพระองค์คือ “วาญิบุลวูญูด” แต่เพียงผู้เดียว และสรรพสิ่งอื่นทั้งหมดเป็น “มุมกินุลวูญูด” ซึ่งเป็นสิ่งถูกสร้างของพระองค์ที่ต้องพึ่งพิงไปยังพระองค์อยู่ตลอดเวลา ด้วยกับเหตุนี้มันไม่กินกับสติปัญญาที่สรรพสิ่งต่างๆซึ่งไม่มีความเป็นเอกเทศใดๆสามารถที่จะเป็นสาเหตุทำให้ความต้องการของพระองค์ไม่เกิดขึ้น
ดังนั้นเมื่อทั้งสองสมมุติฐานเป็นสิ่งที่ผิดและไม่กินกับสติปัญญา เมื่อไม่มีสิ่งใดสามารถมาขัดขวางความต้องการของพระองค์ได้ ก็เป็นที่เพียงพอแล้วที่จะยืนยันว่า พระองค์ คือผู้ทรงอำนาจ สิ่งใดก็ตามที่พระองค์ต้องการพระองค์สามารถที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้ในทันที

 

2.ความอัศจรรย์และความน่าทึ่งของสรรพสิ่งต่างๆในโลก คุณลักษณะและรายละเอียดของสรรพสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงคุณลักษณะของพระผู้สร้าง ความเป็นระบบระเบียบอันน่าทึ่งของสรรพสิ่งตั้งแต่อะตอมไปจนถึงกาแล็กซี โครงสร้างที่ละเอียดอ่อนของสรรพสิ่งที่มีชีวิต เช่น พืชสัตว์และมนุษย์และเซลล์ต่างๆที่มีความละเอียดอ่อนของมัน สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าพระผู้สร้าง ผู้ทรงอำนาจซึ่งเป็นอำนาจที่ไม่มีขอบเขตใดๆมาจำกัด


3.พระองค์ทรงให้อำนาจแก่สรรพสิ่งต่างๆ และผู้ที่ให้อำนาจแก่ผู้อื่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีอำนาจ ตัวอย่างเช่น บุคคลหนึ่งที่จะสอนความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ให้กับบุคคลอื่น จำเป็นที่เขาต้องมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ก่อน ถ้าหากเขาไม่มีความรู้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปสอนบุคคลอื่น


4.ถ้าหากอำนาจของพระองค์มีขอบเขตจำกัด หมายถึง ความบกพร่อง ในขณะที่เราได้พิสูจน์ไปแล้วว่า วาญิบุลวูญูดนั้นห่างไกลจากทุกๆความบกพร่อง การมีอยู่ของพระองค์ไม่มีขอบเขตจำกัดและเป็นการมีอยู่ที่สมบูรณ์ที่สุด เมื่อเป็นการมีอยู่ที่สมบูรณ์แน่นอนว่าคุณลักษณะต่างๆของพระองค์ก็ต้องสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน และหนึ่งในคุณลักษณะที่สมบูรณ์ของพระองค์ก็คือ “กุดเราะฮ์” พระองค์ทรงมีพลังอำนาจอย่างสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน


“กุดเราะฮ์” สิ่งใดที่สามารถเรียกได้ว่ามีอำนาจ มีพลัง มีพลานุภาพ “กุดเราะฮ์”ใช้เรียกผู้ที่กระทำหรือผู้สร้างที่มี “อิรอดะฮ์และอิคติยาร” “ارادة و اختيار” คือ มีความปรารถนาและอิสระเสรีในการเลือกเป็นของตัวเองในการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างสมบูรณ์ เช่น คนที่มีความสามารถในการสร้างบ้าน สามารถเรียกเขาได้ว่าเป็นผู้มี”กุดเราะฮ์” มีอำนาจในการสร้างบ้าน แต่ถ้าเขาถูกบังคับให้สร้างไม่สามารถเรียกได้ว่าเขามี”กุดเราะฮ์”เพราะเขาไม่มีได้มีความปรารถนา”อิรอดะฮ์”ของเขาเองในการสร้างอันนั้น เพราะเขาถูกบังคับ สิ่งใดก็ตามที่ถูกกระทำขึ้นมาโดยไม่ได้มีความต้องการเป็นของตัวเองอย่างสมบูรณ์ ถือว่า ผู้ที่ทำนั้นไม่ได้มีอำนาจ”กุดเราะฮ” อย่างแท้จริง ส่วนคำว่า “อิคติยาร” คือ การมีสิทธิ์ที่จะเลือกเช่น มนุษย์เกิดมาในโลกนี้ เขาไม่สามารถที่จะเลือกได้ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ผิวขาวหรือผิวดำ ไม่สามารถเลือกเกิดได้ถือว่ามนุษย์ไม่มี “อิคติยาร”ในเรื่องนี้

 

มนุษย์บางคนไม่อยากเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ แต่ก็ต้องเกิดมา หรือบางคนไม่อยากเกิดเป็นคนแต่ก็ต้องเกิดเป็นคนฝ่าฝืนไม่ได้ เพราะมนุษย์เบื้องต้นไม่มี “อิรอดะฮ์” และ “อิคติยาร” ไม่มีความปรารถนาและสิทธิ์เสรีในการเลือก แต่เพิ่งมามีในภายหลัง อัลลอฮ์(ซ.บ)ได้ใส่ไปในตัวมนุษย์เป็นอิรอดะฮ์และอิคติยารที่ได้มาจากพระองค์ มนุษย์คือ สิ่งถูกสร้างของพระองค์ ไม่สามารถที่จะเลือกเกิดเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิงได้ แต่สำหรับพระองค์ซึ่งเป็นผู้สร้างที่แท้จริงนั้น มี”อิรอดะฮ์” ความปรารถนา และ “อิคติยาร” สิทธิ์ในการเลือกเป็นของตัวเองอย่างแท้จริง พระองค์จะสร้างมนุษย์ก็ได้ไม่สร้างก็ได้ มี”อิคติยาร”มีสิทธิ์อย่างสมบรูณ์ พระองค์จะสร้างมาให้เป็นผู้ชายก็ได้ผู้หญิงก็ได้ ไม่ได้อยู่ภายใต้คำสั่งหรือการควบคุมของผู้ใด พระองค์มีความปรารถนาเป็นของพระองค์เองและมีอิสระเสรีอย่างสมบูรณ์ในการสร้างของพระองค์


บางครั้งมนุษย์มี”อิรอดะฮ์”ความปรารถนาอย่างมากมายอยากให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น อยากให้สิ่งนี้เกิด แต่มนุษย์ไม่สามารถทำให้มันเกิดขึ้นมาทุกอย่างได้ เพราะมนุษย์ไม่มี “อิคติยาร” สิทธิ์ในการเลือกให้ทุกอย่างเกิดขึ้น แต่เมื่อไรที่มนุษย์สามารถทำให้สิ่งๆหนึ่งเกิดขึ้นได้ เป็นเพราะเขาได้รับพลังความสามารถ”กุดเราะฮ์”มาจากอัลลอฮ์(ซบ) มนุษย์มี”กุดเราะฮ์” มีพลังความสามารถอำนาจแต่เป็น”กุดเราะฮ์”ที่ไม่สมบรูณ์ เป็นอำนาจที่อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ การมีพลังอำนาจความสามารถของมนุษย์ขึ้นอยู่กับการอนุมัติพระองค์ ขึ้นอยู่กับผู้ที่มีอำนาจที่สมบรูณ์อย่างแท้จริง เมื่อมนุษย์ใกล้ชิดพระองค์มาก พลังความสามารถของเขาก็ยิ่งมาก


ซึ่งอำนาจของพระองค์นั้นสามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างอย่างเกิดขึ้นได้ อัลกุรอานได้ยืนยันไว้ในหลายๆโองการด้วยกัน เช่นในซูเราะฮ์ อัลนะฮลฺ โองการที่ 77


إِنَّ اللَّهَ عَلىَ‏ كُلّ‏ِ شىَ‏ْءٍ قَدِير
“แท้จริงอัลลอฮ์(ซบ)นั้นทรงมีอำนาจเหนือทุกสรรพสิ่ง”


โองการในลักษณะนี้ปรากฏในอัลกุรอานจำนวนหลายครั้งพระองค์มีอำนาจเหนือทุกๆสิ่งจึงทำให้พระองค์สามารถร้อยเรียงเอกภพนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ สรรพสิ่งทั้งหมดเกิดมาจาก “อิรอดัต” และ “อิคติยาร”ความต้องการความปรารถนาและสิทธิ์เสรีของพระองค์ เมื่อสร้างสรรพสิ่งมาแล้วพระองค์ก็ดูแลจัดการอภิบาล ทรงประทานปัจจัยต่างๆในการคงอยู่ของสิ่งนั้นๆ ซึ่งการงานนี้ถ้าไม่มีอำนาจก็ไม่สามารถทำได้ไม่สามารถให้ปัจจัยแก่สิ่งเหล่านั้นได้ ในทุกๆ”ศิฟาต” คุณลักษณะของพระองค์ ต้องใช้”กุดเราะฮ์”ต้องใช้พลังอำนาจจึงจะทำให้คุณลักษณะเหล่านั้นเกิดขึ้นมาได้


สมมุติว่า วันใดที่อำนาจของพระองค์ไม่ครอบคลุมไปในทุกสรรพสิ่ง ไม่ได้เกิดขึ้นไปตาม”อิคติยาร”ของพระองค์ จะเกิดอะไรขึ้น แสดงว่าต้องมีอีก”กุดเราะฮ์”อำนาจหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ใต้”กุดเราะฮ์”อำนาจของพระองค์ และถ้าเป็นแบบนี้อะไรจะเกิดขึ้นความเป็นระบบระเบียบ ความเป็นเอกภาพของสรรพสิ่งก็จะไม่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ยืนยัน สิ่งที่พิสูจน์ว่าไม่มีอำนาจพลังใดที่อยู่เหนือพลังอำนาจของพระองค์ คือจนถึงทุกวันนี้ผ่านมาหลายหมื่นปีเอกภพนี้ยังคงมีความเป็นเอกภาพอยู่ จักรวาลนี้ยังคงมีความเป็นระบบระเบียบอยู่ มีความเป็นหนึ่งเดียวอยู่ สรรพสิ่งกำลังขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายเดียวกันอยู่ เพราะทุกสิ่งไม่ได้ออกไปจากพลังอำนาจของพระองค์ เพราะถ้าออกไปจากอำนาจของพระองค์เมื่อไร ความวุ่นวาย ความพินาศก็จะเกิดขึ้น อัลกุรอานได้ยืนยันไว้ในซูเราะฮ์อัลอัมบิยาอฺ โองการที่ 22


لَوْ كاَنَ فِيهِمَا ءَالهِةٌ إِلَّا اللَّهُ لَفَسَدَتَا
 

“หากในชั้นฟ้าและแผ่นดินมีพระเจ้าอื่นนอกจากอัลลอฮ์แล้วไซร้ มันทั้งสองจะพินาศอย่างแน่นอน”


จากโองการดังกล่าวบ่งบอกว่าพระองค์เป็นพระเจ้าทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน พระองค์ทรงมีอำนาจเหนือทุกๆสิ่งทุกๆเรื่องราวทุกๆเหตุการณ์ และเป็นอำนาจหนึ่งเดียวเท่านั้น

 

ขอขอบคุณสถาบันศึกษาศาสนาอัลมะฮ์ดี

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม