เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ตอนที่ 15

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

บทเรียนอูศูลุดดีน (รากฐานของศาสนา)

 

ความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ตอนที่ 15

 

    พระผู้ทรงควบคุมบริบทแห่งชีวิต

 

เรายังอยู่ในข้อสงสัยที่ 3 เรามาถึงอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อสงสัยที่มีรายละเอียดทางด้านปลีกย่อยที่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก ในที่นี้หมายถึง เรื่องของสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วยังเป็นโทษเสียอีก

 

บางครั้งเมื่อเหตุร้าย หรือ สถานการณ์ที่เราไม่พึงประสงค์ เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ทันทีคำถามผุดขึ้นในห้วงความคิดและความรู้สึกของเรา มักเริ่มต้นคำถามว่า “ทำไม?”

ทำไม บางคนพิการแต่กำเนิด?

ทำไม การงานของเราต้องประสบแต่ปัญหา?

ทำไม เราเรียนไม่เก่ง?

ทำไม เราจึงต้องเจ็บปวดซ้ำซาก?

ทำไม คนที่เรารักถึงต้องมาตายจากไปในเวลาที่ไม่สมควร?

ทำไม ไม่มีใครรับเราเข้าทำงาน?

ทำไม? ทำไม? ทำไม?

 

ทำไมพระเจ้าถึงได้สร้างหรือกำหนดให้คนต้องเกิดมา เป็น คนบ้า หรือคน พิการ รวมถึงคนจนและในวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์นั้น ทำไมถึงมีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นอย่างมากมาย อันอาจทำให้มนุษย์คลางแคลงในความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า เพราะสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ มันคือความทุกข์ และข้อสงสัยที่ว่า ถ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมจริงแล้ว ทำไมให้มนุษย์จำนวนหนึ่งเกิดมาร่างกายสมบูรณ์ และมนุษย์อีกจำนวนหนึ่งเกิดมาพิการ ตาบอด หูหนวกเป็นใบ้ ฯลฯ

 

ตัวอย่าง ” กรณีคนพิการ “

 

สิ่งที่วิทยาศาสตร์ค้นพบ บ้างคนเกิดจากความบกพร่องในกระบวนการสร้างมนุษย์ หลังจากปฏิสนธิ เช่น โคโมโซม ดีเอ็นเอบางตัวผิดปกติ หรืออาจเกิดจาก ผู้เป็นมารดา เสพยา ของมืนเมาในขณะตั้งครรภ์

คำถาม : บุคคลที่พิการในภาวะวิกฤติต่าง ๆ ในชีวิตที่กำลังเผชิญอยู่ เขาจะรับมือกับความทุกข์ยากเหล่านั้นได้อย่างไร ?

คำตอบ : แน่นอนว่า การดำเนินชีวิตในโลกนี้ย่อมอยู่อย่างยากลำบาก ทว่าพระผู้เป็นเจ้า ทรงตรัสว่า มนุษย์ คือ สิ่งถูกสร้างที่ประกอบมาจาก 2 องค์ประกอบหลักที่สำคัญ คือ จิตวิญญาณ(รูฮ์) และร่างกาย(บะดัน)

 

ในมุมมองศาสนา มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อดำเนินอยู่และสิ้นสุดในโลกนี้เพียงโลกเดียว ซึ่งในอัดลฺอิลาฮี 4 เราได้อธิบายประเด็น “พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์พร้อมฟิตรัต” หมายความว่า เพื่อให้มนุษย์รับรู้ว่า นอกจากพระองค์สร้างมนุษย์แล้ว ยังมอบพลังฟิตรัตให้มนุษย์ใช้สติปัญญาจำแนกแยกแยะผิดชอบชั่วดีติดตัวมาด้วย ซึ่งสองสิ่งนี้นอกจากไม่มีขอบเขตจำกัดแล้วยังสามารถพัฒนาให้เข้มข้นมากขึ้นและยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเท่าใด การรับรู้และแยกแยะชั่วดี ก็สามารถลงลึกในรายละเอียดและสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น

 

ดังนั้น เมื่อมนุษย์รู้จักและศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ตามทัศนะของอิสลาม ความสำเร็จที่แท้จริงของมนุษย์ จึงไม่ได้ชี้วัดที่ความสมบูรณ์หรือพิการของร่างกาย จะตาบอดหรือตาดี จะเป็นใบ้หรือไม่ใบ้ เหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดใดๆ ถึงแม้ ว่ามนุษย์จะยอมรับหรือไม่ยอมรับในตรรกะนี้ก็ตาม

 

ความเป็นจริง ในวันนี้เป็นที่ปรากฏอย่างชัดเจนว่า คนตาบอดประสบความสำเร็จได้เป็นดอกเตอร์ แต่คนที่มีอวัยวะครบ 32 ประการ บางคนกลับโง่เขลาซึ่งมีให้เห็นอย่างมากมาย เราจะพบว่า ในโลกนี้มีคนพิการที่ประสบความสำเร็จเป็นจำนวนมาก และส่วนมากของคนเหล่านี้กลับบอกว่าเขามีความสุขในชีวิต

 

ตัวอย่าง “อัจฉริยะแห่งยุค”

 

“สตีเฟน วิลเลียม ฮอว์คิง” ผู้ที่ได้รับฉายาว่า เป็นไอน์สไตน์ที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาได้รับการยกย่องจากบรรดานักวิทยาศาสตร์ด้วยกันว่าเป็นนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลกปัจจุบัน ผลงานค้นคว้าที่สร้างชื่อเสียงให้กับฮอว์คิงมากที่สุดก็คือ ทฤษฎีหลุมดำ (black hole) และทฤษฎีที่ว่าด้วยกำเนิดและจุดจบของจักรวาล

 

ในสายตาของคนทั่วไปที่มิใช่นักวิทยาศาสตร์ เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่พิการจะเดินเหินไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ จะพูดจาปราศรัยกับใคร ก็ไม่ได้ แม้แต่จะเขียนหนังสือ แต่งตัว หรือกินอาหารด้วยตัวเองก็ไม่ได้เพราะ “ฮอว์กิง” ป่วยเป็นโรคทางประสาทตั้งแต่อายุ 21 ปีซึ่งโรคนี้ ทำให้ระบบประสาทส่วนกลางของเขาควบคุมกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่ได้เลย แต่อวัยวะหนึ่งเดียวของเขาที่ทำงานคือ “สมอง” โดยเขาต้องอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา

 

ทว่าเขากล่าวประโยคหนึ่งที่สำคัญว่า “ความพิการของผมไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงานด้านวิทยาศาสตร์เลย ผมไม่ต้องบรรยายหรือสอนนักศึกษาปริญญาตรี ผมจึงมีเวลาทุ่มเทเต็มที่กับการค้นคว้าวิจัย”

 

เขาวิจัยทฤษฎีของจักรวาลโดยใช้พลังงานความคิดทางสมองเท่านั้น เขามีสัญชาตญาณวิเศษที่สามารถหาคำตอบของสมการฟิสิกส์ที่ยากๆ ได้ โดยไม่ต้องใช้ปากกาขีดเขียน เปรียบเสมือนกับการที่ บีโธเฟนแต่งซิมโฟนีสำเร็จโดยไม่ต้องเขียนโน้ตลงบนกระดาษแม้สักตัวเดียว

 

ข้อสังเกต : การไปสู่ความสำเร็จระหว่างคนปกติกับคนพิการมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย หมายความว่า โอกาสคนที่พิการจะมีความยากลำบากมากกว่าคนที่ปกติ ซึ่งอาจจะประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่า

 

ดังนั้น เมื่อเห็นวิทยปัญญาดังกล่าวข้างต้นแล้ว จะเห็นว่า ร่างกาย(บาดัน) จะปกติหรือพิการ ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดถึงความสำเร็จที่แท้จริงของมนุษย์

 

ขอขอบคุณสถาบันศึกษาศาสนาอัลมะฮ์ดี

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม