เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ความยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ ผู้เป็นแก้วตาดวงใจแห่งศาสดา ตอนที่ 2

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ความยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ ผู้เป็นแก้วตาดวงใจแห่งศาสดา ตอนที่ 2

 

 

อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ในค่ำคืนนี้ เรามาร่วมกันเฉลิมฉลอง ร่วมรำลึกถึงมัคลูกอันยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ยิ่งใหญ่ในทุกด้าน ไม่ว่าจะด้านนอกหรือด้านใน ทั้งบนฟากฟ้าและแผ่นดิน

 

วันประสูติที่ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้ทุกๆสรรพสิ่งถูกกำเนิดขึ้นมา ดังนั้น ผู้ใดที่มีเตาฟีก ได้มีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลองหรือได้มีส่วนในการจัดงาน หรือไม่ว่าในรูปแบบใดที่เกี่ยวกับสตรีท่านนี้ ถือว่ามีบุญเป็นอย่างมาก เพราะการมีส่วนร่วมในงานนี้มีมรรคผลและผลบุญอย่างมหาศาล บางครั้งอาจจะมากจนคาดไม่ถึง

 

ดังนั้น บรรดาอุลามะฮฺจึงได้บอกว่า
“วันอีดในลักษณะนี้ จงทำให้มันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
จงประดับประดา….
จงประกาศ…
จงทำให้คนรู้ว่า วันนี้คือวันอะไร….

 

แม้เราจะเป็นชีอะฮ์ อยู่ในประเทศที่ไม่ใช่ประเทศอิสลาม ทว่าเราก็สามารถทำได้ แล้วแต่ความเป็นไปได้ในแต่ละพื้นที่ และตามศักยภาพของเรา

 

ตัวอย่าง : การประกาศ การทำให้สังคมรู้ว่า วันนี้คือวันอะไร

 

แน่นอนว่า เราอยู่ในชุมชนที่หลากหลาย เช่น อยู่ในชุมชนของพี่น้องอะฮ์ลิซซุนนะฮฺ พุทธ หรือคริสต์ เราอาจจะทำบุญด้วยการเลี้ยงอาหาร ทำขนม หรืออะไรก็ตามและเชิญพวกเขามารับประทาน แน่นอนว่า พี่น้องร่วมชุมชนต้องถามว่า เลี้ยงฉลองในโอกาสอะไร?

 

เราก็ตอบไปว่า วันนี้คือ วันเกิดของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ)ลูกสาวนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) เพียงเท่านี้เราก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับใช้ท่านหญิงแล้ว ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านึ้ เราอย่าเก็บไว้ร่วมมัจญลิซเพียงที่มัสยิด หรือ ฮุซัยนียะฮ์ หรืออย่าเก็บเอาไว้เพียงในหมู่พวกเรา

 

ทุกคนมีหน้าที่ๆจะต้องประกาศเกียรติคุณของอะฮ์ลุลบัยต์(อ) โดยเฉพาะท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ)คือ บุคคลที่ถูกยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ ถูกยอมรับด้วยเกียรติคุณโดยตัวตนของท่าน ซึ่งไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะอยู่ในมัซฮับใดก็ตาม ชัดเจนว่า ทุกมัซฮับยอมรับ ทว่าอาจจะมีความเข้มข้นแตกต่างกันออกไปเพียงเท่านั้น

 

ดังนั้น เรื่องราวความประเสริฐของอะฮ์ลุลบัยต์(อ) ไม่ใช่ประกาศเพียงภายในพวกเรากันเองแต่ฝ่ายเดียว ทว่าเราทุกคนมีหน้าที่ในการประกาศเกียรติคุณของอะฮ์ลุลบัยต์(อ) ไปสู่ภายนอกด้วย และวิธีการประกาศนั้น มีหลายรูปแบบที่สามารถทำได้

 

ประโยชน์ของฮะดีษที่กล่าวถึง 2 เหตุการณ์ที่สำคัญ

 

เรามาดูว่า เราจะได้ประโยชน์อะไรจากฮะดีษบทหนึ่ง ที่กล่าวถึง 2 เหตุการณ์สำคัญ ที่เรามองข้ามไม่ได้ นั่นคือ การประสูติของท่านหญิงและการถือกำเนิดของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฎ.) บุรุษผู้ที่ทำให้คนในโลกยุคใหม่ได้รู้จักกับอะฮฺลุลบัยตฺ (อ.)


บุรุษ !  ที่ท่านได้ใช้ตัวตนของท่าน ทำความรู้จักท่านหญิงไปถึงขั้นสูงสุด
บุรุษ ! ที่ท่านรู้จักท่านหญิงอย่างมีมะรีฟัต และได้นำมะรีฟัตอันนี้ มาใช้ประโยชน์ ได้อย่างสูงสุดของการที่ได้รู้จัก
บุรุษ ! ที่ผลพวงจากการปฏิวัติอันบารอกัตของท่านที่ผ่านมา 38 ปี ด้วยความยิ่งใหญ่ของท่าน เราจะพบว่ามีจำนวนประชาชนมากกว่า 100 ล้านคน รู้จักท่านหญิงฟาฏิมะฮฺซะฮฺรอ (อ) และอะฮฺลุลบัยตฺ (อ)

 

ดังนั้น พี่น้องพึงระลึกไว้เถิดว่า การที่ท่านอิมามโคมัยนี(ร.ฎ.)ถือกำเนิดในวันเดียวกันกับวันประสูติของท่านหญิงนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญและมันได้ถูกบันทึกเอาไว้ ซึ่งหากในค่ำคืนนี้ เราเกาะติดสถานการณ์โลก เราจะพบว่า ชีอะฮ์สายปฏิวัติ จะพูดถึงท่านหญิงและท่านอิมามโคมัยนี(ร.ฎ.)เหมือนกันทั่วทั้งโลก


อะไรคือ ฮิกมะฮฺ (วิทยปัญญาหรือปรัชญาของเป้าหมาย) ของการถือกำเนิดตรงกัน

 

คำตอบ : อัลลอฮ์(ซบ.)ทรงเลือกให้ท่านอิมามถือกำเนิดในวันนี้ นั่นเพื่อให้จดจำว่า

 

1. วันประสูติของท่านหญิงจะได้ไม่มีผู้ใดลืมเพื่อให้โลกยุคใหม่หรือชีอะฮฺยุคใหม่ หรือชีอะฮฺหลังจากการปฏิวัติ ได้รำลึกถึงท่านหญิง
และรำลึกถึงท่านอิมามโคมัยนี(ร.ฎ.)ในค่ำคืนเดียวกัน

2. ความยิ่งใหญ่และความสูงส่งของท่านหญิงในแง่มุมทางจิตวิญญาน {เราก็พอได้ฟังกันมาบ้างแล้ว} ทว่าในค่ำคืนนี้ เราจะใช้เพียงฮะดิษเดียว แล้วมาดูกันว่า เราจะสามารถใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างจากฮะดิษนี้ ซึ่งหากจะเข้าไปในรายละเอียดทางด้านความสูงส่งทางจิตวิญญานของท่านหญิง แน่นอนเวลาในค่ำคืนนี้คงไม่เพียงพอที่จะอธิบายถึงเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์ ตามที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า เรื่องราวของท่านหญิงนั้น ที่ปรากฏในอัลกุรอาน หรือ ฮะดิษ ถือเป็นเรื่องที่มีมิติพิศวง ต้องค้นคว้าศึกษา ค้นหาถึงความลี้ลับที่มีอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะจากกระทำหรือการปฏิบัติตนของท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ที่มีต่อท่านหญิงหรือแม้แต่การปฏิบัติของบรรดาอะอิมมะฮฺที่มีต่อท่านญิง

 

หากพิจารณาในหลายๆเรื่องราว ด้วยวิชาการทางด้านพื้นฐานที่มีอยู่ แน่นอนว่า พี่น้อง ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ อย่างมากรู้ว่ามันยิ่งใหญ่เพียงเท่านั้น เบื้องต้น เราทุกคนรู้ว่า


 อะฮ์ลุลบัยต์ คือ หัวใจของเรื่องราว
อะฮ์ลุลบัยต์ คือ หัวใจของศาสนา
อะฮ์ลุลบัยต์ คือ หัวใจของความรัก

 

คำอธิบาย : เรารู้แต่เพียงอะฮ์ลุลบัยต์ในมุมนอก รู้ว่าเรื่องราวต่างๆของอะฮ์ลุลบัยต์ คือ เรื่องราวสูงสุดของศาสนา คือ ความรักของศาสนา คือ หัวใจของศาสนา
รู้ว่า นี่คือ อะฮ์ลุลบัยต์ แต่เมื่อเราลงลึกเข้าไปในรายละเอียดของ คำว่า “อะฮ์ลุลบัยต์”อย่างลึกซึ้ง เราจะพบว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (อ) คือ “หัวใจของอะฮ์ลุลบัยต์” และ ในคำว่า “อะฮ์ลุลบัยต์”ทั้งในอัลกุรอานและฮะดิษ ได้ยืนยันว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ คือ ความลับของอะฮ์ลุลบัยต์

 

คำถาม : อะฮ์ลุลบัยต์คือใคร?

 

คำตอบ : เราสามารถให้คำนิยามต่างๆได้อย่างมากมาย ทว่านิยามแรกที่ อัลลอฮ(ซบ) ทรงมอบให้กับ “อะฮฺลุลเบตฺ ซึ่งเราขอยกส่วนหนึ่งใน “ฮะดิษกิซาอฺ”

 

فقال اللّه عزّوجلّ : ياملائكتي وياسكان سماواتي انّي ما خلقت سمآءً مبنيّةً ولا ارضا مدحيّة ولا قمراً منيراً ولا شمسا مضيئةً ولا فلكاً يدور ولابحراً يجري ولا فلكاً يسري الاّ في محبّة هؤلآء الخمسة الّذينهم تحت الكساء

 

อัลลอฮ์ ผู้ทรงเกรียงไกร ตรัสว่า :


“โอ้มวลมลาอิกะฮฺของฉัน โอ้บรรดาชาวฟ้าทั้งหลาย แท้จริงฉันไม่ได้สร้างฟากฟ้าที่สูงตระหง่าน มิได้บันดาลแผ่นดินให้แผ่กว้างออกไป มิได้สร้างดวงเดือนให้เปล่งรัศมี มิได้สร้างจักรวาลให้โคจร มิได้สร้างทะเลให้ไหลเวียน มิได้ดลให้นาวาให้ไหลล่อง นอกเสียจากว่าเพื่อความรักแก่บุคคลทั้งห้า ซึ่งพวกเขาอยู่ภายใต้ผ้าคลุมนั้น”

 

บ่งชี้ว่า ถ้าหากไม่มีบุคคลทั้งห้า แล้วไซร้ภายใต้ผ้าคลุมนี้ อัลลอฮ์(ซบ.)จะไม่สร้างสิ่งอื่นใด ซึ่งหากสังเกตคำอธิบายที่นำเสนอไป เมื่อพิจารณาอย่างลึกซึ้ง เห็นได้ว่า คงไม่เหลือข้อกังขาใดๆ เพราะ “ฮะดีษกิซาอฺ” คือ เสี้ยวหนึ่งที่นิยามความรักของอัลลอฮ์ (ซบ) ที่มีต่ออะฮ์ลุลบัยต์ ทว่าแท้จริงแล้วยังมีอัลกรุอานและฮะดิษอีกมากมายที่กล่าวถึงความประเสริฐที่เป็นหัวใจหลักของศาสนา

 

ดังนั้น ด้วยฮิกมัตนี้ ฮะดีษกิซาอฺ จึงถูกนำมาอ่าน เมื่อมีการขึ้นบ้านใหม่ หรือ ฯลฯ

 

เบื้องต้น เป็นการวิสัชนาที่มาของ “การถือกำเนิดที่ทำให้ได้ถูกกำเนิดของทุกๆสรรพสิ่ง” ซึ่งเราก็รู้ดีว่า ผู้ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมทั้ง 5 คือใคร? แต่เมื่อลงลึกลงไป ผู้ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมทั้ง 5 นั้น บ่งชี้ชัดเจน คือ อะฮ์ลุลบัยต์

 

ทว่าหากเราลงลึกไปในรายละเอียดอีก ท่านญิบรออีล(อ) กล่าวถาม อัลลอฮ์ (ซ.บ) ความว่า

 

فقال امين جبرائيل : ياربِّ ومن تحت الكساء ، فقال عزّوجلّ : هم اهل بيت النبوّة ومعدن الرسالة هم فاطمة وابوها وبعلها وبنوها

“โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน แล้วใครกันเล่าที่อยู่ใต้ผ้าคลุมนั้น พระผู้ทรงเกรียงไกรตรัสว่า พวกเขาคืออะฮ์ลุลบัยต์ ของนบี เป็นศูนย์กลางแห่งการเผยแพร่สาส์น ซึ่งได้แก่ ฟาฏิมะฮฺ บิดาของเธอ สามีของเธอ และลูกของเธอ”

 

ขอยกประโยค “ياربِّ ومن تحت الكساء”


{ยาร็อบบี วะมันตะฮฺตัลกิซาอฺ} ความว่า: โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน แล้วใครเล่าคือ ผู้ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมนั้น?

 

พระองค์ทรงตอบว่า..هم {ตรงนี้เข้าไปด้านในของภาษา คำว่า “ฮุม” หมายถึง พวกเขา “ทายาท”}

อัลลอฮ(ซ.บ)ตอบแก่ญิบรออีลว่า ฮุมฟาฏิมะฮฺ {พวกเขาคือฟาฏิมะฮฺ} จริงอยู่ในฮะดีษกิซาอฺ มีประโยคที่ยิ่งใหญ่ก่อนหน้านี้ คือ


“هم اهل بيت النبوّة”


{ฮุมอะหฺลุลบัยตินะบูวะฮฺ}
 

ความว่า พวกเขาคือ ญาติใกล้ชิดแห่งศาสดา}

 

และอีกประโยคที่ตามมา “ومعدن الرسالة”
{วะมะอฺดินุรริซาละ} ความว่า และผู้ที่เป็นที่มาแห่งตำแหน่งศาสนทูต (ศูนย์กลางแห่งการเผยแพร่สาส์น)

แต่ทำไมประโยคที่ตามหลังประโยคทั้งสองกลับเป็นประโยค

“هم فاطمة”

{ฮุมฟาฏิมะฮฺ} ความว่า พวกเขาคือฟาฏิมะฮฺ

เบื้องต้น หากพิจารณา ก่อนที่จะมีประโยคตามมา เหตุใด ชื่อท่านหญิง จึงถูกนำมาเป็นตัวหลัก ความว่า

“วะอะบีฮา” {บิดาของนาง}
“วะบะอฺลุฮา” {สามีของนาง}
“วะบะนูฮา” {และลูกๆของนางหรือวงศ์วานลูกหลานของนาง}

ตรงนี้ คือ กุญแจ ที่ชี้ถึงความยิ่งใหญ่ เพราะชื่อท่านหญิง หากมองในภาษาทางวิชาการ เป็นชื่อที่ถูกตั้งนำ(ตัวหลัก)แล้วตามด้วยท่านนบี ท่านอิมามอะลีและบุตรของท่าน เห็นได้ว่า ทั้งบิดา ทั้งสามีและลูกๆ กลับเป็นชื่อที่พ่วงท้ายชื่อของท่านหญิง และในอีกหลายๆฮะดิษ ก็มีกล่าวในรูปลักษณะนี้

นี่คือความยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ)ทางด้านลับ(มิติพิศวง)ที่อัลลอฮ์(ซบ)ทรงบอกแก่มวลมนุษย์

 

บรรยายพิเศษโดย ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮุซัยนี


ขอขอบคุณเว็บไซต์ Syedsulaiman

 

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม