รัศมีของท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)เจิดจรัสทั่วโลก
รัศมีของท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)เจิดจรัสทั่วโลก
บางส่วนจากการบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
____________
•••บรรดาศัตรูอิสลามต้องการทำลายล้างท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ) ซึ่งความจริงแล้วการทำลายนบีมีก่อนหน้าที่ท่านจะถือกำเนิด เหมือนกับการสรรเสริญ ศอลาวาต ก็มีมาก่อนหน้าที่ท่านจะมาถือกำเนิดในโลกนี้
ข้อเท็จจริง การตามล้างตามฆ่าไม่ให้ศาสดาองค์นี้ลงมาจุติ ในประวัติศาสตร์ได้บันทึก ถึงการเข้ามาอพยพของยะฮูด ชาวยิวและชาวนัศรอนี ทั้งชาวยิวและชาวคริสต์ที่อพยพเข้ามาอยู่ในเส้นทางของแผ่นดินฮิญาซ (ระหว่างเส้นทางมะดีนะฮ์ –มักกะฮ์ และมะดีนะฮ์-ซีเรีย ซึ่งพบแต่เดิมนั้นอยู่ทางดินแดน “คานาอัน” ไปทางปาเลสไตน์) แต่ที่อพยพเข้ามานั้น เป็นเพราะรู้คำพยากรณ์ว่า จะมีศาสดาองค์สุดท้ายถือกำเนิดมา
ด้วยเหตุนี้ ทุกๆศาสนาซึ่งมีก่อนหน้านี้ จำเป็นต้องสิ้นสุดลง เพราะพวกเขารู้สัญลักษณ์ รวมทั้งรู้ถึงรายละเอียดของศาสดาองค์ต่อมา และในบรรดาบุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในแผ่นดินฮิญาซ มีอยู่ 2 กลุ่ม โดยมีเป้าหมายต่างกัน คือ
1.กลุ่มแรก เข้ามาเพื่อที่จะดับแสง “นูร” ของศาสดาองค์ใหม่
2. กลุ่มที่สอง เข้ามาเพื่อที่จะรอรับสาสน์ และยอมรับในศาสดาองค์นี้
ทว่าไม่ว่ามนุษย์มีการสร้างป้อมปราการ ตั้งแต่แผ่นดินซีเรีย แผ่นดินชาม จนถึงเมืองมะดีนะฮ์ ซึ่งในแต่ละแผ่นดินก็จะมีป้อมปราการต่างๆ โดยเฉพาะการรอคอยของพวกยะฮูดี จำนวนมาก รอเพื่อเตรียมการฆ่าศาสดาองค์นี้
แน่นอน พวกเขารู้รายละเอียดทั้งหมดว่า ศาสดาองค์นี้จะมาจากเผ่ากุเรชและจะมาจากเชื้อสายของใคร อยู่ในไขสันหลังของใคร สืบเชื้อสายมาจากผู้ใด
ประวัติศาสตร์บันทึกว่า มีการตามล้างตามล่า มีการลอบสังหารเชื้อสายต้นตระกูลของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)อย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการที่จะดับแสงอันนี้ เพราะไม่ให้นูรอันนี้ปรากฏตัว
นี่คือ กลุ่มที่รอคอยท่านศาสดา เพื่อจะมาดับแสงท่านศาสดามูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) ซึ่งหากทุกคนศึกษาเรื่องราวของท่าน หลังจากการปรากฏตัว เราก็เห็นแล้วว่า เป็นศาสดาองค์เดียว ในการเผยแผ่สาสน์ของเอกองค์อัลลอฮ(ซบ) ที่ต้องเผชิญกับสงครามอย่างมากมาย
สิบปีหลังจากที่ได้รับอนุมัติให้ทำสงคราม ในยุคสมัยของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)เกิดสงครามมากถึงแปดสิบครั้ง โดยมีเป้าหมายและพยายามที่จะดับนูรอันนี้ และสิ่งนี้มันมีมาตลอดทุกยุคทุกสมัย แต่ก็มีคำสัญญาหนึ่งจากอัลลอฮ์(ซบ)ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ยืนยันการคงอยู่อย่างต่อเนื่องของนูรและสาสน์อันนี้ ๒ โองการด้วยกัน ซึ่งใจความหลักจะมีความคล้ายกัน แต่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย
������โองการแรก ซูเราะฮฺเตาบะฮฺ โองการที่ ๓๒
يُرِيدُونَ أَن يُطْفِئُوا نُورَ اللَّهِ بِأَفْوَاهِهِمْ وَيَأْبَى اللَّهُ إِلَّا أَن يُتِمَّ نُورَهُ وَلَوْ كَرِهَ الْكَافِرُونَ
ความว่า “พวกเขาต้องการเพื่อจะดับแสงของอัลลอฮ์ด้วยปากของพวกเขา และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงยินยอม นอกจากจะทรงให้แสงของพระองค์สมบูรณ์เท่านั้น และแม้ว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะชิงชังก็ตาม
������คำอธิบาย : เขาพยายาม(ยุรีดู)เหมือนกัน คือ ตลอดเวลา ต้องการที่จะดับนูรของอัลลอฮฺ(ซบ) นูรุลลอฮ์
คำว่า “นูร” หมายถึงศาสดา
“นูร” หมายถึง ความศรัทธาในอิสลาม
“นูร” หมายถึง คำสั่งสอนของอิสลาม
บ่งชี้ว่า บรรดาศัตรูต้องการที่จะดับแสงของพระองค์ต่างๆเหล่านี้ และนี่คือนูรของอัลลอฮ์ คำสั่งสอนในศาสนาคือนูรของอัลลอฮ์ สาสน์ของนบี คือนูรของอัลลอฮ์ ความศรัทธาคือนูรของอัลลอฮ์ ตัวของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ก็คือนูรของอัลลอฮ์
และในโองการนี้เลือกใช้คำว่า (อัย ยุฏ ฟิอู) ต้องการที่จะดับแสงของอัลลอฮ์ และ อัลลอฮ์(ซบ) แน่นอนไม่มีวันยอมให้พวกเขาดับนูรของพระองค์ อัลลอฮฺจะไม่ยอมให้พวกเขาดับแสงของพระองค์ ในขณะที่พวกเขาพยายามจะดับแสง แต่ในขณะเดียวกันนั้น อัลลอฮ์(ซบ) ก็ทำให้แสงอันนี้นั้นเจิดจรัสขึ้น ทำให้มันสมบูรณ์ขึ้น
และความจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถที่จะดับแสงรัศมีของอัลลอฮ์(ซบ) คำสั่งสอนของมุฮัมมัด(ศ็อลฯ) ศาสนาของมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ไม่มีใครสามารถที่จะดับแสงอันนี้ได้
นี่คือสิ่งหนึ่งที่อัลลอฮ์(ซบ)ยืนยันในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน แล้วสิ่งนี้มันก็เกิดขึ้น ในเวลาเพียงไม่นานนัก นบีได้เปลี่ยนแผ่นดินอันนั้นเป็นแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ เป็นแผ่นดินแห่งอารยะธรรม เป็นแผ่นดินวัฒนธรรมที่สูงส่งนำสู่วัฒนธรรมให้กับชาวโลก
และข้อพิสูจน์ ด้วยระยะเวลาไม่นานนัก นูรรัศมีส่องประกายมาถึงทั่วโลก ถึงแม้ว่าในโลกนั้น ได้มีความพยายามที่จะดับแสง และหลังจากการจากไปของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อล)ก็ยังมีคนที่จะดับแสงนี้อีกเช่นกัน โดยพวกเขาพยายามบิดเบือนคำสอนในศาสนาในรูปแบบต่างๆ แต่ในที่สุด เขาก็ไม่สามารถทำได้ เพราะนูรของมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)นั้น ไม่ได้อยู่ที่ตัวของท่านนบีเพียงผู้เดียว แต่อยู่ที่บรรดาอะอิมมะฮ์ และอยู่ในบุคคลที่เป็นสาวกที่แท้จริง และอยู่ที่บรรดาทายาทที่แท้จริงของท่านด้วย
ยุคหนึ่ง สมัยหนึ่ง กลุ่มแรกที่ฉายแสงอันนี้ ก็คือบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์(อ) ซึ่งมีฮะดิษกำกับและยืนยันอย่างมากมาย
������ตวอย่าง ฮะดิษ
(อะนา วะอาลียุน มินนู ริน วะฮิด)
“ฉันกับอะลี มาจากนูรอันเดียวกัน”
(อะนา วะอะลียุน มินซะญารอตินวาฮิด)
“ฉันกับอะลี มาจากต้นไม้ต้นเดียวกัน”
ความจริงแล้ว ฮะดิษแบบนี้มีมากมาย แม้แต่ในสายรายงานของพี่น้องอะฮ์ลิซซุนนะห์ก็มีบันทึกไว้ ทว่าที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้ เพื่อชี้ให้เห็นถึงการเป็นนูรอันเดียวกัน
และในบางครั้งก็ถูกอธิบายในรูปแบบลักษณะอื่นๆ เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้คือสิ่งเดียวกัน
������ตวอย่าง ฮะดิษ
(ฮุเซน นุม มินนี วะอะนา มิน ฮุเซน)
“ฮุเซนมาจากฉัน และฉันมาจากฮุเซน"
เป้าหมายเพื่อให้เห็นถึงการเป็นฮากีกัตเดียวกันกับนูรท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)
ทว่าหลังจากท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ได้จากไป ทั้งนี้ไม่ได้จากไปในแบบที่มนุษย์เข้าใจ แต่เป็นการจากไปเพียงสรีระของรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)เท่านั้น แต่นูรของท่านยังคงอยู่บนโลก และไม่มีใครที่จะดับนูรอันนี้ได้ มันยังส่องประกายอยู่เสมอ
ในการชี้ว่า มนุษย์อาจทำได้เพียงเบียดบัง อาจจะบดบัง อาจจะกดดันเท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลา วันหนึ่งนูรนี้ต้องระเบิดขึ้นมา มันก็ต้องฉายแสงขึ้นมา มันก็ต้องเจิดจรัสรัศมีขึ้นมา เพื่อชี้นำมวลมนุษยชาติ และมันไม่มีใครสามารถที่จะหยุดกระแสของนูรอันนี้ได้
นัยยะข้างต้นนี้ หมายถึง กระแสของการชี้นำมวลมนุษยชาติเข้าสู่อิสลาม ยิ่งวันเวลาผ่านไปความแก่กล้าของนูรอันนี้ก็ยิ่งมากขึ้น วันเวลาหนึ่ง พี่น้องลองคิดดู ว่า เมืองมักกะฮ์ เมืองมาดีนะฮ์อยู่ตรงไหน เมืองไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย อยู่ที่ไหน แต่วันนี้นูรแห่งความศรัทธาของท่าน นบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ) นูรแห่งความศรัทธาในศาสนาที่ท่านนำมา ในคำสั่งสอนที่ท่านนำมานั้นได้มาถึงยังแผ่นดินทั่วโลกแล้ว
แม้แต่ในประเทศญี่ปุ่น ถ้าเราจะมองทางด้านทิศตะวันออก เพราะญี่ปุ่นเป็นดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นดินแดนแห่งอาทิตย์อุไท โดยเดิมนั้น ดวงอาทิตย์จะขึ้นเป็นที่แรกในโลกนี้ก็คือ ที่ประเทศญี่ปุ่น
และในญี่ปุ่นวันนี้ เรามีมุสลิมชาวญี่ปุ่นเพิ่มจำนวนมากขึ้น และ แสงรัศมีนี้ก็ฉายแสงถึงยัง แอฟริกา และแอฟริกา คือ แหล่งสุดท้ายที่ดวงอาทิตย์จะตก ซึ่งมองตามภูมิศาสตร์อีกมุมหนึ่ง แน่นอนในแอฟริกาคือ แผ่นดินอันยิ่งใหญ่ที่มีคนจำนวนมากหันเข้ารับศาสนาอิสลาม
������ดงนั้น ทุกวันนี้ ที่เกิดเรื่องราวต่างๆอย่างมากมาย ทั้งในทิศตะวันตกในยุโรป ในสวีเดน ในเยอรมัน ในเดนมาร์ก ในอิตาลี หรือในที่ไหนก็แล้วแต่ ที่กำลังเขียนหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าในการดูหมิ่นอิสลามทั้งหมด เพราะเขากลัวกระแสคำสั่งสอนของศาสดาองค์นี้ เขาพยายามที่จะดับแสงอันนี้ คำสั่งสอนที่เป็นนูร
เหตุผลหนึ่งที่อัลลอฮ์(ซบ)บอกว่ามันคือ แสงรัศมี เพราะมันเป็นสสาร เมื่อมนุษย์ได้สัมผัส เมื่อมนุษย์ได้เข้าใจ เมื่อมนุษย์ได้เห็นก็รู้เลยว่านี้คือสิ่งถูกต้อง
นี่คือสิ่งที่มวลมนุษยชาติรอคอย
ดังนั้นการกระทำทุกอย่างทั้งหมดของเหล่ามาร เหล่าซาตานของศัตรูศาสนาเพื่อที่จะดับแสงอันนี้ และรูปแบบต่างๆก็เพื่อที่จะดับแสงอันนี้ เพื่อที่จะดับแสงของอัลลอฮ์(ซบ) เพื่อจะดับแสงนี้ให้ดับลงให้ได้ จะทำทุกวิถีทาง แต่งเติมแต่งร้ายให้ท่านศาสดา ให้ร้ายคำสั่งสอนในอิสลาม
และวิธีการสุดท้าย คือ เอาศาสนาออกไปจากการเมือง แบ่งแยกศาสนจักรกับอาณาจักรให้ออกจากกันเพราะเขารู้แล้วว่า เมื่อใดก็ตามที่ศาสนจักรกับอาณาจักรแบ่งแยกออกจากกันได้ เมื่อนั้นศาสนาไม่อาจมีบทบาท มีอำนาจอย่างแท้จริงขึ้นมาในโลกนี้•••
اللَّهُمَّ صَلِّ عَلَى مُحَمَّدٍ وآلِ مُحَمَّدٍ وعَجِّلْ فَرَجَه