เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ชีวประวัติ อับบาส บินอะลี

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ชีวประวัติ อับบาส บินอะลี


ตามคำกล่าวของนักวิจัยบางคน ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชีวิตของอับบาสก่อนเหตุการณ์กัรบะลาอ์ มีอยู่น้อยมาก (๒๙) และอีกหนึ่งเหตุการณ์ คือ การเข้าร่วมในพิธีฝังศพของอิมามฮะซัน อัลมุจญ์ตะบา (อ.) [๓๐] ส่วนที่เหลือทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กัรบะลาอ์ [๓๑]

การถือกำเนิด

มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับปีแห่งการถือกำเนิดของอับบาส (อ.) [๓๒] ความแตกต่างนี้ อาจเกิดจากการรายงานอายุของอับบาส (อ.) ในตอนที่บิดาของเขา คือ อิมามอะลี (อ.) เป็นชะฮีด ซึ่งบางแหล่งข้อมูลรายงานว่า เขามีอายุระหว่าง ๑๖ ถึง ๑๘ ปี [๓๓] ในขณะที่บางแหล่งข้อมูลระบุว่า เขามีอายุ ๑๔ ปี และยังไม่บรรลุนิติภาวะ [๓๔]

คำกล่าวที่ถูกรู้จักกัน คือ อับบาส (อ.) ถือกำเนิดในปีฮิจเราะห์ศักราชที่ ๒๖ ณ เมืองมะดีนะฮ์ [๓๕] ตามคำกล่าวของอัรดูบาดี ไม่มีการกล่าวถึงวันและเดือนถือกำเนิดของเขาในแหล่งข้อมูลดั้งเดิมและมีเพียงหนังสือชื่อ อะนีส อัชชียะฮ์ ซึ่งเขียนขึ้นในศตวรรษที่ ๑๓ ฮิจเราะห์ศักราช ที่รายงานว่า วันถือกำเนิดของเขา คือตรงกับวันที่ ๔ เดือนชะอ์บาน [๓๖] ผู้เขียนหนังสือ เคาะศออิศ อัลอับบาซียะฮ์ ได้เขียนไว้โดยไม่ระบุแหล่งที่มาว่า ขณะที่อับบาสถือกำเนิด อิมามอะลี (อ.) ได้อุ้มเขาไว้ในอ้อมแขน พร้อมทั้งตั้งชื่อให้ว่า อับบาส อ่านอะซานและอิกอมะฮ์ในหูทั้งสองของเขา แล้วจูบที่แขนของทารกน้อยและร้องไห้ เมื่อท่านหญิงอุมมุลบะนีน ถามถึงเหตุผลที่เขาร้องไห้ เขาตอบว่า แขนทั้งสองของอับบาสจะถูกตัดออกในหนทางแห่งการช่วยเหลือฮุเซน(อ.) และอัลลอฮ์จะประทานปีกทั้งสองข้างให้เขาในปรโลกเพื่อเป็นการตอบแทนแขนที่ถูกตัดขาด [๓๗] หนังสือเล่มอื่นๆ ก็ได้กล่าวถึงการร้องไห้ของอิมามจากการที่แขนทั้งสองของอับบาสถูกตัดขาด โดยอ้างอิงถึงเรื่องราวเดียวกันนี้ [๓๘]

ภรรยาและบุตร

แผนผังภาพของบุตรของอับบาส (๓๙)

อับบาส (อ.) ได้แต่งงานกับท่านหญิงลุบาบะฮ์ หลานสาวของอับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบ ระหว่างปีฮิจเราะห์ศักราชที่ ๔๐ ถึง ๔๕ [๔๐] ในแหล่งข้อมูลบางแห่ง รายงานว่า บิดาของท่านหญิงลุบาบะฮ์คือ อุบัยดุลลอฮ์ บิน อับบาส [๔๑] และบางแหล่งข้อมูล ยังรายงานว่า เป็นอับดุลลอฮ์ บิน อับบาส [๔๒] อิบนุฮะบีบ อัลบัฆดาดี นักประวัติศาสตร์แห่งศตวรรษที่ ๓ ฮิจเราะห์ศักราช รายงานว่า ท่านหญิงลุบาบะฮ์ ภรรยาของอับบาสเป็นบุตรสาวของอุบัยดุลลอฮ์ และลุบาบะฮ์ บุตรสาวของอับดุลลอฮ์เป็นภรรยาของอะลี บิน อับดุลลอฮ์ ญะฟัร [๔๓]

ท่านหญิงลุบาบะฮ์ให้กำเนิดบุตรชายสองคนแก่อับบาส ได้แก่ ฟัฎล์ และอุบัยดุลลอฮ์ [๔๔] หลังจากการเป็นชะฮีดของอับบาส นางได้แต่งงานกับวะลีด บิน อุตบะฮ์และต่อมากับซัยด์ บิน ฮะซัน [๔๕]

อุบัยดุลลอฮ์ บุตรชายของอับบาส (อ.) ได้แต่งงานกับบุตรสาวของอิมามซัจญาด (อ.) [๔๖] นักเขียนบางคนกล่าวว่า อับบาสมีบุตรชายคนอื่นๆ ชื่อ ฮะซัน กอซิม มุฮัมมัด และบุตรสาวอีกคนหนึ่ง โดยระบุว่า กอซิมและมุฮัมมัดเป็นชะฮีดในวันอาชูรอ หลังจากบิดาของพวกเขา [๔๗]

มีรายงานว่า สายตระกูลของอับบาส (อ.) สืบต่อมาจากบุตรชายของเขา คือ อุบัยดุลลอฮ์ และบุตรชายของอุบัยดุลลอฮ์ ชื่อ ฮะซัน บุตรหลานของอับบาสเป็นที่รู้จักในฐานะตระกูลที่มีชื่อเสียงในหมู่ตระกูลอะละวีย์ หลายคนเป็นนักปราชญ์ กวี ผู้พิพากษา และผู้ปกครอง [๔๘] รายงานระบุว่า สายตระกูลของอับบาสแผ่ขยายตั้งแต่แอฟริกาเหนือจนถึงอิหร่าน [๔๙] สาเหตุหนึ่งที่ทำให้สายตระกูลของเขาแพร่กระจายอย่างกว้างขวางนั้น เนื่องจากการอพยพของบุตรหลานของอับบาส เจากการกดขี่ของระบอบการปกครอง [๕๐]


สงครามศิฟฟีน

การเข้าร่วมของอับบาส (อ.) ในสงครามศิฟฟีนถูกกล่าวถึงในหนังสือบางเล่มที่เขียนขึ้นในยุคหลัง มีรายงานว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมกับมาลิก อัชตัร บุกโจมตีแม่น้ำยูเฟรตีสในสงครามศิฟฟีนและนำน้ำกลับมาให้แก่กองทัพของอิมามอะลี (อ.) [๕๑] ในหนังสือเหล่านี้ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่อับบาสสังหารอิบนุชะอ์ษาอ์จากชาม (ซีเรีย) และบุตรชายทั้งเจ็ดคนของเขาในสงครามศิฟฟีนด้วย [๕๒]

ตามที่นักเขียนบางคนกล่าว ชาวเมืองชาม ถือว่า อิบนุชะอ์ษาอ์มีพลังเทียบเท่ากับนักรบพันคน [๕๓] อย่างไรก็ตาม มีบางคนที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการเข้าร่วมของอับบาส (อ.) ในสงครามศิฟฟีน และมองว่า เรื่องนี้ไม่สอดคล้องกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ [๕๔]

ตามที่อัรดูบาดีเขียนไว้ในหนังสือของเขา เรื่องราวที่อิมามอะลี (อ.) ฝากฝังอับบาสและกำชับเกี่ยวกับอิมามฮุเซน (อ.) แม้ว่า จะเป็นที่รู้จักกันดี แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้ [๕๕]

ในเหตุการณ์กัรบะลาอ์
การเข้าร่วมในเหตุการณ์กัรบะลาอ์ เป็นช่วงสำคัญที่สุดในชีวิตของอับบาส บิน อะลี และความสำคัญของเขาในสายตาของชีอะฮ์ เกิดจากบทบาทของเขาที่มีในเหตุการณ์นี้ อับบาสถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่สุดของการลุกขึ้นต่อสู้ของอิมามฮุเซน (อ.) [๕๖] ขณะเดียวกัน ในหนังสือส่วนใหญ่ได้เขียนแยกต่างหากเกี่ยวกับอับบาส (อ.) ไม่มีรายงานทางประวัติศาสตร์หรือเรื่องเล่าที่กล่าวถึงเขาในช่วงที่อิมามฮุเซน (อ.) เดินทางออกจากเมืองมะดีนะฮ์ไปยังมักกะฮ์ และจากมักกะฮ์ไปยังเมืองกูฟะฮ์ ก่อนเดือนมุฮัรรอม ปีฮิจเราะห์ศักราชที่ ๖๑ [๕๗]

การกล่าวสุนทรพจน์ในมักกะฮ์

ผู้เขียนหนังสือ เคาะฏีบ กะอ์บะฮ์ ได้กล่าวถึงสุนทรพจน์ที่ถูกระบุว่า เป็นของอับบาส (อ.) [๕๘] โดยอ้างถึงบันทึกที่ระบุในหนังสือ มะนากิบ ซาดะฮ์ อัลกิรอม ซึ่งผู้เขียนเองก็ยอมรับว่า ไม่เคยเห็นหนังสือนี้ [๕๙] จากรายงานดังกล่าวระบุว่า ในวันที่ ๘ เดือนซุลฮิจญะฮ์ อับบาสได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนหลังคาของกะอ์บะฮ์ โดยกล่าวถึงสถานภาพของอิมามฮุเซน (อ.) และวิจารณ์การที่ประชาชนให้สัตยาบันแก่ยะซีด ซึ่งเขาอธิบายว่า เป็นคนดื่มสุรา ในสุนทรพจน์นั้น อับบาสยังได้กล่าวว่า ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาสังหารอิมามฮุเซน (อ.) และวิธีเดียวที่จะสังหารอิมามได้ คือการสังหารอับบาสเสียก่อน [๖๐] ทั้งนี้ ญูยา ญะฮานบัคช์ ในบทความที่วิเคราะห์ข้อความเชิงวรรณกรรมและการตั้งข้อสงสัยถึงความน่าเชื่อถือของผู้เขียนและแหล่งที่มา ได้ปฏิเสธเรื่องราวนี้ โดยระบุว่า ไม่มีการกล่าวถึงเหตุการณ์นี้ในแหล่งข้อมูลอื่นๆ [๖๑]

การถือธงชัยในวันอาชูรอ

ในวันอาชูรอ อับบาส (อ.) เป็นผู้ถือธงชัยของกองทัพอิมามฮุเซน (อ.) อิมามได้มอบหน้าที่นี้ให้เขาในช่วงเช้าของวันอาชูรอ [๖๒] จากรายงานบางฉบับ ระบุว่า เมื่ออับบาสขออนุญาตจากอิมามเพื่อออกไปสู้รบในสมรภูมิ อิมามได้ย้ำเตือนถึงความสำคัญของหน้าที่การถือธงชัยของเขา [๖๓]

การนำน้ำและการให้น้ำ

ตามรายงานจากแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ระบุว่า เมื่อศัตรูได้ปิดกั้นน้ำจากกองคาราวานของอิมามฮุเซน (อ.) ไม่ให้เข้าถึงน้ำที่แม่น้ำยูเฟรตีสและความกระหายเริ่มส่งผลกระทบต่อครอบครัวและอัศฮาบของเขา อิมามฮุเซนได้ส่งอับบาสพร้อมกับนักรบม้า ๓๐ นายและนักรบเดินเท้า ๒๐ นาย พร้อมด้วยถุงน้ำ ๒๐ ถุงไปยังแม่น้ำยูเฟรตีสในตอนกลางคืน พวกเขาสามารถเข้าใกล้แม่น้ำได้ แต่ถูกขัดขวางโดยอัมร์ บิน ฮัจญาจและกองกำลังของเขา อับบาสและผู้ร่วมทางสามารถผลักดันศัตรูและเข้าถึงแม่น้ำได้ จากนั้นพวกเขาได้กรอกน้ำใส่ถุงน้ำและพยายามกลับไปที่กระโจม ในระหว่างการกลับมา อัมร์ บิน ฮัจญาจและกองกำลังของเขาได้โจมตีพวกเขาอีกครั้ง แต่อับบาสและนักรบม้าได้ปกป้องเส้นทาง เพื่อที่นักกรบเดินเท้าจะนำน้ำกลับไปยังกระโจม [๖๔]

การปฏิเสธหนังสือรับรองความปลอดภัย

ในระหว่างที่กองคาราวานของอิมามฮุเซน (อ.) อยู่ที่กัรบะลา ศัตรูได้ส่งหนังสือรับรองความปลอดภัย สำหรับอับบาสและพี่น้องของเขา

หนังสือรับรองความปลอดภัยจากอับดุลลอฮ์ บิน อะบีมะฮัล

เมื่อชิมร์ บิน ซิลเญาชัน ได้รับคำสั่งจากอิบนุซิยาดให้ต่อสู้หรือบังคับให้อิมามฮุเซนยอมจำนน อับดุลลอฮ์ บิน อะบีมะฮัล หลานชายของท่านหญิงอุมมุลบะนีน ได้ร้องขอหนังสือรับรองความปลอดภัยสำหรับอับบาสและพี่น้องของเขาจากอิบนุซิยาด หนังสือนี้จึงถูกส่งไปยังกระโจมของอิมามฮุเซน ผ่านผู้ส่งสาร เมื่อผู้ส่งสารได้พบกับอับบาสและพี่น้อง เขาบอกว่า นี่คือหนังสือรับรองที่ลุงของเขาส่งมาให้ แต่พวกเขาตอบว่า "จงส่งความปรารถนาดีถึงลุงของเราและบอกเขาว่า เราไม่ต้องการหนังสือรับรองนี้ เพราะการคุ้มครองจากอัลลอฮ์ดีกว่าการคุ้มครองจากอิบนุซิยาด [๖๕]

หนังสือรับรองความปลอดภัยจากชิมร์ บิน ซิลเญาชัน

ในคืนวันที่ ๙ เดือนมุฮัรรอม ชิมร์ยืนอยู่หน้ากระโจมของอิมามฮุเซนและเรียกหา บุตรของน้องสาวฉันอยู่ที่ไหน? อับบาส ญะฟัร และอุษมานได้ออกมาพบเขาและถามว่า เขาต้องการอะไร ชิมร์บอกว่า พวกเจ้าจะปลอดภัย แต่พวกเขาตอบว่า ถ้าเจ้าเป็นลุงของเรา ขอให้พระเจ้าทรงสาปแช่งเจ้าและหนังสือรับรองของเจ้า เพราะเจ้าได้มอบหนังสือรับรองนี้ให้เรา แต่กลับละเลยลูกหลานของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ! [๖๖]

ในรายงานของอิบนุอะอฺษัม (เสียชีวิตปี ฮ.ศ. ๓๑๔) เมื่อชิมร์เรียกหาอับบาสและพี่น้องของเขา อิมามฮุเซนบอกพวกเขาว่า จงตอบเขา แม้เขาจะเป็นคนชั่วก็ตาม เพราะเขาเป็นลุงของพวกท่าน พวกเขาจึงออกไปถามชิมร์ว่า เจ้าต้องการอะไร? ชิมร์ตอบว่า "โอ้ลูกหลานของน้องสาวข้า พวกเจ้าจะปลอดภัย จงอย่าสังหารตัวเองไปพร้อมกับฮุเซนและจงเชื่อฟังอะมีรุลมุอ์มินีน ยะซีดเถิด อับบาสได้ตอบว่า ความตายจงมีแก่เจ้า โอ้ชิมร์! ขอพระเจ้าสาปแช่งเจ้าและหนังสือรับรองของเจ้า เจ้าคือศัตรูของอัลลอฮ์! เจ้ากำลังบอกให้เราละทิ้งพี่ชายของเราและเชื่อฟังศัตรูกระนั้นหรือ? [๖๗]

รายงานอีกฉบับหนึ่งจากอิบนุกะซีร (เสียชีวิต ปี ฮ.ศ. ๗๗๔) ซึ่งต่างจากแหล่งข้อมูลดั้งเดิม ระบุว่า พี่น้องของฮุเซนได้กล่าวกับชิมร์ว่า ถ้าเจ้ามอบหนังสือรับรองให้กับเราและพี่ชายของเรา ฮุเซน เราก็จะยอมรับ แต่หากไม่ใช่ เราไม่ต้องการหนังสือรับรองของเจ้า [๖๘] แต่ตามรายงานของอิบนุกะซีรและอิบนุอะอ์ษัม ซึ่งเกิดขึ้นในยุคหลัง ถูกมองว่า ไม่สอดคล้องกับแหล่งข้อมูลดั้งเดิม [๖๙]

การเป็นชะฮีดของพี่น้องของอับบาส

ตามรายงานทางประวัติศาสตร์ การแต่งงานระหว่างอิมามอะลี (อ.) กับท่านหญิงอุมมุลบะนีน ท่านหญิงได้ให้กำเนิดบุตรชาย ๔ คน ดังนี้ อับบาส ญะฟัร อับดุลลอฮ์ และอุษมาน [๗๐] ในช่วงบ่ายของวันอาชูรอ อับบาสได้เชิญชวนให้พี่น้องของเขาทำการต่อสู้

ตามรายงานของเชคมุฟีด ( ถึงแก่อสัญกรรมปี ฮ.ศ. ๔๑๓) เฏาะบัรซีย์ (ถึงแก่อสัญกรรมปี ฮ.ศ. ๕๔๘) อิบน นะมา (ถึงแก่อสัญกรรมปี ฮ.ศ. ๖๔๕) และอิบนุฮาติม (ถึงแก่อสัญกรรมปี ฮ.ศ. ๖๖๔) อับบาสกล่าวกับพี่น้องร่วมมารดาของเขา หมายถึง อับดุลลอฮ์ ญะฟัร และอุษมานว่า :

โอ้บุตรของมารดาของข้า! พวกท่านจงออกไปยังสนามรบ เพื่อให้ข้าได้เห็นพวกท่านเสียสละชีวิตในหนทางของอัลลอฮ์ ข้าได้ตักเตือนพวกท่านเพื่ออัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ เพราะพวกท่านนั้นไม่มีบุตร [๗๑] มุฮัมมัดอาลี อุรดูบาดี กล่าวว่า การที่อับบาสได้ส่งพี่น้องของเขาออกไปยังสมรภูมิรบก่อน อาจเป็นเพราะว่า เขาต้องการได้รับผลบุญจากการเตรียมพวกเขาสำหรับญิฮาด และผลบุญจากความอดทนเมื่อเห็นพี่น้องของเขาเสียชีวิตในสมรภูมิ [๗๒]

มีรายงานอีกฉบับหนึ่งจากอะบูมิคนัฟ (ถึงแก่อสัญกรรมปี ฮ.ศ. ๑๕๗) และเฏาะบะรีย์ (ถึงแก่อสัญกรรมปี ฮ.ศ. ๓๑๐) ที่ระบุว่า อับบาสได้กล่าวกับพี่น้องร่วมมารดาของเขาในช่วงบ่ายของวันอาชูรอว่า :

โอ้บุตรของมารดาของข้า พวกท่านจงออกไปยังสมรภูมิรบ เพื่อที่ข้าจะได้รับมรดกจากพวกท่านเพราะว่าพวกท่านนั้นไม่มีบุตร พวกเขาจึงได้กระทำตามและเป็นชะฮีดในสมรภูมิรบ [๗๓]

แต่รายงานนี้ยังถูกมองว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากในสถานการณ์ดังกล่าว อับบาสทราบดีว่า เขาเองก็จะเป็นชะฮีด การขอรับมรดกจึงไม่สมเหตุสมผล [๗๔] นอกจากนี้ รายงานนี้ยังขัดแย้งกับกฎมรดกในอิสลาม เพราะในกรณีที่ท่านหญิงอุมมุลบะนีนยังมีชีวิตอยู่ และพี่น้องของอับบาสไม่มีภรรยาหรือบุตร มรดกจะตกเป็นของท่านหญิงอุมมุลบะนีนในฐานะมารดาของพวกเขา ไม่ใช่ของอับบาส [๗๕]

บทราญัซในวันอาชูรอ

ในเหตุการณ์กัรบะลา มีการบันทึกบทราญัซของอับบาส (อ.) ดังนี้ :

أقسَمتُ بِالله الأَعَزِّ الأَعظَم وَ بِالحَجونِ صادِقاً وَ زَمزَم‏ وَ بِالحَطیمِ وَالفَنَا المُحَرَّمِ لَیُخضَبَنَّ الیَومَ جِسمی بِدَمی دونَ الحُسَینِ ذِی الفَخارِ الأَقدَمِ إمامُ أهلِ الفَضلِ وَالتَّکَرُّم‏

คำแปล : ข้าสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเกียรติ ผู้ยิ่งใหญ่ ต่อฮะญูน และต่อบ่อน้ำซัมซัม ต่อบ้านอันศักดิ์สิทธิ์และลานมัสยิดอัลฮะรอม ว่า ร่างกายของข้าจะเปื้อนเลือดในวันนี้ เพื่อปกป้องฮุเซน ผู้ทรงเกียรติและคุณธรรม ซึ่งเป็นอิมามของผู้ทรงคุณธรรมและความเมตตา (๗๗)

لا أرهَب الموتَ إذ الموتُ زقا حتی أُواری فی المصالیت لقا نفسی لنفس المصطفی الطُّهر وَقا انی أنا العباس أغدو بالسِّقا و لا أخاف الشر یوم المُلتقی

คำแปล : ข้ามิได้หวาดกลัวความตาย เมื่อมันเรียกร้อง จนกว่า ข้าจะล้มลงท่ามกลางชายชาตรีผู้กล้าหาญ จิตวิญญาณของข้า คือ โล่ป้องกันให้แก่ผู้บริสุทธิ์ ตัวข้าคืออับบาส ผู้แบกน้ำมาเพื่อกองคาราวาน ในวันแห่งการเผชิญหน้ากับศัตรู ข้าไม่มีความหวาดหวั่น (๗๘)

หากความตายเป็นเช่นนั้น ก็จงมาหาข้า เพื่อข้าจะได้โอบกอดมันไว้แน่นๆ ข้าจักได้ชีวิตนิรันดร์จากมัน ในขณะที่มันจะพรากเสื้อคลุมหลากสีของข้าไป (๗๙)

وَاللهِ إن قَطَعتُمُ یَمینی إنّی اُحامی أبَداً عَن دینی‏ وعَن إمامٍ صادِقِ الیَقینِ نَجلِ النَّبِیِّ الطّاهِرِ الأَمین

คำแปล : ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ แม้เจ้าจะตัดมือขวาของข้า แต่ข้าจะยังคงปกป้องศาสนาของข้าเสมอ และจะปกป้องอิมาม ผู้สัตย์จริงในความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นลูกหลานของศาสดาผู้บริสุทธิ์และซื่อสัตย์ (๘๐)

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม