การเป็นชะฮีดของอับบาส บินอะลี

 

ซัยยิด มุรตะฎอ อาวีนี กล่าวว่า :

มือของอับบาส บิน อะลี ถูกตัดออก จนทำให้มารร้ายสามารถทุบกระบองลงที่ศีรษะของท่านได้ แต่จนกว่า มือที่ถูกตัดจะปรากฏขึ้น ปีกของสวรรค์จะไม่ปรากฏ หากท้องฟ้าในโลกนี้ คือลานสวรรค์ ท้องฟ้าของสวรรค์อยู่ที่ไหนกัน ซึ่งอับบาส บิน อะลี จะเป็นวิหคของท้องฟ้านั้น? (๘๑)

ตามที่มุฮัมมัดฮะซัน มุซ็อฟฟัร เขียนไว้ว่า นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า อับบาส (อ.) เป็นชะฮีดในวันที่ ๑๐ มุฮัรรอม (วันอาชูรอ) อย่างแน่นอน แม้ว่า จะมีบางรายงานที่กล่าวถึงการเป็นชะฮีดของเขาในวันที่ ๗ หรือ ๙ มุฮัรรอม แต่มุซ็อฟฟัร มองว่า เป็นคำกล่าวที่ไม่น่าเชื่อถือและพบได้น้อยมาก (๘๒)

มีรายงานหลากหลายเกี่ยวกับการต่อสู้ของอับบาส (อ.) และวิธีที่เขาเป็นชะฮีด (๘๓) ตามการรายงานจากบางแหล่งข้อมูล ระบุว่า อับบาสไม่ได้ออกสู่สนามรบ จนกว่า อัศฮาบคนสุดท้ายของอิมามฮุเซน และบะนีฮาชิม จะเป็นชะฮีด (๘๔)

ตามคำกล่าวของเชคมุฟีด ระบุว่า อิมามฮุเซน (อ.) และอับบาสได้ออกสู่สมรภูมิรบด้วยกัน แต่กองทัพของอุมัร อิบนุซะอัดได้แยกพวกเขาออกจากกัน อิมามฮุเซนได้รับบาดเจ็บและกลับไปยังกระโจม ในขณะที่อับบาสได้ต่อสู้จนกระทั่งบาดเจ็บสาหัสและเป็นชะฮีด

ในขณะเดียวกันนั้น ซัยด์ บิน วัรกออ์ อัลฮะนะฟีย์ และ ฮะกีม บิน ฏุฟัยล์ อัสซินบิซี ได้สังหารเขา [๘๕] เชคมุฟีดไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ ในเรื่องนี้ ส่วนในมักตัลของอะบีมิคนัฟ ก็ไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นชะฮีดของอับบาส ด้วยเช่นกัน [๘๖]

ตามรายงานของอัลบะลาซูรีย์ ในหนังสือ อันซาบุลอัชรอฟ บางคนกล่าวว่า ฮัรมะละฮ์ บิน กาฮิลพร้อมกับกลุ่มผู้คนจำนวนหนึ่งได้ร่วมกันโจมตีอับบาส ทีละคนจนกระทั่งเขาเป็นชะฮีด [๘๗]

ในรายงานหนึ่งจากอิมามบากิร (อ.) [๘๘] และในบทซิยาเราะฮ์นะฮียะฮ์ ที่ไม่เป็นที่รู้จักกันดี [๘๙] ยะซีด บิน รุกอด และ ฮะกีม บิน ฏุฟัยล์ อัฏฏาอีย์ ถูกระบุว่า เป็นผู้สังหารอับบาส (อ.)

ตามแหล่งข้อมูลบางแห่ง รายงานว่า หลังจากที่เหล่าสหายและวงศ์วานบะนีฮาชิมทั้งหมดได้เป็นชะฮีดไปแล้ว อับบาส (อ.) จึงได้ตัดสินใจไปนำน้ำมาให้กับเด็กๆในกระโจม เขาได้บุกโจมตีที่แม่น้ำยูเฟรติสและสามารถฝ่าผ่านทหารรักษาการณ์ไปถึงน้ำได้ ระหว่างทางกลับ ศัตรูได้โจมตีเขา เขาได้ต่อสู้กับศัตรูในสวนอินทผลัมและพยายามที่จะกลับไปยังกระโจม ทันใดนั้น ซัยด์ บิน วัรกออ์ อัลญุฮะนีย์ ได้กระโดดออกมาจากหลังต้นอินทผลัมและฟันไปที่มือข้างขวาของเขาขาด อับบาส (อ.) จึงใช้มือข้างซ้ายจับดาบและต่อสู้กับศัตรูต่อไป ฮะกีม บิน ฏุฟัยล์ อัฏฏาอี ซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ได้ฟันไปที่มือข้างซ้ายของเขาและมีตีไปที่ศีรษะของเขาด้วยทวน จนเขาเป็นชะฮีด [๙๐]

ตามรายงานของอัลมะนากิบวัลมะษาลิบ ระบุว่า ในวันอาชูรอ มือและเท้าของอับบาส (อ.) ถูกตัดขาด [๙๑] ตามรายงานของอัลคอรัซมี ระบุว่า เมื่ออับบาส (อ.) เป็นชะฮีด อิมามฮุเซน (อ.) ได้มายังศพของน้องชายและร้องไห้อย่างหนัก เขากล่าวว่า: اَلآنَ اِنکَسَرَ ظَهری وَ قَلَّت حیلَتی (บัดนี้ หลังของฉันได้หักลงแล้ว และทางออกของฉันก็เหลือน้อย ) [๙๒] ขณะเดียวกัน คอรัซมีไม่ได้ระบุว่า อับบาส เป็นคนสุดท้ายที่ออกสู่สมรภูมิรบ [๙๓]

ในแหล่งข้อมูลต่างๆ กล่าวถึง อายุของอับบาส (อ.) ขณะที่เป็นชะฮีด ถูกระบุไว้ว่า ๓๔ ปี [๙๔] ฟัครุดดีน อัฏฏุรัยฮี นักวิชาการในศตวรรษที่ ๑๑ แห่งฮิจเราะฮ์ศักราช ได้เขียนไว้ในหนังสือ อัลมุนตะค็อบ ว่า เมื่ออับบาส (อ.) เข้าไปถึงยังแม่น้ำยูเฟรติส เขาได้ตักน้ำเต็มมือเพื่อที่จะดื่ม แต่เมื่อเขานำน้ำมาใกล้ปาก เขานึกถึงความกระหายของอิมามฮุเซน (อ.) เขาจึงปล่อยน้ำทิ้งและออกจากแม่น้ำยูเฟรติสด้วยความกระหายพร้อมด้วยถุงน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำ [๙๕]

อัลลามะฮ์ มัจญ์ลิซีย์ ก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในหนังสือ บิฮารุลอันวาร โดยไม่ได้ระบุแหล่งที่มาหลัก [๙๖]

ฮาบีบุลลอฮ์ ชายชียาน กวีและนักอ่านมัรษิยะฮ์ (บทกลอนไว้อาลัย) ของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ได้ประพันธ์บทกวีเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ดังนี้ :

กัรบะลาอ์คือกะอ์บะฮ์แห่งความรัก และฉันอยู่ในอิฮ์รอม ในกิบลัตแห่งคนรัก ฉันกระทำผิดสองประการ มือของฉันแตะต้องน้ำที่ มิได้เป็นของท่าน ดวงตาของฉันหลั่งน้ำตาให้กับภาพของสายน้ำนั้น ฉันต้องถวายดวงตาและมือนี้เป็นเครื่องสังเวย เพื่อให้ฮัจญ์ของฉันและชะตากรรมของฉันสมบูรณ์ (๙๗)

อัรดูบาดี ได้พยายามวิเคราะห์บทกวีหลายบทและส่วนหนึ่งของเนื้อความในบทซิยาเราะฮ์นะฮียะฮ์มุก็อดดะซะฮ์ เพื่อพิสูจน์ว่า เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นจริง [๙๘]

ส่วนญูยา ญะฮานบัคช์ นักวิจัยด้านมรดกทางวัฒนธรรม ได้เขียนบันทึกย้ำว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในตำราดั้งเดิม และคาดว่า ตำนานนี้อาจมีรากฐานมาจากบทกวีไว้อาลัยโบราณในหนังสือ มะกอติลุฏฏอลิบียีน ซึ่งกล่าวว่า อะบุลฟัฎล์ ได้เทน้ำทิ้งเพื่อฮุเซน (อ.) ทั้งๆที่เขากระหายน้ำ [หมายเหตุ ๑] [๙๙]