ซัยนับวีรสตรีแห่งอิสลาม

ซัยนับวีรสตรีแห่งอิสลาม0%

ซัยนับวีรสตรีแห่งอิสลาม ผู้เขียน:
กลุ่ม: ห้องสมุดประวัติศาสตร์
หน้าต่างๆ: 175

ซัยนับวีรสตรีแห่งอิสลาม

ผู้เขียน: ยูซุฟ เอ็น ลาลล์ญี
กลุ่ม:

หน้าต่างๆ: 175
ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 45248
ดาวน์โหลด: 4396

รายละเอียด:

ซัยนับวีรสตรีแห่งอิสลาม
ค้นหาในหนังสือ
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 175 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 45248 / ดาวน์โหลด: 4396
ขนาด ขนาด ขนาด
ซัยนับวีรสตรีแห่งอิสลาม

ซัยนับวีรสตรีแห่งอิสลาม

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

ท่ามกลางความระทมทุกข์นั้น ฝูงชนที่กำลังร่ำไห้ทยอยกันเดินทางไปยังกระโจมของขบวนคาราวาน ด้วยความเสียใจที่ไม่อาจบรรยายได้ เพราะบางคนของพวกเขาก็ได้สูญเสียผู้ใกล้ชิดอันเป็นที่รักไปเช่นกัน พวกเขาเดินมาในสภาพที่เท้าเปล่า ศีรษะปราศจากผ้าคลุม พวกเขาพากันทุบศีรษะทุบอกตนเอง แสดงอาการของคนที่กำลังเสียใจอย่างแสนสาหัส บางคนแทบเสียสติเพราะความเสียใจ ความ

เบิกบานใจที่เคยมีนั้นหมดสิ้นไปจนเกือบไม่มีเหลือ ในความรู้สึกขณะนั้นพวกเขาลืมไปว่าเขาได้ตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่

พวกผู้ชายล้อมรอบอิมามซัยนุลอาบิดีน ส่วนพวกผู้หญิงก็ยืนอยู่รอบๆ ท่านหญิงซัยนับ ท่านถูกขอร้องให้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ท่านหญิงไม่สามารถทำได้ เพราะท่านไม่กล้าที่จะเล่าถึงความโหดร้ายทารุณที่น่าสะพึงกลัวที่เกิดขึ้น ท่านบอกกับพวกเขาว่า ท่านไม่สนใจแม้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ พร้อมกับกล่าวว่า

 “ถ้าฉันเล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าสะพึงกลัวที่นำไปสู่การสังหารหมู่ครั้งนั้น พวกท่านก็จะต้องพากันถามฉันว่า ‘ฉันยังคงมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร จากการที่ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพียงนั้น

๑๖๑

แต่มันเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ที่กำหนดมาเหนือตัวฉันให้ทำหน้าที่รับผิดชอบในขบวนคาราวานไปยังดามัสกัสและกลับมายังมะดีนะฮ์”

ในที่สุดท่านหญิงได้เล่าถึงสภาพการณ์แวดล้อมจนนำไปสู่การสังหารหมู่ ผู้คนที่ได้รับฟังไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป

เริ่มมีเสียงคร่ำครวญ เสียงร่ำไห้ครวญคราง บางคนทุบหัวและทุบอกตนเอง เป็นภาพที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน โลหิตเริ่มไหลออกมาจากบาดแผลที่พวกเขาลงโทษตนเอง อันเนื่องมาจากความเสียใจและทุกข์ระทม

ประชาชนได้ขอร้องให้ท่านเดินทางเข้าไปในเมือง หลังจากที่ต้องฝืนใจยอมตามความต้องการของพวกเขา ด้วยกลัวว่าจะต้องกลับไปพบบ้านที่บัดนี้มีแต่ความว่างเปล่า มันจะเตือนความทรงจำของท่านให้นึกถึงครั้งที่ยังมีทุกคนอยู่พร้อมกัน

วันนั้นตรงกับวันศุกร์ ผู้คนในเมืองทั้งหมดกำลังอยู่ในภาวะแห่งความเศร้าโศก มันทำให้พวกเขาย้อนนึกไปถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิตของท่านศาสดา

๑๖๒

 ซึ่งความรู้สึกนั้นจะไม่มีวันเลือนหายไปจากความทรงจำ

มันจะยังคงสืบเนื่องต่อไปวันแล้ววันเล่าตราบชั่วนิรันดร์

สิ่งแรกที่บรรดาสมาชิกในครอบครัวของท่านศาสดากระทำคือ การไปเยี่ยมหลุมฝังศพของท่านศาสดา ซึ่งมี มุฮัมมัด ฮะนาฟียะฮ์, อุมมุบานีน (มารดาของท่านอับบาส) ฟาฏิมะฮ์ ซุกรอ และคนอื่นๆ ได้

ร่วมขบวนไปด้วย ณ ที่นี้ ท่านหญิงได้ยืนอยู่ด้านนอกประตู และกล่าวกับท่านศาสดาดังต่อไปนี้

คำร้องทุกข์ที่หลุมฝังศพท่านศาสดา

 “ท่านตาที่รัก! บัดนี้หลานของท่าน ส่วนหนึ่งของดวงใจท่าน แสงสว่างแห่งดวงตาของบุตรสาวที่รักของท่าน ซัยนับของท่าน ผู้ซึ่งท่านเคยโอบกอดด้วยความเมตตารักใคร่ บัดนี้ได้มาอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว

๑๖๓

หลังจากต้องผ่านเหตุการณ์ที่กัรบะลา ที่ทุกคนยอมสละชีวิตเพื่อพิทักษ์อิสลาม ศาสนาที่ท่านทิ้งไว้ ให้ดำรงอยู่ตามแนวทางที่ท่านประสงค์

พวกทหารที่ไร้เมตตาธรรม ได้ยิงลูกธนูมายังฮูเซนและคนสนิทของเขาอย่างไร ทหารได้ใช้มีดดาบฟันมาที่ร่างเพื่อสังหารพวกเขา เพียงเพราะเขาต้องการปกป้องศาสนาของท่านตา และปฏิเสธอำนาจของ

ยะซีดให้เป็นผู้ปกครอง ซึ่งย่าของมันได้เคยเคี้ยวตับท่านฮัมซะฮ์ลุงของท่านตาในสมรภูมิอุฮุด

ฮูเซนและพรรคพวกของท่านยินยอมถวายชีวิต แต่ไม่ยอมก้มหัวให้กับยะซีดผู้ชั่วช้า พวกเรามีจำนวนเพียงน้อยนิด แต่พวกมันมีเป็นพัน พวกมันมีความโหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่า

แม่น้ำที่ซึ่งเป็นที่ดับกระหายให้กับนกและสัตว์ ถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนา มันไม่อนุญาตให้เราได้ดื่มน้ำตลอดสามวันสุดท้าย แต่ด้วยความร้อนที่แผดเผาและความหิวกระหาย แต่ก็ไม่มีใครยอมจำนนต่อมัน พวกท่านเหล่านั้นถูกสังหารในวันที่ ๑๐ มุฮัรรอม โดยผู้ที่เรียกตนเองว่ามุสลิม

๑๖๔

 ร่างที่ท่านเคยโอบกอดและกล่าวย้ำว่า

 ‘ฮูเซนมาจากฉันและฉันมาจากฮูเซน’ นั้น ถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้เกือกม้า ศีรษะของท่านถูกตัดออกและเสียบไว้ที่ปลายหอก ท่านเคยมอบผ้าคลุมศีรษะให้แก่ลูกสาวของฮาติม ตาอี เมื่อผ้าคลุมของเธอหายไป แต่ผ้าคลุมศีรษะของพวกเราถูกกระชากออก และเรายังถูกบังคับให้เดินไปด้วยเสื้อผ้าที่ฉีกขาด และปราศจากผ้าคลุมศีรษะ”

มันช่างเป็นภาพที่ไม่อาจจินตนาการถึง ซึ่งเต็มไปด้วยความเศร้าโศกที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ท่านหญิงค่อยๆ หันกลับออกมาจากหลุมฝังศพของท่านศาสดาอย่างช้าๆ และเศร้าหมอง

เดินไปอย่างไรจุดหมาย ท่านไม่ทราบว่าท่านจะเดินไปไหนและจะทำอะไรต่อไป ท่านตกอยู่ในสภาพที่โดดเดี่ยวเดียวดายอย่างที่สุด ไม่มีคำตอบสำหรับท่าน ความคิดว่างเปล่า จิตใจอ่อนหล้าเหมือนกับร่างกายของท่าน ขณะนั้นท่านปรารภขึ้นว่า

“ยาฮูเซน ยาฮูซน! ความเงียบเหงาว่างเปล่านี้ ไม่สามารถเติมเต็มให้

เหมือนเดิมได้อีกต่อไป” เป็นความจริงเช่นนั้น เพราะตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กฮูเซน พี่ชายของท่านเท่านั้นที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

๑๖๕

 แม้แต่เวลาอยู่ในเปลท่านจะหงุดหงิดและร้องไห้ ถ้าฮูเซนไม่มาอยู่ใกล้ๆ ท่านอิมามเองก็มีความผูกพันรักใครเธออย่างมากมาย

(บทกลอน)

ความโชติช่วงแห่งชีวิตได้อันตรธานไปสิ้น เพราะแสงแห่งรัศมีของฮูเซนได้ดับลง โลกของซัยนับ

ได้ตกอยู่ในความมืดชั่วนิรันดร์ ท่านไม่อาจจะได้พบกับแสงสว่างนั้นอีกเลย ท่านใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในความมืดมนและเศร้าหมอง

ท่านหญิงอุมมุสะลามะฮ์ ภรรยาของท่านศาสดา ได้พยายามที่จะปลอบโยนและขอร้องให้ท่านมาพักอยู่ด้วย แต่ท่านหญิงได้ตอบว่า “ฉันไม่มีบ้านอีกแล้ว ความสุขก็เป็นแต่เพียงความทรงจำ

ฉันถูกล้อมรอบด้วยความทุกข์ระทมและเศร้าโศกที่ไม่อาจคลายลงได้เลย”

วันแล้ววันเล่า ท่านหญิงเอาแต่ร่ำไห้ เพราะท่านไม่อาจลืมภาพพี่ชายและผู้ใกล้ชิดที่ถูกสังหาร

๑๖๖

เห็นแต่ภาพโลหิตเต็มเกลื่อนไปทั่ว ท่านชราภาพลงเกินกว่าอายุจริง ผมของท่านเปลี่ยนเป็นสีเทา หลังโค้งงอ อันเนื่องมาจากความสะเทือนใจอย่างที่สุด เวลาสำหรับท่านได้หยุดนิ่งลงเสียแล้ว

การสิ้นชีวิตของท่านหญิง

ท่านได้ใช้ช่วงเวลาที่เหลือของท่านกับสามีและบุตรที่เหลืออยู่ทั้งสอง สามีของท่านพยายามปลอบโยนให้คลายความทุกข์ลงบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะดูเหมือนว่าจิตใจและความรู้สึกของท่านได้ตายไปกับความโศกเศร้าครั้งนั้นเสียแล้ว

มีรายงานที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสถานที่ๆ ท่านเสียชีวิต บ้างก็ว่าที่ดามัสกัส ประเทศซีเรีย แต่บางรายงานก็ว่า ที่มะดีนะฮ์ ส่วนวันที่นั้น จะเป็นวันที่ ๑๖ ซุลฮิจญะฮ์ ฮ.ศ. ๖๒ หรือ ๒๕ ซอฟัร ฮ.ศ. ๖๒ หรืออาจจะเป็น ๕ ญะมาดิลเอาวัล ฮ.ศ. ๖๒

๑๖๗

มีรายงานว่า ท่านหญิงได้ออกเดินทางไปกับอิมามซัยนุลอาบิดีนยังประเทศซีเรีย เมื่อท่านถูกหมายเรียกตัวให้ไปพบ อับดุลมาลิก บุตรของมัรวาน ณ ที่นั้นท่านตั้งกระโจมพักในบริเวณสวนแห่งหนึ่ง

ใกล้ดามัสกัส ในขณะที่ท่านกำลังร้องไห้ให้กับความโหดร้ายที่ท่านต้องประสบ คนทำสวนได้ใช้จอบฟาดมาที่หน้าผากของท่าน ทำให้ท่านเสียชีวิตเพราะไม่อาจทนความเจ็บปวดที่ได้รับ ร่างของท่านจึงถูกฝังอยู่ในสวนดังกล่าวนั้นเอง

บางรายงานกล่าวว่า หลังจากการถูกสังหารของอิมามฮูเซน ได้เกิดภาวะภัยพิบัติแห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพงขึ้นในมะดีนะฮ์ ในช่วงนี้อับดุลลอฮ์ได้พาครอบครัวของท่านออกจากมะดีนะฮ์ไปพักอยู่ใน

ซีเรียชั่วคราว ครอบครัวของท่านได้มาพักอยู่ในหมู่บ้านใกล้ๆ กับดามัสกัส ที่ซึ่งท่านหญิงได้ล้มป่วยและเสียชีวิตลง ณ ที่นั้น

อัล กุรอานได้กล่าวว่า ใครก็ตามที่ได้รับการชี้นำและดำเนินรอยตามแนวทางของท่านศาสดา สมควรที่จะตอบแทนบุญคุณของท่าน

ด้วยการอำนวยพร (ซอลาวาต) ให้กับท่าน

๑๖๘

 รวมทั้งมอบความรักในครอบครัวของท่าน เพราะการอำนวยพรเป็นถ้อยคำที่มีเอกลักษณ์พิเศษ ที่ซึ่งทำให้หัวใจของมนุษย์เต็มไป

ด้วยความรักในคุณธรรม ในการแสวงหาความรู้ ในการเลื่อมใสศรัทธา ในการเสียสละและในความเมตตากรุณาอย่างสมบูรณ์ และความรักนี้จะนำไปสู่ความรักที่สูงสุด ซึ่งให้สิทธิแก่ผู้ที่พึงพอใจในการปฏิบัติและเฝ้าทะนุถนอมมัน ทำให้เขามีพลังอำนาจอันสูงสุดในการปฏิบัติภาระกิจต่างๆ ของเขาในโลกดุนยานี้ และได้พบกับความสุขที่ยั่งยืนในโลกแห่งปรโลก

ท่านหญิงซัยนับได้มอบมรดกอันล้ำค่า ที่ทำให้มนุษย์เข้าใจถึงความหมายของคำว่า ‘ความรัก’

และ ‘การญิฮาด’ (การเสียสละ) เพื่อที่จะบรรลุถึงความสำเร็จในบ้านอันนิรันดร์

๑๖๙

บทขอพร

“โอ้ พระผู้เป็นเจ้า! ข้าพระองค์ขอมอบความคารวะแด่สตรีผู้ยิ่งใหญ่และกล้าหาญ ตราบจนถึงวันแห่งการพิพากษา

และข้าพระองค์ขอการสงเคราะห์ (ชะฟาอะฮ์) จากท่านให้ได้รับความง่ายดายในความยากลำบากในโลกนี้และโลกหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยามที่วิญญาณกำลังออกจากร่าง และในความมืดของหลุมฝังศพในชีวิตหลังความตาย โ

อ้ พระผู้เป็นเจ้า! โปรดนำคำวิงวอนและคำอำนวยพรไปยังท่านด้วยเถิด”

โอ้ ท่านหญิงซัยนับ

ท่านได้จากไปแล้ว แต่ความทรงจำในวีรกรรมอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเสียสละเพื่ออิสลามของท่าน ยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจของพวกเราตราบนานเท่านานตลอดไป

๑๗๐

 

การดำเนินชีวิตของท่าน เปรียบเสมือน ดวงประทีปในความมืดแห่งโลกที่เต็มไปด้วยภยันตราย

โศกนาฏกรรมที่กัรบะลาได้สิ้นสุดลง แต่ภาระหน้าที่ในการรับผิดชอบของท่านเพิ่งเริ่มต้นขึ้น

หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของท่าน เป็นเสมือนแสงสว่างที่สาดส่องไปบนแสงแห่งอิสลาม

ที่กำลังใกล้จะดับลง ทำให้วิญญาณของมันกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่

ท่านศาสดาได้ร่ำไห้ในเวลาประสูติของท่าน เพราะท่านทราบดีว่า อะไรที่ถูกกำหนดไว้สำหรับท่าน

เมื่อฮูเซนถามอิมามอะลี ถึงน้ำตาในดวงตาของท่านเมื่อทราบข่าวการประสูติของท่าน อิมามอะลี

กล่าวว่า “ฮูเซน! เจ้าจงจำน้ำตานี้ไว้” ท่านถูกกำหนดให้ต้องแบกรับภาระนี้ ซึ่งท่านก็ได้รับการตั้งชื่อจากอัลลอฮ์โดยผ่านทาง

ญิบรออีล

๑๗๑

รัศมีแห่งความรุ่งโรจน์ทั้งหมด จงประสบแด่ท่าน โอ้ ซัยนับ! ท่านทำลายรากเง้าในความมักใหญ่ ใฝ่สูง ของบนีอุมัยยะฮ์ ท่านทำให้ ‘ต้นไม้แห่งอิสลาม’ ที่กำลังเหี่ยวเฉากลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

และเทิดทูนมันไว้อย่างสูงส่ง……….ผู้มีจิตใจเอื้อเฟื้อและเสียสละของอิมามฮูเซน ที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ ซึ่งจะช่วยนำทางมนุษยชาติมุ่งไปสู่คุณความดีชั่วนิรันดร์

ผู้คุ้มกันที่ยอดเยี่ยม ผู้พิทักษ์ที่ให้ความระมัดระวังเอาใจใส่อย่างดีหลังจากท่านอิมาม ผู้มีความสามารถพิเศษสุดในการประกาศและสืบทอดภาระหน้าที่ของอิมามฮูเซน อย่างที่โลกไม่เคยมีมาก่อน

ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเอาใจใส่และกระตือรือร้น ผู้ที่ต้องถูกรบกวนด้วยวิกฤติที่ไม่ทราบล่วงหน้า ผู้ที่ถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยปราศจากพี่น้อง ลูกหลาน และสมาชิกในครอบครัว ท่านเป็นผู้

ที่เอาจริงเอาจังในการปฏิบัติหน้าที่ ท่านได้ทำตามคำสั่งเสียทุกๆ เรื่อง รวมทั้งภาระหน้าที่ที่สำคัญที่ได้รับ

๑๗๒

มอบหมายอย่างสมบูรณ์

เราขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานพละกำลังให้กับเรา ในอันที่จะดำเนินรอยตามการ

ปฏิบัติและชี้นำของท่าน ตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต

“โอ้ พระผู้เป็นเจ้า! โปรดประทานพรให้กับมุฮัมมัดและทายาทผู้บริสุทธิ์ของท่าน ขอให้คำวิงวอนของข้าพระองค์ไปยังพวกท่านเหล่านั้น ความสันติสุขจงประสบแด่ท่าน โอ้ ท่านหญิงซัยนับ! และประสบแก่บรรดาอิมาม ด้วยกับความโปรดปรานและเมตตาของพระองค์ โปรดให้ข้าพระองค์ได้รับเกียรติในการชะฟาอะฮ์ของท่าน โปรดยอมรับข้าพระองค์ก่อนการลงโทษอันร้ายแรงจะมาถึงด้วยเถิด”.

๑๗๓

สารบัญ

ซัยนับ วีรสตรีแห่งอิสลาม. ๑

น้อมสดุดี. ๑

บทที่ ๑. ๔

กำเนิดและชีวิตในวัยเยาว์. ๔

การอบรมเลี้ยงดู. ๑๐

ช่วงเวลาแห่งการสังหารหมู่ที่กัรบะลา ๑๓

ทายาทของท่านหญิง. ๑๓

บทที่ ๒. ๑๕

อับดุลลอฮ์ บิน ญะอ์ฟัร ฏอยยัร. ๑๕

‘ญะอ์ฟัร ฏอยยัร’ ๑๖

‘นมาซญะอ์ฟัร ฏอยยัร’ ๑๖

บทที่ ๓. ๑๙

แบบฉบับแห่งคุณธรรมและจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์. ๑๙

ความมหัศจรรย์. ๒๒

เหตุการณ์ลอบสังหารยะห์ยา ๒๙

การอุทิศตนเพื่อพระผู้เป็นเจ้า ๓๘

บทที่ ๔. ๔๒

การเดินทางออกจากมะดีนะฮ์. ๔๒

บทที่ ๕. ๔๙

กัรบะลา ๔๙

บทที่ ๖. ๕๔

การพลีของท่านอูนและมุฮัมมัด. ๕๔

๑๗๔

บทที่ ๗. ๕๗

การอำลาของท่านอิมามฮูเซน. ๕๗

บทที่ ๘. ๗๘

ค่ำคืนวิปโยค. ๗๘

บทที่ ๙. ๑๐๕

ขบวนของเชลย. ๑๐๕

‘กูฟะฮ์’ ๑๐๙

ความนอบน้อมถ่อมตน. ๑๑๔

มุ่งหน้าสู่ดามัสกัส. ๑๒๖

เหตุการณ์ในอาศรมนักพรต. ๑๒๙

ดามัสกัส. ๑๓๑

ภายในท้องพระโรง ในพระราชวังของยะซีด. ๑๓๕

สุนทรพจน์ของท่านในพระราชวังของยะซีด. ๑๓๘

ที่มาของการจัดไว้อาลัย (อาซอดอรี) ๑๕๐

บทที่ ๑๐. ๑๕๓

การเดินทางสู่มะดีนะฮ์. ๑๕๓

บทที่ ๑๑. ๑๕๘

มะดีนะฮ์. ๑๕๘

คำร้องทุกข์ที่หลุมฝังศพท่านศาสดา ๑๖๓

(บทกลอน) ๑๖๖

การสิ้นชีวิตของท่านหญิง. ๑๖๗

บทขอพร. ๑๗๐

มอบหมายอย่างสมบูรณ์. ๑๗๓

๑๗๕