ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด0%

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด ผู้เขียน:
ผู้แปล: อัยยูบ ยอมใหญ่
กลุ่ม: ห้องสมุดศาสดาและวงศ์วาน
หน้าต่างๆ: 130

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด

ผู้เขียน: ศาสตราจารย์เชคอะลีมุฮัมมัด อะลีดุคัยยิล
ผู้แปล: อัยยูบ ยอมใหญ่
กลุ่ม:

หน้าต่างๆ: 130
ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 75424
ดาวน์โหลด: 4541

รายละเอียด:

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด
ค้นหาในหนังสือ
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 130 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 75424 / ดาวน์โหลด: 4541
ขนาด ขนาด ขนาด
ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

ท่านอิมามญะวาด(อฺ)กล่าวว่า

“ฉันขอผ่านการตอบคำถามข้อนี้”

เขากล่าวว่า

“ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ในฐานะที่ท่านมิได้บอกเล่าถึงความรู้ที่ท่านมีอยู่

ท่านอิมามญะวาด(อฺ)กล่าวว่า

“ถ้าท่านถึงกับต้องสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันก็จะตอบแท้จริงฉันขอกล่าวว่า คนเหล่านั้นให้คำตอบผิดพลาดจากซุนนะฮฺของท่านศาสดา(ศ) เพราะว่าการตัดมือจำเป็นจะต้องกระทำ

ตรงข้อต่อของนิ้วทั้งหมด แล้วให้ปล่อยฝ่ามือไว้เหมือนเดิม”

เขากล่าวว่า

“อะไรเป็นหลักฐานในเรื่องนี้ ?”

ท่านอิมามญะวาด(อฺ)ตอบว่า

“คำกล่าวของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)ที่ว่า

“การซุญูดนั้นจะต้องกระทำโดยอวัยวะ ๗ ส่วน คือ ใบหน้า ฝ่ามือทั้งสอง เข่าทั้งสอง และเท้าทั้งสอง”

ครั้นถ้าหากมือของเขาถูกตัดถึงข้อมือหรือถึงข้อศอก ก็จะไม่มีฝ่ามือเหลือไว้สำหรับทำการซุญูดเลย

๘๑

และอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงมีโองการไว้ว่า :

“และแท้จริง มัสญิดทั้งหลาย (ในที่นี้หมายถึงตำแหน่งแห่งการซุญูดทั้งหลายนั้น) เป็นของอัลลอฮฺ”

(อัล-ญิน: ๑๘)

หมายความว่า อวัยวะทั้ง ๗ เหล่านี้แหละ คือที่จะต้องทำการซุญูดลงไปและส่วนที่ของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)นั้นจะถูกตัดไม่ได้”

ค่อลีฟะฮฺมุอฺตะศิมมีความประทับใจในคำตอบนี้ และสั่งให้ตัดมือของโจรคนนั้นตรงโคนนิ้วทั้งหมดโดยเว้นฝ่ามือไว้

(อะอฺยานุชชีอะฮฺ เล่ม ๓ หน้า ๓๕)

ถาม~ตอบ

เรื่องที่ ๓

ท่านอับดุลอะซีม อัล-ฮะซะนีย์(ขอให้อัลลอฮฺทรงปิติชื่นชมต่อท่าน)ได้กล่าวว่า :

ข้าพเจ้าได้เคยพูดกับท่านมุฮัมมัด บินอฺะลี บินมูซา(อฺ)ว่า

“โอ้ นายของข้า แท้จริงข้าพเจ้าปรารถนาที่จะให้ท่านเป็น

อัลกออิมแห่งอะฮฺลุลบัยต์ของท่าน

๘๒

ศาสดามุฮัมมัด(ศ) ผู้ซึ่งจะมาสถาปนาความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมในหน้าแผ่นดินเหมือนกับที่มันเคยได้เนืองนองไปด้วยความอธรรมและความเลวร้ายมาก่อน”

ท่านอิมามญะวาด(อฺ)ตอบว่า

“ผู้ที่ยืนหยัดในคำสั่งของอัลลอฮฺและทำการชี้นำสู่ศาสนาของอัลลอฮฺ ก็คือคนในหมู่พวกเรา

แต่ทว่า ‘อัล-กออิม’ (ที่ถูกกล่าวถึง) นั้นคือ ผู้ที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงบัญชาให้เขาชำระล้างหน้าแผ่นดิน

ให้พ้นไปจากการปฏิเสธและการทรยศต่อพระผู้เป็นเจ้

 เขาจะสถาปนาความเที่ยงธรรมและความยุติธรรมในหน้าแผ่นดิน เขาคือคนที่ถือกำเนิดมาในสภาพที่ซ่อนเร้นจากประชาชนและตัวของเขาจะหายไปจากพวกเขาเหล่านั้นเป็นที่ต้องห้ามสำหรับพวกเขาที่จะตั้งชื่อของเขา เขาคือผู้มีฉายานามเดียวกับท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ) นั่นคือ ผู้ซึ่งแผ่นดินจะต้องยอมสยบให้อุปสรรคทุกประการ

จะต้องสลายตัวให้แก่ท่าน จะมีบริวารที่มารายล้อมชุมนุมรอบตัวเขาเท่ากับจำนวนนักรบในสงครามบะดัรคือ ๓๑๓ คน จากทั่วทุกทิศของแผ่นดิน

๘๓

และนั่นคือความหมายที่เป็นไปตามโองการ

ของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ที่ว่า :

“....ไม่ว่าสูเจ้าจะอยู่ที่ใด อัลลอฮฺจะทรงนำสูเจ้าทั้งหมดมารวมกัน แท้จริงอัลลอฮฺทรงมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง”

เมื่อจำนวนนี้อันได้แก่พวกที่มีความบริสุทธิ์ใจได้มารวมตัวอยู่กับท่าน อัลลอฮฺ(ซ.บ.)จะทรงบันดาลให้ภารกิจของเขาบังเกิดขึ้น เมื่อนั้นพันธสัญญาของเขาก็จะเสร็จสมบูรณ์ นั่นคือจะมีชายฉกรรจ์ ๑๐, ๐๐๐ คน ออกมาปรากฏโดยการอนุมัติของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ดังนั้นพวกเขาจะไม่หยุดยั้งในการสังหารศัตรูของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) จนกระทั่งพระองค์ทรงพอพระทัย”

(อัล-เอียะฮฺติญาจญ์ เล่ม ๒ หน้า ๒๕๐)

๘๔

ถาม~ตอบ

เรื่องที่ ๔

อุมัร บินฟะร็อจญ์ อัน-ร็อคญีได้กล่าวว่า :

ข้าพเจ้าได้เคยพูดกับท่านอะบูญะอฺฟัร(อฺ)ว่า

“แท้จริงพวกชีอะฮฺของท่านนั้นเคยอ้างว่า ท่านล่วงรู้ถึงนำหนักของน้ำทุกหยดในแม่น้ำในขณะที่พวกเราเองอาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ”

ท่านอิมามญะวาด(อฺ)ตอบข้าพเจ้าว่า

“อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงมีพระปรีชาสามารถในการที่จะมอบความรู้อย่างนี้ให้แกยุงตัวหนึ่งได้หรือไม่”

ข้าพเจ้าตอบว่า “ใช่แล้ว”

ท่านอิมามญะวาด(อฺ)กล่าวว่า

“ฉันเป็นผู้มีเกียรติ ณ อัลลอฮฺ(ซ.บ.)มากกว่ายุงตัวหนึ่ง และมีเกียรติมากกว่าสรรพสิ่งทั้งหลายอีกเป็นจำนวนมาก”

 (บิฮารุ้ลอันวารฺ เล่ม ๑๒ หน้า ๑๒๔).

๘๕

ถาม~ตอบ

เรื่องที่ ๕

ท่านญะอฺฟัร บินมุฮัมมัด บินมะซีด ได้กล่าวว่า :

ข้าพเจ้าเคยพำนักที่แบกแดด ท่านมุฮัมมัด บินมุนดะฮฺ ได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า

“จะให้ข้าพเจ้านำท่านไปพบกับท่านมุฮัมมัด บินอฺะลี

อัล-ริฏอหรือไม่”

ข้าพเจ้าบอกว่า “ตกลง”

แล้วเขาได้นำข้าพเจ้าเข้าพบ เมื่อเราได้ให้สลามและนั่งลงแล้วเขาได้กล่าวกับท่าน(อฺ)ว่า

“มีฮะดีษของท่านศาสนทูต(ศ) บทหนึ่งรายงานไว้ว่า :

“แท้จริง ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺนั้น เป็นผู้ได้รับการปกป้องซึ่งอวัยวะของนาง โดยอัลลอฮฺ(ซ.บ.) ทรงหวงห้ามมิให้เชื้อสายของนางสัมผัสกับไฟนรก

ท่าน(อฺ)กล่าวว่า

“มีเฉพาะแต่เพียงสำหรับท่านฮะซันและท่านฮุเซนเท่านั้น”

( อัล-อะอิมมะตุอิษนะอะซัร ของอิบนุเฏาลูน หน้า ๑๐๔)

๘๖

ถาม~ตอบ

เรื่องที่ ๖

ท่าอะฮฺมัด บินฟัฏลฺ อัล-คอกอนี ได้กล่าวว่า :

ได้มีการจับตัวผู้ร้ายบุกเข้าปล้นสะดมกองคาราวานของผู้บำเพ็ญฮัจญ์ และได้นำตัวคนเหล่านั้นเข้าพบกับเจ้าเมืองเพื่อพิจารณาโทษต่อจากนั้นเจ้าเมืองได้เขียนจดหมายไปถึงค่อลีฟะฮฺอัล-มุอฺตะศิม ครั้นแล้ว บรรดานักปราชญ์และอิบนุ์ อะบีดาวูด ก็ได้เข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือกัน

หลังจากนั้นคนพวกหนึ่งก็ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบัญญัติ ซึ่งในขณะนั้น ท่านอะบูญะอฺฟัร มุฮัมมัด

บินอฺะลี อัล-ริฏอ ก็ได้อยู่ร่วมด้วยคนเหล่านั้นได้กล่าวว่า

“กฏเกณฑ์ของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ในเรื่องคนเหล่านั้นมีกล่าวอยู่แล้วในคำตรัสของพระองค์ที่ว่า :

“อันที่จริงแล้ว บทลงโทษสำหรับผู้ที่ทำสงครามกับอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และพยายามสร้างความเสียหายขึ้นในหน้าแผ่นดินนั้น จะต้องประหารชีวิตหรือจะต้องถูกตรึงบนไม้กางเขน หรือจะต้องตัดมือเขาเหล่านั้น และเท้าของเขาเหล่านั้น สลับข้างกัน หรือเขา

เหล่านั้นจะต้องถูกเนรเทศออกจากผืนแผ่นดิน...”

(อัล-มาอิดะฮฺ: ๓๓)

๘๗

แต่สำหรับท่านอะมีรุลมุอ์มินีนนั้น จะตัดสินอย่างไรก็สุดแล้วแต่ความประสงค์เถิด”

เขาได้หันไปปรึกษาท่านอะบูญะอฺฟัร(อฺ)ว่า

“โปรดบอกให้ข้าพเจ้าได้ทราบถึงความรู้ของท่านในเรื่องนี้เถิด ?”

ท่าน(อฺ)ตอบว่า

“แท้จริงคนเหล่านั้นผิดพลาดในการวินิจฉันความ ความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาในข้อนี้คือ

ท่านอะมีรุลมุอ์มินีนจะต้องพิจารณาว่า คนเหล่านี้ที่ได้ขัดขวางการเดินทางหากพวกเขาข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัวแก่ผู้เดินทาง แต่พวกเขาก็มิได้ฆ่าใครและมิได้ยึดทรัพย์สินแต่ประการใด ที่สมควร

กับเหตุก็คือการถูกจำขัง ดังนั้นความหมายที่ให้เนรเทศพวกเขาออกจากแผ่นดินก็ด้วยการข่มขู่ของพวกเขาแก่คนเดินทางนั่นเอง ถ้าหากพวกเขาข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัวแก่คนเดินทางและฆ่าคน

ด้วย ผลก็คือจะต้องประหารชีวิตคนเหล่านั้น และถ้าหากคนเหล่านั้นข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัวแก่

คนเดินทาง อีกทั้งยังฆ่าคนและยึดทรัพย์สิน การลงโทษก็คือจะต้องตัดมือและเท้าของพวกเขาสลับข้างกัน และหลังจากนั้นจะต้องตรึงไม้กางเขนอีกด้วย”

๘๘

ดังนั้นอัล-มุอฺตะศิม จึงจัดการเขียนข้อความตามนั้นส่งไปยังเจ้าเมืองเพื่อให้ได้ตัดสินคดีดังกล่าวตามนั้น

(วะซาอิลุชชีอะฮฺ เล่ม ๑๘ หน้า ๕๓๖)

ถาม~ตอบ

เรื่องที่ ๗

ท่านอะบูคิเดา อัล-มะฮฺดี ได้กล่าวว่า :

ข้าพเจ้าได้ถามท่าน(อฺ)ว่า

“อุมมุวะลัด(ภรรยาที่เป็นทาสแต่ให้กำเนิดบุตร)ของข้าพเจ้าได้ให้นมแก่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

ด้วยน้ำนมที่ให้ลูกของข้าพเจ้ากินจะเป็นที่ต้องห้ามแก่ข้าพเจ้าซึ่งการแต่งงานกับเด็กหญิงคนนั้นหรือไม่ ?”

ท่านอิมามญะวาด(อฺ)กล่าวว่า

“จะไม่ถือว่าเป็นการให้นม ถ้าหากกระทำขึ้นหลังจากที่เด็กหย่านมแล้ว”

ข้าพเจ้าได้ถามว่า

“การนมาซในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์(ฮะร็อม)ทั้งสองแห่งจะทำอย่างไร”

๘๙

ท่านอิมามญะวาด(อฺ) ตอบว่า

“ท่านจะทำเต็มก็ได้ และท่านจะทำย่อก็ได้ แต่สำหรับบิดาของฉันนั้น ท่านทำเต็ม”

( อิษบาตุ้ลวะศียะฮฺ หน้า ๑๘๒)

ถาม~ตอบ

เรื่องที่ ๘

อะบูฮาซิม อัล-ญะอฺฟะรีได้ถามท่านอิมาม(อฺ)ว่า

“คำว่าเอกะหมายความว่าอย่างไร ?”

ท่านอิมามญะวาด(อฺ)ตอบว่า

“หมายความว่า คำกล่าวทั้งหลายพูดอย่างเป็นเอกฉันท์ในเรื่องหลักเตาฮีด เป็นไปตามที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ทรงตรัสว่า :

“และแน่นอนที่สุด ถ้าหากเจ้าถามเขาเหล่านั้นว่า

ใครคือผู้สร้างฟ้าและแผ่นดิน แน่นอนเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮฺ

(ลุกมาน: ๙)

อ้างอิงจากหนังสืออัต-เตาฮีด หน้า ๘๓

๙๐

ถาม~ตอบ

เรื่องที่ ๙

อะบูฮาชิม อัล-ญะอฺฟะรี ได้ถามท่าน(อฺ)เกี่ยวกับโองการของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ที่ว่า

“สายตาทั้งหลายนั้นไม่สามารถหยั่งถึงพระองคื

แต่พระองค์ทรงหยั่งถึงสายตามทั้งหลาย”

(อัล-อันอาม: ๑๐๓)

ท่านอิมามญะวาด(อฺ)กล่าวว่า

“อะบูฮาชิมเอ๋ย ดวงใจทั้งหลายละเอียดอ่อนยิ่งกว่าการมองเห็นของสายตา สำหรับท่านนั้น

สามารถหยั่งถึงสภาพของประเทศที่อยู่ห่างไกลแม้กระทั่งประเทศอินเดีย จีน ได้โดยความนึกคิดของท่าน ทั้งๆ ที่ท่านไม่เคยไปเยือนที่นั่น และสายตาของท่านก็ไม่เคยไปถึงที่นั่น แม้ว่าความนึกคิด

ของดวงจิตทั้งหลายยังไม่อาจเข้าถึงได้ตรงตามสภาพความเป็นจริงได้เลยแล้วสายตาจะมองเห็นสิ่งนั้นได้อย่างไร”

(อัต-เตาฮีด หน้า ๑๑๓)

๙๑

ดุอาอ์ : เสียงเรียกร้องสู่ความถูกต้องของอิมามที่ ๙

ดุอาอ์ต่างๆ ของบรรดาอิมามแห่งอะฮฺลุลบัยตฺ(อฺ) นั้นเป็นคลังวิชาการในด้านหลักเตาฮีดและความเชื่อ เป็นข้อมูลและแบบฉบับอันสูงส่งในด้านจริยธรรมและความรอบรู้ เป็นกระแสธารอันบริสุทธิ์ที่เปี่ยมล้นสำหรับหลักการดำเนินชีวิตอันสมบูรณ์และความมีระเบียบ

ดุอาอ์ของบรรดาอิมามแห่งอะฮฺลุลบัยตฺ(อฺ)นั้น เป็นสื่อที่ให้ผลเป็นอย่างยิ่งสำหรับการนำ

สังคมให้มีความตื่นตัวและก้าวหน้าไปในทิศทางแห่งพระผู้เป็นเจ้า และเป็นการยกระดับให้ก้าวขึ้นไปสู่สถานภาพอันสูงส่ง

 ในบทนี้เราจะนำเรื่องราวที่เกี่ยวกับดุอาอ์บางประการของท่าน

อิมามอะบูญะอฺฟัร อัล-ญะวาด(อฺ)มาเสนอ

๙๒

ดุอาอ์

บทที่ ๑

“โอ้พระผู้ซึ่งไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน และไม่มีสิ่งใดคล้ายคลึง พระองค์คืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ไม่มีผู้สร้างอื่นใดนอกจากพระองค์พระองค์ทรงสลายสภาพของสิ่งถูกสร้าง แต่พระองค์ทรงดำรงอยู่อย่างถาวร

 พระองค์ยังทรงอ่อนโยนต่อผู้ที่ทรยศต่อพระองค์ และในการอภัยโทษนั้นเป็นความยินดีของพระองค์”

(อะอฺยานุชชีอะฮฺ เล่ม ๓ หน้า ๒๔๕, มุกตะบิซุ้ลอะษัร เล่ม ๑๘ หน้า ๑๑๔).

๙๓

ดุอาอ์

บทที่ ๒

ดุอาอ์กุนูตบทหนึ่งของท่านอิมามญะวาด(อฺ)มีดังนี้

“การประทานให้ของพระองค์นั้นมีอย่างต่อเนื่อง ความโปรดปรานของพระองค์นั้นมีอย่างล้นเหลือ แต่การขอบพระคุณของเรานั้นมีเพียงน้อยนิดการสรรเสริญของเรานั้นมีเพียงเล็กน้อย

พระองค์ทรงให้ความสงสารแม้แต่กับผู้ที่รู้จักพระองค์เพียงผิวเผิน

โอ้ อัลลอฮฺ แน่นอนบรรดาผู้อยู่กับสัจธรรมมมักจะอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก

ส่วนผู้มีวาจาสัตย์ก็ตกอยู่ในสภาพถูกปิดล้อม(หมดโอกาส)

โอ้ อัลลอฮฺพระองค์เท่านั้นที่ทรงเป็นผู้มีเมตตาต่อปวงบ่าวของพระองค์และผู้ที่มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเข้าหาพระองค์ พระองค์ทรงมีอำนาจตอบรับดุอาอ์ของพวกเขาและทรงบันดาลให้พวกเขาได้รับการแคล้วคลาดอย่างเร็วพลัน

โอ้ อัลลอฮฺ ขอให้ทรงเป็นประทานความจำเริญแด่มุฮัมมัดและวงศ์วานของมุฮัมมัด และขอให้ทรงรีบเร่งประทานความช่วยเหลือที่ไม่มีวันบกพร่องหลังจากนั้นอีกให้แก่เราและด้วยความอนุเคราะห์ที่ไม่พลั้งพลาดอีกเลย และขอได้โปรดประทานความสันติสุขจากพระองค์ให้แก่เรา อันเป็นความสันติสุขที่บุคคลซึ่งพระองค์ทรงรักได้รับความปลอดภัยในนั้น

๙๔

 และเป็นความสันติสุขที่ศัตรูของพระองค์ต้องประสบความพ่ายแพ้ อีกทั้งเป็นความสันติสุขที่ผู้ซึ่งรู้จักพระองค์ดำรงอยู่ได้

อีกทั้งเป็นความสันติสุขที่อำนวยให้การกิจต่างๆ ของพระองค์มีความบันเจิด อันเป็นความสันติสุขที่พระองค์ทรงมีชัยเหนือศัตรูของพระองค์

โอ้ อัลลอฮฺ โปรดรีบเร่งให้พวกเราได้ใช้สถานที่พำนักแห่งความเมตตาจากพระองค์ และโปรดรีบเร่งให้ศัตรูของพระองค์ได้ไปพำนักอยู่ในบ้านแห่งการลงทัณฑ์

โอ้ อัลลอฮฺ ขอได้ทรงโปรดช่วยเหลือและเกื้อกูลต่อเรา และขอได้ทรงโปรดถอดถอนการลงโทษของพระองค์ออกไปจากเรา และทรงบันดาลให้สิ่งนั้นประสบแก่เหล่าบรรดาผู้อธรรม”

(มะฮฺญุดดะอฺวาต หน้า ๕๙)

๙๕

ดุอาอ์

บทที่ ๓

ดุอาอ์กุนูตอีกบทหนึ่งของอิมามญะวาด(อฺ) มีดังนี้

“โอ้ อัลลอฮฺ พระองคืคือผู้เป็นเจ้านับตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งไม่มีสภาวะเริ่มแรกใดๆ ก่อนหน้านี้อีก และทรงเป็นองค์สุดท้ายซึ่งไม่มีสภาวะสุดท้ายใดๆ ถูกกำหนดไว้หลังจากนั้นอีก พระองค์ทรงให้การบังเกิดกับพวกเราโดยไม่มีปฐมเหตุอื่นใดมาก่อนเกิดพระองค์ ทรงบันดาลให้พวกเรามีขึ้นมา

โดยมิได้เป็นไปเพราะเหตุจำเป็นอื่นใดบังคับ พระองค์ทรงบันดาลให้เราเกิดขึ้นมาด้วยวิทยาปัญญาของพระองค์ อันทางไว้ซึ่งอิสระเสรี พระองค์ทรงทดสอบเราด้วยคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามของ

พระองค์เพื่อเป็นการทดสอบพระองค์ ทรงให้การสนับสนุนเราด้วยอุปกรณ์ต่างๆและทรงมอบเครื่องมือทั้งหลายให้แก่เรา และทรงประทานความสามารถทั้งปวงให้แก่เรา และทรงกำหนด

หลักการเชื่อฟังปฏิบัติตามให้แก่เรา กล่าวคือพระองค์ได้บัญชาใช้โดยที่ให้เราเลือก และทรงห้ามโดยเป็นการเตือน พระองค์ทรงประทานให้อย่างมากมาย ทรงเรียกร้องแต่เพียงเล็กน้อย

พระบัญชาของพระองค์ได้รับการถูกละเมิด แต่พระองค์ก็ยังมีเมตตาพลานุภาพของพระองค์ได้รับการดูถูก

๙๖

แต่กระนั้นพระองค์ก็ยังทรงให้เกียรติ พระองค์คือเจ้าแห่งเกียรติยศ เจ้าแห่งความยิ่งใหญ่เกรียงไกร

เจ้าแห่งความดี และความโปรดปราน เจ้าแห่งความหวังและความปรานี เจ้าแห่งการประทานให้และเผื่อแผ่ เจ้าแห่งการดลบันดาลซึ่งความสำเร็จ ไม่มีดวงใจดวงใดสามารถล่วงรู้ในความลี้ลับของ

พระองค์ ไม่มีมโนภาพใดๆ สามารถเข้าถึงคุณลักษณะของพระองค์ สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างไว้ทั่วปวงไม่มีสิ่งใดคล้ายคลึงพระองค์ สิ่งที่พระองค์ทรงให้บังเกิดไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์

มหาบริสุทธิ์ผู้ทรงอยู่เหนือการถูกสัมผัสหรือการหยั่งถึงใดๆ โดยประสาทสัมผัสทั้ง ๕ สิ่งถูกสร้างจะมีความสามารถหยั่งถึงผู้สร้างของตนได้อย่างไร ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่ผู้อธรรมได้กล่าวไปทรงสูงส่งยิ่ง ทรงเกรียงไกร

โออัลลอฮฺ โปรดสนับสนุนให้บรรดาเอาลิยาอ์(ผู้เป็นที่รักยิ่ง) ของพระองค์มีชัยชนะต่อศัตรูของพระองค์

 ผู้อธรรม ผู้ละเมิด พวกนากิษีน พวกกอซิฏีน พวกมาริกีน

(ทั้ง ๓ กลุ่มคือกลุ่มที่ทำสงครามกับท่านอิมามอฺะลี) ซึ่งเขาเหล่านั้นได้ทำให้ปวงบ่าวของพระองค์ต้องหลงผิด เขาเหล่านั้น

เปลี่ยนแปลงคัมภีร์ของพระองค์ และดัดแปลงบทบัญญัติของพระองค์เขาเหล่านั้นละเมิดสิทธิของพระองค์ และนั่งอยู่ในตำแหน่งของบรรดาเอาลิยาอ์ของพระองค์

๙๗

ความเลวร้ายจากเขาเหล่านั้นกระทำขึ้นเบื้องหน้าของพระองค์เป็นความอธรรมที่พวกเขามีต่ออะฮฺลุลบัยตฺแห่งนบีของพระองค์

ซึ่งเขาเหล่านั้นได้หลงผิดและทำให้บรรดาสิ่งถูกสร้างของพระองค์ต้องหลงผิดตามไป

โอ้ พระผู้เป็นเจ้าเขาเหล่านั้นได้ยึดเอาสิทธิของพระองค์ไปอยู่ในครอบครองและกดขี่ปวงบ่าวของพระองค์

โอ้ พระผู้เป็นเจ้า เขาเหล่านั้นละทิ้งผืนแผ่นดินของพระองค์ให้ตกอยู่ในความมือมนตลอดกาล ดังนั้นสายตาของพวกเขาถึงแม้จะเปิดอยู่ แต่หัวใจของพวกเขามือบอด ไม่มีหลักฐานอันใดหลงเหลือสำหรับพวกเขาอีกแล้ว ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ได้นำการลงทัณฑ์และได้กำหนดการลงโทษมาแล้ว พระองค์ทรงสัญญารไว้กับเหล่าบรรดาผู้ปฏิบัติตามว่าจะได้รับคุณงามความดีจากพระองค์ พระองค์ได้นำคำตักเตือนมายังเขาเหล่านั้น ดังนั้นคนกลุ่มหนึ่งจึงได้ศรัทธา

โอ้ อัลลอฮฺ โปรดเกื้อกูลต่อบรรดาผู้ศรัทธาให้มีชัยชนะเหนือศัตรูของพระองค์ และศัตรูแห่งบรรดาผู้สวามิภักดิ์ต่อพระองค์ ดังนั้นพวกเขาจึงปรากฏตัวอย่างชัดเจน และเป็นผู้เรียกร้องไปสู่สัจธรรม และสำหรับอิมามผู้ถูกรอดคอยอันเป็นผู้ดำรงอยู่ด้วยความเที่ยงธรรมนั้น ขอให้มีผู้ปฏิบัติตาม

๙๘

 ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดจัดเตรียมไฟนรกของพระองค์ไว้แก่ศัตรูของพระองค์ และศัตรูของคนเหล่านั้น และขอได้ทรงจัดเตรียมการลงโทษที่ไม่วันถูกปกป้องให้พ้นจากบรรดาผู้อธรรม

ข้าแต่อัลลอฮฺ ได้โปรดประทานความจำเริญแด่ศาสดามุฮัมมัดและวงศ์วานของมุฮัมมัด ขอพระองค์ทรงเพิ่มพูนพละกำลังให้แก่เหล่าบรรดาผู้บริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ที่อ่อนแอและแก่บรรดาผู้

ปฏิบัติตามพวกเราด้วยความจงรักภักดี อันเป็นผู้ปฏิบัติตามเราด้วยความเชื่อมั่นและปฏิบัติตามคำสอน และได้โปรดบันดาลให้มีผู้กล่าวถึงเราในหมู่ชนเหล่านั้น

ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอได้โปรดสนับสนุนกิจการงานของพวกเขาเหล่านั้น และได้ทรงสนับสนุนให้พวกเขาได้รับศาสนาตามที่พระองค์ทรงมอบให้แก่พวกเขาด้วยความยินดี และได้โปรดบันดาลความสมบูรณ์แห่งความโปรดปรานของพระองค์ให้แก่เขาเหล่านั้นและได้โปรดขัดเกลาเขาเหล่านั้นให้มีความบริสุทธิ์

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดยับยั้งความยากจนของพวกเขาเหล่านั้น

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอได้โปรดให้ความช่วยเหลือแก่ความคับแค้นของคนเหล่านั้น

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอได้โปรดอภัยในความบาปและความผิดพลาดของคนเหล่านั้น และขอให้ทรงอย่าหันเหจิตใจของคนเหล่านั้น หลังจากที่พระองค์ทรงนำทางพวกเขา

๙๙

โอ้ พระผู้อภิบาล ขอพระองค์ทรงอย่าปล่อยให้เขาเหล่านั้นละเมิด ได้โปรดปกป้องคุ้มครองเขาเหล่านั้นให้อยู่ในความสะอาดบริสุทธิ์กับสายธารแห่งความจงรักภักดีต่อเหล่าบรรดาเอาลิยาอ์ของพระองค์และโปรดบันดาลให้เขาเหล่านั้นแคล้วคลาดจากบรรดาศัตรูของพระองค์

 แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงให้การสนองตอบ

ขออัลลอฮฺ ได้ทรงประทานพรแด่ศาสนามุฮัมมัดและวงศ์วานผู้บริสุทธิ์”

( มะฮฺญุดดะอฺวาต หน้า ๖๐)

๑๐๐