อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก

อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก0%

อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก ผู้เขียน:
กลุ่ม: ห้องสมุดศาสดาและวงศ์วาน
หน้าต่างๆ: 113

อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก

ผู้เขียน: ซัยยิด สุไลมาน ฮุซัยนี
กลุ่ม:

หน้าต่างๆ: 113
ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 28726
ดาวน์โหลด: 4654

รายละเอียด:

อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก
ค้นหาในหนังสือ
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 113 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 28726 / ดาวน์โหลด: 4654
ขนาด ขนาด ขนาด
อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก

อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

อิมามมะฮ์ดี

ความหวังใหม่ของโลก

มูลนิธิ ดารฺ รอเฮ ฮัก รวบรวมและเรียบเรียง

ฮุจญตุลอิสลามซัยยิดสุไลมาน ฮุซัยนี ผู้แปล

อัลกุรอาน :

وَعَدَ اللَّـهُ الَّذِينَ آمَنُوا مِنكُمْ وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ لَيَسْتَخْلِفَنَّهُمْ فِي الْأَرْ‌ضِ كَمَااسْتَخْلَفَ الَّذِينَ مِن قَبْلِهِمْ وَلَيُمَكِّنَنَّ لَهُمْ دِينَهُمُ الَّذِي ارْ‌تَضَىٰ لَهُمْ وَلَيُبَدِّلَنَّهُم مِّن بَعْدِ خَوْفِهِمْ أَمْنًا ۚ يَعْبُدُونَنِي لَا يُشْرِ‌كُونَ بِي شَيْئًا ۚ وَمَن كَفَرَ‌ بَعْدَ ذَٰلِكَ فَأُولَـٰئِكَ هُمُ الْفَاسِقُونَ ﴿٥٥﴾

 “และอัลลอฮได้ทรงสัญญาไว้กับบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบการดี (อามัลศอและห์) ในหมู่พวกเจ้า โดยจะให้พวกเขาสืบทอดอำนาจบนหน้าแผ่นดินเหมือนกับที่พระองค์ได้ทรงทำให้บุคคลก่อนหน้าเขาสืบทอดมาแล้ว และพระองค์จะเปลี่ยนความหวาดกลัวของพวกเขาให้เป็นความปลอดภัย ดังนั้นจงภักดีต่อพระองค์เพียงองค์เดียว และอย่าได้ตั้งภาคีใด ๆกับพระองค์” (อันนูร: ๕๕)

وَنُرِ‌يدُ أَن نَّمُنَّ عَلَى الَّذِينَ اسْتُضْعِفُوا فِي الْأَرْ‌ضِ وَنَجْعَلَهُمْ أَئِمَّةً وَنَجْعَلَهُمُ الْوَارِ‌ثِينَ ﴿٥﴾

 “และเราได้ประสงค์จะทำให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่ถูกกดขี่ บนหน้าแผ่นดิน โดยทำให้พวกเขาเป็นผู้นำทั้งหลาย (บรรดาอิมาม) และทำให้พวกเขาเป็นทายาทผู้สืบมรดก” (เกาะศอศ: ๕)

คำนำของผู้แปล

ความศรัทธาในเรื่องราวที่เกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี เป็นความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ (อะกีดะตุลกุบรอ) ที่มีอยู่ในอิสลาม ด้วยความศรัทธาอันนี้ก่อให้เกิดพลัง และความหวังให้กับมุสลิมที่รอคอยวันแห่งการปักธงชัยแห่ง

“ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮ” เหนือโลกทั้งมวลให้เป็นจริง

ความศรัทธาที่ถูกต้องต่อสิ่งนี้ก่อให้เกิดความกระตือรือล้นที่จะเคลื่อนไหวในการรับใช้ศาสนา และสร้างฐานรองรับต่อการปรากฏของท่านเพื่อที่จะสถาปนารัฐอิสลามขึ้นมาบนโลก ซึ่งเป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ของมุสลิมทุกคน

การปฏิวัติอิสลามในอิหร่านได้ประสบความสำเร็จ ก็เกิดมาจากความศรัทธา และเข้าใจถูกต้องโดยเรื่องของอิมามมะฮ์ดีและเป็นสาเหตุสำคัญอันหนึ่งที่ช่วยให้การปฏิวัติอิสลามในอิหร่านยืนหยัดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้

บรรดาศัตรูของอิสลามรู้ดีว่าอะกีดะฮ์ อันนี้เป็นอันตรายต่อแผนการร้ายของพวกเขา และเป็นก้างที่ขวางคอพวกเขาในการคิดที่จะครองโลกเพราะตราบใดที่อะกีดะฮ์อันนี้ยังมีอยู่อย่างถูกต้องในหัวใจของมุสลิม แผนการของพวกเขาก็ไปไม่ถึงเป้าหมาย

   ดังนั้นบรรดาศัตรูของอิสลามจึงได้พยายามหาวิถีทางในการที่จะกำจัดเอาอะกีดะอ์อันนี้ออกไปจากหัวใจของมุสลิมและผู้ที่สนองรับนโยบายอันชั่วช้านี้ได้ดีที่สุด ก็คือบรรดามุสลิมผู้โง่เขลาและไร้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องของอิสลาม โดยวิธีการสร้างมะฮ์ดีตัวปลอมหรือบิดเบือนความจริงที่เกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดีอย่างที่บางพวกได้อุตริขึ้นพวกหนึ่งได้พยามยามที่จะชี้ให้เห็นว่าใครก็เป็นมะฮ์ดีได้ ถ้าเขามาเพื่อปรับปรุงศาสนา และอีกหลายๆ พวกที่จะมีมา ได้พยายามที่จะสร้างมะฮ์ดีตัวปลอมขึ้นมาในขณะที่ความชัดแจ้งของฮะดีษที่มีอยู่ในทุกมัซฮับ (นิกาย) นั้น ทั้งชื่อ และเชื้อสายของอิมามมะฮ์ดีได้รับการยืนยันว่า เขาคือผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากท่านศาสดา (ศ) และเป็นลูกหลานของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)

หนังสือเล่มนี้ได้ถูกเขียนโดย คณะอุละมาอ์แห่งสถาบันทางแห่งสัจธรรม (ดารฺ รอเฮ ฮัก) ซึ่งเป็นสถาบันศาสนาที่สาคัญอันหนึ่งของเมืองกุม

 มีอุละมาอฺ และนักปรัชญาหลายท่านได้ถูกผลิตออกมาจากสถาบันนี้

ดังนั้นเนื้อหาทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้จึงมีความแน่นอนในความถูกต้องของเนื้อหา และหลักฐานด้วยความหวังที่จะเสนอสัจธรรมอันยิ่งใหญ่นี้ให้กับผู้อ่านทุกท่าน ที่ประสงค์จะมีความเข้าใจให้ถูกต้องในเรื่องของอิมามมะฮ์ดีเพื่อจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงจากอะกีดะฮ์อันนี้

ด้วยสลามและดุอา

ซัยยิดสุไลมาน ฮุซัยนี

ชีวประวัติ

ชื่อของท่าน : เป็นคำสั่งเสียจากบรรดาอิมามมะอฺศูม ไม่ให้เรียกชื่อเต็มของท่าน ตราบใดที่ท่านยังไม่ปรากฏ และให้เรารู้แต่เพียงว่าชื่อของท่านเหมือนกับชื่อของรอซูลุลลอฮ ฉายาเดียวกันกับรอซูลุลลอฮ

ฉายาต่าง ๆ ของท่าน : ฉายาที่ดัง และป็นที่รู้จักกันทั่วไปก็คือ “มะฮ์ดี”,

 “กออิม”, “ฮุจญัต” และบะกียะตุ้ลลอฮ”

บิดาของท่าน : คือท่านอิมามฮะซัน อัสการี (อ.) อิมาม ที่ ๑๑

มารดาของท่าน : ท่านหญิงผู้ทรงเกียรติ หลานสาวของไกเซอร์แห่งโรม มีนามว่า “นัรญิส”

สถานที่กำเนิด : เมืองซามัรรอ ประเทศ อิรัก วันที่ ๑๕ เดือน ชะอฺบาน

ฮิจเราะฮ์ที่ ๒๕๕ (ซี่งจนถึงปัจจุบันอายุหนึ่งพันหนึ่งร้อยหกสิบปี และอายุของท่านจะยืนยาวต่อไปตราบเท่าที่อัลลอฮทรงประสงค์ จนกระทั่งถึงวันแห่งการปรากฏตัวของท่าน เพื่อนำความสันติ และยุติธรรมมาสู่ชาวโลก)

ความเชื่อในมะฮ์ดี ผู้ถูกสัญญาในศาสนาต่าง ๆ

ความเชื่อในอิมามมะฮ์ดีผู้ถูกสัญญาในลักษณะที่ว่าจะมีบุรุษหนึ่งจากพระผู้เป็นเจ้ามาปลดปล่อยชาวโลกให้พ้นทุกข์โศกนั้นเป็นความเชื่อที่มีอยู่ในทุกศาสนา และทุกนิกาย มีได้มีอยู่ในแนวทางของซีอะฮ์เท่านั้น แต่ความเชื่ออันนี้นั้นมีอยู่ในพี่น้องซุนหนี่ และในศาสนาของยะฮูดี คริสเตียนพวกมะยูซี ฮินดู ซึ่งพวกเขาทั้งหมดยอมรับโดยทั่วไปว่า จะมีมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่จากพระผู้เป็นเจ้ามาปลดปล่อยชาวโลกให้พ้นจากทุกข์โศก และพวกเขาทุกคนก็กำลังรอคอยมหาบุรุษผู้นี้อยู่

ในคัมภีร์ “ตี้ด” ของชาวฮินดู ได้กล่าวไว้ว่า “หลังจากที่โลกนี้ได้เข้าสู่ยุคเสื่อมโทรมที่สุด กษัตริย์หนึ่งจะปรากฏขึ้นในยุคสุดท้ายเข้าคือผู้นำแห่งศีลธรรม เขามีชื่อว่า “มันศูร” เขาจะพิชิตโลก และทำให้โลกทั้งหมดอยู่ภายใต้ศาสนาของเขา ทั้งผู้ศรัทธาและไม่ศรัทธาจะรู้จักเขา เขาประสงค์สิ่งใดจากพระเจ้าเขาจะได้รับสิ่งนั้น”

ในคัมภีร์ “ญามาซบ์” ของชาวโซโรอัสเตอร์ ได้กล่าวไว้ว่า “บุรุษหนึ่งจากลูกหลานของฮาชิม จะปรากฏขึ้นบนหน้าแผ่นดิน ผู้มีร่างกายกำยา และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ยืนหยัดอยู่ในศาสนาของตาของเขา จะนำความเจริญมาสู่อิหร่าน และจะทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยระเบียบกฏเกณฑ์จนถึงขั้นที่หมาป่าจะกินน้าเคียงข้างลูกแกะได้”

ในคัมภีร์ “ซันด์” ซึ่งเป็นอีกนิกายหนึ่งของ โซโรอัสเตอร์ ได้กล่าวไว้ว่า “เมื่อชัยชนะของพระเจ้ามาถึง บรรดามารร้าย และสาวกของมัน จะถูกพันธนาการไว้กับแผ่นดิน และไม่มีทางเข้าสู่สรวงสวรรค์ และหลังจากชัยชนะอันนี้โลกจะเข้าสู่ความสาเร็จอย่างแท้จริง และลูกหลานของอาดัม จะนั่งอยู่บนบังลังก์แห่งความผาสุกตลอดไป”

 ในคัมภีร์ “เตารอด” บทที่ ๒๐:๑๗ ได้กล่าวถึงอิมามสิบสองจากลูกหลานของอิสมาอีลจะปรากฏขึ้น

ในคัมภีร์ “ซะบูร” ของท่านนบีดาวูด ได้กล่าวว่า “ส่วนผู้ที่จะศอและห์เท่านั้นจะเป็นทายาทบนหน้าแผ่นดิน และเขาจะอยู่ในนั้นตลอดไป”

ซึ่งตรงกันกับโองการอัลกุรอานที่ว่า

وَلَقَدْ كَتَبْنَا فِي الزَّبُورِ‌ مِن بَعْدِ الذِّكْرِ‌ أَنَّ الْأَرْ‌ضَ يَرِ‌ثُهَا عِبَادِيَ الصَّالِحُونَ ﴿١٠٥﴾

 “และเราได้บันทึกไว้ใน “ซะบูร” หลังจาก (ที่ได้บันทึกไว้แล้วใน)

 เตารอต ว่าแท้จริงบ่าวผู้ศอและห์ของข้าเท่านั้นที่จะเป็นทายาทบนหน้าแผ่นดิน”

 (อัมบิยาอฺ: ๑๐๕)”

และอีกโองการหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า

وَعَدَ اللَّـهُ الَّذِينَ آمَنُوا مِنكُمْ وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ لَيَسْتَخْلِفَنَّهُمْ فِي الْأَرْ‌ضِ كَمَا اسْتَخْلَفَ الَّذِينَ مِن قَبْلِهِمْ وَلَيُمَكِّنَنَّ لَهُمْ دِينَهُمُ الَّذِي ارْ‌تَضَىٰ لَهُمْ وَلَيُبَدِّلَنَّهُم مِّن بَعْدِ خَوْفِهِمْ أَمْنًا يَعْبُدُونَنِي لَا يُشْرِ‌كُونَ بِي شَيْئًا وَمَن كَفَرَ‌ بَعْدَ ذَٰلِكَ فَأُولَـٰئِكَ هُمُ الْفَاسِقُونَ ﴿٥٥﴾

 “และอัลลอฮฺได้ทรงสัญญาไว้กับบรรดาผู้ศรัทธา และประกอบการดี (อามัสศอและห์) ในหมู่พวกเจ้า โดยจะให้พวกเขาสืบทอดอานาจบนหน้าแผ่นดิน เหมือนกับที่พระองค์ได้ทรงทาให้บุคคลก่อนหน้าเขาสืบทอดมาแล้ว และพระองค์จะเปลี่ยนความหวาดกลัวของพวกเขาให้เป็นความปลอดภัย ดังนั้นจงภักดีต่อพระองค์เพียงพระองค์เดียว และอย่าได้ตั้งภาคีใด ๆ กับพระองค์” (อันนูร: ๕๕)

อีกโองการหนึ่งได้กล่าวว่า

وَنُرِ‌يدُ أَن نَّمُنَّ عَلَى الَّذِينَ اسْتُضْعِفُوا فِي الْأَرْ‌ضِ وَنَجْعَلَهُمْ أَئِمَّةً وَنَجْعَلَهُمُ الْوَارِ‌ثِينَ ﴿٥﴾

 : “และเราได้ประสงค์ที่จะทำให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่ถูกกดขี่บนหน้าแผ่นดิน โดยทำให้พวกเขาเป็นผู้นาทั้งหลาย (บรรดาอิมาม) และทำให้พวกเขาเป็นทายาทผู้สืบมรดก” (เกาะศอศ: ๕)

ซึ่งโองการเหล่านั้นทั้งหมดที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นเป็นข้อพิสูจน์อย่างเพียงพอ ที่จะกล่าวว่า สุดท้ายแล้ว วันหนึ่งโลกจะตกอยู่ในมือผู้เหมาะสมของบ่าวของพระเจ้า และมรดกแห่งอำนาจอันนี้จะกลับไปสู่พวกเขา และจะเป็นวันที่ตำแหน่งผู้นำ และผู้ปลดปล่อยชาวโลก จะมาถึงมือของเขา” มนุษย์ได้เดินหลงจากทางนำแห่งพระเจ้าเข้าสู่จุดเสื่อมสูงสุดของความเป็นมนุษย์และไร้จริยธรรม ซึ่งแทบจะไม่มีอะไรหลงเหลืออีกแล้วในความเป็นมนุษย์และไร้จริยธรรม ซึ่งแทบจะไม่มีอะไรหลงเหลืออีกแล้วในความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงที่มีคุณธรรมและศีลธรรม และในไม่ช้ามนุษย์จะพบว่าการใช้กำลังหรืออำนาจ หรือ ความรู้และวิชาการทางด้านวัตถุหรือเทคนิคต่าง ๆ ของมัน จะไม่สามารถทำให้โลกนี้มีระเบียบหรือความยุติธรรม จนไปสู่ความสำเร็จสูงสุดได้

 นอกเสียจากว่าพวกเขาจะต้องเปลี่ยนฟฤติกรรม และการเป็นอยู่ให้เป็นไปตามพื้นฐานของความศรัทธา และยอมรับการชี้นำ และอำนาจของพระเจ้า และยอมรับผู้นำแห่งพระเจ้า เพื่อที่จะนำพวกเขาฝ่าฟันอันตราย

ต่าง ๆ เข้าสู่ทางแห่งความรอดพ้นของมนุษย์ชาติ นำโลก และมนุษยชาติเข้าสู่การปกครองที่สมบูรณ์แบบซึ่งวางอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมและสันติภาพ

ความศรัทธาในมะฮ์ดี ผู้ถูกสัญญา (อ.)จากหลักฐานต่างๆ

ในอิสลาม

ท่านรอซูล และบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ ได้รายงานเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่านอิมามมะฮ์ดี ทั้งในแง่ที่เกี่ยวกับการหายตัว (ฆ็อยบะฮ์) การปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง การต่อสู้ของท่าน และบุคลิกภาพต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับท่านอิมามมะฮ์ดี ซึ่งรายงานเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดอย่างแพร่หลายจากบรรดาสาวก และสหายของรอซูล และอิมามผู้บริสุทธิ์

 เจ้าของหนังสือ “อัลอิมามอัล-มะอ์ดี” ได้บันทึกชื่อของศอฮาบะอ์ ๕๐ ท่าน ชื่อของตาบิอีนอีก ๕๐ ท่านที่ได้ทำการรายงานหะดีษที่เกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี

๑๐

บรรดากวีมุสลิมได้เขียนบทกวีไว้อย่างมากมายที่เกี่ยวกับท่านอิมาม และส่วนมากของบทกวีนั้นได้เขียนก่อนประสูติของท่านอีมามมะฮ์ดีนับศตวรรษ

“กูเมต อัลอะซะดีย์” นักกวีเอกคนหนึ่งของชีอะฮ์ ได้แต่งบทกวีบรรยายเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮ์ดี ต่อหน้าท่านอิมามบากิร (อ) และยังได้ถามท่าน

อิมามบากิร (อ.) เกี่ยวกับเวลาที่อิมามจะปรากฏ

“ดิอ์บัล อัลคุซาอี” กวีเอกอีกท่านหนึ่งที่ได้แต่งบทกวีเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮ์ดี ต่อหน้าท่านอิมามริฏอ (อ) ซึ่งคุซาอี ได้กล่าวขึ้นว่า

“ถ้าไม่ใช่เพราะความหวังที่ฉันมีในวันนี้หรือพรุ่งนี้ (หมายถึงการมาของท่านอิมามมะฮ์ดี)

หัวใจของฉันก็ต้องสลายไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา (หมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับอะหฺลุลบัยต์) (ความหวังนั้นก็คือ) การปรากฏของอิมามท่านหนึ่งซึ่งไม่มีข้อสงสัยในการปรากฏขึ้น

เขาจะยืนหยัดด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ และจากบารอกัตของพระองค์ (และเขา) จะเป็นผู้แยกแยะในหมู่พวกเราระหว่างสัจธรรมกับความเท็จ และเขา จะเป็นผู้ตอบแทนรางวัล และบทลงโทษ”

๑๑

หลังจากที่ คุซาอี ได้อ่านกวีบทนี้จบ ท่านอิมามริฏอ (อ) จึงได้กล่าวกับเขาว่า

“โอ้ คุซาอี เอ๋ย บทกวีบทนี้ พระเจ้าเป็นผู้ใส่มันลงไปในปากของเจ้า

 เจ้ารู้ไหมว่าอิมาม คือใคร? คุซาอี ได้ตอบว่า : ฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่เพียงว่า จะมีอิมามหนึ่งจากลูกหลานของท่าน ปรากฏขึ้นและเขาจะทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความสันติ และยุติธรรม”

ท่านอิมามริฏอ (อ) จึงกล่าวขึ้นว่า: โอ้ คุซาอี อิมามหลังจากฉันคือมุฮัมมัด

(อิมามญะวาด) บุตรชายของฉัน และหลังจากเขาก็คือบุตรชายของเขา ฮะซัน (อิมาม ฮาตี) และหลังจากเขา (อะลี) ก็คือบุตรชายของเขา ฮะซัน

 (อิมามอัสการี) และหลังจากเขา (ฮะซัน) ก็บุตรชายของเขา ซี่งในการเร้นหายของเขาจะต้องรอคอย และในการปรากฏของเขาจะต้องภักดี และถึงแม้ว่าโลกนี้จะมีเวลาเหลืออยู่อีกเพียงวันเดียว อัลลอฮฺก็จะทำให้วันนั้นยืดยาวจนกระทั่งกออิม (อิมามมะฮ์ดี) ปรากฏและทำให้โลกเต็มไปด้วยความสันติ และยุติธรรมหลังจากที่มันได้เต็มไปด้วยความอธรรม และการกดขี่

และบางครั้งบรรดานักกวี หรือ ลูกศิษย์ของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ได้ถามกับท่านอย่างตรงไปตรงมาว่าท่าน หรือเปล่าที่เป็น “กออิม” หรือท่านหรือเปล่า คือ มะฮ์ดี ผู้ถูกรอคอย (อัลมุนตะซ็อร) ดังนั้นบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ ก็จะทำการตอบชี้แจง สิ่งที่เกี่ยวกับอิมาม กออิม (มะฮ์ดี) ตามความเหมาะสมของเวลาและโอกาส

๑๒

และจากการที่ฮะดีษที่เกี่ยวกับท่านอิมามมะฮ์ดี (อ) เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในหมู่สลิม จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดมีการกล่าวอ้างเท็จขึ้นเกี่ยวกับการเป็น อัล-มะฮ์ดี หรือ นาเอาสิ่งนี้ไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ตั้งแต่ในสมัยที่อิมามมะฮ์ดีจริงยังไม่ประสูติ อย่างเช่นพวก “กิซานียะฮ์” แต่ซึ่งพวกนี้นั้นเกิดขึ้นมาก่อนที่ท่านอิมามมะฮ์ดี จะถือกำเนิดถึง ๒๐๐ ปี โดยพวกเขาได้อ้างว่า “มุหัมมัด อัลฮะนาฟียะฮ์” คืออิมามมะฮ์ดี ผู้ถูกรอคอย และได้เชื่อกันว่าได้เร้นหายไป และจะกลับมาปรากฏอีกครั้งหนึ่งโดยได้นำฮะดีษ และหลักฐานต่าง ๆ จากท่านรอซูล(ศ) และอิมามผู้บริสุทธิ์ได้พูดถึงมะฮ์ดีตัวจริง มาเป็นข้อกล่าวอ้าง และพวกราชวงศ์อับบาซียะฮ์ ก็ได้สร้างเรื่องเท็จในทำนองนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในสมัยของเคาะลีฟะห์ “มะฮ์ดี อับบาซี” ซึ่งได้ตั้งชื่อตัวเองว่า “มะฮ์ดี” เพื่อที่จะได้ใช้ประโยชน์จากการที่ประชาชาติ

รอคอยท่านอิมามมะฮ์ดีตัวจริง

อุละมาอ์สุนหนี่ และชีอะห์ได้บันทึกฮะดีษที่เกี่ยวกับท่านอิมามมะฮ์ดีไว้อย่างมากมาย จาก “มุสนัด อะห์มัด อิบนิ ฮัมบัล” และ “เศาะหี้หฺบุคอรี” เป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือฮะดีษที่มาตรฐานของ อะห์ลิซซุนนะห์ ที่ได้เขียนขึ้นก่อนการถือกำเนิดของท่านอิมามมะฮ์ดี และหนังสือ ทั้งสองเล่มนี้ก็ได้รายงานหะดีษต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดีไว้เป็นจำนวนมาก

๑๓

หนังสือ “มะชีเคาะฮ์ เขียนโดย ฮะสัน บิน มะฮ์บูบ ซึ่งเชคฏ็อบริซีย์ ได้กล่าวไว้ว่า “หนังสือเล่มนี้ได้เขียนขึ้น ๑๐๐ ปี ก่อนการเร้นหายครั้งใหญ่

 (ฆ็อยบะตุลกุบรอ) ของท่านอิมามมะฮ์ดี ซี่งในหนังสือเล่มนี้ได้รายงานเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเร้นหายของท่านอิมามมะฮ์ดี”

และเชคฏูซีได้กล่าวต่อไปอีกว่า “หะดีษต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเร้นหายของท่านอิมามมะฮ์ดี ได้ถูกบันทึกไว้อย่างมากมายโดยนักฮะดีษชาวชีอะฮ์ ตั้งแต่สมัยของท่านอิมามบากิร และอิมาม ญะอ์ฟัร (อ)

นักวิชาการชาวชีอะฮ์และสุนหนี่ได้เขียนหนังสือไว้อย่างมากมายเกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดีผู้ถูกสัญญา ซึ่งบางเล่มได้เขียนขึ้นก่อนการถือกำเนิดของท่านอิมามะฮ์ดี (อ)

รอวาญานี อุละมาอฺชาวสุนหนี่ มรณะในปีที่ ๒๕๐ ฮิจเราะฮ์ ได้เขียนหนังสือ “อัคบารรุลมะฮ์ดี” ไว้ตั้งแต่ก่อนการถือกำเนิดของท่านอิมาม

มะฮ์ดี ในหมู่อุละมาอฺชีอะฮ์ ก็เช่นกัน ท่านอันมาฏีและ มุฮัมมัด บิน

อัลฮะซัน บิน มะฮ์บูบ ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการถือกำเนิด และการเร้นหายของท่านอิมามมะฮ์ดี ไว้ตั้งแต่ก่อนการถือกำเนิด และเร้นหายของท่านอิมาม

๑๔

ฮะดีษ และเรื่องของท่านอิมามมะฮ์ดีนั้นมีมากมาย และเป็นเรื่องชัดแจ้งที่สุดเรื่องหนึ่งในอิสลาม ซี่งเป็นการยากที่จะหาเรื่องอื่น มาเปรียบเทียบถึงความชัดแจ้งของมัน นอกเหนือจากอุละมาอ์ชีอะฮ์เองแล้ว อุละมาอ์สุนหนี่จำนวนมากยอมรับว่า ฮะดีษที่เกี่ยวกับท่านอิมามมะฮ์ดี นั้นชัดแจ้งถึงขั้น

มุตะวาติร อย่างเช่นท่านบัยฮะกีย์  อุลามะอฺชาวสุนนะห์เจ้าของหนังสือ “มะนากิบุชชาฟิอี” มรณภาพเมื่อปีที่ ๓๖๓ แห่งฮิจเราะฮ์

ท่านได้กล่าวไว้ว่า : ฮะดีษที่เกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี ที่รายงานจากท่านรอซูลแห่งอัลลอฮ์นั้นความชัดแจ้งของมันถึงขั้น “มุตะวาติร”

เจ้าของหนังสือ “อิมามมะฮ์ดี” ได้เขียนไว้ในหนังสือของท่านว่า:

 ถ้าเรารวบรวมริวายะฮ์ต่างๆ ที่รายงานโดยทั้งชีอะฮ์ และสุนหนี่ที่เกี่ยวกับท่านอิมามมะฮ์ดี เราจะพบว่ามันมีมากกว่าหกพันฮะดีษ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ยิ่งใหญ่อย่างมากตัวหนึ่ง ซึ่งแม้แต่เรื่องสำคัญอื่นๆ ในอิสลามที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปไม่มีข้อแย้ง และสงสัยเลยในการยอมรับมัน ก็ยังไม่มีรายงานถึงหกพันฮะดีษ

ดังนั้น บนพื้นฐานเหล่านี้ มุสลิมตั้งแต่ยุคแรกของอิสลามได้รับรู้ และเข้าใจถึงสัญญาอันยิ่งใหญ่นี้ และโดยเฉพาะชีอะฮ์ ผู้ได้รับการฝึกฝนจากครอบครัวอันบริสุทธิ์ (อะฮ์ลุลบัยต์) มีความเชื่อที่มั่นคง และสมบูรณ์ได้ทำการรอคอยการกำเนิด และการกลับมาอีกครั้งหนึ่งของท่านอิมามมะฮ์ดี ทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา

๑๕

หลักฐานจากฮะดีษต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับท่านอิมามมะฮ์ดี นั้นได้ชี้ชัดให้รู้ว่า ท่านอิมามมะฮ์ดีนั้นมาจากบะนีฮาชิม เป็นลูกหลานของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) สืบเชื้อสายมาจากสายเลือดของผู้นำแห่งบรรดาซะฮีดอิมามฮุเซน (อ)

พ่อของท่านชื่อ ฮะซัน (อิมามอัสการี) ส่วนชื่อท่านอิมามมะฮ์ดีนั้นมีชื่อ และฉายา เหมือนกับชื่อ และฉายาของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อด) การกำเนิด และการมีชีวิตของท่านเป็นความลับ

 การเร้นหาย (ฆ็อยบะฮ์) มีสองครั้งซึ่งครั้งแรกเป็นระยะเวลาอันสั้น

 (ฆ็อยบะตุลศุฆรอ) และครั้งที่สองเรียกกว่า “ฆ็อยบะตุลกุบรอ” ซึ่งเป็นการเร้นหายที่มีระยะเวลาอันยาวนานตราบเท่าที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ และด้วยคำสั่งของพระองค์จะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำการปฏิวัติ และนำโลกเข้าสู่การปกครองของอิสลาม และจาทำให้โลกเต็มไปด้วยความสันติ และยุติธรรมหลังจากที่มันได้เต็มไปด้วยความ อยุติธรรม และการกดขี่

โดยในฮะดีษเหล่านี้ ได้อธิบายอย่างละเอียดถึงบุคลิกรูปร่าง และหน้าตาของอิมามคนที่สิบสองท่านนี้ ซึ่งเราจะนำมาเป็นตัวอย่างดังนี้

๑๖

ตัวอย่างจากฮะดีษของอะฮฺลิซสุนนะฮ์

๑. ท่านศาสดา (ศ็อล) ได้ย้ำถึงความแน่นอนของการปรากฏตัวของท่าน

อิมามมะอ์ดี ว่า: ถึงแม้ว่าโลกนี้มีเวลาเหลืออีกเพียงวันเดียวอัลลอฮฺ ก็จะส่งชายคนหนึ่งจากเรา มาบนโลกนี้ และจะทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรม หลังจากที่มันได้เคยเต็มไปด้วยความอยุติธรรม และการกดขี่

(จากมุสนัด อะห์มัด อิบนิ ฮัมบัล)

 

๒. ท่านศาสดา (ศ็อล) กล่าวไว้ว่า: วันกิยามัตจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าชาย

คนหนึ่งจากอะห์ลุลบัยต์ของฉัน จะปรากฏตัว และทำให้ภารกิจของฉันสมบูรณ์ด้วยมือของเขา ชื่อของเขาเหมือนชื่อของฉัน

(จากมุสนัด อะหมัด อิบนิ ฮัมบัล)

๓. ท่านเราะสูลุลลอฮฺ (ศ็อล) ได้กล่าวว่า: เหมือนกับที่อะลีเป็นผู้นำหลังจากฉัน กออิม อัลมุนตะซ็อร (อิมามมะฮ์ดี) ก็คือผู้นำจากฉัน เมื่อตอนที่เขาปรากฏตัวเขาจะทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความสันติ และยุติธรรมหลังจากที่มันได้เต็มไปด้วย ความอธรรม และการกดขี่ ขอสาบานด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ว่า ผู้ที่สามารถจะยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อศาสนาในช่วงของการเร้นหายของเขานั้นหายากยิ่งกว่าเหล็กไหลเสียอีก

๑๗

ท่านญาบีร ได้ลุกขึ้นถามว่า : โอ้ ศาสดาแห่งอัลลอฮฺ “กออิม” ลูกหลานของท่านมีการเร้นหายด้วยหรือ?

ท่านศาสดา ตอบ : แน่นอนขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลของฉัน ผู้ศรัทธาจะถูกทดสอบจนบริสุทธิ์ และผู้ปฏิเสธจะถูกทำให้พินาศโอ้ ญาบีรเอ๋ย เรื่องนี้นั้นเป็นความลับอันหนึ่งจากความลับทั้งหลายจากอัลลอฮ์ ดังนั้นจงหลีกห่างจากความสงสัย เพราะการสงสัยในกิจกรรมของอัลลอฮ์นั้นเป็นการปฏิเสธ (กุฟร์)

(จากหนังสือ “ยานะบีอุล มะวัดดะฮ”)

๔. ท่านหญิงอุมมุ ซะละมะฮ์ ได้รายงานว่า ท่านเราะสูลุลลอฮ (ศ็อล) ได้พูดถึงมะฮ์ดีผู้ถูกสัญญา และย้ำว่า: แน่นอนมันเป็นเรื่องจริง และเขาจะมาจากลูกหลานของฟาฏิมะฮ์

๑๘

๕. ท่านซัลมาน อัลฟาริซี ได้กล่าวว่า วันหนึ่งฉันได้ไปหาท่าน

รอสูลุลลอฮฺ (ศ็อล) และพบว่า ฮุเซนลูกของอะลีนั่งอยู่บนตักของท่านศาสดา และท่านก็ได้จูบไปที่ดวงตา และริมฝีปากของฮุเซน และกล่าวขึ้นว่า: เจ้าคือซัยยิดลูกของซัยยิด และน้องของซัยยิด เจ้าคืออิมามลูกของอิมาม และน้องของอิมาม เจ้าคือฮุจญัตของอัลลอฮ์ ลูกของฮุจญัต และน้องของฮุจญัต (บทพิสูจน์แห่งอัลลอฮ์) และเจ้า (ฮุเซน) คือบิดาของเก้าฮุจญัตแห่งอัลลอฮ์ ซึ่งคนที่เก้านั้นคือ กออิม (อิมามมะฮ์ดี)

(จากหนังสือ “ยะนาบีอุล มะวัดดะฮ์”

๖. ท่านอิมามริฏอ (อ) ได้กล่าวว่า: คอลาฟุศ-ศอและห์ คือลูกของฮะซัน บินอะลี อัลอัสการี และคือมะฮ์ดีผู้ถูกสัญญา

(จากหนังสือ “ยะนาบีอุล มะวัดดะฮ์”

๗. ท่านรอซุลลุลอฮ (ศ็อล) ได้กล่าวว่า: ขอแจ้งข่าวดีให้แก่พวกเจ้าในเรื่องของมะฮ์ดี เขาจะปรากฏขึ้นในอุมมะฮ์ของฉันในขณะที่อุมมะฮ์กำลังแยกและสั่นคลอน เขาจะทาให้โลกนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรม หลังจากที่มันได้เต็มไปด้วยความอธรรม และการกดขี่ ทั้งชาวฟ้า และชาวดิน จะมีความสุขและพึงพอใจต่อเขา

(จากมุสนัด อะหมัด อิบนิ ฮัมบัล)

๑๙

๘. ท่านอิมามริฏอ (อ) ได้กล่าวว่า : ไม่มีศาสนาสาหรับผู้ที่ไม่มีตักวา และผู้ที่มีเกียรติยิ่งในหมูสูเจ้า ณ อัลลอฮ์ นั้นคือผู้ที่มีตักวามากกว่า : หลังจากนั้นท่านอิมามได้กล่าวเสริมขึ้นว่า : หลานคนที่ ๔ จากวงศ์วานของฉัน เป็นบุตรของหญิงที่เป็นทาส ซึ่งอัลลอฮฺจะให้เขาเป็นผู้ทำความสะอาดโลก จากความอยุติธรรมและการกดขี่ และเขาคือผู้ที่ประชาชนจะสงสัย และลังเลเกี่ยวกับการกำเนิดของเขา เขาคือเจ้าแห่งการเร้นหาย (ฆ็อยบะฮ์) และเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งเขาทำให้โลกนี้สว่างไสวด้วยรัศมีแห่งอัลลอฮฺ และเขาจะเป็นผู้วางตาชั่งแห่งความยุติธรรมในหมู่ประชาชาติ และในวันนั้นจะไม่มีผู้ใดสามารถที่จะทำการละเมิดหรือกดขี่ใดได้อีก

(จากหนังสือ “ยะนาบีอุล มะวัดดะฮ์”

๙. ท่านอะมีรุ้ลมุอ์มินีน อะลี (อ) ได้กล่าวว่า: อัลลอฮ์จะทำให้กลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น ซึ่งพวกเขารักพระองค์ และอัลลอฮ์ก็ทรงรักพวกเขา และพระองค์จะทำให้พวกเขาได้รับอำนาจการปกครองจากพระองค์

คนหนึ่งจากหมู่พวกเขาจะถูกปิดซ่อนเร้นเอาไว้ และเขาผู้นั้นคือมะฮ์ดี

ผู้ถูกสัญญาไว้ซึ่งเขาทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความสันติ และความยุติธรรมโดยปราศจากความลำบากใด ๆ สำหรับเขาในการนี้ ในวัยทารกเขาจะห่างไกลจากบิดา และมารดา.. และเขาจะพิชิตเมืองต่างๆ ของมุสลิมด้วยสันติ โลกในวันนั้นพร้อมแล้วที่จะรองรับเขา คำพูดของเขาจะได้รับการต้อนรับ ทั้งคนหนุ่ม และแก่จะภักดีต่อเขา

๒๐