สุนทโรวาทอิมามอะลี

สุนทโรวาทอิมามอะลี0%

สุนทโรวาทอิมามอะลี ผู้เขียน:
กลุ่ม: ห้องสมุดฮะดีษ
หน้าต่างๆ: 62

สุนทโรวาทอิมามอะลี

ผู้เขียน: สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม
กลุ่ม:

หน้าต่างๆ: 62
ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 54861
ดาวน์โหลด: 4700

รายละเอียด:

สุนทโรวาทอิมามอะลี
ค้นหาในหนังสือ
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 62 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 54861 / ดาวน์โหลด: 4700
ขนาด ขนาด ขนาด
สุนทโรวาทอิมามอะลี

สุนทโรวาทอิมามอะลี

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

สุนทโรวาทของอิมามอะลี (อ.)

จากหนังสือ “นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์

จัดพิมพ์โดย สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม

คำนำ

ท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นบุตรเขยของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ท่านเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิสลาม มิใช่เพียงแต่เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ท่านยังเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย และท่านได้พลีอุทิศตนเพื่อรับใช้อิสลามในช่วงสมัยของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) และตลอดชั่วชีวิตของท่าน

ในสมัยก่อนประเทศอาหรับมีชื่อด้านวาทะศิลป์ ท่านอิมามอะลี (อ.) เองก็เป็นนักพูดที่ยอดเยี่ยมที่สุดท่านหนึ่ง ถ้อยคำสุนทรพจน์และสุนทโรวาทต่างๆ เหล่านี้ถูกรวบรวมไว้ในฐานะที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า

“นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์” ซึ่งถูกรวบรวมไว้โดยนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งคือท่าน ซัยยิด ริฎอ

เพื่อเป็นคุณประโยชน์แก่บุคคลทั่วไปที่ไม่มีโอกาสที่จะศึกษาได้จากผลงานอันยิ่งใหญ่นั้น

นักปราชญ์ส่วนมากจึงได้รวบรวมจัดพิมพ์ขึ้นต่างหาก เป็นการประมวลประโยคสั้นๆ ที่ได้คัดเลือกมาจากบทเทศนาและคติพจน์ในโอกาสต่างๆ ของท่านอิมามอะลี (อ.) มารวมไว้เป็นสุภาษิตหรือคติสอนใจ

 การรวบรวมครั้งแรกคือผลงานของ อบูอุสมาน อุมัร บินบะฮาร์ อัลญาอิซ อัลบัสริ เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. ๒๔๔

ได้รวบรวมคติพจน์ต่างๆ ไว้ ๑๐๐ บท ในหนังสือ “มัยติกะลิมะฮ์” หนังสือดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในอียิปต์

ความพยายามของอีกท่านหนึ่งในการรวบรวมคติพจน์ดังกล่าวที่รู้จักกันในนามของหนังสือ “นัศรุลเลาลิ” โดยท่าน ซัยยิด อิมามซัยนุดดีน

อบูอัรริฎอ ฟัศรุลลอฮ์ หุซัยนี รอวันดี หนังสือเล่มนี้บรรจุคติพจน์ต่างๆ ของท่านอิมามอะลี (อ.) ไว้ถึง ๑, ๐๐๐ คติพจน์ และถูกจัดพิมพ์ขึ้นในกรุงเดลฮี (ประเทศอินเดีย)

การรวบรวมครั้งที่ ๓ รู้จักกันในนามหนังสือ

 “ฆุรอรุลฮิกาม วะดุรรอรุลกิลาม” โดยท่าน อับดุลวะฮีด บินมุฮัมมัด วะฮีดอะมีดิ อุลตะมีมิ หนังสือเล่มนี้บรรจุคติพจน์และสุภาษิตต่างๆ ของ

อิมามอะลี (อ.)ไว้หลายพันบท

 ในบทนำของหนังสือ ผู้รวบรวมได้เขียนไว้ว่า การรวบรวมของเขาเปรียบเสมือน “น้ำเพียงฝ่ามือเดียวที่ดึงออกมาจากสายธารใหญ่”

อีกประการหนึ่ง ย่อมเป็นไปไม่ได้ในการแปลถ่ายทอดใดๆ ที่จะทำให้มีอรรถรสและคุณภาพเหมือนอย่างต้นฉบับภาษาอาหรับ บรรดาผู้รู้ที่แตกฉานในภาษาอาหรับเท่านั้นที่จะซาบซึ้งในความเป็นเลิศของการใช้ภาษาของท่านอิมามอะลี (อ.) ในสำนวนอันสละสลวยของภาษาอาหรับที่คติพจน์ต่างๆ เหล่านั้นได้แฝงเร้นอยู่ แต่จำนวนของผู้รู้ภาษาอาหรับถึงขั้นแตกฉานนั้นก็มีน้อยคน ส่วนผู้ที่ไม่รู้ภาษาอาหรับก็ต้องอาศัยจากฉบับที่แปลมาเป็นภาษาต่างๆ

นาย เจ. เอ. แซทแมน ได้ถ่ายทอดวรรณกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้กับประชาชน ผู้ใช้ภาษาอังกฤษโดยกำเนิด ท่านได้รับความช่วยเหลือจากหลายๆ ท่านที่ช่วยทำความเข้าใจให้กับท่านในความหมายของคติพจน์จากภาษาอาหรับที่เป็นต้นฉบับเดิม

ส่วนการถ่ายทอดเป็นภาษาอังกฤษนั้นเป็นของท่านเองล้วนๆ และได้รับการตรวจทานเปรียบเทียบอย่างระมัดระวังกับต้นฉบับภาษาอาหรับ

 ข้าพเจ้าอาจกล่าวได้ว่าการแปลครั้งนี้นับว่าดีที่สุดในภาษาอังกฤษเท่าที่ข้าพเจ้าได้เคยเห็นมา หนังสือนี้มีคุณค่าใหญ่หลวงแก่บรรดาผู้อ่าน โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติและลัทธิทางศาสนา ทั้งนี้เพราะคติพจน์และสุนทโรวาทต่างๆ เหล่านี้ได้บรรจุไว้อย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ซึ่งสัจธรรมอันเป็นนิรันดร์

ซัยยิด อบูมุฮัมมัด

สุนทรโรวาทอิมามอะลี

• ฉันไม่เคยสงสัยคลางแคลงในพระผู้เป็นเจ้าเลย ในเมื่อฉันได้เห็นพระองค์

• ฉันไม่เคยปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้าเลย ในเมื่อฉันได้รู้จักพระองค์

• ผู้ใดรักตัวเขาเอง ผู้นั้นรู้จักพระผู้สร้างของเขา

• ศักดิ์ศรีอันรุ่งโรจน์พบได้ในการรับใช้พระผู้สร้าง ผู้แสวงหามันจากสิ่งถูกสร้างย่อมจะไม่พบมัน

• ถ้าท่านรักพระผู้เป็นเจ้า ก็จงสลายความหลงรักโลกนี้จากจิตใจของท่านเสีย

• โอ้พระผู้เป็นเจ้า มันช่างกว้างใหญ่ไพศาลเสียเหลือเกินในสิ่งที่เราได้ประจักษ์ถึงการสร้างสรรค์ของพระองค์ แต่ทว่ามันช่างเล็กน้อยเสียนี่กระไรเมื่อได้เปรียบเทียบกับสรรพสิ่งซึ่งอำนาจของพระองค์ได้ทรงซ่อนเร้นไว้

• จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงได้ยินทั้งหมดที่ท่านพูด และทรงรอบรู้ในความนึกคิดทั้งหมดของท่าน

• การยำเกรงต่อพระผู้เป็นเจ้า จักทำให้บุคคลปลอดภัย

• ออกไป! ออกไป! เป็นเพราะความเกรงกลัวต่อพระผู้เป็นเจ้า หากไม่แล้ว ฉันจะเป็นคนที่ฉลาดแกมโกงที่สุดในหมู่ชาวอาหรับทั้งมวล

• ฉันจะไม่แนะนำชักชวนท่านให้เคารพเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า ก่อนที่ตัวฉันเองจะได้เคารพเชื่อฟังพระองค์ ฉันจะไม่ห้ามปรามพวกท่านในเรื่องการทำบาปทั้งปวง หากฉันมิได้ห้ามปรามตัวฉันเองก่อน

• พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประทานความเมตตาแก่บุคคลที่ควบคุมความโน้มเอียงแห่งอารมณ์ของเขา ที่จะนำไปสู่ความไม่เชื่อฟังและละเมิดขัดขืน

• ความโปรดปรานเบื้องบนจะโปรยปรายลงสู่บุคคลผู้ซึ่งฟื้นฟูสัจธรรม ผู้พิฆาตความหลงผิด ผู้กระชากอำนาจของทรราชที่กดขี่ให้ต่ำลง และเชิดชูความยุติธรรมให้สูงส่ง

การอุทิศเพื่อพระผู้เป็นเจ้า

• รูปแบบที่ดีที่สุดของการพลีอุทิศเพื่อรับใช้พระผู้เป็นเจ้า คือการกระทำที่ไม่โอ้อวดโลกนี้

• ความเพียบพร้อมสมบูรณ์ไม่ใช่ของโลกนี้

• โลกนี้มิใช่อะไรอื่น เว้นแต่เป็นเงาของเมฆก้อนหนึ่ง และเป็นความฝันของคนหลับ ความปีติสุขและความโศกเศร้าระคนกัน น้ำผึ้งและยาพิษ

• ทรวงอกของโลกนี้ คือความตาย และเบื้องหลังของมัน คือความเจ็บไข้ได้ป่วย

• ผู้อาศัยทั้งปวงของโลกนี้ เป็นเพียงฝูงสุนัขที่เห่าหอนและสรรพสัตว์ที่รบกวนน่ารำคาญ ตัวหนึ่งกรรโชกเข้าใส่อีกตัวหนึ่ง ตัวแข็งแรงกัดกินตัวที่อ่อนแอ ตัวใหญ่สยบตัวน้อย พวกเขาเหล่านั้นเป็นประดุจดังปศุสัตว์ที่แบกสัมภาระ บ้างก็ถูกใส่บังเหียนควบคุมไว้ บ้างก็ถูกปล่อยอย่างอิสระ

• ขอสาบานด้วยพระนามของงอัลลอฮ์ว่า โลกนี้ในสายตาของฉันน่าจะถูกประณามเสียยิ่งกว่ากระดูกของหมูที่ปราศจากเนื้อ ในมือของคนขี้เรือนมันน้อยนิดเสียยิ่งกว่าใบไม้ใบหนึ่งในปากตั๊กแตนตัวหนึ่ง

• โลกนี้คือสถานที่พำนักที่ถูกล้อมรอบไว้ด้วยเครื่องมือลงโทษดุจแส้ และถูกสุมกองไว้ด้วยการทรยศคดโกงทุจริต สภาพของมันหากไม่อดทนอดกลั้นอย่างยิ่งแล้ว ผู้คนทั้งหมดที่เขาไปหามันจะพินาศย่อยยับ

• โลกนี้คือที่อาศัยที่กำลังเสื่อมทรามลงตามผู้อยู่อาศัยของมัน ที่ซึ่งพระบัญญัติถูกผสมปนเปด้วยสิ่งที่ผิดพระบัญญัติ ความดีผสมปนเปกับความชั่ว ความหวานชื่นผสมปนเปกับความข่มขื่น

• จงมองโลกนี้ด้วยสายตาของนักการศาสนาผู้สันโดษ มิใช่เหมือนเช่นบุคคลที่หลงรักคลั่งไคล้มันอย่างตาบอด

• โอ้โลก! ไปหลอกลวงผู้อื่นเถิด ฉันไม่ต้องการเจ้า ฉันได้ตัดขาดเจ้ามาสามครั้งแล้ว ฉันจะไม่แต่งงานกับเจ้าอีกต่อไปแล้ว

• โลกนี้ประดุจดังอสรพิษ สัมผัสของมันนิ่มนวล แต่การกัดของมันถึงกับตาย

มนุษย์

• มนุษย์เป็นสิ่งประหลาดมหัศจรรย์เสียเหลือเกิน เขามองเห็นได้ด้วยกับการช่วยเหลือของวัตถุทึบหนักแน่นหนาจำนวนมากมาย เขาพูดได้ด้วยกับการช่วยเหลือของเนื้อนิ่ม เขาได้ยินได้ด้วยกับการช่วยเหลือของชิ้นส่วนต่างๆ ของกระดูก และเขาหายใจเข้าออกได้ด้วยกับการช่วยเหลือของคอหอย

• ลูกหลานของอาดัมช่างขัดสนข้นแค้นเสียนี่กระไร เขาไม่รู้ช่วงแห่งวันทั้งหลายของเขา ไม่เข้าใจความเจ็บไข้ได้ป่วยของเขา การดัดต่อยของตัวเห็บก็จะทำให้เขาเจ็บปวดทรมานได้ เขาดมกลิ่นสาปเหงื่อไคลและไอจนถึงตาย

• โอ้ลูกหลานของอาดัม จะบังอาจคุยโม้ได้อย่างไร? ผู้ที่เริ่มต้นในฐานะเชื้อจุลินทรีย์ แล้วจบลงในฐานะซากศพ ผู้ที่ไม่สามารถชุบเลี้ยงตัวเองได้และไม่อาจหนีความตายได้?

• ทุกๆ วัน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งจะร้องตะโกนว่า “โอ้มนุษย์ ผู้อยู่เบื้องล่างนั้นผลิตลูกหลานออกมาเพื่อตาย ก่อสร้างขึ้นมาเพื่อถูกทำลาย พวกท่านรวมตัวกันเพื่อการจำพราก”

ชีวิต

• ท่านจะปีติชื่นชมในชีวิตที่กำลังหดสั้นเข้าทุกๆ โมงยามได้อย่างไร?

• โอ้! ชั่วโมงทั้งหลายที่รีบเร่งเปลี่ยนไปเป็นวัน วันทั้งหลายไปสู่เดือนทั้งหลาย เดือนทั้งหลายไปสู่ปีทั้งหลาย และเวลาที่เปลี่ยนแปลงทั้งหลายเหล่านั้นเข้าไปสู่การทำลายล้างของชีวิตได้อย่างไร?

• บุคคลเหล่านั้นไปอยู่เสียที่ไหน? ผู้ที่เคยมีชีวิตยาวนานกว่าของท่าน บุคคลเหล่านั้นไปอยู่เสียที่ไหน? ผู้ที่ได้ละทิ้งอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดเอาไว้ ได้ก่อสร้างอาคารป้อมปราการ ได้เคยจัดองค์กรและประดับประดาตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ไหนเล่าบรรดาผู้สั่งสมเหล่านั้น? ไหนเล่าผู้ที่วางแผนการณ์เหล่านั้น? กิสเราะฮ์อยู่ไหน? กัยสัร ตุบบา และฮิมยาร์อยู่ไหนเล่า?

• ความรุ่งโรจน์ทั่วทั้งโลก มิอาจถูกทำลายได้ด้วยความเสื่อมลงของโมงยาม• ความหวานชื่นแห่งชีวิตนี้อยู่ที่การแจกจ่ายให้ไปด้วยระเบียบวินัย

• ความพึงพอใจแห่งชีวิตนี้ เปรียบประดุจดังเงาของท่านเอง หากท่านหยุดมันก็หยุด หากท่านพยายามที่จะล้ำหน้ามัน มันก็จะเคลื่อนห่างออกไป

• เรื่องราวของชีวิตอันยาวนาน คือโรคภัยและความแก่ชราและอ่อนแอลง

• ผู้ใดมีชีวิตยาวนาน จะต้องคร่ำครวญให้แก่มิตรสหายของเขา

• ชีวิตคือศัตรูที่ท่านมิได้ก้าวร้าว ซึ่งท่านมิได้กดขี่ แต่มันกดขี่ท่าน ซึ่งท่านไม่เคยโจมตีมัน แต่มันโจมตีท่าน

• ชีวิตคือยาพิษที่บุคคลซึมซับมันไว้ หากผู้นั้นไม่รู้จักว่ามันคือยาพิษชนิดหนึ่ง

• ผู้ใดก็ตามที่เขายึดติดอย่างเหนียวแน่นอยู่กับชีวิตของเขาเอง ก็ย่อมจะเปิดตัวของเขาให้กลายเป็นเป้าของความโชคร้าย และความผันผวนแห่งชะตากรรม

• ความบกพร่องสามประการที่ทำให้ชีวิตไม่สามารถลงรอยกันได้ คือความพยาบาทเคียดแค้น ความอิจฉาริษยา และอุปนิสัยที่ชั่วร้าย

• ในความผันผวนของชีวิตเท่านั้น ที่บุคคลจะตัดสินคุณค่าของมนุษย์คนอื่นได้

• ชีวิตโลกนี้และชีวิตโลกหน้า เปรียบเสมือนคนที่มีภรรยาสองคน ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งได้รับความพึงพอใจนั้น ย่อมหมายถึงความทุกข์ระทมของอีกฝ่ายหนึ่ง

• วันเหล่านั้นของท่านที่หมดไปแล้วย่อมผ่านเป็นอดีต วันเหล่านั้นที่กำลังคืบคลานมายังสงสัยอยู่เพราะฉะนั้นจงทำการงานในขณะที่ยังคงมีเวลาอยู่

• ความหยิ่งผยองที่มีต่อการครอบครองทรัพย์สมบัติอันเป็นสิ่งที่ไม่จีรัง ก่อกำเนิดมาจากความโง่เขลาเบาปัญญา

• จงคิดถึงการสิ้นสุดของมัน ความสุขในตัวของมันเองนั้นมีเพียงชั่วครู่ยาม ในขณะที่มีความชื่นชม

ยินดีอยู่กับสิ่งดีงามใดๆ จงนึกถึงความไม่จีรังของมันอยู่เสมอๆ

• ไม่มีความสุขทางโลกใดๆ เว้นเสียแต่จะต้องติดตามมาด้วยน้ำตา

• ที่ผ่านมาแล้วดูเหมือนว่าไม่เคยได้เกิดขึ้นมาเลย และอนาคตนั้นพร้อมแล้วที่จะเป็นไป

• การทดสอบที่แข็งกระด้างที่สุดคือสามสิ่งเหล่านี้ นั้นคือ การแบกภาระครอบครัวอันหนักอึ้ง ความขมขื่นของการเป็นหนี้สิน ความเจ็บไข้ได้ป่วยที่เรื้อรังยาวนาน

• โชคจากไปแม้เมื่อมันมา ชีวิตแตกร้าวถึงแม้มันประสานเข้าหากันแล้วก็ตาม

• เมื่อโชคหยิบยื่นแก่ท่าน มันให้ท่านยืมคุณสมบัติต่างๆ ของผู้อื่น และเมื่อมันหันหลังกลับไปจากท่าน มันก็ดึงเอาของของท่านไป

• หนึ่งในเครื่องหมายทั้งหลายของความโชคร้าย นั่นก็คือ การที่ต้องมีเพื่อนเลวจากคนต่ำทราม

๑๐

ความตาย

• ขณะที่ท่านมีชีวิต ท่านตาย

• ทุกลมหายใจของมนุษย์ คือการย่างก้าวไปสู่ความตาย

• ความตายรอคอยทุกสรรพสิ่งที่ถูกบังเกิดมาให้มีชีวิตอยู่ และทุกสรรพสิ่งต้องจบสิ้น

• ท่านคือเกมที่ความตายไล่ล่า ถ้าท่านยืนเฉยมันจะจับกุมท่าน ถ้าท่านหลบหนีมันจะไล่แซงท่าน

• มันน่าประหลาดใจที่ว่า ใครๆ ก็มักจะลืมความตาย ทั้งๆ ที่แม้จะเห็นกันอยู่ว่าจะต้องตายเหมือนคนอื่นก็ตาม

• คนที่รอคอยความตาย มักยอมตนให้กับการกระทำความดี

• ผู้ใดก็ตามที่ไม่ให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องของเขา จะถูกนับให้อยู่ในหมู่คนตาย

คนดี

• คนดีย่อมมีชีวิตอยู่ แม้เมื่อเขาถูกหามไปยังสุสานก็ตาม

• คนที่ดีที่สุด คือผู้ที่ให้ความช่วยเหลือรับใช้อย่างมากที่สุดแก่บรรดาผู้ที่มีฐานะเท่าเทียมกับเขา

• คนดี คือคนที่รู้จักคุณค่าในความสามารถของผู้อื่น

•คนดีขบถเพื่อต่อต้านความรุนแรงแต่แสดงตัวอย่างอ่อนโยนละมุนละไมและเป็นคนมีเหตุผล

๑๑

หากได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี ส่วนคนเลวทรามหยาบช้าจะแข็งกระด้างและหยาบคาย เมื่อปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าความอ่อนโยนเมตตา แต่จะยอมหมอบราบคาบก็เฉพาะต่อหน้าความแข็งกร้าวเท่านั้น

• สิ่งหนึ่งที่ดีงามที่สุดในอากัปกิริยาของเสรีชน ก็คือการไม่ถือเอาความได้เปรียบในสิ่งที่เขารู้ว่าคนอื่นไม่มี

• บุคคลที่มีเกียรติ จะไม่แสดงตนโอหังในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และหนักแน่นไม่ขยับเขยื้อนเหมือนภูเขาที่ถูกลมเหนือพัดกระหน่ำอย่างแรง ส่วนคนต่ำทรามถูกทำให้มัวเมาแม้ด้วยความสำเร็จเพียงเล็กน้อย อุปมาดั่งต้นหญ้าที่ต้องสั่นไหวแม้เพียงลมอ่อน

• สิ่งหนึ่งของความเจ็บปวดและลำบากใจที่สุดของคนดี ก็คือพันธะหน้าที่ที่จะต้องให้เกียรติแก่คนชั่วร้าย

• คนที่น่าสงสารที่สุด คือผู้รู้ที่อยู่ภายใต้คำสั่งของคนโง่เขลา คนที่มีธรรมชาติเป็นคนใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่ต้องถูกชี้นำโดยคนละโมบโลภมาก และคนที่มีคุณธรรมแต่ต้องถูกบงการโดยคนชั่วมั่ว

โลกีย์

• มนุษย์ประดุจดังมวลไม้ต่างๆ แม้ว่าน้ำที่ราดรดลงไปจะเป็นน้ำอย่างเดียวกัน แต่ผลที่ออกมาไม่เหมือนกัน

• มวลมนุษย์กำลังหลับใหล พวกเขาจะตื่นเมื่อพวกเขาตาย

• ผู้ที่ถูกตำหนิแล้วไม่ทำผิดอีกเลยจะมีสักกี่คน?

๑๒

คนชั่ว

• คนเลวที่สุด คือคนที่เห็นตนเองดีที่สุด

• คนชั่วคิดว่าคนอื่นๆ ไม่มีใครดีเลย เขาจะคิดได้อย่างไรว่าคนอื่นๆ มีในสิ่งที่ตัวเขาเองไม่มี?

• คนที่ยึดถือตนเองเป็นใหญ่ จะมองไม่เห็นความบกพร่องของตนเอง แต่เขาควรจะได้เรียนรู้ถึงความดีเลิศของอุปนิสัยของคนอื่นๆ เขาจะถูกทำให้รู้สึกผิดจากสิ่งที่เขารู้สึกในขณะนี้ว่า ในตัวเขาขาดสิ่งนั้น

• คนที่เลวที่สุด คือคนที่หลงใหลในความชั่วมั่วโลกีย์ โดยยึดถือว่าเป็นสิ่งหอมหวานชวนชื่นที่สุด

และมิได้ยับยั้งรั้งรอต่อความเกรงกลัวที่จะต้องเกลือกกลั้วกับสิ่งเลวร้ายนั้นเลย

• คนที่น่ารังเกียจที่สุด คือผู้ที่ตอบแทนความดีด้วยความชั่ว และผู้ที่น่ายกย่องที่สุด คือผู้ที่ตอบแทนแก่คนเลวด้วยการปฏิบัติอย่างโอบอ้อมอารี

• จงรีบเร่งอย่างเร่งด่วน เพื่อหลบหนีไปจากคนชั่วร้ายและคนหลงโลก

• พิษร้ายของชาติ คือนักปราชญ์ผู้ชั่วร้าย และผู้ปกครองที่ดกขี่ คือพิษร้ายแห่งความยุติธรรม

• คนที่น่ารังเกียจที่สุดในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า คือคนเข็ญใจที่หยิ่งผยองหนึ่ง คนแก่ที่ล่วงละเมิดประเวณีหนึ่ง และนักปราชญ์ที่หลงระเริงสุรุ่ยสุร่าย

๑๓

คุณธรรม

• เสื้อคลุมแห่งคุณธรรม เป็นเกียรติคุณอันสูงสุด

• คุณธรรมคือกุญแจไขสู่ความสำเร็จ

• บุคคลเป็นผู้ศรัทธา ตราบเท่าที่เขายังมีคุณธรรม

• หัวหน้าของบรรดาคุณธรรม คือการควบคุมและระงับยับยั้งอารมณ์ต่างๆ ได้

ความชั่วร้าย

• คนชั่วร้ายชอบที่จะสนับสนุนความชั่วของคนอื่นๆ และจะมีข้อแก้ตัวอย่างมากมายสำหรับความชั่วของตนเอง

• ความชั่วที่น่าเกลียด คือการตกลงไปสู่ความไม่ดีงามของคนๆ หนึ่ง ซึ่งข้อบกพร่องนั้นก็มีอยู่ในตัวท่านเองเหมือนกัน

• สิ่งหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความเลวร้าย นั้นก็คือการก้าวร้าวกับคนดี

การเรียนรู้

หนังสือทั้งหลาย คือสวนของผู้รู้

• ผู้คงแก่เรียนย่อมมีชีวิตอยู่ แม้ภายหลังการตายของเขา แต่คนโง่ย่อมตายแม้ขณะยังคงมีชีวิตอยู่

• นักปราชญ์ย่อมรู้จักคนโง่ เพราะแต่ก่อนนี้ตัวเขาเองเคยโง่มาก่อน แต่คนโง่ย่อมไม่รู้จักนักปราชญ์เพราะเขาไม่เคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน

๑๔

• ผู้ใดก็ตามที่ใจจิตใจของเขาครุ่นคิดพิจารณาแต่ความคิดที่ดี ย่อมเรียนรู้ที่จะจำแนกแยกแยะจุดต่างๆ ของความผิดพลาด

• ผู้รู้ที่แท้จริง คือบุคคลที่เข้าใจว่าสิ่งที่เขารู้นั้น แท้จริงแล้วมีเพียงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาไม่รู้

ความรู้

• ไม่มีขุมคลังใด เหมือนอย่างความรู้

• อาณาจักรแห่งความรู้นั้นไม่มีขอบเขต

• หัวหน้าของสติปัญญาอันเป็นพรสวรรค์ คือความรู้

• ความรู้นำไปสู่ปัญญา ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ได้รับการศึกษาจึงเป็นคนฉลาด

• ความมั่งมีจะลดน้อยถอยลงด้วยการจับจ่ายใช้สอย ในขณะที่ความรู้จะถูกทำให้เพิ่มพูนด้วยการเผยแผ่

• สิ่งที่หายาก คุณค่าของมันย่อมเพิ่มมากขึ้น ยกเว้นความรู้ ยิ่งกระจัดกระจายออกไปมากเท่าใด มันก็ยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้น

• ที่สุดของทั้งสองสิ่งนี้ ที่ไม่อาจบรรลุถึงได้ คือความรู้และความเข้าใจ

• ด้วยความรู้ทำให้ท่านปลอดภัย ด้วยความโง่ทำให้ท่านขาดทุน

• สัจธรรมคือคลังสมบัติที่กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งมันไม่เคยถูกใช้ให้หมดสิ้นไปได้ สติปัญญาคือเสื้อคลุมตัวใหม่ซึ่งไม่มีวันเก่า

• เสื้อคลุมแห่งความรู้ จะทำให้ท่านเป็นอมตะและดูไม่แก่

• จงแสวงหาให้ได้มาซึ่งความรู้ มันเป็นอาภรณ์ประดับตัวท่านหากท่านเป็นคนร่ำรวย และมันจะชุบเลี้ยงท่านหากท่านยากจน

๑๕

• บุคคลที่ปลอดภัยที่สุดในความรู้ของเขา คือผู้ที่ความเชื่อมั่นทั้งหลายของเขาไม่ถูกทำให้อ่อนแอลงโดยความสงสัย

• ความรู้ที่เป็นประโยชน์ที่สุด คือสิ่งที่ผู้หนึ่งนำมันไปสู่การปฏิบัติ

• จงเลือกส่วนที่ดีที่สุดของวิทยากรแต่ละสาขา ให้เหมือนอย่างผึ้งที่ดูดส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดของดอกไม้

• จงติดตามแสวงหาความรู้ ที่ท่านอาจจะควรค่าแก่ตำแหน่งที่มีเกียรติอันน่าเคารพยกย่อง

• จงค้นหาความรู้ จงทำให้ตัวท่านเองเป็นผู้ที่รู้จักโดยผ่ายทางความรู้นั้น จงปฏิบัติมันแล้วท่านจะกลายเป็นผู้รู้เช่นกัน

• ประสบการณ์ คือความรู้ที่ได้รับมา

• ผู้ขาดประสบการณ์ ย่อมถูกหลอกอยู่บ่อยๆ

• กษัตริย์ได้รับความเคารพนับถือเพราะอำนาจของพระองค์ นักปราชญ์ได้รับความเคารพนับถือ

เพราะสิ่งที่เขารู้ ผู้ที่ทำความดีได้รับความเคารพนับถือเพราะการทำความดีต่างๆ ของเขา และหัวหน้าเผ่าชนได้รับความเคารพนับถือก็เพราะอายุของเขา

• จะรู้จักคนอื่นได้อย่างไร หากบุคคลนั้นยังไม่รู้จักตนเอง?

• จงอย่าเกลียดในสิ่งที่ท่านไม่รู้ เพราะความรู้อันเป็นส่วนที่ใหญ่กว่านั้นประกอบด้วยสิ่งที่ท่านไม่รู้

• ถ้าท่านบิดบังซ่อนเร้นในสิ่งที่ท่านรู้ ท่านจะถูกทึกทักว่าท่านไม่รู้อะไรเลย

๑๖

• บุคคลควรไต่ถามถึงเรื่องที่ตนไม่รู้ ไม่ควรอายที่จะกล่าวว่า “ฉันไม่รู้”

• มนุษย์มักเป็นปฏิปักษ์กับสิ่งที่เขาไม่รู้

• ภัยร้ายของความรู้ คือการไม่ปฏิบัติตามความรู้นั้น ภัยร้ายของแรงงาน คือการทำงานแต่ไม่สุจริต

ใจ

• การขว้างวิทยาการทิ้งไป ก็เสมือนกับการทุบทำลายไม้ที่ต่อเรือลำหนึ่งออกเป็นชิ้นๆ ซึ่งบรรดา

ผู้สร้างเรือลำนั้นพร้อมด้วยผู้เดินทางทั้งหมดที่โดยสารไปกับมันต้องจมลงจนหมดสิ้น

• ความรู้เช่นนั้นถือว่าผิวเผินมาก ซึ่งหลงเหลืออยู่เฉพาะบนปลายลิ้นของท่านเท่านั้น คุณธรรม

ภายในและคุณค่าของความรู้ คือสิ่งที่ท่านยึดถือปฏิบัติไปตามนั้น

การศึกษา

• แท้จริงแล้ว ท่านมีความจำเป็นในการศึกษาที่ดี มากเสียยิ่งกว่าชัยชนะที่นำมาซึ่งเงินทองและ

ทองคำ

• การศึกษาที่ดี ปกปิดแหล่งกำเนิดอันต่ำต้อย

• ผู้ที่ได้รับการศึกษา ย่อมมองเห็นด้วยกับจิตใจและวิญญาณ คนโง่เขลานั้นมองเห็นก็แต่เพียงกับ

ดวงตาทั้งสองของเขาเท่านั้น

• จงฟัง แล้วท่านจะสอนตัวท่านเอง จงนิ่งสงบเงียบ แล้วท่านจะไม่เสี่ยงเลย

• อุทิศชีวิตแก่ศาสนาโดยมิได้รับการสั่งสอนอบรม ก็เหมือนกับลาสีข้าวที่เดินวนเวียนไปรอบๆโดยไม่อาจออกไปจากที่นั้นได้

๑๗

• ผู้ที่ไม่รู้จักเรียนรู้อะไรเลย ย่อมไม่เคยถูกสอนสั่ง

• ผู้ใดก็ตามที่ไม่อดทนต่อความยากลำบากในการถูกสั่งสอนอบรม จะอยู่ในความต่ำต้อยแห่งอวิชชาตลอดไป

• ครูและนักเรียนมีส่วนร่วมเท่าๆ กัน ในรางวัลของพระผู้เป็นเจ้า

• บุคคลย่อมเรียนรู้ได้ด้วยการถามปัญหาต่างๆ

• การสอนที่ดีที่สุด คือการสอนที่จะแก้ไขตัวท่านเองให้ถูกต้อง

• การสอนที่มิได้แก้ไขตัวท่านให้ถูกต้อง ย่อมอยู่ในแนวทางที่ผิดพลาด

• บุคคลที่มีความสามารถน้อยที่สุด คือบุคคลที่สำแดงตัวเขาเองให้ปรากฏว่าไม่สามารถแก้ไขตัวเองห้ถูกต้องได้

• ทำตัวท่านเองให้เป็นผู้รับใช้ผู้รู้คนใดก็ได้ที่ท่านพบเจอ

ปัญญา

• คนฉลาด ต้องการวันละชั่วโมงทุกๆ วัน เพื่อจัดการสำรวจตรวจสอบมโนธรรมของเขาเอง และวางมาตรการกับสิ่งที่เขาได้รับรู้หรือสูญเสียไป

• จิตใจเป็นแหล่งของปัญญา ด้วยกับการสดับฟังในฐานะที่เป็นช่องทางของมัน

• ปรัชญาเป็นพฤกษาที่เจริญเติบโตในจิตใจ และดอกผลของมันผ่านออกมาทางคำพูด

• ความศรัทธาและปัญญาเป็นพี่น้องฝาแฝด พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงรับสิ่งหนึ่งที่ปราศจากอีกสิ่งหนึ่ง โดยปัญญาที่ทำให้บุคคลบรรลุถึงยอดแห่งกิจการงานทั้งหลาย

• พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงประทานสิ่งใดให้แก่บรรดาผู้ถูกบังเกิดของพระองค์ที่วางอยู่สูงกว่าเหตุผล

• แท้จริงผู้ที่เห็นไปก่อนล่วงหน้า จะไม่ถูกกับดักของเล่ห์กล คนฉลาดก็จะไม่ถูกหลอกลวงด้วย

๑๘

ความโลภ

• การไว้เนื้อเชื่อใจต่อบุคคลใดก่อนที่จะรู้จักเขาดี ถือว่าขาดสติปัญญา

• ความหลงใหลในโลกีย์วิสัยเกิดขึ้นน้อย ในขณะที่ปัญญาเพิ่มมากขึ้น

• คนฉลาดพึ่งพาแรงงานของเขาเอง ส่วนคนโง่ไว้วางใจในความคิดเพ้อฝันต่างๆ

• ปราชญ์แสวงหาความสมบูรณ์ คนโง่แสวงหาทรัพย์

• สมมุติฐานของคนฉลาด ย่อมใกล้เคียงความถูกต้องมากกว่าความรู้ของคนโง่

• มันเป็นส่วนของคนฉลาดที่จะต้องเชื่อฟังผู้มีตำแหน่งเหนือเขา ให้ความเคารพแก่ผู้ที่มีความเท่าเทียมกับเขา และให้ความยุติธรรมแก่ผู้ที่ด้อยกว่าเขา

• ความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือความมั่งคั่งแห่งสติปัญญาและการวินิจฉัยที่ยุติธรรม ความยากจนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือความยากจนจากความโง่เขลาและอวิชชา ส่วนความไม่น่าคบที่สุด นั้นคือความไร้สาระ หยิ่งยโส คดโกง และยกย่องตนเอง ความสูงส่งที่สุดของความดีมีศีลธรรม คือความประพฤติอันสุภาพอ่อนโยนและความดีงามแห่งวัฒนธรรม

• คนฉลาดคิดก่อนแล้วพูด ส่วนคนโง่พูดก่อนแล้วคิด

สติปัญญา

• ผู้มีสติปัญญา คือบุคคลที่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรในวันนี้ที่จะมีความสุขมากกว่าเมื่อวันวาน

• เกี่ยวกับคุณสมบัติที่ดีของมนุษย์ สองประการที่มีชื่อเสียงคือ สติปัญญาและถ้อยคำ โดยประการแรกเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ตัวเอง และในประการที่สอง เขาจะทำให้คนอื่นได้รับประโยชน์

๑๙

• สติปัญญาเป็นพรสวรรค์ตามธรรมชาติ และเพิ่มพูนขึ้นด้วยประสบการณ์และการสอน

• ไม่มีใครเลยที่เป็นผู้ครอบครองสติปัญญา แล้วจะถูกลดลงมาสู่ความยากจน

• เขาเป็นผู้มีเกียรติ ผู้ซึ่งใช้สติปัญญาอยู่เป็นประจำ

การพิจารณาตรึกตรอง

• บุคคลที่ครุ่นคิดพิจารณาถึงความโปรดปรานทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า ย่อมประสบความสำเร็จ

• การครุ่นคิดพิจารณาของมนุษย์ เป็นกระจกส่องให้ตัวเขาได้เห็นการกระทำที่ดีและชั่วของเขาเอง

• ผู้ใดก็ตามที่มีพลังแห่งความตรึกตรอง ย่อมได้บทเรียนจากทุกๆ สิ่ง

• เรื่องต่างๆ ที่มืดมัว จะกลับกลายเป็นความกระจ่างชัดในความเพียรและครุ่นคิดพิจารณา

• การกระทำในสิ่งที่ได้พิจารณาไตร่ตรองแล้วเท่านั้น ที่จะทำให้กิจการงานทั้งหลายของท่านดำเนินไปได้ด้วยดี

• คิดใคร่ครวญก่อนที่ท่านจะลงมือกระทำ (การโจมตี)

• คิดใคร่ครวญก่อนที่ท่านจะพูด แล้วท่านจะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดได้เช่นกัน

๒๐