ชีวประวัติอิมามฮุเซน

ชีวประวัติอิมามฮุเซน0%

ชีวประวัติอิมามฮุเซน ผู้เขียน:
กลุ่ม: ห้องสมุดศาสดาและวงศ์วาน

ชีวประวัติอิมามฮุเซน

ผู้เขียน: ศาสตราจารย์เชคอะลีมุฮัมมัด อะลีดุคัยยิล
กลุ่ม:

ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 52930
ดาวน์โหลด: 4750


รายละเอียด:

ชีวประวัติอิมามฮุเซน ชีวประวัติอิมามอะลี ซัยนุลอาบิดีน
ค้นหาในหนังสือ
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 149 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 52930 / ดาวน์โหลด: 4750
ขนาด ขนาด ขนาด
ชีวประวัติอิมามฮุเซน

ชีวประวัติอิมามฮุเซน

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

(2) อะอฺยานุช-ชีอะฮฺ เล่ม 1 หน้า 129

ท่านอิมาม(อฺ)กล่าวว่า

“ ขอให้มันเป็นหน้าที่ของฉันเอง ”

ท่านอุซามะฮฺกล่าวว่า

“ ฉันกลัวว่าฉันจะต้องตายในคราวนี้ ”

ท่านอิมาม(อฺ)กล่าวว่า

“ ท่านจะต้องไม่ตายจนกว่าฉันจะปลดเปลื้องหนี้สินให้แก่ท่าน ”

ปรากฏว่าท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ได้ช่วยปลดเปลื้องหนี้สินให้แก่เขาก่อนเขาตาย(3)

(3) บิฮารุล-อันวาร เล่ม 10 หน้า 143

- 4-

มีชาวอันศอรคนหนึ่งเดินทางมาหาท่านอิมามฮุเซน(อฺ)เพื่อขอให้ช่วยเหลือบางอย่าง ท่าน ( อฺ) กล่าวว่า

“ โอ้พี่น้องชาวอันศอร ท่านจงรักษาหน้าตาของท่านไว้จากการพูดถึงเรื่องที่ท่านเดือนร้อน

แต่จงเขียนเรื่องของท่านลงบนแผ่นกระดาษ แน่นอนเมื่อฉันอ่านแล้ว จะเข้าใจในความจำเป็นของท่าน อินชาอัลลอฮฺ ”

แล้วชายคนนั้นก็เขียนลงไปว่า

“ แท้จริงฉันเป็นหนี้ชายคนหนึ่งอยู่ จำนวน 500 ดีนาร บัดนี้ฉันมีความฝืดเคืองมาก ขอท่านได้โปรดเจรจาให้เขาผ่อนผันแก่ฉันด้วยเถิด ”

เมื่อท่านอิมาม(อฺ)ได้อ่านเช่นนั้น ท่านก็ได้เข้าไปในบ้าน พร้อมกับนำถุงเงินออกมาโดยมีเงินอยู่ในนั้นจำนวน 1 , 000 ดีนาร

ท่าน(อฺ)กล่าวว่า

“ สำหรับ 500 ดีนารนี้ให้ท่านนำไปชำระหนี้สิน ส่วนอีก 500 ดีนารนั้น ให้ท่านนำไปใช้ในธุระของท่าน แต่ความจำเป็นของท่านยังไม่หมดเลยทีเดียว นอกจากจะต้องจ่ายในสามกรณี

- 1- จ่ายไปยังคนมีศาสนาซึ่งสำหรับคนมีศาสนานั้น เขาจะได้รักษาศาสนาของตนไว้

-2- จ่ายไปยังคนที่มีเกียรติซึ่งสำหรับคนที่มีเกียรตินั้นจะมีความละอายเพราะความีเกียรติของเขา

- 3- จ่ายไปยังคนที่มีความคิด เพราะเขาจะรู้ว่าท่านนั้นยังมิได้มั่งคั่งจนถึงกับขนาดเสียสละให้แก่เขาในสภาพที่ท่านเองก็มีความจำเป็นอยู่ กล่าวคือเขาจะรักษาหน้าของท่านไว้โดยเขาจะตอบแทนกลับคืนให้แก่ท่าน ” ( 4)

- 5-

ชาวอาหรับคนหนึ่งเข้ามายังเมืองมะดีนะฮฺ เขาถามหาคนใจบุญที่สุดมีคนแนะนำว่าควรไปหาท่านอิมามฮุเซน(อฺ)เขาได้เข้ามา พบว่าท่านอิมาม(อฺ)กำลังนมาซอยู่ เขาจึงยืนอยู่ที่ประตู และกล่าวบทกวีที่ประพันธ์ขึ้นว่า

“ ไม่เคยเว้นสักวันจะต้องมีคนมุ่งหวังมายังท่าน

ท่านเป็นคนประเสริฐ

ท่านเป็นที่พึ่งพิง

บิดาของท่านเป็นนักต่อสู้ผู้เชี่ยวชาญทางศาสนา

หากไม่มีบรรพบุรุษของท่านแล้วไซร้ พวกเราต้องได้รับนรกญะฮีมเป็นที่พำนักอย่างแน่แท้ ”

(4) ตะฮัฟฟุล-อุกูล หน้า 178

เมื่อท่านอิมาม(อฺ)ให้สลามแล้ว ท่าน(อฺ)พูดกับคนรับใช้ว่า

“ โอ้กัมบัร มีเงินตระกูลฮิญาซเหลืออยู่บ้างไหม ?”

คนรับใช้ตอบว่า

“ มี 4 , 000 ดีนาร ”

ท่าน(อฺ)กล่าวว่า

“ จงนำมันไปมอบให้แก่เขา เพราะเขามีสิทธิที่จะใช้เงินนี้มากกว่าเรา ”

จากนั้นท่าน(อฺ)ก็มอบให้ไปอีก 1 , 000 ดีนาร ท่าน (อฺ) ได้นำเงินทั้งหมดยื่นลอดออกไปให้ชาวอาหรับคนนั้นทางช่องประตู เพราะท่าน (อฺ) ละอายชาวอาหรับคนนั้น พลางท่านก็กล่าวตอบเป็นกวีเช่นกันว่า

“ โปรดรับมันไปเถิด สำหรับฉันต้องขออภัยท่านด้วย แต่จงรู้ไว้ว่าฉันมีความสงสารท่านยิ่งนักและโปรดรับค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ นี้ไปจากฉัน ”

ชาวอาหรับคนนั้นรับเงินดังกล่าวไปแล้วร้องไห้

ท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ถามว่า

“ สิ่งที่มอบให้แก่ท่านไปนั้น ยังน้อยเกินไปหรือ ?

เขากล่าวว่า

“ มิได้ แต่ทว่าก้อนดินจะกัดกินความเผื่อแผ่ของท่านได้อย่างไร ?” ( 5)

(5) บิฮารุล-อันนาร เล่ม 10 หน้า 144

ท่านอิบนุอะซากิร ได้บันทึกไว้เช่นกันในหนังสือตารีคของท่าน เล่ม 4 หน้า 324

คำเทศนาของอิมามอะบาอับดิลลาฮฺ(อฺ)

คำเทศนาของท่านอะบาอับดิลลาฮฺ(อิมามฮุเซน)(อฺ)นั้น ถ้าหากว่า กิซ บินซาอิดะฮฺได้ฟังแน่นอนเขาจะต้องตกตะลึงและระทมใจ และถ้าหากว่าบรรดาชาวกุเรชผู้ปราดเปรื่องได้ฟัง ก็จะต้องถึงกับทรุดตัวลงกราบ

ขอยืนยันได้เลยว่าคำเทศนาของท่าน(อฺ)อยู่ในฐานะที่เกินคำพรรณนา เหนือยิ่งกว่าคำเทศนาใดๆ แต่ทว่า ท่าน(อฺ)คือบุตรของอิบนิอะบีฏอลิบและเมื่อได้พิจารณาดูถ้อยคำของอุมัร บินซะอัดที่ว่า

“ ความพ่ายแพ้จะได้แก่พวกท่าน พวก ท่านจะว่ากล่าวเขาได้อย่างไรในเมื่อเขาเป็นบุตรของบิดาของเขา ขอสาบานด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ ถึงแม้ว่าเขาจะยืนพูดต่อหน้าพวกท่านอย่างนี้ อีกสักวันหนึ่ง เขาก็จะไม่จนมุมและจะไม่พ่ายแพ้ ” ( 1)

เป็นที่รู้กันว่า คำเทศนาของท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ในวันนั้น ท่านอิมาม(อฺ)ได้ใช้คำเทศนาของท่าน(อฺ)สร้างความสั่นคลอนให้กับกำลังทหารของชาวกูฟะฮฺ จนถึงกับได้แปรพักตร์เข้ามา

สนับสนุนท่าน(อฺ)เป็นจำนวนมาก เช่น ฮูรบิน ยะซีด อัร-ร็อยฮานีและบรรดาชาวอันศอร เช่น ซะอัด บินฮาริษ และอะบีฮะตูฟ พี่ชายของเขา อีกทั้งอะบีชุอฺษาอ์ อัล-กินดี ฮัรษฺ บินอุมะริลกิซ อัลกินดี บะกัร บินฮัย บินตัยมิลลาฮฺ และอื่นๆ ส่วนชะบัษ บินรุบอี หัวหน้าทหารคนหนึ่งนั้น เมื่อได้ฟังก็

ถึงกับบริภาษสาปแช่งอิบรุมัรญานะฮฺอย่างรุนแรง

ด้วยสาเหตุนี้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อิบนุ ซะอัด ต้องรีบเร่งทำการรบด้วยเกรงว่าท่านอิมามฮุเซน(อฺ)จะเปลี่ยนความคิดของบรรดาทหารด้วยคำเทศนาของท่าน(อฺ) เรื่องเหล่านี้ มิใช่เป็นสิ่งที่มากมายอันใดสำหรับท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ประมุขของบรรดชะฮีด เพราะในความเชื่อของเรานั้น ถือว่าในฐานะของอิมามนั้นจะต้องเป็นศูนย์รวมของคนทั้งหลายสำหรับคุณงามความดี เกียรติยศและวิชาความรู้

เราจะขอกลับมากล่าวถึงคำเทศนาทั้งสองครั้งของท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ในวันอาชูรอ ดังนี้

(1) อะอฺยานุช-ชีอะฮฺ เล่ม 1 หน้า 256

คำเทศนาบทที่ 1

ณ วันอาชูรออ์

หลังจากที่อิบนุซะอัดจัดทหารของตนเข้ามาเพื่อเตรียมรบ ท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ก็เรียกให้คนนำพาหนะของท่านมา เมื่อท่าน(อฺ)ขึ้นไปนั่งแล้วก็ได้เปล่งเสียงอันดังกังวานออกไปจนคนทั้งหลายได้ยินกันทั่วว่า

“ ประชาชนทั้งหลาย ขอให้รับฟังคำพูดของฉันและไม่ต้องเร่งรีบจนกว่าฉันจะได้สั่งสอนพวกท่านตามสิทธิที่พวกท่านพึงมีต่อฉัน และจนกระทั่งว่าฉันจะได้ขออภัยพวกท่านเกี่ยวกับการมาของฉันในคราวนี้ และฉันขออภัยต่อพวกท่าน ซึ่งถ้าหากพวกท่านยอมรับการขออภัยของฉัน และ

เชื่อคำพูดของฉันและได้มอบครึ่งหนึ่งจากตัวของพวกท่านให้แก่ฉัน ด้วยเหตุนี้แหละพวกท่านจะอยู่ด้วยความสุขและจะไม่มีหนทางใดๆ สำหรับพวกท่านที่จะกระทำต่อฉัน และถ้าหากว่าพวกท่านไม่ยอมรับการขออภัยจากฉัน และไม่ยอมมอบให้แก่ฉันครึ่งหนึ่งจากตัวของพวกท่าน ดังนั้นก็จงรวบรวมกันดำเนินภารกิจของพวกท่านอีกทั้งสมัครพรรคพวกของพวกท่านเถิด....แท้จริงผู้คุ้มครองฉันคืออัลลอฮฺ ผู้ซึ่งประทานคัมภีร์ลงมา และพระองค์คือผู้คุ้มครองบรรดาผู้มีคุณธรรม ”

ขณะนั้น เมื่อบรรดาสตรีได้ฟังมาถึงตอนนี้ ต่างก็พากันร้องห่มร้องไห้ด้วยเสียงอันดัง ท่าน ( อฺ) จึงบอกให้อับบาซ น้องชายของท่านและอะลีอีกบัรบุตรชายท่าน (อฺ) ไปห้ามพวกนางโดยบอกคนทั้งสองว่า

“ ทำให้พวกนางสงบเสียงลง เพราะฉันรู้สึกว่า พวกนางจะร้องไห้กันมากขึ้น ”

เมื่อพวกนางหยุดร้องไห้แล้ว ท่าน(อฺ)ได้กล่าวสรรเสริญอัลลอฮฺกล่าวศ่อละวาตแด่ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ) แก่มวลมะลาอิกะฮฺและบรรดานบีถึงตอนนี้ท่าน(อฺ)ได้กล่าวถ้อยคำชนิดที่ไม่มีใครสามารถนำมาพรรณนาได้และไม่เคยมีนักพูดคนใดกล่าวให้ฟังมาก่อน อันเป็นสำนวนโวหารที่มีความหมายล้ำลึก หลังจากนั้นท่าน(อฺ)กล่าวว่า

“ มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์ทรงสร้างโลกนี้แล้วบันดาลให้เป็นเรือนพักอันต้องประสบความสูญสลาย มีความเปลี่ยนแปลงจากสภาพการณ์หนึ่งสู่อีกสภาพการณ์หนึ่ง ดังนั้นคนที่ถูกหลอกก็คือคนที่หลอกลวงพระองค์ คนชั่วก็จะได้แก่คนที่กระทำผิดต่อพระองค์ ดังนั้นจงอย่าให้โลกนี้หลอกลวงท่านได้ เพราะมันจะทำให้คนคล้อยตามมันได้รับความสิ้นหวัง และคนที่ละโมภก็จะมีแต่ขาดทุน พวกท่านเห็นไหมว่าพวกท่านได้ร่วมมือกันกระทำในกิจการหนึ่ง ที่พวกท่านต้องประพฤติผิดต่ออัลลอฮฺในเรื่องนั้น พระองค์จะทรงปฏิเสธความเมตตาของพระองค์ต่อพวกท่านและจะทรงบันดาลซึ่งการล้างแค้นให้มีต่อพวกท่าน และพวกท่านจะออกห่างจากความเมตตาของพระองค์

พระผู้อภิบาลที่ประเสริฐที่สุดคือพระผู้อภิบาลของเรา ส่วนบ่าวที่เลวทรามที่สุดได้แก่พวกท่าน พวกท่านให้ปฏิญญาว่าจะมีความภักดี พวกท่านศรัทธาต่อศาสนทูตมุฮัมมัด

ต่อจากนั้นพวกท่านก็พาลเหยียบย่ำเชื้อสายและคนในตระกูลของเขา พวกท่านต้องการเข่มฆ่าพวกเขา แน่นอนมารร้ายชัยฏอนมันได้สิงสู่พวกท่านเสียแล้ว พวกท่านจึงลืมนึกถึงอัลลอฮฺ ผู้ทรงยิ่งใหญ่

ดังนั้นความวิบัติจึงประสบกับพวกท่าน เพราะสิ่งที่พวกท่านต้องการ แท้จริงเราเป็นของอัลลอฮฺ และเราต้องคืนกลับยังพระองค์ แน่นอนพวกเขาเหล่านั้นเป็นหมู่ชนที่ปฏิเสธหลังจากที่เคยมีความศรัทธา ดังนั้นความห่างไกลอย่างเหลือหลายย่อมเป็นของบรรดาผู้อธรรม

ประชาชนทั้งหลาย พวกท่านจงลองลำดับญาติซิ ฉันคือใคร ? แล้วลองหันกลับไปพิจารณาดูว่า พวกท่านได้รับการอนุมัติให้เข่นฆ่าฉันกระนั้นหรือ ? ฉันเองมิใช่หรือที่เป็นบุตรชายของลูกสาวนบีของพวกท่าน เป็นบุตรชายของทายาทของเขาซึ่งเป็นคนแรกที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและเชื่อมั่นต่อศาสนทูตของพระองค์ในสิ่งที่ได้นำมาจากพระผู้อภิบาลของเขา ? หรือว่าฮัมซะฮฺประมุขของบรรดาชะฮีดนั่น มิใช่ลุงบิดาของฉัน ? หรือว่าญะอฺฟัร ฏ็อยยารมิใช่ลุงของฉัน ? หรือว่าคำพูดของศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)ยังมิได้ถูกเผยแพร่มาถึงพวกท่านที่ท่าน(ศ)พูดเกี่ยวกับฉันและพี่ชายของฉันว่า สองคนนี้คือประมุขของชายหนุ่มชาวสวรรค์ ? ถ้าพวกท่านเชื่อฉันตามที่ฉันกล่าว นั่นแหละคือ

ความชอบธรรม ขอสาบานต่ออัลลอฮฺฉันไม่เคยพูดโกหก นับแต่ฉันได้รู้ว่าอัลลอฮฺ (ซ.บ.)จะทรงลงโทษคนที่โกหก และถ้าหากว่าพวกท่านไม่เชื่อฉันพวกท่าน ก็สามารถไต่ถามคนในกลุ่มพวกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้

จงถามญาบิรบินอับดุลลอฮฺ อันศอรี , อะบูซะอีด อัล-คุดรี , ซะฮฺลุ บินซะอัด อัซ-ซาอิดี , ซัยดฺบิน อัรก็อม และอะนัซ บินมาลิกดูเถิด พวกเขาจะบอกพวกท่านได้เลยว่าพวกเขาเคยได้ยินคำพูดเหล่านี้มาจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ (ศ) ที่พูดเกี่ยวกับฉันและพี่ชายของฉัน เรื่องนี้ยังไม่พอที่จะให้พวกท่านหยุดยั้งการหลั่งเลือกของฉันอีกดอกหรือ ?”

ชิมฺร ได้กล่าวว่า

“ เขาตือผู้ภักดีต่ออัลลอฮฺเพียงผิวเผินเท่านั้น ถึงแม้เขาจะรู้ในสิ่งที่ท่านพูดก็ตาม ”

ฮะบีบ บินมะซอฮิร ได้กล่าวกับเขาว่า

“ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ แท้จริงฉันลงความเห็นว่าเจ้าเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺอย่างผิวเผินเป็นเจ็ดสิบเท่า และฉันขอยืนยันว่าเจ้าเองก็เชื่อตามที่รู้ในสิ่งที่เขากล่าว แต่อัลลอฮ์ทรงประทับตราไว้บนหัวใจของเจ้าเสียแล้ว ”

ต่อจากนั้นท่านอิมามฮุเซน(อฺ) ยังได้กล่าวกับพวกเขาอีกว่า

“ ถ้าหากพวกท่านสงสัยเกี่ยวกับคำพูดเหล่านี้อยู่อีก จะขอถามว่าพวกท่านยังสงสัยด้วยหรือไม่ว่าฉันนี้เป็นบุตรชายของลูกสาวท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ศาสดาของพวกท่าน ? ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่าทั้งโลกฝ่ายตะวันออกและฝ่ายตะวันตกนั้น หาไม่มีบุตรชายของลูกสาวนบีคนใดอีก

แล้วนอกจากฉันเท่านั้นเองที่อยู่ในหมู่พวกท่าน และไม่มีในหมู่ชนพวกอื่น ความวิบัติจะได้แก่พวกท่านหรือว่าพวกท่านต้องการจะเข่นฆ่าฉัน ด้วยเหตุที่ว่าฉันได้เคยฆ่าใครสักคนในหมู่พวกท่าน ?

หรือด้วยเหตุที่ฉันได้ทำลายทรัพย์สินของพวกท่านให้ได้รับความเสียหาย ? หรือด้วยเหตุที่ทำให้ใครสักคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ?....”

พวกเขาถึงกับนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรตอบท่าน(อฺ)เลย

ท่านอิมาม(อฺ)จึงร้องถามอีกว่า

“ โอ้ ชิบัษ บินร็อบอียฺ โอ้ฮิญาร บินอับญัร บินอัชอัษ โอ้ซัยดฺ บินฮาริษ พวกท่านใช่ไหม ที่เขียนจดหมายเชิญให้ฉันมา บัดนี้ผลลัพธ์ปรากฏออกมาแล้ว อันที่จริงพวกท่านให้การต้อนรับด้วยกำลังทหารของพวกท่านใช่ไหม ?”

พวกเขากล่าวว่า

“ เราไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย ”

ท่านอิมาม(อฺ)กล่าวว่า

“ มหาบริสุทธิ์เป็นของอัลลอฮฺ หามิได้ แท้จริงขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่าพวกท่านได้ทำเช่นนั้นไปแล้ว ”

หลังจากนั้นท่าน(อฺ) ได้กล่าวว่า

“ โอ้ประชาชนทั้งหลาย ถ้าหากพวกท่านรังเกียจฉัน ก็จงได้ปล่อยฉันไปให้พ้นจากพวกท่านเพื่อไปสู่ดินแดนที่ยังความปลอดภัย ”

ก็อยซฺ บินอัชอัษกล่าวขึ้นว่า

“ ท่านจะยังไม่ยอมรับอำนาจการปกครองของบุตรแห่งลุงของท่าน

(ยะซีด)อีกหรือทั้งๆ ที่เขาเหล่านั้นจะไม่ปฏิบัติต่อท่านด้วยวิธีอื่นใด นอกจากที่ท่านพอใจ และจะไม่มีความชิงชังใดๆ จากพวกเขาสำหรับท่าน ”

ท่านอิมาม(อฺ)กล่าวต่อไปว่า

“ ท่านเป็นพี่น้องกับพี่น้องของท่าน หรือว่าท่านต้องการจะให้พวกบะนีฮาชิมเรียกร้องอะไรจากท่านที่มากไปกว่าเลือดเนื้อของมุสลิม บินอะกีลหามิได้ ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันจะไม่ยอมยื่นมือมอบให้พวกเขาอย่างผู้ต่ำต้อย และจะไม่วิ่งหนีเหมือนอย่างการวิ่งหนีของข้าทาส

โอ้ปวงบ่าวแห่งอัลลอฮฺ แท้จริงฉันขอความคุ้มครองต่อพระผู้อภิบาลของพวกท่านและของฉันว่าให้พ้นจากพวกหยิ่งผยองทั้งปวงที่ไม่ศรัทธาต่อวันตัดสินตอบแทน ”

หลังจากนั้นท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ก็ขยับพาหนะหวนกลับเข้าที่ แล้วอุกบะฮฺ บินซัมอาน ก็นำมันไปผูกไว้ (2)

(2) เยามุล-ฮุเซน หน้า 21

คำเทศนาบทที่ 2

ณ วันอาชูรออ์

หลังจากท่านบะรีร บินค่อฏีร ฮัมดานี และท่านซุอัยรฺ บินก็อยนฺได้กล่าวคุฏบะฮฺจบแล้ว

ท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ได้ออกไปหาพวกเขาด้วยท่าเยื้องย่างตามแบบของศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)ท่าน ( อฺ) จับคัมภีร์ออกมากางไว้บนศีรษะแล้วยืนขึ้นต่อหน้าพวกทหารเหล่านั้น พลางกล่าวว่า

“ โอ้พวกทหารทั้งหลาย แท้จริงระหว่างฉันกับพวกท่าน ยังมีพระคัมภีรย์ของอัลลอฮฺและแบบอย่างของศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ตาของฉัน.... ”

หลังจากนั้นท่าน(อฺ)ได้กล่าวว่า

“ ขอร้องเรียนต่อเอกองค์อัลลอฮฺ ฉันขอถามว่า พวกท่านรู้จักฉันหรือไม่ว่าฉันคือใคร ?”

พวกทหาร : “ ท่านคือบุตรของศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺและสายตระกูลของท่าน ”

ท่านอิมาม(อฺ) : “ ขอร้องเรียนต่อเอกองค์อัลลอฮฺ ขอถามว่าพวกท่านรู้ใช่ไหมว่าตาของฉันคือศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ?”

พวกทหาร : “ ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอตอบว่าใช่แล้ว ”

ท่านอิมาม(อฺ) : “ ขอร้องเรียนต่ออัลลอฮฺ ขอถามว่าพวกท่านรู้ใช่ไหม ว่าย่าของฉันคือ ค่อดีญะฮฺ บินติ คุวัยลิด ?”

พวกทหาร : “ ข้าแต่อัลลอฮฺขอตอบว่า ใช่แล้ว ”

ท่านอิมาม(อฺ) : “ ขอร้องเรียนต่ออัลลอฮฺ ขอถามว่าพวกท่านรู้ใช่ไหม ว่าบิดาของฉันคือ อะลี บินอะบีฏอลิบ ?”

พวกทหาร : “ ขอร้องเรียนต่ออัลลอฮฺ ขอถามว่าพวกท่านรู้ใช่ไหม ว่าประมุขของบรรดาชะฮีด ฮัมซะฮฺเป็นลุงบิดาของฉัน ?”

พวกทหาร : “ ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอตอบว่าใช่แล้ว ”

ท่านอิมาม(อฺ) : “ ขอร้องเรียนต่ออัลลอฮฺ ขอถามว่าพวกท่านรู้ใช่ไหม ว่าญะอฺฟัรผู้ได้รับตำแหน่งฏ็อยยารผู้โบยบินในสวรรค์นั้นเป็นลุงของฉัน ?”

พวกทหาร : “ ข้าแต่อัลลอฮฺขอตอบว่า ใช่แล้ว ”

ท่านอิมาม(อฺ) : “ ขอร้องเรียนต่ออัลลอฮฺ ขอถามว่าพวกท่านรู้ใช่ไหม ว่าดาบที่ข้าพเจ้าพกติดตัวอยู่นี้เป็นดาบของศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ (ศ) ?”

พวกทหาร : “ ข้าแต่อัลลอฮฺขอตอบว่า ใช่แล้ว ?”

ท่านอิมาม(อฺ) : “ ขอร้องเรียนต่ออัลลอฮฺ ขอถามว่าพวกท่านรู้ใช่ไหม ว่าผ้าโพกศีรษะที่ฉันสวมใส่อยู่นี้เป็นของศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ) ?”

พวกทหาร : “ ข้าแต่อัลลอฮฺขอตอบว่า ใช่แล้ว ”

ท่านอิมาม(อฺ) : “ ขอร้องเรียนต่ออัลลอฮฺ พวกท่านรู้ไช่ไหมว่าอะลีคือบุคคลแรกที่เข้ารับอิสลาม และสอนคนทั้งหลายให้มีความรู้ สติปัญญา และเขาคือนายของผู้ศรัทธาทั้งชายหญิงทุกคน ?”

พวกทหาร : “ ข้าแต่อัลลอฮฺขอตอบว่า ใช่แล้ว ”

ท่านอิมาม(อฺ) : “ ถ้าเช่นนั้น แล้วพวกท่านจะหลั่งเลือดฉันทำไม ? ในเมื่อบิดาของข้าคือผู้ทำหน้าที่ให้น้ำแก่คนทั้งหลายที่สระอัล-เฮาฏฺ ดื่มกิน เหมือนฝูงแกะที่คอยดื่มน้ำจากแหล่งน้ำ ”

พวกทหาร : “ บัดนี้เรารับรู้ในเรื่องเหล่านี้แล้ว แต่เราจะไม่ปล่อยท่าน ไปจนกว่าท่านจะได้ลิ้มรสแห่งความตายแล้วความกระหาย ”

ท่านอิมาม(อฺ) : “ ความพินาศจะได้แก่พวกท่านทั้งหลาย นึกถึงคราวที่พวกท่นาร้องขอความช่วยเหลือต่อพวกเราบ้างไหม ? ครั้งเมื่อเราร้องขอความช่วยเหลือต่อพวกท่าน พวกท่านแข็งกระด้าง พวกท่านฟาดฟันดาบแก่พวกเราได้อย่างไรในความศรัทธาของพวกท่าน และพวกท่านเผาผลาญเราด้วยเพลิงอย่างเดียวกับที่เราเคยทำลายศัตรูของพวกเราและศัตรูของพวกท่าน

บัดนี้พวกท่านกลับเข้าข้างศัตรู แทนผู้ปกครองของพวกท่านอย่างไม่มีความยุติธรรมเลย จนพวกท่านมิได้พิจารณาอะไรเกี่ยวกับคนพวกนั้นเลย ดังนั้นทำไมพวกท่าน จะไม่ได้ประสบกับความวิบัติต่างๆ พวกท่านละทิ้งพวกเราโดยมีคมดาบมา ข่มขู่ได้สร้างความปั่นป่วน ยุ่งเหยิง แต่พวกท่านเร่งรุดไปยังความวิบัตินั้น เสมือนนกที่โผไปหาอย่างรวดเร็ว และพวกท่านกระโจนไปหามันเหมือนราชสีห์กระโจนเข้าไป หลังจากนั้นพวกท่านก็ตะปบเข้ากับมัน ความวิบัติจะได้เป็นของพวกท่าน โดยข้าทาสแห่งอุมมะฮฺ พวกเจ้าสร้างความแตกแยกแก่พลพรรคต่างๆ พวกเจ้าละเมิดพระคัมภีร์ บิดพลิ้วคำสอน ก่อกรรมทำเข็ญเป็นสมุนของมารร้ายชัยฏอน เป็นผู้ทำลายกฎระเบียบของศาสดา ความวิบัติจะเป็นของพวกท่าน พวกท่านกลับไปยึดถือตามพวกเหล่านั้นแล้วทำลายล้างพวกเราใช่ไหม ?”

หลังจากนั้น ท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ได้กล่าวอีกว่า

“ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ พวกท่านมิได้อยู่อย่างนี้นานช้าแค่ไหนดอกมันคล้ายกับเพียงการขี่สิงโต เหมือนอย่างกงล้อที่หมุนกระทั่งถึงรอบของมันเท่านั้น บิดาของฉันได้รับคำสอนมาจากตาของฉันคือท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)ว่า อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ตรัสว่า

“ ดังนั้นสูเจ้าจงร่วมมือกันดำเนินภารกิจของสูเจ้าเถิดรวมทั้งสมัครพรรคพวกของสูเจ้าด้วย จากนั้นแล้วก็อย่าให้กิจการของสูเจ้าทำให้สูเจ้าทุกข์ระทมก็แล้วกันแล้วก็จงรีบเร่งดำเนินการแก่ข้าโดยเร็วอย่าได้รอช้า ”

( ยูนุซ: 71)

แท้จริงฉันขอมอบหมายตนยังอัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลของฉันและพระผู้อภิบาลของพวกท่านสัตว์ทั้งหลายย่อมหลีกไม่พ้นที่พระองค์จะทรงถืออำนาจครอบครองไว้ แท้จริงพระผู้อภิบาลของฉันอยู่กับหนทางอันเที่ยงตรง ”

หลังจากนั้นท่าน(อฺ)ได้ยกมือขึ้นสู่ฟากฟ้า พลางกล่าวว่า

“ โอ้อัลลอฮฺ โปรดอย่าให้ฝนตกลงมายังพวกเขาสักหยดเลยและจงบันดาลให้พวกเขาถูกปกครองด้วยระบบของคนรับใช้ของษะกีฟ ให้พวกเขาได้ดื่มน้ำที่เพิ่มความกระหาย เพราะพวกเขาปฏิเสธพวกเราและบั่นทอนพวกเรา พระองค์คือพระผู้อภิบาลของเรากับพระองค์เท่านั้นที่เรามอบหมายตนและพระองค์เป็นที่คืนกลับของเรา ”

แล้วท่าน(อฺ)ก็กล่าวอีกว่า

“ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ พระองค์อย่าได้เว้นคนใดจากหมู่พวกเขาให้พ้นจากการถูกล้างแค้นเลยแม้แต่คนเดียว คนไหนทำการฆ่าก็ขอให้ถูกฆ่าคนไหนทำการฟันก็ขอให้ถูกฟัน และอันที่จริงแล้วมันคือการให้ความช่วยเหลือส่งเสริมข้าพระองค์และครอบครัวของข้าฯ รวมทั้งสมาชิกทั้งหลายของข้าฯ ”

แล้วท่าน(อฺ)ได้เรียกอุมัร บินซะอัด ให้เข้าไปหา เขาอิดเอื้อนไม่ค่อยอยากเข้าไปหา ท่านอิมาม(อฺ)จึงกล่าวแก่เขาว่า

“ โอ้อุมัร เจ้าใช่ไหมที่อ้างตัวเองว่าจะฆ่าฉัน แล้วเขาจะแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้ปกครองเมืองร็อยและเมือญัรญาน ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ เจ้าไม่มีวันได้สมหวังเช่นนั้นหรอก เจ้าจงทำในสิ่งที่ต้องการจะทำ แท้จริงหลังจากสิ้นฉันไปแล้ว เจ้าก็หาความสุขไม่ได้อีกเลยทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ศีรษะของเจ้าจะถูกเสียบไว้ที่ปลายหอกของพวกเด็กๆ ที่เมืองกูฟะฮฺพวกเขาจะเอามันเป็นเป้านิ่งสำหรับขว้างปา ”

ครั้นแล้ว อิบนุซะอัดก็สะบัดหน้าหนีจากท่านไปด้วยความโกรธสุดขีด (3)

(3) บิฮารุล-อันนาร เล่ม 10 หน้า 192