ชีวประวัติของท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ บินติ ฮุเซน
ชีวประวัติพอสังเขปของท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ บินติ ฮุเซน
ท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ ถือกำเนิดในปีที่ 57 ฮ.ศ ณ เมืองมะดีนะฮ์ การถือกำเนิดของท่านหญิงอันสืบเนื่องมาจากการแนะนำของอิมามฮะซัน อัลมุจตะบาอ์ ให้ท่านอิมามฮุเซนแต่งงานกับท่านหญิง อุมมุ อิสหาก และผลที่ได้รับการแต่งงานนั้น ก็คือ การถือกำเนิดของทารกน้อยที่มีนามว่า รุก็อยยะฮ์ หลังจากการถือกำเนิดได้ไม่นาน ท่านหญิงก็ต้องสูญเสียมารดา และได้รับการเลี้ยงดูจากอาหญิงของนาง ก็คือ ท่านหญิงซัยนับ (ซ) และนางยังได้อยู่ร่วมในกองคาราวานกัรบะลาอ์พร้อมกับบิดาของนาง
ท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ ร่วมอยู่ในเหตุการณ์กัรบะลา
ได้มีรายงานหนึ่งกล่าวไว้ว่า
ท่านหญิงซะกีนะฮ์ ได้พูดกับน้องสาวที่มีวัยเพียงสามขวบ(คาดว่าน่าจะเป็น
ท่านรุก็อยยะฮ์) ในวันอาชูรอว่า เราไปหาพ่อของเรากันเพื่อที่จะไปห้ามท่าน โดยหวังว่าท่านจะไม่ถูกสังหาร ณ กัรบะลา
เมื่ออิมามฮุเซนได้ยินคำกล่าวนั้น น้ำตาของท่านก็หลั่งไหลออกมา และร้องเรียกหารุก็อยยะฮ์ และกล่าวว่า โอ้รุก็อยยะฮ์ ลูกรัก มาหาพ่อซิ พ่อจะไม่ห้ามเจ้าหรอก มาซิให้ฉันได้เห็นเจ้าหน่อย แล้วรุก็อยยะฮ์ก็วิ่งมาหาอิมามฮูเซน หลังจากนั้น อิมามฮุเซนก็โอบกอดลูกน้อยไว้ในตักของท่าน และจุมพิตบนริมฝีปากที่แห้งซีด เวลานั้นเองเด็กน้อยได้ร้องออกมาว่า
العطش العطش ، فان الظما قدا احرقنى
พ่อจ๋า หนูกระหายน้ำเหลือเกิน หนูกระหายน้ำเหลือเกิน ความกระหายน้ำมันช่างทรมานหนูเสียเหลือเกิน ดั่งกับว่ามันเป็นไฟที่เผาไหม้ในตับของหนู
เมื่อท่านอิมามได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวตอบว่า โอ้ลูกรัก รอหน่อยนะเดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำมาให้กับเจ้า และท่านก็ลุกขึ้นและออกไปสู่สมรภูมิรบ แต่ทว่าที่เท้าของท่านมีมือของเด็กน้อยจับอยู่ และร้องไห้ ได้พูดอีกว่า
يا ابة! اين تمضى عنا؟
โอ้พ่อจ๋า ท่านจะไปไหนหรือ? ทำไมท่านทิ้งหนูล่ะ และท่านอิมามก็อุ้มเด็กน้อยอีกครั้งหนึ่งไว้ในอ้อมกอด จนกระทั่งเด็กน้อยนั้นนิ่งสงบ
การอำลาครั้งสุดท้ายของท่านอิมามฮุเซนกับท่านหญิงรุก็อยยะฮ์
การอำลาของท่านอิมามฮุเซนกับบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ของท่าน ซึ่งเป็นการยากลำบาก แต่ในการอำลาครั้งสุดท้ายของท่านกับเด็กน้อยที่มีวัยสามขวบนั้น ยากยิ่งกว่า
ได้มีรายงานกล่าวว่า ฮิลาล บิน นาฟิอ์ ซึ่งเป็นทหารคนหนึ่งของศัตรู ได้พูดรายงานว่า ฉันได้ยืนใกล้แถวกองทหารและมองเห็นฮุเซน บิน อะลีได้ชัดเจน หลังจากที่เขาได้อำลาครอบครัวอะฮ์ลุลบัยต์ของเขาแล้ว และกำลังมุ่งหน้าสู่สมรภูมิรบ ทันใดนั้นเอง สายตาของฉันได้เหลือบไปเห็น เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ออกมานอกไคมา และวิ่งมาที่อิมามฮุเซน และได้จับที่ขาของอิมามและร้องเสียงดังว่า
يا ابة ! انظر الى فانى عطشان
โอ้พ่อจ๋า มองดูหนูซิ หนูกระหายน้ำเหลือเกิน
การได้ยินถ้อยคำนี้ แม้ว่าถ้อยคำนั้น จะสั้นก็ตาม แต่ว่า มันเป็นถ้อยคำที่เจ็บในดวงใจของท่านอิมาม เปรียบดั่งคมหนามที่ทิ่มแทงหัวใจของท่าน
หลังจากนั้น น้ำตาที่เบ้าตาก็ถูกหลั่งออกมาจากดวงตาของท่านอิมาม พร้อมทั้งกล่าวว่า
الله يسقيك فانه وكيلى
พระองค์อัลลอฮ์จะทรงประทานน้ำให้กับเจ้า เพราะพระองค์คือ ผู้ที่ฉันมอบหมายต่อพระองค์
ฮิลาลได้พูดอีกว่า ฉันได้ถามว่า เด็กน้อยนั้น เป็นใคร และเป็นอะไรกับอิมามฮุเซน?
ได้รับคำตอบว่า นั่นคือ รุก็อยยะฮ์ บินติ ฮุเซน ที่มีอายุเพียงสามขวบเอง
ท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ เป็นผู้ตระเตรียมผ้าซัจญะดะฮ์ให้กับท่านอิมามฮุเซน ในทุกเวลาที่ท่านอิมามทำการนมาซ และเช่นกันในช่วงเที่ยงวันของวันอาชูรอ ก็ได้ปูผ้านมาซ และรอบิดาของนาง แต่บิดาของนางไม่ได้มา และทันใดนั้นเอง ชิมร์ บิน ซิลญูชัน ได้เข้ามาและเห็นเด็กน้อยรอผู้เป็นพ่ออยู่ ก็สั่งให้ทหารรับใช้ว่า จงตีเด็กน้อยคนนี้ ซึ่งเขาก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม ในที่สุดชิมร์ จึงตบไปบนใบหน้าของเด็กน้อย ดังนั้น การตบนี้ เท่ากับทำให้อัรช์แห่งอัลลอฮ์สั่นสะเทือน เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อมัลอูนตนหนึ่งได้ตบไปบนใบหน้าของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮฺรอ (ซ) ผู้เป็นบุตรีแห่งศาสนทูตของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ)
สาเหตุการเป็นชะฮาดะฮ์ของท่านหญิงรุก็อยยะฮ์
รายงานจากท่านเชค อับบาส กุมมี ว่า
เมื่อสตรีทั้งหลายได้ถูกจับเป็นเชลย และบรรดาเด็กๆก็เช่นเดียวกัน พวกเขาก็ถูกจับเป็นเชลยด้วย ซึ่งบรรดาสตรีก็มีกหน้าที่คอยปลอบประโลมเด็กๆเหล่านั้น ไม่ว่าจะเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ดุจดั่งกับพวกนางเป็นบิดาของเด็กๆเหล่านั้น พวกนางก็บอกกับเด็กๆว่า บิดาของเจ้า พวกเขาจะกลับมา ซึ่งพวกเขาได้เดินทางไปยังสถานที่หนึ่งและพวกเขาจะกลับมาพบพวกเจ้าอย่างแน่นอน การปลอบประโลมนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้บรรดาเด็กมีความสบายใจ แต่เมื่อพวกเขาทั้งหลายถูกนำมาถึงยังวังของยะซีด
และได้เด็กน้อยคนหนึ่งที่มีอายุเพียงสามขวบเท่านั้น ได้ร้องหาบิดาของเขา และตะโกนว่า พ่อจ๋า พ่อหนูอยู่ไหน? หนูจะไปหาพ่อของหนู เพราะว่าเมื่อคืนนี้ หนูฝันเห็นพ่อ พ่อมาหาหนู เมื่อบรรดาสตรีและเด็กๆได้ยินเสียงนั้นก็ร้องไห้ออกมา ในเวลานั้น ยะซีด ผู้ปกครองในสมัยนั้น ซึ่งนอนหลับ ก็รู้สึกตัวสะดุ้งตื่นมาและถามหาสาเหตุเสียงดังนั้นมาจากไหน เมื่อเขารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับรุก็อยยะฮ์ ก็รับสั่งทหารให้เอาศรีษะของอิมามฮุเซนมาให้กับเด็กน้อยและวางลงใกล้กับเด็กน้อย เด็กน้อยได้ถามว่า นี่คืออะไร? ได้รับคำตอบว่า นี่คือ ศีรษะของพ่อของเจ้า และเมื่อเด็กน้อยได้เห็นศีรษะของผู้เป็นบิดาก็ร้องไห้เป็นอย่างมาก จนในที่สุด นางได้จากโลกนี้ไปในสภาพเช่นนั้น
บัดนี้ สถานฝังศพอันบริสุทธิ์ของท่าน ซึ่งเรียกกันว่า ฮะรัมท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ตั้งอยู่ใน เมืองดะมัสกัส ประเทศซีเรีย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบรรดากลุ่มชนที่มีความรักต่อลูกหลานแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ อีกทั้งยังมีรายงานเกี่ยวกับกะรอมะฮ์ของท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ อีกมากมาย
ท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ ถือกำเนิดในปีที่ 57 ฮ.ศ ณ เมืองมะดีนะฮ์ การถือกำเนิดของท่านหญิงอันสืบเนื่องมาจากการแนะนำของอิมามฮะซัน อัลมุจตะบาอ์ ให้ท่านอิมามฮุเซนแต่งงานกับท่านหญิง อุมมุ อิสหาก และผลที่ได้รับการแต่งงานนั้น ก็คือ การถือกำเนิดของทารกน้อยที่มีนามว่า รุก็อยยะฮ์ หลังจากการถือกำเนิดได้ไม่นาน ท่านหญิงก็ต้องสูญเสียมารดา และได้รับการเลี้ยงดูจากอาหญิงของนาง ก็คือ ท่านหญิงซัยนับ (ซ) และนางยังได้อยู่ร่วมในกองคาราวานกัรบะลาอ์พร้อมกับบิดาของนาง
ท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ ร่วมอยู่ในเหตุการณ์กัรบะลา
ได้มีรายงานหนึ่งกล่าวไว้ว่า
ท่านหญิงซะกีนะฮ์ ได้พูดกับน้องสาวที่มีวัยเพียงสามขวบ(คาดว่าน่าจะเป็น
ท่านรุก็อยยะฮ์) ในวันอาชูรอว่า เราไปหาพ่อของเรากันเพื่อที่จะไปห้ามท่าน โดยหวังว่าท่านจะไม่ถูกสังหาร ณ กัรบะลา
เมื่ออิมามฮุเซนได้ยินคำกล่าวนั้น น้ำตาของท่านก็หลั่งไหลออกมา และร้องเรียกหารุก็อยยะฮ์ และกล่าวว่า โอ้รุก็อยยะฮ์ ลูกรัก มาหาพ่อซิ พ่อจะไม่ห้ามเจ้าหรอก มาซิให้ฉันได้เห็นเจ้าหน่อย แล้วรุก็อยยะฮ์ก็วิ่งมาหาอิมามฮูเซน หลังจากนั้น อิมามฮุเซนก็โอบกอดลูกน้อยไว้ในตักของท่าน และจุมพิตบนริมฝีปากที่แห้งซีด เวลานั้นเองเด็กน้อยได้ร้องออกมาว่า
العطش العطش ، فان الظما قدا احرقنى
พ่อจ๋า หนูกระหายน้ำเหลือเกิน หนูกระหายน้ำเหลือเกิน ความกระหายน้ำมันช่างทรมานหนูเสียเหลือเกิน ดั่งกับว่ามันเป็นไฟที่เผาไหม้ในตับของหนู
เมื่อท่านอิมามได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวตอบว่า โอ้ลูกรัก รอหน่อยนะเดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำมาให้กับเจ้า และท่านก็ลุกขึ้นและออกไปสู่สมรภูมิรบ แต่ทว่าที่เท้าของท่านมีมือของเด็กน้อยจับอยู่ และร้องไห้ ได้พูดอีกว่า
يا ابة! اين تمضى عنا؟
โอ้พ่อจ๋า ท่านจะไปไหนหรือ? ทำไมท่านทิ้งหนูล่ะ และท่านอิมามก็อุ้มเด็กน้อยอีกครั้งหนึ่งไว้ในอ้อมกอด จนกระทั่งเด็กน้อยนั้นนิ่งสงบ
การอำลาครั้งสุดท้ายของท่านอิมามฮุเซนกับท่านหญิงรุก็อยยะฮ์
การอำลาของท่านอิมามฮุเซนกับบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ของท่าน ซึ่งเป็นการยากลำบาก แต่ในการอำลาครั้งสุดท้ายของท่านกับเด็กน้อยที่มีวัยสามขวบนั้น ยากยิ่งกว่า
ได้มีรายงานกล่าวว่า ฮิลาล บิน นาฟิอ์ ซึ่งเป็นทหารคนหนึ่งของศัตรู ได้พูดรายงานว่า ฉันได้ยืนใกล้แถวกองทหารและมองเห็นฮุเซน บิน อะลีได้ชัดเจน หลังจากที่เขาได้อำลาครอบครัวอะฮ์ลุลบัยต์ของเขาแล้ว และกำลังมุ่งหน้าสู่สมรภูมิรบ ทันใดนั้นเอง สายตาของฉันได้เหลือบไปเห็น เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ออกมานอกไคมา และวิ่งมาที่อิมามฮุเซน และได้จับที่ขาของอิมามและร้องเสียงดังว่า
يا ابة ! انظر الى فانى عطشان
โอ้พ่อจ๋า มองดูหนูซิ หนูกระหายน้ำเหลือเกิน
การได้ยินถ้อยคำนี้ แม้ว่าถ้อยคำนั้น จะสั้นก็ตาม แต่ว่า มันเป็นถ้อยคำที่เจ็บในดวงใจของท่านอิมาม เปรียบดั่งคมหนามที่ทิ่มแทงหัวใจของท่าน
หลังจากนั้น น้ำตาที่เบ้าตาก็ถูกหลั่งออกมาจากดวงตาของท่านอิมาม พร้อมทั้งกล่าวว่า
الله يسقيك فانه وكيلى
พระองค์อัลลอฮ์จะทรงประทานน้ำให้กับเจ้า เพราะพระองค์คือ ผู้ที่ฉันมอบหมายต่อพระองค์
ฮิลาลได้พูดอีกว่า ฉันได้ถามว่า เด็กน้อยนั้น เป็นใคร และเป็นอะไรกับอิมามฮุเซน?
ได้รับคำตอบว่า นั่นคือ รุก็อยยะฮ์ บินติ ฮุเซน ที่มีอายุเพียงสามขวบเอง
ท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ เป็นผู้ตระเตรียมผ้าซัจญะดะฮ์ให้กับท่านอิมามฮุเซน ในทุกเวลาที่ท่านอิมามทำการนมาซ และเช่นกันในช่วงเที่ยงวันของวันอาชูรอ ก็ได้ปูผ้านมาซ และรอบิดาของนาง แต่บิดาของนางไม่ได้มา และทันใดนั้นเอง ชิมร์ บิน ซิลญูชัน ได้เข้ามาและเห็นเด็กน้อยรอผู้เป็นพ่ออยู่ ก็สั่งให้ทหารรับใช้ว่า จงตีเด็กน้อยคนนี้ ซึ่งเขาก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม ในที่สุดชิมร์ จึงตบไปบนใบหน้าของเด็กน้อย ดังนั้น การตบนี้ เท่ากับทำให้อัรช์แห่งอัลลอฮ์สั่นสะเทือน เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อมัลอูนตนหนึ่งได้ตบไปบนใบหน้าของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮฺรอ (ซ) ผู้เป็นบุตรีแห่งศาสนทูตของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ)
สาเหตุการเป็นชะฮาดะฮ์ของท่านหญิงรุก็อยยะฮ์
รายงานจากท่านเชค อับบาส กุมมี ว่า
เมื่อสตรีทั้งหลายได้ถูกจับเป็นเชลย และบรรดาเด็กๆก็เช่นเดียวกัน พวกเขาก็ถูกจับเป็นเชลยด้วย ซึ่งบรรดาสตรีก็มีกหน้าที่คอยปลอบประโลมเด็กๆเหล่านั้น ไม่ว่าจะเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ดุจดั่งกับพวกนางเป็นบิดาของเด็กๆเหล่านั้น พวกนางก็บอกกับเด็กๆว่า บิดาของเจ้า พวกเขาจะกลับมา ซึ่งพวกเขาได้เดินทางไปยังสถานที่หนึ่งและพวกเขาจะกลับมาพบพวกเจ้าอย่างแน่นอน การปลอบประโลมนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้บรรดาเด็กมีความสบายใจ แต่เมื่อพวกเขาทั้งหลายถูกนำมาถึงยังวังของยะซีด
และได้เด็กน้อยคนหนึ่งที่มีอายุเพียงสามขวบเท่านั้น ได้ร้องหาบิดาของเขา และตะโกนว่า พ่อจ๋า พ่อหนูอยู่ไหน? หนูจะไปหาพ่อของหนู เพราะว่าเมื่อคืนนี้ หนูฝันเห็นพ่อ พ่อมาหาหนู เมื่อบรรดาสตรีและเด็กๆได้ยินเสียงนั้นก็ร้องไห้ออกมา ในเวลานั้น ยะซีด ผู้ปกครองในสมัยนั้น ซึ่งนอนหลับ ก็รู้สึกตัวสะดุ้งตื่นมาและถามหาสาเหตุเสียงดังนั้นมาจากไหน เมื่อเขารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับรุก็อยยะฮ์ ก็รับสั่งทหารให้เอาศรีษะของอิมามฮุเซนมาให้กับเด็กน้อยและวางลงใกล้กับเด็กน้อย เด็กน้อยได้ถามว่า นี่คืออะไร? ได้รับคำตอบว่า นี่คือ ศีรษะของพ่อของเจ้า และเมื่อเด็กน้อยได้เห็นศีรษะของผู้เป็นบิดาก็ร้องไห้เป็นอย่างมาก จนในที่สุด นางได้จากโลกนี้ไปในสภาพเช่นนั้น
บัดนี้ สถานฝังศพอันบริสุทธิ์ของท่าน ซึ่งเรียกกันว่า ฮะรัมท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ตั้งอยู่ใน เมืองดะมัสกัส ประเทศซีเรีย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบรรดากลุ่มชนที่มีความรักต่อลูกหลานแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ อีกทั้งยังมีรายงานเกี่ยวกับกะรอมะฮ์ของท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ อีกมากมาย