เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

การเข้ารับอิสลามของท่านฮัมซะฮ์บุตรอับดุลมุฏฏอลิบ

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ฮัมซะฮ์ ผู้มีศักดิ์เป็นอาของศาสดามุฮัมมัด (ซบ.) ซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับท่าน ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความแข็งแรงที่สุด และมีความแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ชาวกุเรช เป็นสุดยอดในการรบทัพจับศึกและการกีฬาต่างๆ

 

เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปในการล่าสัตว์อยู่ตามป่าเขา วันหนึ่งเมื่อเขาเดินทางกลับมาจากการล่าสัตว์พร้อมกับคันธนูที่อยู่บนไหล่ ทาสหญิงของเขาได้เข้าไปรายงานให้เขาทราบว่า อบูญะฮัลได้เทขยะไปที่ศีรษะของหลานชายของเขา

 

ฮัมซะฮ์นั้นไม่อาจจะอดรนทนดูต่อไปได้อีกแล้ว เขารักศาสดามุฮัมมัด ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจในตัวของท่านก็ตาม เขาจึงวิ่งไปยังมัสยิด ซึ่งก็พบกับอบูญะฮัลกำลังนั่งรวมอยู่กับบรรดาสหายของเขา เขาได้ยกคันธนูอันหนักอึ้งของเขาขึ้นมาแล้วฟาดไปที่ศีรษะของอบูญะฮัล พร้อมกับตะโกนขึ้นว่า


“เจ้ายังจะดูถูกเหยียดหยามเขาอยู่อีกหรือ เมื่อฉันได้เข้ารับศาสนาของเขาแล้ว”
และได้เบ่งกล้ามเป็นมัดๆ ของเขาใส่พวกกุเรช

 

ฮัมซะฮ์ เข้ารับอิสลามแล้ว และสิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับอิสลาม ทำให้ชาวกุเรชบางคนรู้สึกระมัดระวังมากขึ้น ที่จะเรียก มุฮัมมัด ว่า เป็นนักกวี

 

ฮัมซะฮ์ เป็นมุสลิมที่มีความซื่อสัตย์ และเป็นวีรบุรุษของอิสลามคนหนึ่ง เขาเป็นสหายร่วมรบของหลานอีกคนหนึ่ง คือ อะลี ทั้งสองคนนี้ คือ ผู้ที่สังหารผู้นำของพวกกุเรช ในสงครามบะดัรที่มีการสู้รบกันในอีกหลายปีต่อมา

 

ในสงครามอุฮุด ฮัมซะฮ์ได้สังหารผู้ถือธงรบคนที่สองของพวกป่าเถื่อน และเมื่อพวกศัตรูพุ่งทะยานเข้าใส่แนวรบของมุสลิม เขาก็กระโจนเข้าใส่วงล้อม พร้อมกับฟาดฟันเข้าใส่ข้าศึกเพื่อรุกคืบฝ่าแนวรบของพวกเขาเข้าไป

 

ในขณะนั้นเองเขาถูกหลาวของข้าศึกผู้มีนามว่าว่า วะฮ์ชี ผู้เป็นทาสชาวอบิสซีเนียพุ่งเข้าใส่ที่ร่าง วะฮ์ชีได้รับมอบหมายให้ทำงานนี้โดยเฉพาะจากนางฮินด์ภรรยาของอบูซุฟยาน ผู้ซึ่งเป็นมารดาของราชวงศ์อุมาวียะฮ์ และเขายังถูกแทงด้วยหอกจากผู้กราบไหว้เทวรูป ชาวมักกะฮ์อีกคนหนึ่งด้วย ฮัมซะฮ์ล้มลงกองกับพื้นและสิ้นใจในทันที

 

ภายหลังจากที่มุสลิมถูกตีแตกพ่ายในวันนั้นแล้ว นางฮินด์และบรรดาพวกใจทมิฬหินชาติชาวมักกะฮ์ได้สับฟันร่างของบรรดามุสลิมที่ถูกสังหารออกเป็นชิ้นๆ นางได้ผ่าท้องของฮัมซะฮ์และควักเอาตับของเขาออกมาพร้อมกับใส่ปากเคี้ยวกิน นางตัดจมูก หู มือและเท้าทั้งสองข้างของฮัมซะฮ์มาร้อยเป็นพวงทำเป็น “สร้อยคอ” แล้วเดินทางกลับเข้าสู่นครมักกะฮ์ โดยสวมใส่มันเป็นรางวัลแห่งชัยชนะของสงคราม

 

ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) รู้สึกเศร้าสลดใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิต และการถูกสับฟันร่างกายของผู้กล้าหาญแห่งอิสลามเช่นฮัมซะฮ์ ท่านมอบตำแหน่งของ “ราชสีห์แห่งพระเจ้า” และ “หัวหน้าแห่งบรรดาผู้พลีชีพเพื่อศาสนา” ให้แก่ฮัมซะฮ์

 

ฮัมซะฮ์ เข้ารับอิสลามในปีที่ห้าของการประกาศศาสนา หรือตรงกับ ค.ศ. 615 สถานที่ฝังศพของท่านอยู่ที่เชิงเขาอุฮุดนอกเมืองมะดีนะฮ์ ในอดีตก่อนตระกูลอาลิซะอูดจะขึ้นปกครองแผ่นดินฮิญาซ สถานที่แห่งนี้มีการสร้างมัสยิดและโดมครอบ แต่ใน ค.ศ. 1925 พวกเขาได้รื้อทำลายทั้งหมด และกั้นรั้วรอบ (อย่างกว้าง) พร้อมกับติดประกาศหลายภาษา เช่นอาหรับ อังกฤษ อุรดู เบงกาลี ตุรกีและรูมีห้ามการวิงวอนขอใด ณ สถานที่แห่งนี้ นอกจากการให้สลามแก่ชาวกุบูร โดยความหมายที่ห้ามมีดังนี้

 

ข้อ 2 ไม่อนุญาตให้วิงวอนต่อผู้ตาย และขอการอนุมัติจากพวกเขา และไม่อนุญาตให้วิงวอนขอปัจจัยยังชีพจากพวกเขา.... และกล่าวว่าการนุมัตินั้นมาจากอัลลอฮ์ (ซบ.) เท่านั้น

ข้อ 3 ให้ขอสิ่งต่างๆ จากอัลลอฮ์ (ซบ.) เท่านั้น

ข้อ 4 ห้ามปีนขึ้นภูเขาอุฮุดและภูเขาพลธนู เพื่อขอความมีสิริมงคลจากอัลลอฮ์ (ซบ.)

โดยถ้ำบนภูเขาอุฮุด ที่ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ใช้หลบขณะเพลี่ยงพล้ำในสงคราม ถูกก่อกำแพงกั้นไม่ให้เข้าไปเยี่ยมเยียนและติดป้ายห้ามตลอดทาง ผู้ที่อยากได้บารอกัตจากสถานที่นี้ ต้องปีนป่ายกันทุลักทุเล


บทความโดย อาจารย์ฟารีด เด่นยิ่งโยชน์

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม