13 ญะมาดิซซานีย์ เป็นวันครบรอบวาระการวะฟาตท่านหญิงอุมมุลบะนีน
13 ญะมาดิซซานีย์ เป็นวันครบรอบวาระการวะฟาตท่านหญิงอุมมุลบะนีน
“ชะฮีด คือ ผู้ที่ไม่มีวันดับสูญ
ชะฮีดคือผู้ที่ไม่มีวันถูกลืม
ชะฮีดคือผู้ไม่เคยลืมเรา
ในทางกลับกัน เราเองก็มีหน้าที่ที่จะต้องไม่ลืมพวกเขา ซึ่งการนี้เป็นไปได้ด้วยการระลึกและด้วยการเดินตามวิถีที่พวกเขาได้มอบไว้ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ท่านผู้เป็นครอบครัวของบรรดาชะฮีด พวกท่านคือทุนของประเทศนี้ พวกท่านสามารถปกป้องประเทศนี้ได้จากภยันตรายทั้งปวงได้ เพราะอัลลอฮ์ (ซบ.) จะเป็นแขกผู้มาเยือนของผู้ที่หัวใจแตกสลาย และครอบครัวของชะฮีดผู้ใจสลาย เช่นนั้นแล้วท่านทั้งหลายก็จงพยายาม ให้พระองค์กลายเป็นแขกของพวกท่าน และขอให้พระองค์ทรงปัดเป่าปัญหาให้หมดไปจากประเทศนี้ด้วยเถิด”
จากนั้นท่านอยาตุลลอฮ์ญะวาดีออมูลีย์ กล่าวถึงความทุกข์ทรมานและการเสียสละของท่านหญิงอุมมุลบานีน (ซล) ว่า
“หลังเหตุการณ์อาชูรอ เมื่อข่าวคราวมาถึงนครมะดีนะฮ์ บุคคลแรกที่ท่านหญิงอุมมุลบานีน(ซล)ถามถึงคือ ซัยยิดุชชูฮาดา (อ) กล่าวคือ ท่านหญิงมิได้เอ่ยถามถึง นามอันประเสริฐ กอมัร แห่งฮาชิม (อ) แต่กลับกล่าวว่า ลูกๆของฉันอยู่เพื่อพลีแด่ฮูเซน บิน อาลี (อ) เมื่อบรรยากาศในเมืองมะดีนะฮ์เริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ท่านหญิงมักจะไปกุโบรบะกีอฺเสมอ ณ ที่แห่งนั้น ท่านหญิงได้สร้างกุโบรและสัญลักษณ์ขึ้นมาสี่หลุม แต่ละตำแหน่งมีนามของลูกชายทั้งสี่ ขณะนั้นเหล่าสตรีเมืองมะดีนะฮ์ได้รวมตัวกัน ส่วนท่านหญิงอุมมุลบานีน (ซล) ก็ได้เริ่มอ่านลำนำไว้อาลัย
จากนั้นท่านหญิงได้กล่าวกับสตรีกลุ่มนั้นว่า
“โอ้สตรีแห่งมะดีนะฮ์ ต่อแต่นี้ไปจงอย่าได้เรียกฉันว่า อุมมุลบานีนอีกเลย (อุมมุลบะนีน หมายถึง แม่ผู้มีบุตรชายหลายคน) ในวันที่ลูกๆฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันคืออุมมุลบานีน แต่ในตอนนี้จงอย่าได้เรียกฉันว่า อุมมุลบานีนอีกต่อไป”
«لا تدعونی ویک امّ البنین کانت بنون لی اُدعا بهم و الیوم أصبحت و لا من بنین».
อย่าได้เรียกฉันว่า อุมมุลบานีนอีกเลย แต่ก่อนนี้ฉันมีลูกชายอยู่หลายคน มาวันนี้ ฉันไม่เหลือลูกชายอีกแล้ว พวกเขาเล่าให้ฉันฟังว่าอับบาสต้องใช้ฟันแบกถุงน้ำ ! คนอื่นเขาไม่ได้ใช้ฟันแบกถุงน้ำ เขาพาดถุงน้ำไว้บนไหล่ เกิดอะไรขึ้นกับแขนทั้งสองของลูกชาย เขาถึงต้องคาบถุงน้ำด้วยฟันของตนเอง
บทความโดย อยาตุลลอฮ์ ญะวาดี ออมูลี