บทเรียน นบูวัต ตอนที่ 17 (ความเป็นศาสดา)
บทเรียน นบูวัต ตอนที่ 17 (ความเป็นศาสดา)
ศาสดาที่มาพร้อมกับชารีอัตเป็นของตัวเอง
- อูลุลอัศมฺคือบุคคที่อัลกุรอานกล่าวยืนยันไว้มีอยู่ห้าท่าน ซึ่งเป็นบรรดาศาสดาที่มีชารีอัตเป็นของตัวเอง ชารีอัตคือหมายถึงสถาปนาศาสนาใหม่อย่างสมบูรณ์ มีกฎหมาย มีคัมภีร์อย่างสมบูรณ์ “ชะรออะ”
ซูเราะฮฺอัชชูรอ โองการ 13
شَرَعَ لَكُم مِّنَ الدِّينِ مَا وَصىَ بِهِ نُوحًا وَ الَّذِى أَوْحَيْنَا إِلَيْكَ وَ مَا وَصَّيْنَا بِهِ إِبْرَاهِيمَ وَ مُوسىَ وَ عِيسىَ أَنْ أَقِيمُواْ الدِّينَ وَ لَا تَتَفَرَّقُواْ فِيهِ كَبرَُ عَلىَ الْمُشْرِكِينَ مَا تَدْعُوهُمْ إِلَيْهِ اللَّهُ يجَْتَبىِ إِلَيْهِ مَن يَشَاءُ وَ يهَْدِى إِلَيْهِ مَن يُنِيب
“พระองค์ได้ทรงกำหนดศาสนาแก่พวกเจ้าเช่นเดียวกับที่พระองค์ได้กำหนดศาสนาแก่นูฮฺและที่เราได้วะฮีแก่เจ้าก็เช่นเดียวกับที่เราได้บัญชาแก่อิบรอฮีม และมูซา และอีซาว่า พวกเจ้าจงดำรงศาสนาให้มั่นคง และอย่าแตกแยกกันในเรื่องศาสนา แต่เป็นเรื่องใหญ่แก่พวกตั้งภาคีที่จะเรียกร้องเชิญชวนพวกเขาไปสู่ศาสนานั้น อัลลอฮฺทรงเลือกสำหรับพระองค์ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์ทรงนำทางผู้ที่ผินหน้าสู่พระองค์”
ศาสดาห้าท่านที่พระองค์ประทานชารีอัตมาให้ และส่วนบรรดาศาสดาอื่นๆไม่ได้มีชารีอัตเป็นของตัวเองซึ่งต้องใช้ชารีอัตของอุลุลอัศมฺ ซึ่งศาสดาที่เป็นอูลุลอัศมฺเป็นคำที่มาจากอัลกุรอาน
ซูเราะฮฺ อะกอบ โองการ 35
فَاصْبرِْ كَمَا صَبرََ أُوْلُواْ الْعَزْمِ مِنَ الرُّسُلِ وَ لَا تَسْتَعْجِل لهَُّم
“ดังนั้นเจ้า(มูฮัมหมัด)จงอดทนดั่งเช่นที่บรรดาศาสดาที่เป็นอุลุลอัศมฺได้อดทนมาก่อนแล้ว และอย่ารีบเร่ง(ให้มีการลงโทษ)แก่พวกเขา”
ศาสดาที่เป็นอุลุลอัศมฺ เป็นคำที่มาจากอัลกุรอาน คือบรรดาศาสดาที่มีชารีอัตเป็นของตัวเอง ส่วนศาสดาอื่นๆมีหน้าที่ปฏิบัติตามชารีอัตของศาสดาที่เป็นอุลุลอัศมฺจนกว่าจะมี ศาสดาอุลิลอัศมฺคนใหม่มา เช่นในยุคศาสดานุฮฺ(อ)มนุษย์ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้ชารีอัตของศาสดานุฮฺ(อ)จนถึงการปรากฏของศาสดาอิบรอฮีม(อ)และมนุษย์ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้ชารีอัตของท่านศาสดาอิบรอฮีม(อ)จนถึงการปรากฏของศาสดามูซา(อ)เมื่อศาสดาอีซา(อ)ปรากฏมนุษย์ทั้งหมดก็ต้องอยู่ใต้ชารีอัตของศาสดาอีซาจนถึงการปรากฏของศาสดามูฮัมหมัด(ศ็อล)ศาสดาแห่งอิสลาม และจำเป็นสำหรับมนุษย์ทั้งหมดที่ต้องเข้ารับอิสลามและศรัทธาต่อศาสดาองค์นี้
- และในบางยุคบางสมัยศาสดาปรากฏตัวมาหลายท่านบางครั้งอัลกุรอานกล่าวไว้ ตัวอย่างหนึ่ง ศาสดามูซา(อ)และศาสดาฮารูน(อ)ทั้งสองท่านเป็นศาสดาปรากฏตัวในยุคสมัยเดียวกัน ซึ่งศาสดาฮารูน(อ)อยู่ใต้ชารีอัตของศาสดมูซา(อ) และตัวอย่างกรณีศาสดาอิบรอฮีม(อ)กับศาสดาลูต(อ) หรือศาสดาอิบรอฮีม(อ)กับศาสดาอิสมาอีล(อ) หรือ ศาสดายะหฺยากับซักการียา(อ) หรือ ศาสดายะอฺกูบ(อ)กับยูซุฟ(อ) ศาสดาหลายๆท่านให้ชีวิตอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน
- บรรดาศาสดานั้นต้อง(ตัศดีก)สนับสนุนยืนยันรับรองซึ่งกันและกันซึ่งเป็นคุณลักษณะหนึ่งของบรรดาศาสดา และจะแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับศาสดาองค์ต่อไปที่จะปรากฏขึ้นดังนั้นถ้ามีใครอ้างต้นเป็นศาสดาแสดงสิ่งเป็นเหนือธรรมชาติ และได้ปฏิเสธศาสดาองค์หนึ่งองค์ใดในยุคก่อนหน้าหรือในยุคร่วมสมัย สามารถรู้ได้เลยว่าคำกล่าวอ้างของเขานั้นคือการโกหก
- บรรดาศาสดาที่มาจากอัลลอฮฺ(ซบ)เพื่อชี้นำมนุษย์จะไม่ของรางวัลตอบแทนใดในการเผยแพร่ ถ้ามีคนอ้างเป็นศาสดาแล้วขอค่ารถค่าพูดแสดงว่าเขาไม่ใช่ศาสดาจริง ศาสดาจะไม่ของรางวัลใดๆจากมนุษย์
ซูเราะฮฺอัชชุอารออฺ โองการ 109
وَ مَا أَسَْلُكُمْ عَلَيْهِ مِنْ أَجْرٍ إِنْ أَجْرِىَ إِلَّا عَلىَ رَبِّ الْعَالَمِين
“และฉันมิได้ขอราวัลตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใดนอกจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล”
ซูเราะฮฺยาซีน โองการ 21
اتَّبِعُواْ مَن لَّا يَسَْلُكمُْ أَجْرًا وَ هُم مُّهْتَدُون
“และพวกท่านจงปฏิบัติตามผู้ที่ไม่ได้เรียกร้องรางวัลใดๆจากพวกท่าน และพวกเขาเป็นผู้ได้รับทางนำ”
ซูเราะฮฺอัลฟุรกอน โองการ 57
قُلْ مَا أَسَْلُكُمْ عَلَيْهِ مِنْ أَجْرٍ إِلَّا مَن شَاءَ أَن يَتَّخِذَ إِلىَ رَبِّهِ سَبِيلا
“จงกล่าวเถิดมูฮัมหมัด ฉันมิได้ขอค่าจ้างจากพวกท่านในการเผยแพร่ เว้นแต่ว่าผู้ใดประสงค์ก็ให้เขายึดเป็นทางนำไปสู่พระผู้อภิบาลของเขา”
โองการเหล่านั้นยืนยันว่าบรรดาศาสดาไม่ขอรางวัลใดๆในการเผยแพร่ศาสนา อัลลอฮฺ(ซบ)ได้กล่าวไว้เป็นตัวอย่าง ยกเว้นศาสดามูฮัมหมัด(ศ็อล)ที่มีกรณีหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าท่านขอรางวัลในการเผยแพร่ ถามว่าท่านปฏิบัติขัดกับคุณลักษณะของศาสดาหรือไม่
คำตอบคือ การขอรางวัลของท่านในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการขอเพื่อตัวเองแต่การขอในครั้งนั้นความดีและมรรคผลต่างๆกลับไปยังประชาชาติซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่การขอ แต่เพราะมันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ท่านศาสดาจึงจำเป็นต้องขอ
ซูเราะฮฺอัชชูรออฺ โองการ 23
قُل لَّا أَسَْلُكمُْ عَلَيْهِ أَجْرًا إِلَّا الْمَوَدَّةَ فىِ الْقُرْبى
“จงกล่าว ฉันไม่ขอสิ่งใดเลยเว้นแต่ความรักต่อบรรดาญาติผู้ใกล้ชิด”
และโองการที่มาอธิบายว่าการขอนี้เป็นการขอเพื่อพวกเจ้าเองให้ประโยชน์แก่ผู้ที่ปฏิบัติตามเอง
ซูเราะฮฺซะบา โองการ 47
قُلْ مَا سَأَلْتُكُم مِّنْ أَجْرٍ فَهُوَ لَكُمْ إِنْ أَجْرِىَ إِلَّا عَلىَ اللَّهِ وَ هُوَ عَلىَ كلُِّ شىَْءٍ شهَِيد
“จงกล่าวเถิดมูฮัมหมัด ไม่มีรางวัลใดที่ฉันจะขอจากพวกท่าน เพราะมันเป็นของพวกท่าน แต่รางวัลของฉันอยู่ที่อัลลอฮฺ และพระองค์ทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่ง”
ขอขอบคุณ สถาบันศึกษาศาสนา อัลมะฮ์ดี (อ.)