บทเรียน นบูวัต ตอนที่ 18 (ความเป็นศาสดา)

 

คำสั่งสอนของศาสดาครอบคลุมไปยังสิ่งถูกสร้างอื่นด้วยเช่นเดียวกัน

- บรรดาศาสดามิได้มาเผยแพร่เพื่อมนุษย์เพียงอย่างเดียว อย่างที่เรารู้มีสิ่งถูกสร้างหนึ่งคือญินที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของศาสดา เพราะญินเป็นสิ่งถูกสร้างหนึ่งที่มีอิคยาร (มีสิทธิในการเลือกปฏิบัติ) เมื่อมีอิคติยารก็มีหน้าต้องปฏิบัติทางศาสนาเพียงแต่ข้อปลีกย่อยอาจจะแตกต่างกันไป มีหลักฐาน 

ซูเราะฮฺ อะกอฟ โองการ 29-31

وَ إِذْ صَرَفْنَا إِلَيْكَ نَفَرًا مِّنَ الْجِنّ‏ِ يَسْتَمِعُونَ الْقُرْءَانَ فَلَمَّا حَضَرُوهُ قَالُواْ أَنصِتُواْ  فَلَمَّا قُضىِ‏َ وَلَّوْاْ إِلىَ‏ قَوْمِهِم مُّنذِرِين‏

“และจงรำลึกเมื่อเราได้ให้ญินจำนวนหนึ่งมุ่งไปยังเจ้าเพื่อฟังอัลกุรอาน ครั้งเมื่อพวกเขามาปรากฏตัวต่อหน้าอัลกุรอาน พวกเขากล่าวว่า จงนิ่งฟังซิ เมื่อการอ่านจบลงแล้ว พวกเขาก็หันกลับไปยังหมู่ชนของพวกเขาเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ตักเตือน”

قَالُواْ يَقَوْمَنَا إِنَّا سَمِعْنَا كِتَابًا أُنزِلَ مِن بَعْدِ مُوسىَ‏ مُصَدِّقًا لِّمَا بَينْ‏َ يَدَيْهِ يهَْدِى إِلىَ الْحَقّ‏ِ وَ إِلىَ‏ طَرِيقٍ مُّسْتَقِيم‏

“พวกเขากล่าวว่าโอหมู่ชนของเราเอ๋ย แท้จริงเราได้ฟังคัมภีร์อัลกุรอานซึ่งถูกประทานลงมาหลังจากมูซาเป็นการยืนยันในสิ่งที่ได้มีมาก่อนอัลกุรอานเพื่อชี้นำไปสู่สัจธรรมและแนวทางที่เที่ยงตรง”

يَاقَوْمَنَا أَجِيبُواْ دَاعِىَ اللَّهِ وَ ءَامِنُواْ بِهِ يَغْفِرْ لَكُم مِّن ذُنُوبِكمُ‏ْ وَ يجُِرْكُم مِّنْ عَذَابٍ أَلِيم‏

“โอ้หมู่ชนของเราเอ๋ยจงตอบรับต่อผู้เรียกร้องของอัลลอฮฺเถิดและจงศรัทธาต่อเขา พระองค์จะทรงอภัยโทษจากความผิดของพวกท่านให้แก่พวกท่าน และจะทรงให้พวกท่านรอดพ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวด”

   คำสั่งสอนของศาสดาก็ครอบคลุมไปถึงญิน ญินก็มีหน้าที่ทางศาสนาต้องปฏิบัติตามศาสดาซึ่งในรายละเอียดนั้นมีความแตกต่างกัน

- ภารกิจของบรรดาศาสดามาเพื่อที่จะเชิญชวนมนุษย์ไปสู่ความดี มาเพื่อที่จะชี้นำมนุษย์ แต่ทว่าในประวัติศาสตร์กลับพบว่าศาสดาเกือบทั้งหมดถูกต่อต้านถูกกลั่นแกล้งถูกรั้งควาน ถูกปฏิเสธ ทั้งที่เป็นคนดี เป็นผู้ที่ไม่กระทำบาป ทั้งที่ศาสดามาเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดไปของมนุษย์ เพราะด้วยสติปัญญามนุษย์สามารถไปได้แค่ส่วนหนึ่ง วะหฺยูมาเติมเต็มสิ่งที่สติปัญญาไม่สามารถไปถึงได้ วะหฺยูเป็นสิ่งที่ศาสดานำมาชี้นำมนุษย์ แต่ทว่าทำไมบรรดาศาสดายังถูกต่อต้านเกือบจะทุกๆศาสดา

    คำตอบ เพราะคำสั่งของบรรดาศาสดามันไปขัดกับประโยชน์ของบุคคลกลุ่มหนึ่ง ซึ่งภารกิจของศาสดาคือการเชิญชวนมนุษย์ไปสู่การเคารพภักดีพระเจ้าองค์เดียวและให้ออกห่างจากฏอฆูต ฎอฆูตก็มีหลายประเภทเช่นฏอฆูตในด้านการปกครองคือการปกครองของคนที่ไม่ศีลธรรม ไม่มีจริยธรรม หรือบางครั้งฏอฆูตในด้านเศรษฐกิจ เช่นระบบดอกเบี้ย ระบบเศรษฐกิจที่กดขี่ ทุนนิยม บริโภคนิยม กลุ่มบุคคลที่อยากดำเนินชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่อยากให้ใครมากำหนดวิถีชีวิตของพวกเขา อยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน อยากจะกินเหล้าอยากจะทำซินา การเรียกร้องของศาสดามันขัดกับฮาวานัฟของพวกเขา จึงทำให้เกิดการต่อต้าน การกลั้นแกล้งศาสดาในรูปแบบต่างเกิดขึ้น 

   ทำไมบางครั้งได้ผล บางครั้งไม่ได้ผล กลุ่มชนหนึ่งเป็นกลุ่มที่มีอำนาจอยู่ในสังคม เช่นผู้ปกครอง นายทุน ขุนพล สามกลุ่มนี้มีผลมากในการต่อต้านศาสดามีพลังอำนาจ ใช้อำนาจที่มีอยู่ การเงิน ทหาร ขัดขวางเชิญชวนประชาชานให้ปฏิเสธคำสั่งสอนของศาสดา เช่นตัวอย่างของ ฟิรอูน กอรูน ฮามาน คือสัญลักษณ์ของ ผู้ปกครอง นายทุน และขุนศึก บางครั้งก็ใช้เงินซื้อประชาชนเพื่อไม่ให้ปฏิบัติตามศาสดา ส่วนกลุ่มที่สี่อาจจะไม่มีอะไรมาก คืออยากใช้ชีวิตตามฮาวานัฟซูของตัวเอง ชีวิตถูกมอบเมาเหมือนกับหลายๆประเทศที่กำลังเกิดขึ้นให้อิสระต่างๆอิสระที่จะนำมนุษย์ออกจากความเป็นมนุษย์ บางประเทศออกกฎหมายอนุญาตให้ผู้ชายแต่งงานกับผู้ชายได้ บางประเทศอนุญาตให้ผู้หญิงแต่งงานกับผู้หญิงได้ สิ่งเหล่าไม่ได้เกิดขึ้นมาจากความบังเอิญ การพนัน การดื่มเหล้าอย่างอิสระ ถูกกฎหมาย เป็นการมอบเมาให้มนุษย์ห่างไกลจากคำสั่งสอนของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นเมื่อศาสดาปรากฏขึ้น พวกเขาจึงใช้วิธีการต่างในการหยุดหยั่งและต่อต้านศาสดา เช่นวิธีการของพวกเขา

- ดูหมิ่น ดูถูก ดูแคลน เหยียบหยาม ให้ประชาชนเห็น ทำให้ศาสดาดูไม่สมราคากับความเป็นศาสดา 

- กล่าวร้ายให้ร้าย เช่นกล่าวหาว่าศาสดาเป็นคนบ้า กล่าวว่าเป็นคนโกหก กล่าวหาว่าเป็นนักมายากลเวทมนต์คาถา กล่าวหาว่าเป็นผู้โง่เหง่าไม่มีสติ 

- การโต้เถียงที่ไร้เหตุผล ไม่มีเหตุผลใดๆ เช่นจากอัลกุรอาน เรื่องราวศาสดาอิบรอฮีม(อ)กับนัมรูด 

ในซูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺ โองการ 258

أَ لَمْ تَرَ إِلىَ الَّذِى حَاجَّ إِبْرَاهِمَ فىِ رَبِّهِ أَنْ ءَاتَئهُ اللَّهُ الْمُلْكَ إِذْ قَالَ إِبْرَاهِمُ رَبىّ‏َِ الَّذِى يُحْىِ وَ يُمِيتُ قَالَ أَنَا أُحْىِ وَ أُمِيتُ  قَالَ إِبْرَاهِمُ فَإِنَّ اللَّهَ يَأْتىِ بِالشَّمْسِ مِنَ الْمَشْرِقِ فَأْتِ بهَِا مِنَ الْمَغْرِبِ فَبُهِتَ الَّذِى كَفَرَ  وَ اللَّهُ لَا يهَْدِى الْقَوْمَ الظَّالِمِين‏

“เจ้ามูฮัมมัดมิได้มองดูผู้ที่โต้แย้งอิบรอฮีมในเรื่องพระเจ้าของเขาดอกหรือ เนื่องจากอัลลอฮฺได้ทรงประทานอำนาจแก่เขา ขณะที่อิบรอฮีมได้กล่าวว่าพระผู้อภิบาลของฉันนั้นคือผู้ทรงให้ชีวิตและให้ความตายได้ เขาก็กล่าวว่า ข้าก็ให้ชีวิตและให้ความตายได้ อิบรอฮีมกล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงนำดวงอาทิตย์มาจากทิศตะวันออก ท่านจงนำมันมาจากทิศตะวันตกเถิด แล้วผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นก็ได้งงงวยและพระองค์นั้นจะไม่ทรงประทานแนวทางอันถูกต้องแก่ผู้อธรรมทั้งหลาย” 

   โองการดังกล่าวนัมรูดได้ทำการโต้แถ้งกับศาสดอิรอฮีม(อ) นัมรูดได้ถามท่านศาสดาอิบรอฮีมว่าพระเจ้าองค์ไหนกันที่ท่านเรียกร้องเชิญชวนไปสู่พระองค์ ยังมีผู้ใดอีกที่จะสู่งสงไปกว่าข้า เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่าการการงานทั้งหมดนั้นอยู่ในมือของข้า ประชาชนน้อมรับบัญชาของข้า ประชาชนมีความเกรงกลัวต่อข้า เจ้ายังมีความสงสัยต่อความเป็นพระเจ้าของข้าอีกหรือ นี้คือคำพูดของนัมรูด ท่านศาสดาอิบรอฮีม(อ)ได้กล่าวตอบว่า พระผู้อภิบาลของฉันคือผู้ที่ให้ชีวิตและคือผู้ทำให้ตาย และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่สร้างสรรพสิ่งต่างๆขึ้นมาทั้งหมด เมื่อนัมรูดได้ยินดังนั้นด้วยกับความอหังการของมัน มันได้สั่งให้นำนักโทษมาสองคน แล้วออกคำสั่งให้ฆ่าหนึ่งคนและอีกคนหนึ่งปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วมันก็กล่าวว่า ฉันก็สามารถให้ชีวิตและให้ความตายได้ เมื่อได้เห็นดังนั้นอิบรอฮีม(อ)ได้กล่าวว่าเป้าหมายของฉันไม่ใช่การให้ชีวิตและการให้ตายในความหมายที่จอมปลอมที่เจ้าได้แสดงไปก็หาไม่ นั้นเป็นการกระทำที่ไม่กินกับสติปัญญาและเป็นตรรกะที่ไม่ถูกต้อง และศาสดาอิบรอฮีม(อ)ก็ได้กล่าวว่าต่อว่า พระผู้อภิบาลของฉันคือผู้ที่ให้ดวงอาทิตย์ขึ้นมาจากทิศตะวันออก และได้ทรงวางระบบระเบียบที่มั่นคงอันนั้นไว้ให้ดำรงอยู่ และหากว่าเจ้าอ้างตัวเองว่าเป็นพระเจ้าก็จงนำดวงอาทิตย์มาจากทิศตะวันตกเถิด และจงเปลี่ยนแปลงระบบที่มั่นคงนี้ของพระผู้อภิบาลของฉัน เมื่อมาถึงตรงนี้นัมรูดก็ไร้คำพูดใดๆที่จะตอบโต้ศาสดาอิบรอฮีม(อ)อีกเพราะมันไม่สามารถทำได้ เหลือแค่เพียงรอเวลาเพื่อที่จะแก้แค้นศาสดาอิบรอฮีม(อ) และเป็นการเปิดเผยถึงความโกหกของมันต่อหน้าประชาชนอย่างชัดแจ้ง  

- ขมขู่ การทำร้ายร่างกาย ขับไล่ขับบรรดาศาสดาออจากเมือง และการขมขู่ที่สูงสุดคือการข่มขู่ว่าจะฆ่าบรรดาศาสดา

- การใช้ความรุนแรงและการเข็นฆ่า เช่น ทุบตี จับศาสดาเผ่าทั้งเป็น ทำสงคราม ซึ่งชาวบานีอิสรออีลได้ฆ่าบรรดาศาสดาไปเป็นจำนวนมาก 

 

ขอขอบคุณ สถาบันศึกษาศาสนา อัลมะฮ์ดี (อ.)