เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

อิมามัต (ความเป็นผู้นำ) ตอนที่ 7

1 ทัศนะต่างๆ 05.0 / 5

อิมามัต (ความเป็นผู้นำ) ตอนที่ 7

การแต่งตั้งท่านอิมามอาลี(อ)ที่ฆอดีรคุม
     ศาสนาจะสมบูรณ์ได้ต้องมีผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้งจากอัลลอฮฺ(ซบ)โดยตรงภายหลังการจากไปของท่านศาสดามูฮัมมัด(ศ็อล) ซึ่งมีหลักฐานมากมายยืนยันในเรื่องนี้ ทั้งจากอุลามาอฺซุนนีและชีอะฮฺ มีอุลามาอฺชาวซุนนีอย่างมากมายที่ยอมรับในเรื่องเหตุการณ์ฆอดีรคุม มีประเด็นอย่างมากมายจากโองการตับลีฆ อัลมาอิดะฮฺ โองการที่   67
   จากโองการนี้ มีคำสั่งจากอัลลอฮฺ(ซบ)ให้ท่านศาสดาประกาศสิ่งหนึ่ง สิ่งที่ให้ประกาศนั้นท่านศาสดารู้มาก่อนมาแล้วเพราะเป็นเรื่องที่ได้ถูกประทานมาแล้ว مَا أُنزِلَ إِلَيْكَ مِن رَّبِّكَ  ถูกประทานมาแล้วจากพระผู้อภิบาลของเจ้า และถ้าไม่ประกาศสิ่งนี้ก็เท่ากับท่านศาสดาไม่ได้ประกาศอะไรมาก่อนเลย ภารกิจการเผยแพร่ที่เคยทำมาก็จะสูญเปล่า ท่านศาสดามีความเกรงในการประกาศสิ่งนี้ อัลลอฮฺ(ซบ)กล่าวว่าไม่ต้องกลัว ฉันจะปกป้องเจ้าเอง ในการประกาศสิ่งนี้สิ่งที่ท่านศาสดากังวลคือท่านรู้ว่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งจะเข้าสู่การปฏิเสธไม่ยอมรับสิ่งที่ท่านจะประกาศ เมื่ออัลลอฮฺ(ซบ)กำชับท่านศาสดาก็ประกาศ
   مَنْ كُنْتُ مَوْلاهُ، فَهذا عَلِىٌّ مَوْلاهُ
     คือประกาศแต่งตั้งท่านอิมามอาลี(อ)ให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งและผู้นำหลังจากท่านการที่พระองค์สั่งให้ประกาศแต่งตั้งท่านอิมามอาลี(อ)นั้นเป็นเรื่องที่ท่านศาสดารู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ  หลังจากที่ประกาศเสร็จท่านศาสดาสั่งให้บรรดาสาวกมาทำการบัยอัตให้สัตยาบันซึ่งก็เป็นการปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า คำว่า “เมาลา” คือเพื่อนและบุคคลแรกที่ลุกขึ้นมาให้การสัตยาบันคือ ท่านอุมัรอิบนุคอฏอบ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว่า ซึ่งถูกบันทึกในหนังสือมุสนัดอิบนิฮัมบัล เล่ม 4 หน้า 281 ฉบับพิมพ์ที่อยิปต์
يا بن أبي طَالِبٍ أَصْبَحْتَ وَأَمْسَيْتَ مولي كل مُؤْمِنٍ وَمُؤْمِنَةٍ
“โอ้บุตรของอบูฏอลิบ ท่านได้กลายเป็นนายเหนือผู้ศรัทธาทั้งชายและหญิงแล้ว”    
   หลังนั้นท่านอบูบักรและบรรดาศอฮาบะฮฺท่านอื่นๆก็ได้ทำการการสัตยาบัน  ดังนั้นนี้คือความหมายของการประกาศอย่างเป็นทางการแต่ในความจริงสถานะภาพความเป็นผู้นำของท่านอาลี(อ)มีมาแต่เดิมแล้ว เหตุการณ์ที่ฆอดีรคุมซึ่งถือว่าเป็นทางการเพราะว่ามีการสัตยาบันเกิดขึ้นซึ่งเป็นคำสั่งของท่านศาสดามูฮัมมัด(ศ็อล) มีเนื้อหาอย่างมากมายในรายงานกล่าวไว้ว่ามีการเชือดอูฐเชือดแพะ มีการสัตยาบันกันถึงสามวันสามคืนเพราะประชาชนมีเป็นจำนวนมากและใครที่ให้สัตยาบันเสร็จแล้วท่านศาสดาก็สั่งให้กลับไปแจ้งข่าวนี้แก่เมืองต่างๆว่ามีการแต่งตั้งท่านอาลีให้เป็นผู้นำหลังจากท่านแล้ว หลังจากนั้นอีกโองการหนึ่งถูกประทานลงมา ซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ โองการที่ 3
الْيَوْمَ يَئسَ الَّذِينَ كَفَرُواْ مِن دِينِكُمْ فَلَا تخَْشَوْهُمْ وَ اخْشَوْنِ  الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَ أَتمَْمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتىِ وَ رَضِيتُ لَكُمُ الْاسْلَامَ دِينًا  
“…วันนี้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้หมดหวังในศาสนาของพวกเจ้าแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าอย่ากลัวพวกเขาและจงเกรงกลัวฉันเถิด วันนี้ฉันได้ทำให้ศาสนาของพวกเจ้าได้สมบูรณ์แล้วแก่พวกเจ้า และพึงพอใจที่ให้อิสลามเป็นศาสนาของพวกเจ้า…”
    วันนี้บรรดาผู้ปฏิเสธนั้นหมดหวังจากศาสนาของเจ้าหมดหวังเพราะอะไร หมดหวังในการที่จะทำลายศาสนาเนื่องจากมีผู้ปฏิเสธกลุ่มหนึ่งจ้องที่จะทำลายอิสลามเนื่องจากท่านศาสดานั้นไม่มีลูกชายซึ่งชายอาหรับมีความเชื่อว่าการสืบทอดนั้นมาจากลูกชายผู้ศรัทธากลุ่มนี้รอคอยให้ท่านศาสดาจากโลกนี้ไปแล้วจะทำลายศาสนาอิสลาม เพราะคิดว่าไม่มีผู้นำต่อ ศัตรูมีหวังในการที่จะทำลายแต่เหตุการณ์ที่ฆอดีรคุมทำให้พวกเขาสิ้นหวัง ดังนั้นเมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นการให้สัตยาบันก็เสร็จสิ้นลงโองการดังกล่าวก็ได้ถูกประทานลงมา ศาสนานี้จะคงอยู่ถึงวันกียามัตทั้งคำสั่งสอนทั้งความเชื่อความศรัทธาอุดมการณ์อะไรทั้งหมดดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องกลัวพวกเขา หลังจากนั้นก็สรุปวันนี้พระองค์ได้ทำให้ศาสนานั้นสมบูรณ์แล้วสำหรับพวกเจ้า ทำให้เนียตมัตความโปรดปรานต่างๆได้สมบูรณ์แล้ว วันที่พระองค์พึงพอใจที่ให้ศาสนาอิสลามสำหรับพวกเจ้า การลงมาของโองการนี้ เป็นที่ยอมรับของอุลามาอฺจำนวนหนึ่งบางส่วนเชื่อว่าโองการนี้ลงมาที่มักกะฮฺหลังจากที่ท่านศาสดากล่าวคุฏบะฮฺ แต่ชาวชีอะฮฺเชื่อว่าโองการนี้ถูกประทานในเหตุการณ์ฆอดีรคุม อุลามาอฺซุนชาวนีบางกลุ่มเชื่อว่าโองการนี้ถูกประทานมาทั้งสองสถานที่ แต่สรุปคือลงมาที่เหตุการณ์ฮัจตุลวิดาอฺ ดังนั้นตรงนี้ต้องการที่จะบอกว่าการกำหนดผู้นำทางศาสนาโดยตรงนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ปฏิเสธสิ้นหวังในการทำลายอิสลาม และการแต่งตั้งเป็นสาเหตุทำให้ศาสนาสมบูรณ์การแต่งตั้งนี้นั้นคือวันที่ศาสนาสมบูรณ์ และความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่คือความโปรดปรานแห่งวิลายัต(อำนาจการเป็นผู้นำ)ของท่านอิมามอาลีเป็นสิ่งที่สมบรูณ์ที่สุด ถ้าพระองค์ยังไม่ได้ประกาศให้แต่งตั้งอิมามอาลี(อ)ถือว่าเนียะมัตความโปรดปรานยังไม่สมบูรณ์และความโปรดปรานอันนั้นคือการนำมนุษย์เข้าสู่อำนาจวิลายัตของบรรดาอิมาม(อม)หลังจากที่ระบบศาสดาสิ้นสุดลงถือว่าเป็นเนียะมัตที่ยิ่งใหญ่ ศาสนาที่ไม่ยอมรับสิ่งนี้เป็นศาสนาที่พระองค์ไม่พึงพอใจ ศาสนาได้สมบูรณ์ในเหตุการณ์ฆอดีรคุมจากยืนยันโดยเนื้อหาของโองการดังกล่าว
   หลักฐานอื่นๆบารายงานฮาดิษซึ่งบันทึกอยู่ในตำรับตำราของชาวซุนนีเอง เกี่ยวกับผู้นำสิบสองคนภายหลังจากท่านศาสดามูฮัมมัด(ศ็อล)  หนึ่งในตำราที่เป็นที่ยอมรับของชาวซุนนีได้บันทึกไว้ศอฮีฮฺมุสลิม เล่ม 3 ฮาดีษที่ 1453  และในศอฮีฮฺบุคคอรีเล่ม 3 หน้า 101 ก็ได้บันทึกไว้เช่นกัน
سَمِعْتُ رَسُولَ اللّهِ (ص) یَقُولُ لایَزالُ الاِسلامُ عَزیزاً اِلی اِثْنی عَشَرَ خَلیفَهً – ثُمَّ قالَ کَلِمَهً لَمْ اَفْهَمْها! فَقُلْتُ لاَبی ما قالَ؟ فَقالَ کُلُهُمْ مِنْ قُریْشٍ
“ได้รายงานจากญาบิร บิน ซัมเราะฮฺ ซึ่งเขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านศาสดา(ศ็อล)กล่าวว่าอิสลามอันทรงเกรียติจะยังคงอยู่ต่อไปจนกว่าจะมีคอลีฟะฮฺ(ผู้นำ)ครบสิบสองท่าน และศาสดาก็กล่าวต่อซึ่งฉันไม่ค่อยได้ยิน ฉันจึงถามพ่อของฉันว่าอะไร เขาตอบฉันว่า ท่านศาสดาได้กล่าวว่า พวกเขาทั้งสิบสองท่านมาจากเผ่ากุเรช”
และอีกฮาดีษหนึ่งบันทึกอยู่ในสุนันติรมีซี หมดหมู่ที่ 46 ฮาดีษที 1
یکون من بعدی اثنا عشر امیراً، کلهم من قریش
“ท่านศาสดากล่าวว่า ภายหลังจากฉันจะมีผู้นำ (อามีร) อีกสิบสิงคน พวกเขาทั้งหมดมาจากเผ่ากุเรช”
และเช่นเดียวกันในมุสนัดอะหฺมัด อิบนิ ฮัมบัล เล่มที่ 5 หน้า 106
یکون لهذه الامة اثنا عشر خلیفة
“ท่านศาสดาได้กล่าว่า จะมีสิบสิงผู้นำ (คอลีฟะฮฺ) สำหรับประชาชาตินี้”    
     และเนื้อหารายละเอียดที่ลึกลงไปกว่านั้นที่เกี่ยวกับรายชื่อของบรรดาอิมามนั้นส่วนมากจะมีรายงานจากชาวชีอะหฺเช่นเหตุการณ์หนึ่งที่บรรดาศอฮาบะฮได้รวมตัวกันซึ่งเกี่ยวกับตำแหน่งอิมามผู้นำ อุมัรได้ลุกขึ้นถามท่านศาสดา ว่าวิลายัต(อำนาจผู้นำ) มีใครบ้าง ในหนังสือกามาลุดดีนวัตตามามุนเนียมะฮฺของเชค ศอดูก หน้า 265
قَالَ أَنْشُدُکُمُ اللَّهَ أَ تَعْلَمُونَ أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صلی الله علیه وآله قَامَ خَطِیباً لَمْ یَخْطُبْ بَعْدَ ذَلِکَ فَقَالَ أَیُّهَا النَّاسُ إِنِّی تَارِکٌ فِیکُمُ الثَّقَلَیْنِ کِتَابَ اللَّهِ وَعِتْرَتِی أَهْلَ بَیْتِی فَتَمَسَّکُوا بِهِمَا لِئَلَّا تَضِلُّوا فَإِنَّ اللَّطِیفَ الْخَبِیرَ أَخْبَرَنِی وَعَهِدَ إِلَیَّ أَنَّهُمَا لَنْ یَفْتَرِقَا حَتَّى یَرِدَا عَلَیَّ الْحَوْضَ فَقَامَ عُمَرُ بْنُ الْخَطَّابِ وَهُوَ شِبْهُ الْمُغْضَبِ فَقَالَ یَا رَسُولَ اللَّهِ أَ کُلُّ أَهْلِ بَیْتِکَ فَقَالَ لَا وَلَکِنْ أَوْصِیَائِی مِنْهُمْ أَوَّلُهُمْ أَخِی وَوَزِیرِی وَوَارِثِی وَخَلِیفَتِی فِی أُمَّتِی وَوَلِیُّ کُلِّ مُؤْمِنٍ مِنْ بَعْدِی هُوَ أَوَّلُهُمْ ثُمَّ ابْنِیَ الْحَسَنُ ثُمَّ ابْنِیَ الْحُسَیْنُ ثُمَّ تِسْعَهٌ مِنْ وُلْدِ الْحُسَیْنِ وَاحِدٌ بَعْدَ وَاحِدٍ حَتَّى یَرِدُوا عَلَیَّ الْحَوْضَ شُهَدَاءَ اللَّهِ فِی أَرْضِهِ وَحُجَجَهُ عَلَى خَلْقِهِ وَخُزَّانُ عِلْمِهِ وَمَعَادِنُ حِکْمَتِهِ مَنْ أَطَاعَهُمْ أَطَاعَ اللَّهَ وَمَنْ عَصَاهُمْ عَصَى اللَّهَ عَزَّ وَجَلَّ فَقَالُوا کُلُّهُمْ نَشْهَدُ أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صلی الله علیه وآله قَالَ ذَلِکَ
ท่านอิมามอาลี(อ) กล่าวในที่ประชุมหนึ่งขึ้นว่า ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ(ซบ)ต่อพวกเจ้า ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อล)ไม่ได้กล่าวไว้หรือในเทศนาสุดท้ายของท่านว่า “โอ้มนุษย์เอ๋ยแท้จริงฉันได้ทิ้งสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกเจ้า อัลกุรอานและอะฮฺลุลเบตครอบครัวของฉัน ดังนั้นพวกเจ้าจงยึดมั่นกับทั้งสองนั้นเพื่อที่พวกเจ้าจะได้ไม่หลงทาง และแท้จริงทั้งสองนั้นไม่ไม่แยกออกจากกันจนกว่าจะมาพบฉัน ณ.สระน้ำอัลเกาซัร”
    อุมัร บิน คอฏอบ ได้ลุกขึ้นด้วยความไม่พอใจพร้อมกับกล่าวว่า โอ้รอซูลุลลอฮฺ  อะฮฺลุลเบตวงค์วานของท่านหมายถึงครอบครัวของท่านทั้งหมดหรือ ท่านศาสดากล่าวตอบว่า ไม่ใช่ แต่ทว่าคือบุคคลที่เป็นเอาลียาอฺ(ผู้นำ)ของฉันมาจากพวกเขาเท่านั้น บุคคลแรกของพวกเขาคือผู้ที่เป็นพี่น้องของฉันผู้ช่วยเหลือของฉัน ผู้สืบทอดของฉัน และผู้นำทางศาสนาของฉันในหมู่พวกเจ้า และเป็นนายของบรรดาผู้ศรัทธาภายหลังจากฉัน(หมายถึงอิมามอาลี)  และภายหลังจากเขา(อาลี)คือฮาซัน บิน อาลี และภายหลังจากเขาคือฮูเซน บิน อาลี และภายหลังจากฮูเซน(อ) จะมีลูกหลานของฮูเซน(อ)อีกเก้าท่านซึ่งพวกเขาจะขึ้นเป็นผู้นำต่อที่ละคนตามลับดับ จนกว่าจะกลับมาพบฉัน ณ.สระน้ำอัลเกาซัร พวกเขาเหล่านั้นคือข้อพิสูจน์ของอัลลอฮฺ(ซบ)บนหน้าแผ่นดินและเป็นสัญลักษณ์ในการสร้างของพระองค์ พวกเขาคือคลั่งที่รวมความรู้ของพระองค์ คือที่ที่เก็บวิทยะปัญญาของพระองค์ ผู้ใดที่ฏออัตต่อพวกเขาก็เท่ากับได้ฏออัตต่ออัลลอฮฺ(ซบ) และผู้ใดที่ฝ่าฝืนไม่เชื่อฟังพวกเขาก็เท่ากับได้ฝ่าฝืนอัลลอฮฺ(ซบ) และในที่ประชุมก็ได้กล่าวยืนยันกันว่า ใช่แล้วท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อล) ได้กล่าวไว้เช่นนี้
    และอีกฮาดีษหนึ่งที่ได้กล่าวถึงชื่อของอิมามสิบสองท่านไว้ซึ่งจากญาบีร อิบนิ อับดิลลาฮฺ อันศอรี ในหนังสือบิฮารุลอันวาร เล่มที่ 23 หน้า 290
เมื่อโองการหนึ่งถูกทานลงมาซูเราะฮฺอันนิซาอฺโองการที่ 59
يَأَيهَُّا الَّذِينَ ءَامَنُواْ أَطِيعُواْ اللَّهَ وَ أَطِيعُواْ الرَّسُولَ وَ أُوْلىِ الْأَمْرِ مِنكم‏
 “โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงเคารพภักดีเชื่อฟัง(ฏออัต)ต่ออัลอฮฺ และจงฏออัตต่อณอซูลและผู้นำในหมู่พวกเจ้า”
   ท่านญาบิร บินอับดุลลอฮฺ อันศอรีหนึ่งในอัครสาวกที่ยิ่งใหญ่ได้ถามท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อล)ว่า ผู้นำในหมู่พวกเจ้า اولی الامر منکم  หมายถึงใครกัน
 همْ خُلَفَائِی یَا جَابِرُ وَ أَئِمَّةُ الْمُسْلِمِینَ بَعْدِی أَوَّلُهُمْ عَلِیُّ بْنُ أَبِی طَالِبٍ ع ثُمَّ الْحَسَنُ ثُمَّ الْحُسَیْنُ ثُمَّ عَلِیُّ بْنُ الْحُسَیْنِ ثُمَّ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِیٍّ الْمَعْرُوفُ فِی التَّوْرَاةِ بِالْبَاقِرِ وَ سَتُدْرِکُهُ یَا جَابِرُ فَإِذَا لَقِیتَهُ فَأَقْرِئْهُ مِنِّی السَّلَامَ ثُمَّ الصَّادِقُ جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدٍ ثُمَّ مُوسَى بْنُ جَعْفَرٍ ثُمَّ عَلِیُّ بْنُ مُوسَى ثُمَّ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِیٍّ ثُمَّ عَلِیُّ بْنُ مُحَمَّدٍ ثُمَّ الْحَسَنُ بْنُ عَلِیٍّ ثُمَّ سَمِیِّی وَ کَنِیِّی حُجَّةُ اللَّهِ فِی أَرْضِهِ وَ بَقِیَّتُهُ فِی عِبَادِهِ ابْنُ الْحَسَنِ بْنِ عَلِیٍّ الَّذِی یَفْتَحُ اللَّهُ عَلَى یَدِهِ مَشَارِقَ الْأَرْضِ وَ مَغَارِبَهَا ذَاکَ الَّذِی یَغِیبُ عَنْ شِیعَتِهِ غَیْبَةً لَا یَثْبُتُ عَلَى الْقَوْلِ فِی إِمَامَتِهِ إِلَّا مَنِ امْتَحَنَ اللَّهُ قَلْبَهُ بِالْإِیمَانِ
“ท่านศาสดาได้กล่าวตอบว่า พวกเขาคือตัวแทนของฉัน โอ้ญาบิรเอ๋ย และคือผู้นำของบรรดามุสลิมหลังจากฉัน บุคคลแรกคือ อาลี บิน อาบีฏอลิบ หลังจากเขาคือ ฮาซัน บินอาลี หลังจากเขาคือ ฮูเซน บิน อาลี หลังจากเขา คือ อาลี บิน ฮูเซน หลังจากเขาคือ มูฮัมมัด บิน อาลี ซึ่งถูกรู้จักในคัมภีร์เตารอตว่า อัลบากิร (ผู้แตกแขนงวิชาความรู้) และเจ้าจะได้พบกับเขา และเมื่อเจ้าพบกับเขาจงนำสลามของฉันให้แก่เขาด้วย หลังจากเขาคือ อัศศอดิกญะฮฺฟัร บิน มูฮัมมัด หลังจากเขาคือ มูซา บิน ญะอฺฟัร หลังจากเขาคือ อาลี บิน มูซา หลังจากเขาคือ มูฮัมมัด บิน อาลี หลังจากเขาคือ อาลี บิน มูฮัมมัด หลังจากเขาคือ ฮาซัน บิน อาลี และหลังจากเขาคือ บุคคลที่ชื่อและฉายาของเขาเหมือนกับฉายาของฉันผู้ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ของพระองค์บนหน้าแผ่นดิน ผู้ที่พระองค์ทรงรักษาเขาไว้ในหมู่ปวงบ่าวของพระองค์ เขาคือบุตรของฮาซันบุตรของอาลี ซึ่งด้วยน้ำมือของเขาอัลลอฮฺ(ซบ)จะทรงพิชิตตะวันตกและตะวันออก เขาจะเร้นกายจากหมู่ชีอะหฺของเขา ซึ่งเป็นการเร้นกายที่คำพูดเพียงอย่าเดียวไม่เพียงพอในการยอมรับความเป็นผู้นำของเขา นอกจากบุคคลที่อัลลอฮฺ(ซบ)ได้ทรงสอบความศรัทธาในหัวใจของเขาแล้วเท่านั้น”

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม