เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

คำอธิบายโองการที่ 99-100-101 จากบทอัลบะกอเราะฮ์

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5


คำอธิบายโองการที่ 99-100-101 จากบทอัลบะกอเราะฮ์

 

وَ لَقَدْ أَنزَلْنَا إِلَيْك ءَايَتِ بَيِّنَت وَ مَا يَكْفُرُ بِهَا إِلا الْفَسِقُونَ (99) أَ وَ كلَّمَا عَهَدُوا عَهْداً نَّبَذَهُ فَرِيقٌ مِّنْهُم بَلْ أَكْثرُهُمْ لا يُؤْمِنُونَ (100) وَ لَمَّا جَاءَهُمْ رَسولٌ مِّنْ عِندِ اللَّهِ مُصدِّقٌ لِّمَا مَعَهُمْ نَبَذَ فَرِيقٌ مِّنَ الَّذِينَ أُوتُوا الْكِتَب كتَب اللَّهِ وَرَاءَ ظهُورِهِمْ كَأَنَّهُمْ لا يَعْلَمُونَ (101)

 

ความหมาย

99. แน่นอน เราได้ประทานสัญญาณต่าง ๆ อันชัดแจ้งแก่เจ้า และไม่มีใครปฏิเสธสัญญาณเหล่านั้น นอกจากบรรดาพวกฝ่าฝืน

100. และทุกครั้ง ที่พวกเขา (ยิว) ได้ทำสัญญา (กับพระเจ้าและศาสดา) กลุ่มหนึ่งของพวกเขาได้ทอดทิ้ง แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่ศรัทธา

101. และเมื่อมีศาสดาจากอัลลอฮฺคนใดมายังพวกเขา เป็นผู้ยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา กลุ่มหนึ่งในบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ได้ทิ้งคัมภีร์ของอัลลอฮฺไว้ข้างหลังของพวกเขา ประหนึ่งว่าพวกเขาไม่รู้

สาเหตุการประทานโองการ

อิบนิอับบาซ นักอรรถาธิบายอัล-กุรอานชื่อดัง กล่าวว่า บุตรของซูรียา นักวิชาการที่มีชื่อเสียงชาวยิว ได้กล่าวกับท่านศาสดาอย่างเย้ยหยัน และล้อเลียนว่า ท่านมิได้นำสิ่งที่พวกเราเข้าใจมาให้พวกเรา พระเจ้ามิได้ประทานสิ่งที่ชัดเจนแก่ท่าน เพื่อพวกเราจะได้ปฏิบัติตามท่าน หลังจากนั้นอัล-กุรอานได้ประทานลงมาเพื่อตอบคำเย้ยหยันของพวกเขา

คำอธิบาย ยิวผู้บิดพลิ้วสัญญา

อัล-กุรอานโองการแรกกล่าวถึงความจริงข้อนี้ว่า พระเจ้าทรงประทานเหตุผลที่เพียงพอ สัญลักษณ์ที่ชัดเจน และโองการที่อธิบายความจริงให้แก่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) แต่พวกเขาก็ปฏิเสธสิ่งเหล่านั้น ในความเป็นจริง โองการนำไปสู่การเชิญชวนอันเป็นสัจธรรมยิ่งของท่านศาสดา เนื่องด้วยเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงที่พวกฝ่าฝืนได้ตั้งขึ้นมา จริง ๆ แล้วการพิจารณาโองการต่าง ๆ ของอัล-กุรอาน สำหรับมนุษย์ทุกคนที่มีจิตใจสะอาด และถวิลหาสัจธรรมความจริง เป็นประทีปที่สว่างแก่ทางนำอย่างยิ่ง และการพิจารณาโองการเหล่านั้น สามารถนำไปสู่การยอมรับการเชิญชวนของท่านศาสดา และความยิ่งใหญ่ของอัล-กุรอานได้

พระเจ้าทรงทำสัญญากับพวกเขาว่า พวกเจ้าจงศรัทธาต่อศาสดาพยากรณ์ ศาสดาผู้ซึ่งการปรากฏของท่านได้แจ้งไว้อย่างชัดเจนในคัมภีร์เตารอต แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสัญญา

ตามความเป็นจริงนับตั้งแต่โบราณกาล บรรดาพวกยิวไม่เคยยึดมั่นในคำมั่นสัญญา ปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ เมื่อใดที่ผลประโยชน์ของพวกยิวไซออนนิสต์ตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจะบิดพลิ้วสัญญาประชาคมโลกทั้งหมด และนำสิ่งเหล่านั้นไว้ใต้เท้าของตน พร้อมกับหาข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนลืมสิ่งเหล่านั้น

โองการสุดท้าย ได้ตอกย้ำความสำคัญของประเด็นดังกล่าว โดยกล่าวว่า และเมื่อมีศาสดาจากอัลลอฮฺคนใดมายังพวกเขา เป็นผู้ยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา กลุ่มหนึ่งในบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ได้ทิ้งคัมภีร์ของอัลลอฮฺไว้ข้างหลังของพวกเขา ประหนึ่งว่าพวกเขาไม่รู้ ตราบที่ท่านศาสดายังไม่ได้ปรากฏตัว บรรดาผู้รู้ของยะฮูดียฺ ต่างแจ้งให้ประชาชนทราบถึงสัญลักษณ์ บุคลิก และการปรากฏของท่าน แต่เมื่อท่านปรากฏมาพร้อมกับสาส์นของพระเจ้า ดังที่แจ้งไว้ในคัมภีร์เตารอต พวกเขากลับปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ประหนึ่งไม่เคยรับรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย และสิ่งนี้เป็นความอคติ การหลงในเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ และการบูชาโลกอย่างแท้จริง เนื่องด้วยพวกเขาได้เริ่มต้นด้วยความยากลำบาก แต่เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางแล้วกลับถอยหลังไปอยู่ร่วมกับศัตรู ปฏิเสธสิ่งที่ตนเคยต่อสู้ และเผยแผ่มาอย่างสิ้นเชิง

ประเด็นสำคัญ

เป็นที่ประจักษ์ว่าการใช้คำว่า นุซูล หมายถึง การลงมา หรือคำว่า อินซาล หมายถึง การส่งลงมา ในอัล-กุรอานมิได้หมายความว่า พระเจ้าทรงมีที่อยู่ในท้องฟ้า และประทานอัล-กุรอานลงมาจากที่นั่น ทว่าการให้ความหมายเช่นนี้บ่งชี้ถึงสภาวะจิตวิญญาณที่สูงส่งของพระองค์

คำว่า ฟาซิก มาจากรากศัพท์ของคำว่า ฟะซะเกาะ ตามรากศัพท์เดิมหมายถึง เม็ดอินทผลัมได้ออกนอกผลอินทผลัม ด้วยเหตุนี้ บางครั้งจะเห็นว่าทลายอินทผลัมขาดจากต้นหล่นลงพื้น ทำให้แตกระจายและเม็ดได้หลุดออกจากผลของมัน อาหรับเรียกว่า การหลุดออกสภาพเดิม หลังจากนั้นได้นำไปใช้กับบุคคลที่หลุดออกจากอาภรณ์แห่งการภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า และออกนอกแนวทางของการเป็นบ่าวจึงเรียกว่า ฟาซิก

อัล-กุรอานยืนยันว่าจะไม่ประณามประชาชาติใดเนื่องจากการกระทำความผิดของชนส่วนมาก ทว่าชนส่วนมากถูกปกป้องรักษาด้วยสัดส่วนของชนส่วนน้อยที่มีความยำเกรง และมีศรัทธา

หลังจากนั้น อัล-กุรอาน อธิบายถึงวิสัยทัศน์ของพวกยิวในการใช้เล่ห์เพทุบาย

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม