เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

คำอธิบายโองการที่ 102 -103 จากบทอัลบะกอเราะฮ์

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

 

คำอธิบายโองการที่ 102 -103 จากบทอัลบะกอเราะฮ์

 

وَ اتَّبَعُوا مَا تَتْلُوا الشيَطِينُ عَلى مُلْكِ سلَيْمَنَ وَ مَا كفَرَ سلَيْمَنُ وَ لَكِنَّ الشيَطِينَ كَفَرُوا يُعَلِّمُونَ النَّاس السحْرَ وَ مَا أُنزِلَ عَلى الْمَلَكينِ بِبَابِلَ هَرُوت وَ مَرُوت وَ مَا يُعَلِّمَانِ مِنْ أَحَد حَتى يَقُولا إِنَّمَا نحْنُ فِتْنَةٌ فَلا تَكْفُرْ فَيَتَعَلَّمُونَ مِنْهُمَا مَا يُفَرِّقُونَ بِهِ بَينَ الْمَرْءِ وَ زَوْجِهِ وَ مَا هُم بِضارِّينَ بِهِ مِنْ أَحَد إِلا بِإِذْنِ اللَّهِ وَ يَتَعَلَّمُونَ مَا يَضرُّهُمْ وَ لا يَنفَعُهُمْ وَ لَقَدْ عَلِمُوا لَمَنِ اشترَاهُ مَا لَهُ فى الاَخِرَةِ مِنْ خَلَق وَ لَبِئْس مَا شرَوْا بِهِ أَنفُسهُمْ لَوْ كانُوا يَعْلَمُونَ (102) وَ لَوْ أَنَّهُمْ ءَامَنُوا وَ اتَّقَوْا لَمَثُوبَةٌ مِّنْ عِندِ اللَّهِ خَيرٌ لَّوْ كانُوا يَعْلَمُونَ (103)

ความหมาย

102. และพวกเขา (ยะฮูดียฺ) ปฏิบัติตามสิ่งที่บรรดาชัยฏอนในสมัยสุลัยมานอ่านให้ฟัง แต่สุลัยมานมิได้ปฏิเสธ แต่ชัยฏอนปฏิเสธ พร่ำสอนวิชาไสยศาสตร์แก่ผู้คน และ (ปฏิบัติตาม) ที่ถูกประทานลงมาแก่มลาอิกะฮฺทั้งสอง คือ ฮารูต และมารูต ณ เมืองบาบิล (มลาอิกะฮฺทั้งสอง แนะนำประชาชนให้รู้จักไสยศาสตร์ และวิธีทำลายมัน) ทั้งสองไม่สอนแก่ผู้ใดทั้งสิ้น จนกระทั่งทั้งสองกล่าวว่า เราเป็นสื่อในการทดลอง จงอย่าปฏิเสธ (จงอย่านำสิ่งที่แนะนำไปใช้ในทางที่ผิด) แล้วเขาเหล่านั้นได้เรียนจากทั้งสอง เพื่อที่จะสามารถใช้สิ่งนั้น สร้างความแตกร้าว ระหว่างสามีกับคู่ครองของเขา แต่พวกเขาไม่อาจใช้สิ่งนั้นทำอันตรายแก่ผู้ใดได้ เว้นแต่โดยอนุมัติของอัลลอฮฺ และพวกเขาเรียนสิ่งที่ให้โทษแก่พวกเขา และไม่ได้ให้คุณแก่พวกเขา แน่นอนพวกเขา (มุสลิม) รู้ดีว่าผู้ที่ซื้อมัน ในปรโลกจะไม่มีประโยชน์ใด ๆ เลย และชั่วช้าแน่นอน ที่พวกเขาขายตัวของพวกเขาด้วยสิ่งนั้น หากพวกเขารู้

103 . และถ้าพวกเขาได้ศรัทธา และสำรวมตนจากความชั่ว แน่นอน อนิจสงฆ์ ณ อัลลอฮฺ ย่อมดีกว่า หากพวกเขารู้

คำอธิบาย สุลัยมานกับนักไสยศาสตร์แห่งบาบิล

จากรายงานต่าง ๆ ทำให้เข้าใจได้ว่า ในสมัยของท่านศาสดาสุลัยมาน มีประชาชนกลุ่มหนึ่งเรียนรู้ และใช้ไสยศาสตร์ ท่านจึงสั่งให้เก็บรวมรวมสิ่งที่พวกเขาเขียนหรือบันทึกเอาไว้ทั้งหมด ไว้ในที่หนึ่ง

หลังจากท่านศาสดาสุลัยมานจากไป พวกเขาได้นำสิ่งนั้นออกมาสั่งสอน และปฏิบัติอีกครั้ง บางคนถึงกับกล่าวว่า สุลัยมานมิได้เป็นศาสดา ซึ่งมีพวกบนีอิสรออีลบางกลุ่มเชื่อและปฏิบัติตามเขา และหลงใหลไสยศาสตร์อย่างรุนแรง จนกระทั่งละทิ้งคัมภีร์เตารอต

ขณะที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) ปรากฏตัว ท่านนำโองการแจ้งกับประชาชนว่าสุลัยมานเป็นศาสดาท่านหนึ่งของพระเจ้า ผู้รู้ยะฮูดียฺบางคนกล่าวว่า พวกท่านไม่แปลกใจดอกหรือ ที่มุฮัมมัดกล่าวว่า สุลัยมานเป็นศาสดา คำพูดของยะฮูดียฺ เป็นการใส่ร้ายที่ต่ำทรามยิ่งสำหรับศาสดา นั่นเท่ากับว่าพวกเขาปฏิเสธสุลัยมาน

บรรดายะฮูดียฺ ได้เข้าสู่วงจรของไสยศาสตร์โดยการเสี้ยมสอนของชัยฏอนมารร้าย ในสมัยของท่านศาสดาสุลัยมาน อีกทางหนึ่งพวกเขาเรียนรู้จากฮารูต และมารูตมลาอิกะฮฺสององค์ของพระเจ้า ที่แนะนำประชาชนให้รู้จักไสยศาสตร์เพื่อการทำลายศาสตร์ด้านนี้ ขณะที่เป้าหมายของมลาอิกะฮฺทั้งสองคือ ต้องการสอนให้ประชาชนรู้จักวิธีการทำลายไสยศาสตร์ ที่นักไสยศาสตร์ทั้งหลายนำมาใช้ ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงไม่ได้สอนสิ่งใดแก่ประชาชน เว้นเสียแต่ว่า ทั้งสองกล่าวว่า เราเป็นสื่อในการทดลอง จงอย่าปฏิเสธเลย และจงอย่านำสิ่งนี้ไปใช้ในทางที่ผิด

สรุปว่า เมื่อมลาอิกะฮฺทั้งสองได้มาอยู่กับประชาชน ช่วงนั้นไสยศาสตร์กำลังร้อนแรง และประชาชนต่างเดือดร้อนกันถ้วนหน้า มลาอิกะฮฺทั้งสองจึงสอนประชาชนให้รู้จักวิธีแก้ไสยศาสตร์ แน่นอนก่อนจะสอนให้รู้จักวิธีแก้ต้องเรียนรู้วิธีผูกก่อน

แต่ว่ามียะฮูดียฺบางกลุ่มนำไปใช้ในทางที่ผิด พวกเขาใช้ไสยศาสตร์เป็นเครื่องมือหากิน จนกระทั่งถึงขั้นที่กล่าวหาว่าสุลัยมานมิได้เป็นศาสดาของพระเจ้า และสุลัยมานเป็นตัวการในการสอนไสยศาสตร์ ทั้งมนุษย์และญินที่ปฏิบัติตามสุลัยมาน จึงถือว่าเป็นบุตรหลานที่เกิดจากไสยศาสตร์ทั้งสิ้น แน่นอน วิธีการเช่นนี้เป็นวิธีการของคนชั้นต่ำที่ต้องการหาข้ออ้างให้กับศาสนาของตน จึงใส่ร้ายแม้กระทั่งศาสดาของพระเจ้า

อย่างไรก็ตามพวกเขาพ่ายแพ้การทดสอบ พวกเขาเรียนรู้ไสยศาสตร์จากมลาอิกะฮฺสององค์ เพื่อว่าจะได้นำสิ่งนี้ไปใช้ในทางที่ผิด และเป็นสื่อสร้างความแตกร้าวระหว่างสามีภรรยา

แต่อำนาจของพระเจ้าเหนือและยิ่งใหญ่กว่าอำนาจเหล่านั้น พวกเขาไม่สามารถกระทำการใด ๆ โดยปราศจากคำอนุญาตของพระเจ้าได้ พวกเขาเรียนรู้ส่วนที่ไม่ให้คุณและให้โทษแก่ตนเอง

แน่นอน พวกเขาเป็นผู้ทำลายและเปลี่ยนแปลงแผนการของพระเจ้า พวกเขาแทนที่จะเรียนรู้เพื่อหาวิธีการแก้ไข และต่อสู้กับนักไสยศาสตร์ทั้งหลาย แต่กลับนำไปใช้ในทางที่ผิดเป็นสื่อก่อความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน เนื่องด้วยพวกเขารู้ว่า บุคคลใดก็ตามเลือกซื้อสินค้าประเภทนี้ ในปรโลกจะไม่มีประโยชน์ใด ๆ และชั่วช้าแน่นอน ที่พวกเขาขายตัวของพวกเขาด้วยสิ่งนั้น หากพวกเขารู้

โองการสุดท้ายกล่าวถึงบทสรุปการกระทำของพวกเขาว่า แท้จริงพวกเขาได้หันหลังให้กับความสุขนิรันดรของพวกเขา และหลงระเริงอยู่กับบาปกรรมต่าง ๆ ขณะที่ถ้าพวกเขาศรัทธา และสำรวมตนจากความชั่ว แน่นอน อนิจสงฆ์และผลบุญ ณ อัลลอฮฺ ย่อมเป็นของพวกเขา หากพวกเขารู้

ประเด็นสำคัญ

มลาอิกะฮฺเป็นครูของมนุษย์ได้อย่างไร

รายงานกล่าวว่า พระเจ้าทรงให้มลาอิกะฮฺกลายร่างเป็นมนุษย์ เพื่อจะได้ปฏิบัติหน้าที่ ๆ ได้รับมอบหมายมา ประเด็นดังกล่าวสามารถดูได้จากโองการที่ 9 บทอันอาม ซึ่งกล่าวว่า ถ้าหากเราให้เขาเป็นมะลัก แน่นอนเราย่อมให้เขาเป็นคนผู้ชาย

ถ้าปราศจากคำอนุญาตของพระเจ้าไม่มีผู้มีความสามารถกระทำ

โองการข้างต้นกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า บรรดานักไสยศาสตร์ ถ้าปราศจากคำอนุญาตของพระองค์ ไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้ทั้งสิ้น ไม่สามารถสร้างความเสียหายแก่บุคคลอื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการบังให้กระทำ ทว่าเป็นการบ่งชี้ถึงหนึ่งในประเด็นสำคัญอันเป็นพื้นฐานหลักของความเป็นเอกภาพของพระเจ้า เนื่องจากบรรดาอำนาจทั้งหลายบนโลกนี้ล้วนต้องพึ่งอำนาจของพระองค์ทั้งสิ้น แม้แต่เปลวไฟที่ลุกไม้ หรือประกายดาบขณะฟัน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากพระองค์จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาด มิใช่ว่าบรรดานักไสยศาสตร์เหล่านั้น สามารถทำลายกฎเกณฑ์อันเป็นธรรมชาติแห่งการสร้างสรรค์ของพระองค์ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระองค์และเข้าไปมีบทบาทต่อระบบสร้างสรรค์ ทั้งที่ไม่ใช่พระประสงค์ของพระองค์ มิใช่ว่าพระเจ้าทรงกำหนดขอบเขตการบริหารของพระองค์ แต่สิ่งนี้เป็นร่องรอยของพระองค์ที่ทรงมอบให้บ่าวที่รพระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น เพียงแต่ว่าบางคนนำไปใช้ในวิถีทางที่ถูกต้อง และบางคนนำไปใช้ในวิถีทางที่ผิด สิ่งนี้เป็นเจตนารมณ์เสรีที่พระองค์ทรงมอบให้กับปวงบ่าว และเป็นสื่อเพื่อทดสอบความสมบูรณ์

ด้วยเหตุผลที่กล่าวว่า บรรดายะฮูดียฺเป็นกลุ่มชนที่ชอบหาข้ออ้าง และหาจุดอ่อนของมุสลิม อัลลอฮฺทรงเตือนมุสลิมโดยผ่านโองการว่าจงออกห่างจากพฤติกรรมที่ไม่ดีดังที่พวกยะฮูดียฺได้กระทำ

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม