โองการที่ 246- 247- 248- 249- 250- 251- 252 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์
โองการที่ 246- 247- 248- 249- 250- 251- 252 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์
أَ لَمْ تَرَ إِلى الْمَلا مِن بَنى إِسرءِيلَ مِن بَعْدِ مُوسى إِذْ قَالُوا لِنَبىّ لَّهُمُ ابْعَث لَنَا مَلِكاً نُّقَتِلْ فى سبِيلِ اللَّهِ قَالَ هَلْ عَسيْتُمْ إِن كتِب عَلَيْكمُ الْقِتَالُ أَلا تُقَتِلُوا قَالُوا وَ مَا لَنَا أَلا نُقَتِلَ فى سبِيلِ اللَّهِ وَ قَدْ أُخْرِجْنَا مِن دِيَرِنَا وَ أَبْنَائنَا فَلَمَّا كُتِب عَلَيْهِمُ الْقِتَالُ تَوَلَّوْا إِلا قَلِيلاً مِّنْهُمْ وَ اللَّهُ عَلِيمُ بِالظلِمِينَ (246) وَ قَالَ لَهُمْ نَبِيُّهُمْ إِنَّ اللَّهَ قَدْ بَعَث لَكمْ طالُوت مَلِكاً قَالُوا أَنى يَكُونُ لَهُ الْمُلْك عَلَيْنَا وَ نحْنُ أَحَقُّ بِالْمُلْكِ مِنْهُ وَ لَمْ يُؤْت سعَةً مِّنَ الْمَالِ قَالَ إِنَّ اللَّهَ اصطفَاهُ عَلَيْكمْ وَ زَادَهُ بَسطةً فى الْعِلْمِ وَ الْجِسمِ وَ اللَّهُ يُؤْتى مُلْكهُ مَن يَشاءُ وَ اللَّهُ وَسِعٌ عَلِيمٌ (247) وَ قَالَ لَهُمْ نَبِيُّهُمْ إِنَّ ءَايَةَ مُلْكهِ أَن يَأْتِيَكمُ التَّابُوت فِيهِ سكينَةٌ مِّن رَّبِّكمْ وَ بَقِيَّةٌ مِّمَّا تَرَك ءَالُ مُوسى وَ ءَالُ هَرُونَ تحْمِلُهُ الْمَلَئكَةُ إِنَّ فى ذَلِك لاَيَةً لَّكمْ إِن كُنتُم مُّؤْمِنِينَ (248) فَلَمَّا فَصلَ طالُوت بِالْجُنُودِ قَالَ إِنَّ اللَّهَ مُبْتَلِيكم بِنَهَر فَمَن شرِب مِنْهُ فَلَيْس مِنى وَ مَن لَّمْ يَطعَمْهُ فَإِنَّهُ مِنى إِلا مَنِ اغْتَرَف غُرْفَةَ بِيَدِهِ فَشرِبُوا مِنْهُ إِلا قَلِيلاً مِّنْهُمْ فَلَمَّا جَاوَزَهُ هُوَ وَ الَّذِينَ ءَامَنُوا مَعَهُ قَالُوا لا طاقَةَ لَنَا الْيَوْمَ بِجَالُوت وَ جُنُودِهِ قَالَ الَّذِينَ يَظنُّونَ أَنَّهُم مُّلَقُوا اللَّهِ كم مِّن فِئَة قَلِيلَة غَلَبَت فِئَةً كثِيرَةَ بِإِذْنِ اللَّهِ وَ اللَّهُ مَعَ الصبرِينَ (249) وَ لَمَّا بَرَزُوا لِجَالُوت وَ جُنُودِهِ قَالُوا رَبَّنَا أَفْرِغْ عَلَيْنَا صبراً وَ ثَبِّت أَقْدَامَنَا وَ انصرْنَا عَلى الْقَوْمِ الْكفِرِينَ (250) فَهَزَمُوهُم بِإِذْنِ اللَّهِ وَ قَتَلَ دَاوُدُ جَالُوت وَ ءَاتَاهُ اللَّهُ الْمُلْك وَ الحِْكمَةَ وَ عَلَّمَهُ مِمَّا يَشاءُ وَ لَوْ لا دَفْعُ اللَّهِ النَّاس بَعْضهُم بِبَعْض لَّفَسدَتِ الأَرْض وَ لَكنَّ اللَّهَ ذُو فَضل عَلى الْعَلَمِينَ (251) تِلْك ءَايَت اللَّهِ نَتْلُوهَا عَلَيْك بِالْحَقِّ وَ إِنَّك لَمِنَ الْمُرْسلِينَ (252)
ความหมาย
246. เจ้ามิได้เห็นวงศ์วานอิสรออีลหลังจากมูซาดอกหรือ เมื่อพวกเขากล่าวแก่ศาสดาองค์หนึ่งของพวกเขาว่า จงแต่งตั้งผู้ปกครองขึ้นสำหรับเรา เพื่อเราจะได้ต่อสู้ในทางของพระเจ้า ศาสดาของเขากล่าวว่า บางทีเจ้าถูกบัญญัติให้ทำการรบ พวกเจ้าจะไม่สู้ พวกเขากล่าว่า เป็นไปได้อย่างไร ที่พวกเราจะไม่ต่อสู้ในทางของพระเจ้า ในเมื่อพวกเรา และลูก ๆ ของพวกเราถูกขับไล่ออกจากเคหะของเรา (บ้านเมืองถูกศัตรูยึดครอง และลูกหลานถูกจับเป็นเชลย) ครั้นเมื่อการรบได้ถูกบัญญัติแก่พวกเขา พวกเขาก็หันหลังกลับ นอกจากส่วนน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ถึงผู้อธรรม
247 . ศาสดาของพวกเขากล่าวแก่พวกเขาว่า แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงตั้งฎอลูตเป็นผู้ปกครองสำหรับพวกท่าน พวกเขากล่าวว่า เขาจะปกครองพวกเราอย่างไร เมื่อพวกเราเป็นผู้สมควรต่ออำนาจการปกครองยิ่งกว่าเขา และเขามิได้ทรัพย์สมบัติมหาศาล กล่าวว่า พระเจ้าทรงเลือกเขาให้มีอำนาจเหนือพวกท่าน และได้ทรงเพิ่มแก่เขาอย่างอนันต์ในความรู้ และ(พลัง) แก่ร่างกาย และอัลลอฮฺ ทรงประท่านอำนาจของพระองค์แก่ผู้พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้
248. ศาสดาของพวกเขากล่าวแก่พวกเขาว่า แท้จริงสัญญาณแห่งอำนาจการปกครองของเขาคือ จะมีหีบใบหนึ่งมายังสูท่าน ในนั้นมีความสงบจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และที่ระลึกจากครอบครัวของมูซา และครอบครัวของฮารูนได้ละทิ้งไว้ ขณะที่มลาอิกะฮฺแบกมันไว้ แท้จริงในเรื่องนั้นมีสัญญาณ (ชัดเจน) แน่นอนสำหรับสูเจ้า ถ้าสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธา
249. ครั้นเมื่อฎอลูตได้เคลื่อนทัพออกไปพร้อมไพร่พล กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺจะทดสอบพวกท่าน ด้วยลำน้ำสายหนึ่ง ผู้ใดดื่มน้ำจากแม่น้ำ เขาไม่ใช่พวกของฉัน แต่ผู้ใดมิได้ลิ้มมันมากเกินการวักน้ำเต็มอุ้งด้วยมือของเขา แท้จริงเขาเป็นพวกของฉัน แต่เขาทั้งหลายดื่มมัน เว้นแต่ส่วนน้อยในหมู่พวกเขา ครั้นเมื่อเขา และบรรดาผู้ศรัทธาพร้อมกับเขาได้ข้ามแม่น้ำไป (พวกเขามีน้อยจะโกรธ และบางกลุ่ม) กล่าวว่า วันนี้เราไม่มีกำลังต่อต้านญาลูตและไพร่พลของเขา แต่บรรดาที่เชื่อแน่ว่า พวกเขาจะได้พบกับพระเจ้า (และศรัทธาต่อวันฟื้นคืนชีพ) กล่าวว่า กี่มากน้อยแล้ว ที่ชนหมู่น้อย เอาชนะชนหมู่มากได้ ด้วยอนุมัติของพระเจ้า และอัลลอฮฺ ทรงอยู่กับผู้อดทน
250 . เมื่อพวกเขาดาหน้าออกมาสู้ญาลูต และไพร่พลของเขา เขาทั้งหลายกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเราโปรดประทานความอดทนแก่เรา และโปรดยืนหยัดเท้าของเราให้มั่น และโปรดช่วยเราให้ชนะเหนือพวกปฏิเสธ
251. ดังนั้น เขาทั้งหลายได้ปราบกองทัพศัตรูอย่างราบคาบ ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ และดาวูด (ชายหนุ่มที่มีความแข็งแรง กล้าหาญร่วมอยู่ในกองทัพด้วย) ได้สังหารญาลูต และอัลลอฮฺได้ทรงประทานอำนาจ และวิทยปัญญาแก่เขา และทรงสอนเขาจากสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ และถ้าอัลลอฮฺไม่ทรงปกป้องมนุษย์บางคน ด้วยบางคน แผ่นดินย่อมเสื่อมเสียแน่นอน แต่อัลลอฮฺ ทรงเป็นผู้เจ้าแห่งความโปรดปรานแก่สากลโลก
252. เหล่านี้คือโองการทั้งหลายของอัลลอฮฺ ซึ่งเราสาธยายแก่สูเจ้าด้วยความจริง และแท้จริงเจ้าเป็นศาสดาคนหนึ่งของเรา
คำอธิบาย
คำว่า อัลมะลาอฺ หมายถึงสรรพสิ่ง หรือบุคคลที่สร้างความตระการตา หรือสร้างความอัศจรรย์ในการมอง ด้วยเหตุนี้ จึงเรียกกลุ่มชนที่มีจำนวนมากมายแต่มีความเชื่อ หรือทัศนะเป็นหนึ่งเดียวกันว่า มะลาอฺ หรือบางครั้งใช้เรียกหัวหน้าเผ่า หรือผู้มีเกียรติของเผ่า หรือผู้นำของทุกเชื้อชาติ เนื่องจากว่าทั้งสองสร้างความตระการตาให้กับผู้คน วงศ์วานของอิสรออีล หลังจากศาสดามูซา (อ.) จากไปแล้ว เพื่อต้องการทำลายกฎเกณฑ์ หรือต้องการชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น พวกเขาจึงตกอยู่ภายการปกครองของผู้ปกครองที่กดขี่ และต้องสูญเสียอิสรภาพและแผ่นดินอีกครั้งหนึ่ง ต่อมาพวกเขาต้องการหลุดพ้นจากสภาพของการเป็นพวกเร่ร่อน และการถูกกดขี่จึงตัดสินใจต่อสู้ และได้ขอร้องศาสดาซะมูอีล ซึ่งเป็นศาสดาของพวกเขาในสมัยนั้น ให้แต่งตั้งผู้นำขึ้นสำหรับพวกเขา เพื่อจะได้ต่อสู้กับศัตรูตามบัญชาของเขา ชะมูอีล ได้ทูลต่อพระเจ้าถึงความต้องการของพวกอิสรออีล ต่อมามีวะฮฺยูมาถึงท่านว่า ให้แต่งตั้ง ฏอลูตเป็นมหาราชสำหรับพวกเขา แต่หลังจากมีคำสั่งให้ทำสงครามพวกเขาก็หาข้ออ้างต่าง ๆ นานา เพื่อหนีการสงคราม มีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่ออกสู้รบในสงคราม
โองการต่อมากล่าวถึงคำว่า วาซิอุน หมายถึง พระเจ้าทรงปราศจากความต้องการ พระองค์มิทรงไร้ซึ่งความสามารถไม่ว่าในด้านใดก็ตาม อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าศาสดาของพวกเขาทำตามที่พวกเขาเรียกร้อง และแต่งตั้งฏอลูตเป็นมหาราชสำหรับพวกเขา อัลกุรอานใช้คำว่า มะลิกัน กับฏอลูต หมายถึงว่าเขามิได้เป็นเพียงแม่ทัพเท่านั้น ทว่ายังได้เป็นผู้ปกครองประเทศอีกต่างหาก จากจุดนี้เองจึงเกิดกระแสต่อต้าน วงศ์วานอิสรออีลบางกลุ่มจึงกล่าวว่า เขาจะปกครองพวกเราอย่างไร เมื่อพวกเราเป็นผู้สมควรต่ออำนาจการปกครองยิ่งกว่าเขา และเขามิได้ทรัพย์สมบัติมหาศาล ในความเป็นจริงพวกเขากำลังประท้วงการแต่งตั้งของพระเจ้า เนื่องจากฏอลูต เป็นชายหนุ่มที่มาจากเผ่าหนึ่งของวงศ์วานอิสรออีล ไม่มีชื่อเสียง เป็นเกษตรกรที่ยากจนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อศาสดาชะมูอีล ได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวว่า พระเจ้าทรงเลือกเขาให้มีอำนาจเหนือพวกท่าน และได้ทรงเพิ่มแก่เขาอย่างอนันต์ในความรู้ และ(พลัง) แก่ร่างกาย และอัลลอฮฺ ทรงประท่านอำนาจของพระองค์แก่ผู้พระองค์ทรงประสงค์
โองการถัดมากล่าวถึงพฤติกรรมของ วงศ์วานอิสรออีลว่า ประหนึ่งพวกเขาไม่เชื่อมั่นในคำพูดของศาสดาชะมูอีล และไม่ยอมปฏิบัติตามฏอลูต ที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้า พวกเขาจึงร้องขอเหตุผลและหลักฐาน ศาสดาของพวกเขา จึงกล่าวแก่พวกเขาว่า แท้จริงสัญญาณแห่งอำนาจการปกครองของเขาคือ จะมีหีบใบหนึ่งมายังสูท่าน ในนั้นมีความสงบจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และที่ระลึกจากครอบครัวของมูซา และครอบครัวของฮารูนได้ละทิ้งไว้ ขณะที่มลาอิกะฮฺแบกมันไว้ แท้จริงในเรื่องนั้นมีสัญญาณ (ชัดเจน) แน่นอนสำหรับสูเจ้า ถ้าสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธา
เมื่อมูซา (อ.) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นศาสดา ท่านนำหีบบรรจุคัมภีร์เตารอตมาสอนสั่งพวกเขา และเมื่อท่านจากไป ท่านทิ้งของที่ระลึกไว้ในหีบสำหรับพวกเขา และมอบหีบนั้นแก่ เยาชะอ์ บินนูน ผู้เป็นตัวแทนของท่าน หีบดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่วงศ์วานอิสรออีลว่าเป็นหีบศักดิ์สิทธิ์นามว่า อัลอะฮฺดิ พวกเขาจะแบกหีบนั้นออกเผชิญหน้ากับศัตรูในสงครามทุกครั้ง แต่ต่อมาความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์ของหีบค่อย ๆ จางหายไป และในช่วงสมัยของฏอลูต พระเจ้าทรงมีบัญชาให้มวลมลาอิกะฮฺนำหีบนั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสร้างความสงบมั่นแก่พวกเขา
โองการต่อมากล่าว เมื่อฎอลูตได้เคลื่อนทัพออกไปพร้อมไพร่พล คำว่า ญุนูด เป็นพหูพจน์ของคำว่า ญุนดะ หมายถึง กองทัพ ซึ่งการปรากฏกองทัพเช่นนี้หลังจากการเข้าร่วมของกลุ่มต่าง ๆ ย่อมแสดงให้เห็นถึงจำนวนมากมายของผู้คน ซึ่งในที่สุดฏอลูต ประสบความสำเร็จในการรวบรวมไพล่พล และอาสาสมัคร และเขาได้เคลื่อนทัพออกไปพร้อมกับไพร่พลจำนวนมากมาย ตรงนี้พวกอิสรออีลได้ถูกทดสอบด้วยเรื่องประหลาดอีก ซึ่งหลังจากฏอลูตได้เคลื่อนทัพออกไปแล้ว เขากล่าวกับกองทัพของเขาว่า แท้จริงอัลลอฮฺจะทดสอบพวกท่าน ด้วยลำน้ำสายหนึ่ง ผู้ใดดื่มน้ำจากแม่น้ำ เขาไม่ใช่พวกของฉัน แต่ผู้ใดไม่ลิ้มมันมากเกินการวักน้ำเต็มอุ้งด้วยมือของเขา แท้จริงเขาเป็นพวกของฉัน
กองทัพของฏอลูตถูกทดสอบครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการอดทนต่อความหิวกระหาย ซึ่งการทดสอบเช่นนี้จำเป็นสำหรับกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพที่มีประวัติไม่ดีอย่างวงศ์วานอิสรออีล ซึ่งบางสงครามพวกเขาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขณะที่พวกเขายังมิได้ถูกทดสอบเรื่องการเชื่อฟังและปฏิบัติตาม
ประโยคที่กล่าวว่า แท้จริงเขาเป็นพวกของฉัน หมายความว่า ส่วนมากของพวกเขามิผ่านการทดสอบ อัลกุรอาน กล่าวว่า แต่เขาทั้งหลายดื่มมัน เว้นแต่ส่วนน้อยในหมู่พวกเขา อิมามบากิร (อ.) กล่าวว่า สุดท้ายเหลื่อเหล่าทหารที่เชื่อฟังปฏิบัติตาม ฏอลูต เพียง 313 นาย เท่านั้น ซึ่งมาตรฐานของพวกเขาอยู่ที่ผู้ใดดื่มน้ำไม่ใช่พวกฉัน ส่วนผู้ที่ไม่ได้ดื่มน้ำเป็นพวกของฉัน แต่สิ่งที่ฏอลูตได้กระทำคือ ไม่สร้างความผิดหวังแก่พวกเขา และไม่ได้อนุญาตให้พวกเขาได้รับความเมตตาทั้งหมด อัลกุรอาน กล่าวว่า ผู้ใดดื่มน้ำจากแม่น้ำ เขาไม่ใช่พวกของฉัน แต่ผู้ใดมิได้ลิ้มมันมากเกินการวักน้ำเต็มอุ้งด้วยมือของเขา แท้จริงเขาเป็นพวกของฉัน
โองการต่อมากล่าวถึงการเผชิญหน้าของสองกองทัพว่า เมื่อพวกเขาดาหน้าออกมาสู้ญาลูต และไพร่พลของเขา เขาทั้งหลายกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเราโปรดประทานความอดทนแก่เรา และโปรดยืนหยัดเท้าของเราให้มั่น และโปรดช่วยเราให้ชนะเหนือพวกปฏิเสธ
ในความเป็นจริงกองทัพของฏอลูตวิงวอนขอ สามสิ่งจากพระเจ้า
ประการแรกคือ ขอความอดทนอดกลั้นในการยืนหยัด ทั้งต่อศัตรูและความหิวกระหาย
ประการที่สองขอความมั่นคงให้กับเท้าทั้งสอง อย่าให้ทั้งสองหลบหนีการสู้รบ คำวิงวอนประการแรกเป็นเรื่องของจิตใจ ส่วนดุอาอฺที่สองเป็นเรื่องของวัตถุภายนอก เป็นการเสริมพลังให้กับเท้าทั้งสองเกิดความมั่นคง
ประการที่สาม พวกเขาวิงวอนขอให้ได้รับชัยชนะเหนือบรรดาผู้ปฏิเสธ ซึ่งสิ่งนี้เป็นบทสรุปของความอดทน
โองการต่อมา กล่าวเน้นย้ำว่า พระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งปวงบ่าวเหล่านี้แน่นอน แม้ว่าจำนวนของศัตรูจะมากกว่าส่วนพวกเขามีจำนวนเล็กน้อยก็ตาม พวกเขาปราบศัตรูอย่างราบคาบโดยอนุมัติของพระเจ้า ซึ่งในหมู่พวกเขามีชายหนุ่มคนหนึ่ง นามว่าดาวูด เป็นผู้ที่มีความแข็งแรง กล้าหาญเขา และมีความแม่นยำในการขว้าง เขาสังหารญาลูต โดยการขว้างด้วยก้อนหินเพียงสองก้อน ซึ่งก้อนหินทั้งสองถูกหน้าผากของญาลูตอย่างแรง ทำให้เขาทรุดกายร้องโอดครวญ และสิ้นใจตายในที่สุด เมื่อแม่ทัพจากไปความหวาดกลัวได้ครอบงำกองทัพของเขา ราวสายฟ้าที่ฟาดลงบนพวกเขา และในที่สุดกองทัพของศัตรูก็พ่ายแพ้แตกกระเจิง เหล่าทหารต่างวิ่งหนีกันอย่างอลหม่านไปหมด ตรงนี้ประหนึ่งว่าพระเจ้าทรงต้องการแสดงแสนยานุภาพของพระองค์ว่า มหาราชผู้มีกองทัพมหึมาอย่าง ญาลูต ต้องพ่ายแพ้แก่เด็กหนุ่มที่เพิ่งจะออกทำศึกสงครามเป็นครั้งแรก ด้วยอาวุธธรรมดาที่ไม่มีค่านั่นคือ ก้อนหินที่เขาหยิบขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา และขวางออกไปอย่างแรง โองการต้องการแจ้งแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายว่า เมื่อใดที่สูเจ้าได้รับการบีบบังคับจากฝ่ายศัตรู ดังนั้น เจ้าจงรอคอยชัยชนะจากพระผู้เป็นเจ้าเถิด
รายงานกล่าวว่า ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวว่า เนื่องจากมุสลิม ผู้บริสุทธิ์คนหนึ่ง พระเจ้าทรงขจัดการทดสอบ และการลงโทษให้ห่างไกลไปจากเพื่อนบ้าน ถึง 100,000 หลังคาเรือน หลังจากนั้น อิมามได้อ่านโองการดังกล่าว
โองการต่อมา กล่าวถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดกับวงศ์วานอิสรออีลในโองการก่อนหน้านี้ เช่น ความตายของคนจำนวนนับพันคนในเวลาเดียวกัน การฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่งของพวกเขาด้วยดุอาอฺของศาสดา การแต่งตั้งผู้นำเหล่าทัพที่เป็นชายหนุ่มแปลกหน้าที่ไม่มีผู้รู้จัก แต่เป็นคนดี มีความรู้ ชัยชนะของชนกลุ่มน้อยที่มีเหนือชนกลุ่มใหญ่ ความอดทนอดกลั้น ความกล้าหาญของชายหนุ่มในสงคราม พร้อมการแต่งตั้งให้เขาเป็นศาสดา ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้า ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และเป็นเหตุผลที่ยืนยันถึงความถูกต้องของการเป็นศาสดา