ชีวประวัติอิมามฮะซัน อัลมุจญ์ตะบาอ์ (อ.) ตอนที่สี่
ชีวประวัติอิมามฮะซัน อัลมุจญ์ตะบาอ์ (อ.) ตอนที่สี่
เชื้อสายของอิมามฮะซัน อัลมุจญ์ตะบาอ์
เชื้อสายของอิมามฮะซัน (อ.) ต่อจากฮะซัน มุษันนา ซัยด์ อุมัร และฮุเซน อัษรอม หลังจากนั้นไม่นาน เชื้อสายของฮุเซนและอุมัร ก็หายไป และเหลือเพียงเชื้อสายของฮาซัน มุษันนา และซัยด์ บิน ฮะซัน เท่านั้น (๖๔) ซึ่งลูกหลานของเขา เรียกว่า ซัยยิดฮะซะนี (๖๕) ส่วนมากของพวกเขามีการเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมืองในในศตวรรษที่สองและสาม มีการลุกขึ้นต่อสู้ต่อต้านการปกครองของบะนีอับบาซียะฮ์ และจัดตั้งระบอบการปกครองในส่วนต่างๆ ของประเทศอิสลาม เชื้อสายของตระกูลซัยยิดนี้ ในบางพื้นที่ถูกรู้จักในนาม ชุรอฟาอ์ เช่น โมร็อกโก [๖๖]
การพำนักอยู่ในเมืองกูฟะฮ์ - การเป็นเคาะลีฟะฮ์ของอิมามอะลี (อ.)
อิมามฮะซัน มุจญ์ตะบาอ์ (อ.) เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับบิดาของเขา ในระยะเวลาห้าปีของการเป็นเคาะลีฟะฮ์ของอิมามอะลี (อ.) [๖๗] ตามรายงานจากหนังสืออัลอิคติศอซ เขียนว่า หลังจากที่ประชาชนให้คำสัตยาบันกับอิมามอะลี (อ.) บิดาของฮะซัน ก็ขอร้องให้เขาไปบนธรรมาสน์ และพูดคุยกับประชาชน (๖๘) รายงานจากเหตุการณ์ศิฟฟีน ระบุว่า วันแรกที่อิมามอะลีเดินทางมาถึงยังเมืองกูฟะฮ์ ซึ่ง ฮะซัน บิน อะลีก็ร่วมเดินทางมาพร้อมกับบิดาของเขาและเลือกที่พักอาศัยอยู่ในเมืองกูฟะฮ์ [๖๙]
ในสงครามญะมัล
ในบางรายงานระบุว่า หลังจากกลุ่มนะกิษีนก่อกบฏ และอิมามอะลี(อ.) พร้อมกับกองทัพของเขาเคลื่อนพลเพื่อต่อต้านพวกเหล่านี้ ฮะซัน บิน อะลีได้ขอให้บิดาของเขาหลีกเลี่ยงสงครามนี้ในระหว่างทาง [๗๐] ตามคำบอกเล่าของเชคอัล-มูฟีด (เสียชีวิต ๔๑๓ ฮ.ศ.) อิมามฮะซัน (อ.) ได้รับมอบหมายจากบิดาให้เดินทางไปร่วมกับอัมมาร บิน ยาซิร และก็อยส์ บิน ซะอัด เพื่อระดมพลชาวเมืองกูฟะฮ์ให้เข้าร่วมกองทัพของอิมามอะลี (อ.) [๗๑] ฮะซัน บิน อะลี (อ.)ได้กล่าวคุฏบะฮ์ แก่ชาวเมืองกูฟะฮ์ โดยหลังจากกล่าวถึงความประเสริฐของอิมามอะลี (อ.) และการละเมิดสัญญาของฏ็อลฮะฮ์และอัซ-ซุบัยร์ เขาได้เรียกร้องให้พวกเหล่านี้ช่วยเหลืออิมามอะลี (อ.) [๗๒]
ในสงครามญะมัล เมื่ออับดุลลอฮ์ บิน อัซ-ซุบัยร์ กล่าวหาอิมามอะลี (อ.) ว่า สังหารอุษมาน ฮะซัน บิน อะลีได้กล่าวคุฏบะฮ์และชี้ให้เห็นถึงบทบาทของอัซ-ซุบัยร์และฏ็อลฮะฮ์ในการสังหารอุษมาน[๗๓] อิมามมุจญ์ตะบาอ์ (อ.) ในสงครามนี้ ได้รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการปีกขวาของกองทัพ [๗๔] อิบนุ ชะฮ์ออชูบได้รายงานไว้ว่า อิมามะอลี(อ.) ในสงครามนี้ได้มอบหอกของเขาให้มุฮัมมัด บิน ฮะนะฟียะฮ์ และสั่งให้เขาทำลายอูฐของท่านหญิงอาอิชะฮ์ แต่เขาไม่สามารถกระทำได้ จากนั้น ฮะซัน บิน อะลีได้รับหอกและสามารถทำให้อูฐได้รับบาดเจ็บ [๗๕] มีการรายงานว่า หลังจากสงครามญะมัล อิมามอะลี(อ.) ป่วยและได้มอบหมายให้ฮะซัน บุตรชายของท่าน เป็นผู้นำการนมาซญุมุอะฮ์ร่วมกับชาวเมืองบัศเราะฮ์ เขาได้กล่าวคุฏบะฮ์ในการนมาซ โดยเน้นย้ำถึงสถานภาพของอะฮ์ลุลบัยต์และผลร้ายของการละเลยหน้าที่ต่อพวกเขา [๗๖]
ในสงครามศิฟฟีน
ตามคำกล่าวของนัศร์ บิน มุซาฮิม (เสียชีวิต ๒๑๒ ฮ.ศ.) ฮะซัน บิน อะลีได้กล่าวคุฏบะฮ์ ก่อนที่กองทัพของอิมามอะลี(อ.) จะเคลื่อนพลไปยังศิฟฟีน โดยเขาได้เชิญชวนผู้คนให้เข้าร่วมทำญิฮาด[๗๗] ตามรายงานบางส่วน เขาร่วมกับฮุซัยน์ บิน อะลี(อ.) น้องชายของท่าน ได้รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการปีกขวาของกองทัพ [๗๘] ในรายงานของอัสกาฟี (เสียชีวิต ๒๔๐ ฮ.ศ.) ระบุว่า เมื่อฮะซัน บิน อะลีเผชิญหน้ากับหนึ่งในผู้นำกองทัพของชามในระหว่างการสู้รบ เขาปฏิเสธที่จะสู้กับอิมามฮะซัน(อ.) และกล่าวว่า ฉันเคยเห็นเราะซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ.) ขณะที่เขาขี่อูฐและท่าน (ฮะซัน) นั่งอยู่ข้างหน้า ฉันไม่ต้องการพบเราะซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ.) ในสภาพที่เลือดของท่านติดอยู่ที่คอของฉัน [๗๙]
ในหนังสือ วะเกาะอัต ศิฟฟีน ระบุว่า อุบัยดุลลอฮ์ บิน อุมัร (บุตรของอุมัร บิน อัล-ค็อฏฏอบ) ได้พบกับฮะซัน บิน อะลี(อ.) ในระหว่างการสู้รบและเสนอให้เขารับตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์แทนบิดาของเขา เนื่องจากชาวเผ่ากุเรชเกลียดชังอะลี(อ.) อิมามฮะซัน(อ.) ตอบว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น จากนั้นอิมามฮะซันกล่าวกับเขาว่า ฉันเห็นว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้เจ้าจะต้องถูกสังหาร และชัยฏอนได้หลอกลวงเจ้าแล้ว ตามรายงานของวะเกาะอัต ศิฟฟีน อุบัยดุลลอฮ์ บิน อุมัรถูกสังหารในสงครามนั้น [๘๐] หลังจากสงครามสิ้นสุดลงและเกิดการฮะกะมียัต ฮะซัน บิน อะลีได้กล่าวปราศรัยแก่ผู้คนตามคำร้องขอของบิดา [๘๑] ในระหว่างการเดินทางกลับจากศิฟฟีน อิมามอะลี(อ.) ได้เขียนจดหมายถึงฮะซัน บุตรชายของเขา [๘๒]โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับจริยธรรมและการอบรม ซึ่งจดหมายนี้ มักถูกเรียกว่า จดหมายที่ ๓๑ ในหนังสือนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ [๘๓]
ในหนังสือ อัล-อิซตีอาบ เขียนว่า ฮะซัน บิน อะลี(อ.) ได้เข้าร่วมในสงครามนะฮ์รอวานด้วย [๘๔] นอกจากนี้ ในบางรายงานยังระบุว่า อิมามอะลี(อ.) ในช่วงวันสุดท้ายของชีวิต ขณะที่เตรียมกองทัพเพื่อเผชิญหน้ากับมุอาวียะฮ์อีกครั้ง เขาได้แต่งตั้งฮะซัน บุตรชายของท่าน เป็นผู้บัญชาการกองทัพหนึ่งหมื่นนาย [๘๕]