เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

อิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.)

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

อิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.)


มุฮัมมัด บิน ฮะซัน อัลอัสกะรี (อ.) หรือที่รู้จักในนาม อิมามมะฮ์ดี (อ.ญ) (ภาษาอาหรับ: الإمام المهدي عجل الله تعالى فرجه) อิมามซะมาน และ ฮุจญะฮ์ บิน อัลฮะซัน (ถือกำเนิดปี ๒๕๕ ฮ.ศ.) เป็นอิมามลำดับที่ ๑๒ และคนสุดท้ายของชีอะฮ์สิบสองอิมาม บรรดาชีอะฮ์เชื่อว่า เขาคือ มะฮ์ดี ผู้ถูกสัญญา ซึ่งจะปรากฏตัวหลังจากช่วงเวลาการเร้นกายที่ยาวนาน ช่วงการเป็นอิมามะฮ์ของเขาเริ่มต้นหลังจากการเป็นชะฮีดของบิดาของเขา คือ อิมามฮะซัน อัลอัสกะรี (อ.) ในปี ๒๖๐ ฮ.ศ. ตามแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ รายงานว่า ระบอบการปกครองราชวงศ์อับบาซียะฮ์ในช่วงการเป็นอิมามะฮ์ของอิมามฮะซัน อัลอัสกะรี (อ.) พยายามที่จะค้นหาบุตรชายของเขาในฐานะอัลมะฮ์ดี และผู้สืบทอดของบิดา ดังนั้น การการถือกำเนิดของอิมามซะมาน (อ.) จึงถูกเก็บเป็นความลับ และมีเพียงสาวกบางคนของอิมามคนที่ ๑๑ เท่านั้นที่ได้เห็นเขา หลังจากการชะฮีดของอิมามอัลอัสกะรี (อ.) ชีอะฮ์บางส่วนเกิดความสงสัย และการเกิดกลุ่มต่างๆ ขึ้นในชุมชนของชีอะฮ์ บางกลุ่มหันไปสนับสนุนญะอ์ฟัร อัล-กัซซาบ ลุงของอิมามซะมาน (อ.) ในสถานการณ์เช่นนี้ เตากีอาตของอิมามซะมาน (อ.) ซึ่งถูกเขียนถึงชีอะฮ์และส่งผ่านตัวแทนพิเศษของเขา ช่วยให้บรรดาชีอะฮ์กลับมามีความแข็งแกร่งอีกครั้ง จนกระทั่งในศตวรรษที่ ๔ ฮ.ศ. จากกลุ่มต่างๆ ที่แยกตัวออกจากชีอะฮ์หลังจากการเป็นชะฮีดของอิมามคนที่ ๑๑ มีเพียงชีอะฮ์สิบสองอิมามเท่านั้นที่ยังคงอยู่

อิมามซะมาน (อ.) หลังจากการเป็นชะฮีดของบิดา ได้เข้าสู่ช่วงการเร้นกายระยะสั้น (ฆ็อยบะฮ์ อัศศุฆรอ) และในช่วงเวลานี้ เขาได้ติดต่อกับบรรดาชีอะฮ์โดยผ่านตัวแทนพิเศษทั้ง ๔ คน ตั้งแต่ปี ๓๒๙ ฮ.ศ. การติดต่อกับตัวแทนพิเศษก็สิ้นสุดลง และเริ่มต้นการเร้นกายระยะยาว (ฆ็อยบะฮ์ อัลกุบรอ) นักวิชาการชีอะฮ์ได้อธิบายเหตุผลและรายละเอียดเกี่ยวกับอายุขัยที่ยาวนานของอิมามซะมาน (อ.) และในฮะดีษของบรรดามะอ์ศูมีน (อ.) การเร้นกายของเขาเปรียบเสมือนกับดวงอาทิตย์ที่ถูกบดบังด้วยหมอกเมฆ

บรรดาชีอะฮ์ต่างเชื่อว่า อิมามมะฮ์ดี (อ.) ยังมีชีวิตอยู่ และจะปรากฏตัวในอนาคต พร้อมกับบรรดาผู้ช่วยเหลือเขา เพื่อสถาปนารัฐบาลโลกที่เต็มไปด้วยความยุติธรรม และจะทำให้โลกที่เต็มไปด้วยความอยุติธรรมกลับมาสู่ความยุติธรรมอีกครั้ง ในฮะดีษของอิสลาม มีการเน้นย้ำถึงการรอคอยการปลดปล่อย (อินติซอรุลฟะร็อจ) และบรรดาชีอะฮ์เชื่อว่า หมายถึง การรอคอยการปรากฏตัวของอิมามซะมาน (อ.ญ.)

บรรดานักตัฟซีรอัลกุรอานของชีอะฮ์ได้อ้างอิงฮะดีษต่างๆเพื่ออธิบายว่า บางอายะฮ์ในอัลกุรอานหมายถึง อิมามซะมาน (อ.) นอกจากนี้ ยังมีฮะดีษอีกมากมายที่กล่าวถึงชีวิต การเร้นกาย และรัฐบาลของเขา มีรายงานว่า มีหนังสือมากกว่า ๒,๐๐๐ เล่มที่เขียนเกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี (อ.) ในหลายภาษาและหลายหัวข้อด้วยกัน

อะฮ์ลุสซุนนะฮ์มีความเชื่อในบุคคลที่ชื่อ อัลมะฮ์ดี ในฐานะผู้ปลดปล่อยในยุคสมัยสุดท้าย และถือว่า เขาเป็นลูกหลานของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ขณะเดียวกัน บางส่วนของอะฮ์ลุสซุนนะฮ์เชื่อว่า เขาจะถือกำเนิดในอนาคต ในขณะที่นักวิชาการบางคนเช่น ซับฏ์ อิบนุ เญาซี และ อิบนุ ฏ็อลฮะฮ์ อัช-ชาฟิอี มีความเชื่อเช่นเดียวกับชีอะฮ์ว่า มะฮ์ดี ผู้ถูกสัญญา คือ บุตรของอิมามฮะซัน อัลอัสกะรี (อ.) ที่ถือกำเนิดในปี ๒๕๕ ฮ.ศ.

มีดุอาอ์และบทซิยาเราะฮ์อย่างมากมายที่ถูกกล่าวถึงการเชื่อมความสัมพันธ์กับอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ในยุคแห่งการเร้นกาย เช่น ดุอาอ์ฟะร็อจญ์ ดุอาอ์อัลอะฮ์ด ดุอาอ์อัลนุดบะฮ์ บทซิยาเราะฮ์อาลิยาซีน และ นมาซอิมามซะมาน บางฮะดีษรายงานว่า การพบปะกับอิมามซะมาน (อ.) ในยุคแห่งการเร้นกาย ถือว่า มีความเป็นไปได้ และนักวิชาการชีอะฮ์บางคนได้บันทึกเรื่องราวของบุคคลที่ได้พบปะกับเขาอีกด้วย

สถานที่หลายแห่งถูกเชื่อมโยงว่า มีความสัมพันธ์กับอิมามซะมาน (อ.) เช่น ซิรดาบฆ็อยบะฮ์ ในเมืองซามัรรอ มัสญิดอัซซะฮ์ละฮ์ ในเมืองกูฟะฮ์ และ มัสญิดญัมกะรอน ในเมืองกุม

นาม ฉายานาม และสมญานาม
ในฮะดีษต่างๆของชีอะฮ์ มีการกล่าวถึงนามต่าง ๆ สำหรับอิมามคนที่ ๑๒ เช่น มุฮัมมัด อะห์มัด และอับดุลลอฮ์ ขณะเดียวกัน เขามักถูกเรียกว่า อัลมะฮ์ดี ตามฮะดีษต่าง ๆรายงานว่า เขามีชื่อเดียวกันกับศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ.) ในบางฮะดีษและแหล่งข้อมูล เช่น อัลกาฟีย์ และ กะมาลุดดีน ชื่อของเขาถูกเขียนแยกเป็นตัวอักษร มีม ฮา มีม ดาล (๓) การเขียนแยกดังกล่าวนี้ เนื่องจากในฮะดีษได้สั่งห้ามการกล่าวถึงนามของเขาโดยตรง (๔)

การสั่งห้ามกล่าวนาม

มีฮะดีษอย่างมากมายในแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ที่ห้ามการกล่าวถึงนามของอิมามคนที่ ๑๒ และถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม (๕) มีสองทฤษฎีหลักเกี่ยวกับฮะดีษเหล่านี้ : ทฤษฎีแรกมาจากบุคคล เช่น ซัยยิดมุรตะฎอ ฟาฏิลมิกดาด มุฮักกิกฮิลลี อัลลามะฮ์ฮิลลี ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า การสั่งห้ามนี้เกี่ยวข้องกับช่วงยุคสมัยแห่งการตะกียะฮ์ ในทางตรงกันข้าม มีรดามาด และ มุฮัดดิษนูรี ถือว่า การสั่งห้ามนี้ มีผลมาโดยตลอดช่วงยุคก่อนการปรากฏตัว (๖)

มัจญ์ลิซี เอาวัล ได้เขียนในหนังสือ ละวามิอ์ ศอฮิบกิรอนี ในคำอธิบายของ หนังสือ มันลายะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ ได้อ้างอิงจากเชคบะฮาอีย์ ซึ่งเขาถือว่า การกล่าวนามหลัก (มุฮัมมัด) เป็นสิ่งที่อนุญาต แต่ถือว่า เป็นฮะรอมในช่วงเวลาของการเร้นกายระยะสั้น (เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อิมามจะถูกระบุตัวและศัตรูจะเข้าถึงเขา) และในที่สุด เขาเชื่อว่า เนื่องจากในคำสอนมีการห้ามการกล่าวนามของอิมามอย่างชัดเจนก่อนการปรากฏตัว อาจเป็นไปได้ว่า การสั่งห้ามกล่าวนาม (มีม ฮา มีม ดาล ) ในช่วงเวลาของการเร้นกายระยะยาว ก็มีผลเช่นกัน แต่ในช่วงเวลาของการเร้นกายระยะสั้นนั้น การสั่งห้ามมีความเข้มงวดมากกว่า [๗]

ฉายานามและสมญานาม

อิมามคนที่ ๑๒ ของชีอะฮ์ มีฉายานามและสมญานามอย่างมากมาย มุฮัดดิษ นูรี เขียนในหนังสือ นัจญ์มุษษากิบ ว่า มีฉายานามและสมญานาม ประมาณ ๑๘๒ ชื่อ ด้วยกัน และในหนังสือ นอม นอเมฮ์ ฮัซระเต มะฮ์ดี (อ.ญ.) มีประมาณ ๓๑๐ นามและสมญานามของอิมามมะฮ์ดี บางส่วนของสมญานาม ซึ่งมุฮัดดิษ นูรี ได้กล่าวถึง มีดังนี้ มะฮ์ดี กออิม บากียะตุลลอฮ์ มุนตะกิม เมาอูด ศอฮิบุซซะมาน คอตะมุลเอาศิยาอ์ มุนตะซอร ฮุจญะตุลลอฮ์ อะห์มัด อะบุลกอซิม อบูศอลิห์ คอตะมุลอะอิมมะฮ์ เคาะลีฟะตุลลอฮ์ ศอลิห์ และศอฮิบุลอัมร์ (๘)

นามและฉายาของอิมามที่สิบสองของชีอะฮ์ ยังถูกกล่าวถึงในแหล่งข้อมูลของอะฮ์ลุสซุนนะฮ์อีกด้วย แม้ว่า ในแหล่งข้อมูลเหล่านี้ จะใช้คำว่า อัลมะฮ์ดี เป็นส่วนใหญ่ และสมญานามและคุณลักษณะพิเศษอื่น ๆ จะถูกกล่าวถึงน้อยกว่า และสมญานาม อัลกออิม ก็พบได้น้อยในแหล่งข้อมูลของอะฮ์ลุสซุนนะฮ์ [๙]

ครอบครัว
บิดาของอิมามซะมาน คือ อิมามฮะซัน อัลอัสกะรี (อ.) ซึ่งเป็นอิมามลำดับที่สิบเอ็ดของชีอะฮ์อิมามียะฮ์ ที่ดำรงตำแหน่งอิมามะฮ์ หลังจากการเป็นชะฮีดของอิมามฮาดี (อ.) ในปี ๒๕๔ ถึง ๒๖๐ ฮ.ศ. [๑๐] มารดาของอิมามซะมาน (อ.ญ.) มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น นัรญิส ซูซัน เศาะกีล หรือ ศ็อยก็อล ฮะดีษะฮ์ และ ฮะกีมะฮ์ [๑๑] และมีรายงานสี่ประเภทเกี่ยวกับชีวประวัติและคุณลักษณะของนาง ตามรายงานที่เชคศอดูกได้บันทึกไว้ในหนังสือกะมาลุดดีน [๑๒] นางเป็นเจ้าหญิงแห่งโรมัน และในริวายะฮ์อื่น ๆ โดยไม่กล่าวถึงชีวประวัติของนาง มีเพียงการกล่าวถึงการเลี้ยงดูมารดาของอิมามซะมานในบ้านของท่านหญิงฮะกีมะฮ์ บุตรีของอิมามญะวาด (อ.) [๑๓] ตามรายงานที่มัสอูดีได้บันทึกไว้ในหนังสืออิษบาตุลวะศียะฮ์ [๑๔] มารดาของอิมามมะฮ์ดี นอกจากจะได้รับการเลี้ยงดูในบ้านของป้าของอิมามลำดับที่สิบเอ็ดแล้ว ยังถือกำเนิดในบ้านหลังนั้นด้วย ในรายงานอื่นๆ มารดาของอิมามซะมาน (อ.) ถูกกล่าวถึงว่า เป็นทาสหญิงผิวสี [๑๕] อัลลามะฮ์ มัจญ์ลิซี กล่าวว่า รายงานล่าสุดนี้ มีความขัดแย้งกับรายงานอื่นๆ ในเรื่องนี้ เว้นแต่ว่า เราจะหมายความว่า พวกเขากำลังกล่าวถึงมารดาที่เป็นคนกลางหรือผู้ที่เลี้ยงดูของอิมามซะมาน [๑๖]

ตามที่ระบุไว้ในสารานุกรม มะฮ์ดะวียัต มารดาของอิมามฮะซัน อัลอัสกะรี (อ.) และย่าของอิมามซะมาน (อ.ญ.) ซึ่งในริวายะฮ์ต่างๆ เรียกว่า ญัดดะฮ์ หลังจากการเป็นชะฮีดของอิมามอัลอัสกะรี (อ.) ภาระหน้าที่ของบรรดาชีอะฮ์ส่วนใหญ่จึงตกอยู่กับนาง [๑๗] นอกจากนี้ ท่านหญิงฮะกีมะฮ์ บุตรีของอิมามญะวาด (อ.) และป้าของอิมามอัลอัสกะรี (อ.) มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาของอิมามทั้งสี่คน และตามแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ รายงานว่า นางเป็นพยานและผู้รายงานการถือกำเนิดของอิมามซะมาน (อ.ญ.) และมารดาของอิมามมะฮ์ดีได้รับการเลี้ยงดูในบ้านของนาง และมีรายงานหลายฉบับเกี่ยวกับการถือกำเนิดของอิมามซะมานก็ได้ถูกบันทึกโดยนางอีกด้วย [๑๘]

ญะอ์ฟัร บิน อะลี ลุงของอิมามซะมาน (อ.ญ.) หลังจากการเป็นชะฮีดของอิมามอัลอัสกะรี (อ.) ได้อ้างตำแหน่งอิมามะฮ์และด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกเรียกว่า ญะอ์ฟัร อัลกัซซาบ แหล่งรายงานฮะดีษกล่าวถึงเขาว่า เป็นผู้ที่กระทำบาปใหญ่และมีความประพฤติที่ไม่ดี [๑๙] นอกจากเขาจะอ้างตำแหน่งอิมามะฮ์และปฏิเสธการมีทายาทของอิมามอัลอัสกะรี (อ.) แล้ว เขายังยุยงผู้ปกครองในเวลานั้นให้ทำการต่อต้านอิมามลำดับที่สิบสอง [๒๐] ตามแหล่งข้อมูลบางแห่ง รายงานว่า เขายังคงยืนยันการอ้างตำแหน่งของเขาจนสิ้นชีวิตและถือว่า ตนเองเป็นอิมาม แหล่งข้อมูลอื่นๆ บันทึกว่า เขาเลิกอ้างตำแหน่งและกลับใจ และชีอะฮ์จึงเรียกเขาว่า ญะอ์ฟัร อัตเตาบะฮ์ แทน เขาเสียชีวิตที่เมืองซามัรรอด้วยวัย ๔๕ ปี [๒๑] มุฮ์ซิน อะมีน ผู้เขียนหนังสือ อะอ์ยานุชชีอะฮ์ ก็ได้กล่าวถึงญะอ์ฟัร ด้วยฉายา อัตเตาบะฮ์ โดยไม่ได้ระบุแหล่งที่มา [๒๒] ในแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์และอะฮ์ลุสซุนนะฮ์ส่วนใหญ่ รายงานว่า อิมามมะฮ์ดี (อ.) ถูกกล่าวถึงว่า เป็นบุตรคนเดียวของอิมามฮะซัน อัลอัสกะรี (อ.) [23] แม้ว่า ตามคำกล่าวอ้างอื่น ๆ เขามีพี่ชายสองคนและน้องสาวสามคนก็ตาม (๒๔)

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม