การจากไป(วะฟาตหรือชะฮีด)ของศาสดา (ศ็อลฯ) จากแหล่งข้อมูลชีอะห์และซุนนี
การจากไป(วะฟาตหรือชะฮีด)ของศาสดา (ศ็อลฯ) จากแหล่งข้อมูลชีอะห์และซุนนี
มีหลักฐานมากมายที่แสดงให้เห็นว่า การจากไปของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) มิใช่เพียงการเสียชีวิตธรรมดา หากแต่เกี่ยวข้องกับการถูกวางยาพิษ ซึ่งบันทึกต่าง ๆ ที่สนับสนุนแนวคิดนี้มีจำนวนมากจนเข้าข่าย “ตะวาฏิรมะอฺนาวี” (ความหนักแน่นทางความหมายจากหลายแหล่ง) และเมื่อนำมารวมกัน ก็สามารถสรุปได้ว่า ท่านศาสดาได้เป็นชะฮีด (เสียชีวิตในหนทางของอัลลอฮ์)
#คำพยากรณ์ล่วงหน้าถึงการจากไปของท่านศาสดา
ในปีที่ 11 หลังจากฮิจเราะห์ (การอพยพไปยังมะดีนะฮ์) ขณะที่ท่านศาสดาเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ครั้งสุดท้าย ท่านได้กล่าวล่วงหน้าอย่างชัดเจนในหลายโอกาสทั้งในมักกะฮ์ ที่กอเดียร์คุม (غدیر خم) หรือในมะดีนะฮ์ ทั้งก่อนและระหว่างเจ็บป่วยว่าการจากไปของท่านใกล้เข้ามาแล้ว
#คัมภีร์อัลกุรอาน ก็ได้เตือนบรรดาผู้ศรัทธาว่าศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับผู้อื่น ต้องการอาหาร เสื้อผ้า แต่งงาน เจ็บป่วย และแก่ชราและในที่สุดก็จะเสียชีวิตเช่นเดียวกับมนุษย์ทั่วไป
คำกล่าวก่อนจากลา:
ประมาณ 1 เดือนก่อนการเสียชีวิต ท่านศาสดาได้กล่าวว่า:
“เวลาลาจากใกล้เข้ามาแล้ว และฉันกำลังจะกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า... ฉันจะจากพวกท่านไป โดยทิ้งสิ่งล้ำค่าสองประการไว้เบื้องหลัง คือ คัมภีร์ของอัลลอฮ์ และ วงศ์วานของฉัน (อะฮฺลุลบัยต์) อัลลอฮ์ผู้ทรงรอบรู้ได้แจ้งฉันว่า ทั้งสองจะไม่แยกจากกันจนกว่าจะมาพบฉันที่บ่อน้ำเกาษัร (สระน้ำเกาษัร) ดังนั้นจงระวังให้ดีว่าพวกท่านจะปฏิบัติต่อทั้งสองสิ่งนี้อย่างไรหลังจากฉันไป”
ในช่วงพิธีฮัจญ์ครั้งสุดท้าย ขณะขว้างเสาหินที่มินา ท่านกล่าวว่า:
“จงเรียนรู้พิธีฮัจญ์จากฉัน เพราะบางทีปีนี้อาจเป็นปีสุดท้าย และท่านจะไม่ได้เห็นฉันในสถานที่แห่งนี้อีกเลย”
วันหนึ่ง เมื่อมีคนแจ้งข่าวว่าผู้คนรู้สึกเศร้าและเป็นกังวลเกี่ยวกับการจากไปของท่าน ศาสดาเดินทางไปยังมัสยิดโดยพิงกับ อัลฟัฎล์ อิบนิ อับบาส และ อิมามอะลี (อ.) ท่านกล่าวว่า:
“มีใครบ้างจากหมู่ศาสดาที่มีชีวิตอมตะก่อนหน้าฉัน? จงรู้เถิดว่า ฉันกำลังจะกลับสู่ความเมตตาของพระเจ้า และพวกท่านก็จะตามมาสู่พระเมตตานั้นเช่นกัน”
อีกวันหนึ่งท่านศาสดาเดินทางไปยัง สุสานบะกีอฺ (قبرستان بقیع) พร้อมกับอิมามอะลี (อ.) และเหล่าสหาย เพื่อขออภัยโทษให้ผู้ล่วงลับ จากนั้น ท่านกล่าวกับอะลีว่า:
“กุญแจแห่งขุมทรัพย์ของโลกนี้และชีวิตนิรันดรอยู่ในมือฉัน และฉันถูกให้เลือกระหว่างสิ่งนี้กับการพบพระเจ้า ฉันเลือกการพบกับพระเจ้าและสวรรค์ของพระองค์”
คำกล่าวสุดท้ายก่อนจากลา
ในไม่กี่วันก่อนเสียชีวิต ท่านศาสดาได้กล่าวหลังละหมาดซุบฮ์ว่า:
“โอ้ผู้คน! ไฟแห่งความวุ่นวายกำลังลุกโชน และคลื่นแห่งฟิตนะฮ์กำลังมาเหมือนความมืดในยามค่ำคืน ในวันกิยามะฮ์ ฉันจะรอท่านทั้งหลายที่ห่างเกาษัร และจะสอบถามพวกท่านเกี่ยวกับ ‘สองสิ่งล้ำค่า’ (คัมภีร์และวงศ์วานของฉัน) เพราะอัลลอฮ์ทรงแจ้งฉันว่าทั้งสองจะไม่แยกจากกันจนกว่าจะมาพบฉัน... ดังนั้นจงอย่าละเลย หรือก้าวล้ำหน้าพวกเขา (อะฮฺลุลบัยต์) เพราะนั่นจะนำไปสู่ความแตกแยกและหายนะ”
จากนั้นท่านจึงเดินกลับบ้านอย่างยากลำบากโดยมีน้ำตาและความอาลัยจากประชาชนหลั่งไหลมาส่งเสด็จท่านศาสดาเป็นครั้งสุดท้าย
วันเวลาที่ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) เสียชีวิต
ในประเด็นเกี่ยวกับ วันเสียชีวิตของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) นั้น นักประวัติศาสตร์และนักวิชาการจากสายชีอะห์และซุนนีมีความเห็นต่างกัน
นักประวัติศาสตร์และผู้เรียบเรียงชีวประวัติของสายชีอะห์ (ตามคำบอกเล่าของอะฮฺลุลบัยต์) เชื่อว่า ท่านศาสดาเสียชีวิตในวัน จันทร์ ที่ 28 เดือนซอฟัร ปีฮิจเราะห์ที่ 11 (ตามปฏิทินจันทรคติอิสลาม)
ขณะที่นักวิชาการสายซุนนี ส่วนใหญ่เห็นว่าท่านศาสดาเสียชีวิตในเดือน เราะบีอุลเอาวัล แม้จะมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องวันที่แน่ชัด: บางท่านระบุว่าเป็นวันที่ 1, บ้างกล่าวว่าเป็นวันที่ 2,และบางกลุ่มชี้ว่าเป็นวันที่ 12 และบางรายงานก็ระบุเป็นวันอื่น ๆ ภายในเดือนเดียวกัน
ท่าน ชัยคฺ อับบาส กุมมี กล่าวว่า: นักวิชาการซุนนีส่วนมากเชื่อว่าท่านศาสดาเสียชีวิตในวันจันทร์ที่ 12 เดือนเราะบีอุลเอาวัล
เหตุการณ์ก่อนการจากไปของท่านศาสดา (ศ็อลฯ)
ในช่วงวันสุดท้ายก่อนการเสียชีวิต ท่านศาสดาได้กล่าวคำสั่งเสียกับอิมามอะลี (อ.) ว่า:
“โอ้ อะลี จงเป็นผู้ชำระร่างกายฉัน ห่อผ้าคาฟัน และละหมาดเหนือร่างของฉัน”
อิมามอะลี (อ.) ซึ่งมีความผูกพันกับท่านศาสดาอย่างลึกซึ้งจนดั่งดวงใจเดียวกัน ได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า:
“โอ้ ท่านศาสดาแห่งอัลลอฮ์ ข้าพเจ้ากลัวว่าจะไม่อาจทนรับภารกิจนี้ไหว”
ท่านศาสดาจึงเรียกอิมามอะลี (อ.) มาใกล้ตน แล้วมอบแหวนประจำตัวให้เขาสวม จากนั้นได้เรียกหาดาบ เสื้อเกราะ และอาวุธอื่น ๆ ของท่าน เพื่อนำไปมอบให้กับอะลี
ในวันถัดมาอาการป่วยของท่านทรุดหนักลง แต่แม้ในสภาพเช่นนั้นท่านยังคงสั่งเสียและเตือนสติผู้คนเกี่ยวกับ สิทธิของประชาชน และการเอาใจใส่ประชาชน
ท่านได้กล่าวกับผู้ที่อยู่รอบตัวว่า:
“จงเรียกพี่น้องและมิตรของฉันมา”
อุมมุสะลามะฮ์ ภรรยาของท่านศาสดากล่าวว่า:
“เรียกอะลีมาเถิด เพราะไม่มีใครอื่นนอกจากเขาที่ท่านศาสดาหมายถึง”
เมื่ออิมามอะลี (อ.) เข้ามาใกล้ ท่านศาสดาได้โอบกอดเขา และ สนทนาเป็นการส่วนตัวอย่างยาวนาน จนกระทั่งหมดสติไป
ด้วยความตกใจและเศร้าโศกหลานของท่านศาสดา คืออิมามฮะซันและอิมามฮุเซน (อ.) ก็ร้องไห้อย่างหนัก และโผเข้ากอดร่างของท่านศาสดา
อิมามอะลี (อ.) พยายามจะพาหลานทั้งสองออกจากร่างของท่านศาสดา แต่ท่านกลับรู้สึกตัวขึ้นมาพอดี และกล่าวว่า:
“โอ้ อะลี ปล่อยให้ทั้งสองอยู่กับฉัน ให้ฉันได้ดมกลิ่นกายพวกเขา และให้พวกเขาได้ดมกลิ่นฉัน… เพื่อที่เราจะได้มีความสุขจากกันและกัน”
ในที่สุด… ขณะที่ ศีรษะของท่านศาสดาพิงอยู่บนตักของอิมามอะลี (อ.) ท่านก็ได้มอบวิญญาณคืนแด่พระผู้เป็นเจ้า
สาเหตุการจากไปของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)
มีหลักฐานและรายงานจำนวนมากที่ชี้ให้เห็นว่า การจากไปของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) มิได้เกิดจากความเจ็บป่วยธรรมดาเท่านั้น หากแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ การวางยาพิษซึ่งรายงานเหล่านี้มีความหนักแน่นทั้งในสาย ชีอะห์ และ ซุนนี โดยหลายฝ่ายชี้ว่า ท่านศาสดา เสียชีวิตในลักษณะของ "ชะฮีด" (ผู้เสียสละในหนทางของพระเจ้า)
ในหนังสือและรายงานของฝ่ายชีอะห์รายงานเช่นนี้
รายงานที่ 1
อิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า:
"ด้วยความที่ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ชอบรับประทานเนื้อบริเวณหัวไหล่ของแกะ หญิงชาวยิวคนหนึ่งซึ่งรู้เรื่องนี้ จึงนำเนื้อส่วนนั้นมาใส่ยาพิษและมอบให้ท่าน"
ในรายงานนี้ ยืนยันว่าท่านศาสดาได้รับพิษจริง แม้ไม่ได้กล่าวชัดเจนว่า เสียชีวิตจากพิษนั้นหรือไม่
รายงานที่ 2
อิมามศอดิก (อ.) ยังกล่าวอีกว่า:
“ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ถูกวางยาพิษในเหตุการณ์ สงครามค็อยบัร และเมื่อถึงวาระสุดท้าย ท่านได้กล่าวว่า ‘คำหนึ่งในวันนั้นที่ฉันทานในค็อยบัร บัดนี้ได้ทำลายอวัยวะของฉัน’ ไม่มีศาสดา หรือผู้สืบตำแหน่งใดเลย ที่จากโลกนี้ไปโดยไม่เป็นชะฮีด”
จากรายงานนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันว่าท่านศาสดาถูกวางยาพิษและเสียชีวิตจากพิษเท่านั้น ยังมีการระบุว่า ศาสดาและตัวแทนของพระองค์ทุกคนต้องจากโลกด้วยการเป็นชะฮีด ไม่ใช่ด้วยความตายธรรมดา
ด้วยแนวคิดนี้นักวิชาการชีอะห์หลายท่านจึงเชื่อว่าแม้ไม่มีหลักฐานเฉพาะกรณี พวกเขาก็ยังเชื่อได้ว่า การจากไปของท่านศาสดา มิใช่การเสียชีวิตธรรมดา
ส่วนในตำราของฝ่ายซุนนีมีรายงานว่า:
รายงานที่ 1
ในหนึ่งในตำราที่น่าเชื่อถือที่สุดของฝ่ายซุนนี ระบุว่า:
“ในช่วงที่ท่านศาสดาล้มป่วย ท่านกล่าวกับภรรยา อาอิชะฮ์ ว่า: ‘ฉันยังคงรู้สึกถึงความเจ็บจากอาหารที่ฉันทานในวันค็อยบัร และดูเหมือนว่าพิษนี้กำลังจะคร่าชีวิตฉัน’”
รายงานเดียวกันนี้ยังปรากฏใน "ซุนนะฮ์ ดาริมี" และมีการกล่าวถึงว่า มีสหายของท่านศาสดาหลายคนที่เสียชีวิตจากอาหารมื้อนั้นด้วย
รายงานที่ 2
อิหม่ามอะห์มัด อิบนุฮัมบัล ได้บันทึกในหนังสือ "มุสนัด" ว่า:
มีหญิงชื่อ อุมมุมุบัชชีร์ ซึ่งลูกชายของเธอเสียชีวิตจากการรับประทานอาหารพิษร่วมกับท่านศาสดา ได้ไปเยี่ยมท่านในช่วงป่วย และกล่าวว่า
“ข้าพเจ้าเชื่อว่า โรคของท่านมาจากอาหารมื้อนั้น เพราะลูกข้าก็เสียชีวิตด้วยเหตุเดียวกัน”
ท่านศาสดาตอบว่า: “ฉันก็ไม่พบสาเหตุใดอื่นนอกจากพิษนั้น และดูเหมือนมันจะเป็นจุดจบของฉัน”
อัลอัลลามะฮ์ มัจลิซี ก็ได้รายงานเรื่องนี้ในทำนองเดียวกัน และชี้ว่าด้วยเหตุนี้เองที่ มุสลิมจำนวนมากเชื่อว่า ท่านศาสดาไม่เพียงเป็นศาสดา แต่ยังเป็นผู้ได้รับเกียรติเป็นชะฮีดด้วย
รายงานที่ 3
มุฮัมมัด อิบนุซะอฺด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักประวัติศาสตร์ยุคต้น ได้เล่าเหตุการณ์นี้ว่า:
หลังจากท่านศาสดาชนะสงครามค็อยบัร และสถานการณ์กลับสู่ปกติ มีหญิงชาวยิวชื่อ ไซนับ ซึ่งเป็นหลานสาวของ "มารฮับ" (แม่ทัพชาวยิวที่ถูกสังหาร) ได้ถามผู้อื่นว่า:
“ท่านศาสดาชอบเนื้อส่วนใดของแกะมากที่สุด?”
เมื่อได้รับคำตอบว่า "หัวไหล่" เธอจึงปรุงอาหารโดยใช้เนื้อส่วนนั้น แล้วไปปรึกษากับชาวยิวคนอื่น ๆ เพื่อเลือก ยาพิษที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งเชื่อกันว่าไม่มีใครรอดชีวิตจากมันได้
หลังจากทำอาหาร เธอก็นำมาให้ท่านศาสดาหลังละหมาดมักริบ โดยอ้างว่าเป็นของขวัญ
ท่านศาสดาและสหายบางคนรับประทานอาหารนั้น กระทั่งท่านศาสดารู้สึกผิดปกติ และกล่าวว่า:
“หยุดก่อน! ดูเหมือนว่าอาหารนี้มีพิษ!”
จากเหตุการณ์นี้จึงสรุปว่า การเสียชีวิตของท่านศาสดา เกิดจากพิษนั้น ซึ่งค่อย ๆ แสดงผลในร่างกายท่านจนถึงวันสุดท้าย
บทสรุป:
เมื่อพิจารณารายงานต่าง ๆ จากทั้งแหล่งข้อมูลของ ชีอะห์และซุนนีจะพบว่า แนวคิดเรื่องการเป็นชะฮีดของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) อันเกิดจากการถูกวางยาพิษนั้น ได้รับการสนับสนุนอย่างมีน้ำหนัก โดยแทบทุกรายงานระบุว่าการวางยาพิษนี้เกิดขึ้นในช่วงสงครามค็อยบัร และกระทำโดยหญิงชาวยิวคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม...ควรเข้าใจว่าประเด็นนี้ไม่ได้ถือเป็นหลักความเชื่อขั้นพื้นฐานของศาสนาอิสลาม (อุซูลุดดีน) และไม่ใช่สิ่งที่การมีหรือไม่มีความเชื่อต่อมันจะส่งผลต่อการเป็นมุสลิม หรือไม่ดังนั้น แม้บางคนจะไม่เชื่อว่าท่านศาสดาเสียชีวิตจากการวางยาพิษ และมองว่าเป็นการเสียชีวิตจากโรคปอดบวม หรือไข้สูง ก็ไม่ถือว่าออกจากศาสนาแต่อย่างใด
ทั้งนี้แม้ในบางรายงาน ท่านศาสดาเองยังกล่าวไว้ว่า
“ฉันจะไม่ล้มป่วยด้วยโรคบางชนิด”
ซึ่งขัดแย้งกับทัศนะของผู้ที่มองว่าท่านเสียชีวิตด้วยโรคทั่วไป
จึงสรุปว่า:แนวคิดเรื่องท่านศาสดาเป็นชะฮีดจากการถูกวางยาพิษ มีรากฐานจากแหล่งข้อมูลหลายสายและได้รับการกล่าวถึงโดยอิมามและนักวิชาการทั้งในชีอะห์และซุนนี แม้ไม่ใช่ความเชื่อบังคับ แต่ก็เป็นแนวคิดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
บทความโดย เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม

