ขออยู่กับผู้สัจจริง
หมายเหตุ
๑. ศ่อฮีฮฺบุคอรี เล่ม ๒ หน้า ๑๖๓ และเล่ม ๑ หน้า ๑๕๘ หมวดว่าด้วย “การวะฟาตของมูซา” และหมวดว่าด้วย “ความชอบที่จะฝังคนตายในแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์
๒. ศ่อฮีฮฺเล่ม ๒ หน้า ๓๐๙ หมวดว่าด้วย “ความดีของมูซา(อฺ) จาก กิตาบุ ฟะฏออิล”
๓. จาก “ตัฟซีรอัฏ-ฏ็อบรี” เล่ม ๑๔ หน้า ๑๐๙, “ตัฟซีรอิบนุกะษีร” เล่ม ๒ หน้า ๕๗๐
๔. รายงานโดยท่านติรมีซีในหนังสือ “ศ่อฮีฮฺติรมีซี” เล่ม ๕ หน้า ๓๒๙, อีกทั้งท่านนะซาอี และอิมามอะฮฺมัด
๕. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๒ หน้า ๓๖๒ หมวดว่าด้วย “เกียรติของอะลี บินอะบีฏอลิบ”
๖. รายงานโดยท่านฮากิมใน “มุซตัดร็อก” เล่ม ๓ หน้า ๑๔๙ จากท่านอิบนิอับบาซ ท่านกล่าวว่า “นี่คือฮะดีษศ่อฮีฮฺ”
๗. จาก “มุซนัดอิมามอะฮฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๔ หน้า ๑๒๖
๘. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๙๙ หมวดว่าด้วย “การอนุญาตให้โกรธและใช้ความรุนแรงตามคำสั่งของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)”
๙. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” ใน “กิตาบฟะฏออิลุศ-ศ่อฮาบะฮฺ”, “มุซนัดอะฮฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๔ หน้า ๓๙๘
๑๐. รายงานโดย อัล-กอฎี ในหนังสือ “ดะอาอิมุล-อิสลาม”
๑๑. ดังเช่น พวกที่อะบูบักรฺได้ทำสงคราม และให้ชื่อว่า พวกเขาเป็นพวกมุรตัด(ตกศาสนา)
๑๒. จากกรณีที่แสดงความชิงชังต่ออุษมาน บินอัฟฟาน โดยศ่อฮาบะฮฺจำนวนมากจนกระทั่งได้ฆ่าเขาเสีย
๑๓. เช่น การทำสงครามญะมัล สงครามศิฟฟีน สงครามนะฮฺรอวาน และอื่นๆ
๑๔. ฮะดีษที่ว่า “อัมมารนั้น พวกละเมิดศาสนาจะเข่นฆ่าเขา”
๑๕. จาก “ศ่อฮีฮฺติรมีซี” เล่ม ๕ หน้า ๓๒๘, “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๒ หน้า ๓๖๒, “อัน-นะซาอี ฟิล เคาะศออิศ”, “กันซุลอุมมาล” เล่ม ๑ หน้า ๔๔
๑๖. ดังฮะดีษที่ว่า “อิมามหลังจากฉันมี ๑๒ คน คนแรกคืออะลี คนสุดท้ายคืออัล-กออิม พวกเขาทั้งหมดเป็นค่อลีฟะฮฺของฉันและทายาทของฉัน”
๑๗. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๑ ใน “กิตาบุล-อิลมิ”, “ศ่อฮีฮฺติรมิซี” ใน “กิตาบุล-อิลมิ” เช่นกัน
๑๘. จาก “อักดุล-ฟะรีด” ของ อิบนิอับดุร ร็อบบะฮฺ และ “อัล-ฟุศูลุล-มุฮิมมะฮฺ” ของ อิบนิศิบาฆ อัล-มาลิกี เล่ม ๓ หน้า ๔๒
๑๙. การอ่าน “บิซมิลลาฮฺ” ในนมาซ มัซฮับมาลิกีถือเป็นมักรูฮฺ มัซฮับชาฟีอีถือเป็นวาญิบ มัซฮับฮะนาฟีถือเป็นมุซตะฮับ ส่วนมัซฮับฮัมบาลีถือว่าให้อ่านค่อยๆ ในนมาซที่อ่านออกเสียง
๒๐. จาก “อัศศ่อวาอิก” ของอิบนุฮะญัร หน้า ๑๓๖ และ ๒๒๗, “อัลญามิอุศศ่อฆีร” ของซะยูฏี เล่ม ๒ หน้า ๑๓๒ , “มุซนัดอะฮฺมัด” เล่ม ๓หน้า ๑๗ และ เล่ม ๔ หน้า ๓๖๖
๒๑. จาก “นะฮฺญุล-บะลาเฆาะฮฺ” เล่ม ๒ หน้า ๑๙๐
๒๒. จาก “นะฮฺญุล-บะลาเฆาะฮฺ” เล่ม ๓ หน้า ๔๓๙
๒๓. ตัวอย่างในเรื่องนี้คือรายงานที่เล่าโดยอะบูฮุร็อยเราะฮฺ เช่น อัลลอฮฺ(ซ.บ.) สร้างอาดัม ตามรูปลักษณ์ของพระองค์ แต่อิมามญะอฺฟัร ศอดิก(อฺ) ได้ให้ความกระจ่างในข้อนี้ว่า แท้จริงท่านศาสดาแห่งอัลลอฮฺ(ศ)ตำหนิชายสองคนที่กำลังด่าทอกัน คนหนึ่งกล่าวว่า “ขอให้อัลลอฮฺ(ซ.บ.)สาปแช่งใบหน้าของท่านและใบหน้าคนที่คล้ายท่าน” ท่านศาสนทูต(ศ) จึงกล่าวกับคนนั้นว่า “แท้จริง อัลลอฮฺทรงสร้างอาดัมมาในรูปลักษณ์ของเขานั่นเอง” หมายความว่า ถ้าท่านด่าคนที่หน้าตาคล้ายกับเขา ก็เท่ากับด่าอาดัมด้วย เพราะอาดัมคล้ายกับเขานั่นเอง
๒๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๔๗, เล่ม ๕ หน้า ๑๗๙, เล่ม ๖ หน้า ๓๓
๒๕. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๒๒๖, เล่ม ๕ หน้า ๔๗-๔๘, และ “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๑ หน้า ๑๑๔-๑๒๒
๒๖. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๑๙๗
๒๗. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๑๘๒
๒๘. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๑๘๗, หน้า ๒๐๒ ยืนยันว่าอัลลอฮฺ(ซ.บ.) มีมือและมีนิ้ว
๒๙. โองการนี้บรรดาอิมามแห่งอะฮฺลุลบัยตฺ(อฺ) อธิบายว่า ในวันนั้นใบหน้าคนกลุ่มหนึ่งจะสวยงามสดใส และมองดูความเมตตาของพระผู้อภิบาลของพวกเขาอยู่
๓๐. จาก “นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ” อธิบายโดย มุฮัมมัด อับดุฮฺ เล่ม ๑ คุฏบะฮฺที่ ๑
๓๑. จาก “อะกออิด อิมามียะฮฺ”
๓๒. จาก “อัลบิดายะตุ-วันนิฮายะฮฺ” ของอิบนิกะษีร อ้างจาก อิมามอะฮฺมัด, มุสลิม, อะบูดาวูด และติรมิซี
๓๓. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” ใน “กิตาบ ฟะฏออิล” เล่ม ๗ หน้า ๙๕, “มุซนัดอะฮฺมัด” เล่ม ๑ หน้า ๑๖๒, เล่ม ๓ หน้า ๑๕๒
๓๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๒๙
๓๕. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๖๘
๓๖. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๑ หน้า ๑๒๓, เล่ม ๒ หน้า ๖๕
๓๗. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๑ หน้า ๓๗, หน้า ๔๔, หน้า ๑๗๑
๓๘. จาก “ซุนันดาริมี” ใน “กิตาบุ้ลร่อกอก”
๓๙. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” บทว่าด้วยเรื่อ “ฟะฏออิล อุษมาน” เล่ม ๗ หน้า ๑๑๗
๔๐. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๒๓๒,๒๓๔
๔๑. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๓ หน้า ๑๑๔, เล่ม ๗ หน้า ๙๖
๔๒. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๓ หน้า ๒๘๘, เล่ม ๒ หน้า ๓ หมวดว่าด้วย “วันอีดทั้งสอง”
๔๓. จาก “มุซนัดอะฮฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๖ หน้า ๗๕
๔๔. จาก “ตัฟซีรญะลาลัยนฺ” ในการอธิบายโองการที่ว่า “และเจ้าซ่อนไว้ในจิตใจของเจ้าซึ่งสิ่งที่อัลลอฮฺเป็นผู้เปิดเผยมัน”
๔๕. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๗ หน้า ๑๓๖ หมวดว่าด้วย “ฟะฏออิล อาอิชะฮฺ”
๔๖. เมืองญะรีดอยู่ทางภาคใต้ของประเทศตูนีเซีย ห่างจากก็อฟศ่อฮฺ ๙๒ ก.ม. เป็นบ้านเกิดของอะบูกอซิม ชาบี นักกวีผู้มีชื่อเสียง และคิฏิรฮุเซนซึ่งเป็นหัวหน้าคณะในมหาวิทยาลัยอัซฮัร และนักปราชญ์ส่วนใหญ่ของประเทศตูนีเซียก็กำเนิดที่เมืองนี้
๔๗. รายงานโดยบุคอรี ใน “ศ่อฮีฮฺ” เล่ม ๓ หน้า ๑๕๒ บทว่าด้วย “การเป็นพยานโดยคนตาบอด” ท่านกล่าวว่า บินอะบีด อิบนุมัยมูนได้เล่าว่า : อีซา(อฺ)ได้แจ้งให้ทราบว่า จากนางอาอิชะฮฺกล่าวว่า ท่านนบี(ศ)ได้ยินชายคนหนึ่งอ่านอัล-กุรอานในมัสญิด ท่าน(ศ)กล่าวว่า “เป็นความเมตตาจากอัลลอฮฺ(ซ.บ.)แน่นอน เขาได้ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงโองการนี้ขึ้นมาได้ ที่ข้าพเจ้าได้ทำตกหล่นไปในซูเราะฮฺนี้” ขอให้ท่านผู้อ่านพิจารณาดูให้ดีเถิด จะเป็นได้ว่าน่าแปลกใจเสียเหลือเกิน ศาสนทูต(ศ)ท่านนี้ทำโองการอัล-กุรอานตกหล่น และถ้าหากไม่มีชายตาบอดนี้อ่านโองการนั้นๆ ขึ้นมา จะต้องเกิดความเสียหายอย่างแน่แท้ “อัซตัฆฟิรุลลอฮฺ ข้าขออภัยต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) เพราะเรื่องเหลวไหลอย่างนี้”
๔๘. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๖ หน้า ๒๔ บทว่าด้วย “อิมามที่ดีและเลว”
๔๙. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๖ หน้า ๒๐ บทว่าด้วย “กิจการที่จำเป็นของญะมาอะฮฺเมื่อฟิตนะฮฺปรากฏ
๕๐. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๖ หน้า ๔ บทว่าด้วย “มนุษย์จะต้องปฏิบัติตามพวกกุเรช และตำแหน่งค่อลีฟะฮฺจะอยู่ในพวกกุเรช”
๕๑. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๖ หน้า ๓, “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๑๐๕ และ ๑๒๘
๕๒. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๖ หน้า ๒๓ บทว่าด้วย “จำเป็นต้องปฏิเสธนักปกครอง”
๕๓. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๑๒๗ บทว่าด้วย “อิซติคลาฟ”
๕๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๑๐๖ บทว่าด้วย “ข้อพึงรังเกียจต่อความอยากได้อำนาจปกครอง”
๕๕. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๑๐๖ บทว่าด้วย “ข้อพึงรังเกียจต่อความอยากได้อำนาจปกครอง”
๕๖. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๖ หน้า ๓ บทว่าด้วย “การเป็นค่อลีฟะฮฺในพวกกุเรช”
๕๗. จาก “ยะนาบีอุล-มะวัดดะฮฺ” เล่ม ๓ หน้า ๑๐๔
๕๘. จาก “ยะนาบีอุล-มุวัดดะฮฺ” เล่ม ๓ หน้า ๑๐๕
๕๙. อัต-ติรมิซี, อะบูดาวูด, อิบนิมาญะฮฺ, มุซนัดอะฮฺมัด บินฮัมบัล เล่ม ๒ หน้า ๓๓๒
๖๐. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หมวดว่าด้วย อัล-เฮาฏ์ เล่ม ๕ หน้า ๑๙๒
๖๑. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๖๓
๖๒. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๑๑๒
๖๓. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๑๔๔
๖๔. จาก “อัล-อิมามะฮฺ วัซซิยาซะฮฺ” ของอิบนุกุตัยบะฮฺ เล่ม ๑ หน้า ๒๘
๖๕. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๖ หน้า ๕ บทว่าด้วย “อัล-อิซติคลาฟวะตัรกะฮฺ”
๖๖. จาก “อัล-อิมามะฮฺ วัซซิยาซะฮฺ” ของอิบนุกุตัยบะฮฺ เล่ม ๑ หน้า ๑๘
๖๗. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๒๖ หมวดว่าด้วย “ร็อจญ์มอล-ฮับลี มิน-ซินา”
๖๘. จาก “ตารีค อัล-คุละฟาอ์” ของอิบนุกุตัยบะฮฺ เล่ม ๑
๖๙. จาก “อัล-มิลัล-วัน-นิฮัล” ของชะฮฺริซตานี อัช-ชาฟิอี เล่ม ๑ หน้า ๒๓
๗๐. ทั้งนี้เพราะมิใช่ว่าหลักฐานเหล่านี้จะมีเฉพาะแต่ในตำราของฝ่ายชีอะฮฺเท่านั้นหากแต่ยังมียืนยันอยู่ในตำราของฝ่ายซุนนะฮฺอีกด้วย
๗๑. อะบีอิซฮาก อะฮฺมัด บินมุฮัมมัด บินอิบรอฮีม อัน-นัยซารี อัษ-ษะอฺละบี เสียชีวิตเมื่อ ฮ.ศ. ๓๓๗ อิบนิค็อลกาน กล่าวไว้ว่า ท่านเป็นนักตัฟซีรที่มีวิชาการที่ถูกต้องคนหนึ่งแห่งยุค โดยมีหลักฐานที่มาอย่างน่าเชื่อถือยิ่ง
๗๒. จาก “อัลญัมอุ บัยนัศศิฮาฮิซ-ซิตตะฮฺ, “ศ่อฮีฮฺ-นะซาอี”, อิบนุฮะญัร ใน “เศาะวาอิก” และรายงานโดย อิบนุอะบิ้ลฮะดีด ใน “ชัรฮฺนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ”
๗๓. จาก “อัด-ดุรรุลมันษูร” เล่ม ๓ หน้า ๑๑๙
๗๔. จาก “ฟัตฮุลบารี” เล่ม ๖ หน้า ๓๑, “อัล-บิดายะตุ วัน-นิฮายะฮฺ” เล่ม ๘ หน้า ๑๐๒, “ซีรุอะอฺลาม อัน-นะบะลาอ์” ของซะฮะบี เล่ม ๒ หน้า ๔๓๖, “อัล-อิศอบะฮฺ” ของอิบนุฮะญัร เล่ม ๓ หน้า ๒๘๗
๗๕. จาก “อัค-ดุรรุล มันษูร” ของญะลาลุดดีน อัซ-ซะยูฏี เล่ม ๓ หน้า ๓
๗๖. อ้างแล้ว เล่มดิม
๗๗. จาก “อัค-ดุรรุล มันษูร” ของญะลาลุดดีน อัซ-ซะยูฏี เล่ม ๓ หน้า ๔
๗๘. อ้างแล้ว เล่มดิม
๗๙. อ้างแล้ว เล่มดิม
๘๐. นี่คือบทฮะดีษที่ได้ชื่อว่า ฮะดีษอัล-เฆาะดีร ซึ่งรายงานกันทั้งนักปราชญ์ชีอะฮฺและซุนนะฮฺ
๘๑. อะฮฺมัด บินฮัมบัล รายงานไว้ใน “มุซนัด” เล่ม ๔ หน้า ๒๘๑, ท่านฏ็อบรีรายงานไว้ในตัฟซีรของท่าน, อัร-รอซีได้รายงานไว้ใน “ตัฟซีรอัล-กะบีร” เล่ม ๓ หน้า ๖๓๖, อิบนุฮะญัรได้รายงานไว้ใน “อัศ-ศ่อวาอิก”, ท่นดารุกุฏนี ท่านบัยฮะกี ก็ได้รายงานไว้
๘๒. จาก “มุซนัดอะฮฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๔ หน้า ๓๗๒
๘๓. อัน-นะซาอี ใน “อัล-ค่อศออิศฺ” หน้า ๒๑
๘๔. จาก “มุซตัดร็อก อัล-ฮากิม” เล่ม ๓ หน้า ๑๐๙
๘๕. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๗ หน้า ๑๒๒ บทว่าด้วย “ฟะฏออิล อะลี บินอะบีฏอลิบ” ขณะเดียวกันฮะดีษนี้ อิมามอะฮฺมัด ติรมิซี อิบนุอะซากิร และท่านอื่นๆ ก็ยังได้บันทึกไว้อีกด้วย
๘๖. อิบนุฮะญัร ในหนังสือ ศ่อวาอิก หน้า ๒๕ อ้านจากท่านฏ็อบรอนี และอัล-ฮะกีม ติรมิซี
๘๗. “มุซนัดอิมามอะฮฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๔ หน้า ๒๘๑, “กันซุล-อุมมาล” เล่ม ๑๕ หน้า ๑๑๗, “ฟะฏออิลุล-ค็อมซะฮฺ มิน ศิฮาฮุซซิตตะฮฺ” เล่ม ๑ หน้า ๓๕๐
๘๘. หนังสือ “อัล-เฆาะดีร” ของอัล-ลามะฮฺ อามินี จำนวน ๑๑ เล่ม เป็นหนังสือรวบรวมรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับฮะดีษเฆาะดีรที่นักปราชญ์อะฮฺลิซซุนนะฮฺรายงานไว้
๘๙. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” และ “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” ซึ่งได้รายงานถึงเรื่องความขัดแย้งของพวกเขาหลายครั้งต่อท่านนบี(ศ)เช่นในการทำสนธิสัญญาฮุดัยบียะฮฺ, ในเหตุการณ์วันพฤหัสฯ และเรื่องการแต่งตั้งอุซามะฮฺ และอื่นๆ อีกมาก
๙๐. เพราะพวกเขาเชื่อว่าศ่อฮาบะฮฺเหมือนดวงดาว ถ้าพวกท่านปฏิบัติตาม พวกท่านจะได้รับทางนำ
๙๑. อ่านหนังสือ “อับดุลลอฮฺ อิบนุซะบาอ์” ของอัลลามะฮฺ อัซกะรี ก็จะรู้ว่า เป็นผู้ไม่มีตัวตนจริง หากเป็นการกุขึ้นมาของซัยฟฺ บินอุมัร ตะมีมีซึ่งรู้จักกันในนามนักกุข่าว, หรืออ่านจากหนังสือ “อัลฟิตนะตุ้ลกุบรอ” ของฏอฮา ฮุเซน, หรือประสงค์จะอ่าน “อัศศิละฮฺ บัยนัตตะเศาวุฟ วัตตะชัยยุอฺ” ของดร.มุศฏอฟา กามิล ชัยบี
๙๒. ทั้งนี้ก็เพราะอะฮฺลุลบัยตฺ(อฺ)นั้น มั่งคงในตัวเองด้วยจริยธรรมและความรู้ เป็นผู้มีเกียรติและฐานะสูงส่งในด้านตักวา มีคุณงามความดีจนเป็นที่รักของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)
๙๓. มีจนบุคอรีไม่อาจกล่าวถึงชื่อของเขาได้ เล่ม ๑ หน้า ๑๒๖, เล่ม ๗ หน้า ๑๘, เล่ม ๕ หน้า ๑๔๐ นักประวัติศาสตร์ กล่าวว่า เมื่อนางทราบข่าวการถูกสังหารของอะลี (อฺ) นางถึงกับซุญูด ขอบคุณอัลลอฮฺ(ซ.บ.) และได้กล่าวบทกวีในเรื่องนั้น
๙๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๑๙๑,๒๐๑
๙๕. จาก “อัด-ดุรรุล มันษูร” ของญะลาลุดดีน อัซ-ซะยูฏี เล่ม ๓ หน้า ๑๘
๙๖. จาก “ตารีคุลคุละฟาอ์” ของอิบนุ กุตัยบะฮฺ เรื่อง “การบัยอะฮฺต่ออะบูบักรฺทำกันอย่างไร” เล่ม ๑ หน้า ๖
๙๗. ท่านอิบนุญะรีร อัฏ-ฏ็อบรี ได้บันทึกอย่างสมบูรณ์ในหนังสือ “อัล-วิลายะฮฺ” เช่นเดียวกับท่านซะยูฏีที่รายงานไว้ใน “อัด-ดุรรุล-มันษูร” เล่ม ๒ หน้า ๒๙๘ คุฏบะฮฺมีความหมายเดียวกันแต่ใช้ถ้อยคำต่างกัน
๙๘. จาก “ตัฟซีร ฟัตฮุล-เกาะดีร” ของ อัช-เชากานี เล่ม ๓ หน้า ๕๗, ท่านญะลาลุดดีน ซะยูฏี ใน “อัด-ดุรรุล-มันษูร” เล่ม ๒ หน้า ๒๙๘ รายงานจากท่านอิบนุอับบาซ
๙๙. ฮากิม หัสกานี จากอะบีซะอีด อัล-คุรี ตอนตัฟซีรโองการนี้, ฮาฟิซอะบูนะอีม อิศบะฮฺฮานีในหนังสือของท่าน “ข้อความจากอัล-กุรอานที่ถูกประทานมาในเรื่องอะลี”
๑๐๐. รายงานเรื่องนี้กันทุกคน เช่น อิมามอะบีฮามิด อัล-เฆาะซาลี ในหนังสือของเขา “ซิรรุล-อาละมีน” หน้า ๖, อิมามอะฮฺมัด บินฮัมบัล ใน “มุซนัด” เล่ม ๔ หน้า ๒๘๑, ฏ็อบรี (ในตัฟซีรของท่าน) เล่ม ๓ หน้า ๔๒๘, ษะอ์ละบี, ดารุกุฏนี, ฟัครุร-รอซี, อิบนุกะษีร และท่านอื่นๆ
๑๐๑. ฮาฟิซอะบูนะอีม อิศบะฮานี ในหนังสือของเขา “ข้อความจากอัล-กุรอานที่ถูกประทานในเรื่องของอะลี”, เคาะวาริซมี อัล-มาลิกี ในหนังสือ “อัล-มะนากิบ” หน้า ๘๐, อัล-กันญี ชาฟิอี ใน “กิฟายะตุฏ-ฏอลิบ”, ญะลาลุดดีน ซะยูฏี ในหนังสือของเขา “อัลอิซดิฮาร ฟีมาอะก่อดะฮุชชุอะรอ มินั้ลอัชอาร”
๑๐๒. จาก “ตารีค ฏ็อบรี” เล่ม ๕ หน้า ๓๑, ตารีค อิบนุลอะษัร เล่ม ๓ หน้า ๓๑, ชะเราะฮฺ นะฮฺญุล-บะลาเฆาะฮฺ ของอิบนุอะบิ้ลฮะดีด เล่ม ๒ หน้า ๑๘
๑๐๓. จาก “มุซนัดอะฮฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๔ หน้า ๓๗๐, เล่ม ๑ หน้า ๑๑๙, อัน-นะซาอีใน “คอศออิศ” หน้า ๑๙, “กันซุลอุมมาล” เล่ม ๖ หน้า ๓๙๗, อิบนุกะษีร(ตะรีค) เล่ม ๕ หน้า ๒๑๑, อิบนุอะษีร ใน “อุสะดุล-ฆอบะฮฺ” เล่ม ๔ หน้า ๒๘, อิบนุฮะญัร อิซก่อลานี ใน “อัล-อิศอบะฮฺ” เล่ม ๒ หน้า ๔๐๘
๑๐๔. จาก “มัจมะอุซซะวาอิด” ของ “ฮัยษะมี” เล่ม ๙ หน้า ๑๐๖, อิบนุกะษีร ใน “ตารีค” เล่ม ๕ หน้า ๒๑๑, อะฮฺมัด บินฮัมบัล เล่ม ๑ หน้า ๑๑๙
๑๐๕. อิบนุกะษีร ใน “อัล-บิดายะตุ วัน-นิฮายะฮฺ” เล่ม ๕ หน้า ๒๑๔
๑๐๖. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๒๖ บทว่าด้วย “การขว้างผู้ผิดประเวณี”
๑๐๗. จาก “ตารีคฏ็อบรี”, อิบนุอะษีร เรื่อง หลังจากอุมัร บินค็อฏฏอบตาย อุษมานก็ได้รับตำแหน่งค่อลีฟะฮฺ
๑๐๘. จาก “ชะเราะฮฺนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ” ของมุฮัมมัด อับดุฮฺ เล่ม ๑ หน้า ๘๘
๑๐๙. จาก “ตารีคฏ็อบรี” อิบนุอะษีร เรื่อง เหตุการณ์ เมื่อ ฮ.ศ. ๓๖, “ชะเราะฮฺนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ” ของมุฮัมมัด อับดุฮฺ เล่ม ๑ หน้า ๘๘
๑๑๐. ฏ็อบรี ในหนังสือ “ดะลาอิลุล-อิมามะฮฺ”
๑๑๑. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๑๙๕
๑๑๒. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๒๖, “ตารีคฏ็อบรี” , “ตารีคุ้ลคุละฟาอ์” ของอิบนุกุตัยบะฮฺ
๑๑๓. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๒๘ บทว่าด้วย “อัลร็อจมุลฮับลี มินัซซินา อิซาอะฮฺศ่อนัต”
๑๑๔. นักประวัติศาสตร์ล้วนกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่มีใครเข้าร่วมที่ซะกีฟะฮฺ นอกจากชาวมุฮาญิรีน ๔ คน โปรดดู “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๒๖
๑๑๕. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๒๖
๑๑๖. อ้างแล้ว เล่มเดิม
๑๑๗. อ้างแล้ว เล่มเดิม
๑๑๘. จาก “ตารีคฏ็อบรี” ตอน การเป็นค่อลีฟะฮฺของอุมัร, “ชะเราะฮฺนะฮฺญุล-บะลาเฆาะฮฺ” ของอิบนุอะบิลฮะดีด
๑๑๙. จาก “อัล-อิมามะฮฺ วัซ-ซิยาซะฮฺ” ของอิบนุกุตัยบะฮฺ เล่ม ๑ หน้า ๒๕
๑๒๐. จาก “อัล-อิมามะฮฺ วัซ-ซิยาซะฮฺ” ของอิบนุกุตัยบะฮฺ เล่ม ๑ หน้า ๑๘
๑๒๑. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๕ หน้า ๗๕ (กิตาบุล-วะศียะฮฺ), “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๙
๑๒๒. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๑๙๕
๑๒๓. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๒๘, “ตารีคุล-คุละฟาอ์” เล่ม ๑ หน้า ๑๙
๑๒๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๒๕
๑๒๕. “ฏอบะกอต” ของอิบนุซะอัด ได้บันทึกเรื่องนี้ และนักประวัติศาสตร์หลายท่านก็ได้บันทึกในหัวข้อเรื่อง “การจัดทัพของอุซามะฮฺ บินซัยดฺ
๑๒๖. มุฮัมมัด อับดุฮฺ ใน “ชะเราะฮฺนะฮฺญุล-บะลาเฆาะฮฺ” เล่ม ๑ หน้า ๘๘
๑๒๗. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” บท “อัล-วะศียะฮฺ”
๑๒๘. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๖ หน้า ๒,๓ และ “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๒๗
๑๒๙. อ้างแล้ว เล่มเดิม หน้าเดิม
๑๓๐. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๘๑, “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” บทว่าด้วย สนธิสัญญาฮุดัยบียะฮฺ
๑๓๑. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๗๖
๑๓๒. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๑ หน้า ๓๗
๑๓๓. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๑ หน้า ๔๕ บทว่าด้วย “ผู้ใดพบอัลลอฮฺด้วยความมีอีหม่าน เขาจะได้เข้าสวรรค์โดยไม่ต้องสงสัย”
๑๓๔. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๑ หน้า ๖๑
๑๓๕. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๓ หน้า ๑๖๘
๑๓๖. จาก “มุซนัดอะฮฺมัด” เล่ม ๕ หน้า ๒๕, “มุซตัดร็อกฮากิม” เล่ม ๓ หน้า ๑๒๔
๑๓๗. จาก “อัลมุซตัดร็อก” ของฮากิม เล่ม ๓ หน้า ๑๒๖
๑๓๘. จาก “มุนตะค็อบ กันซุล-อุมมาล” เล่ม ๕ หน้า ๓๔
๑๓๙. จาก “อัร-รยาฏุน-นัฏเราะฮฺ” ในเรื่อง “มะนากิบ อะชะเราะฮฺ ของฏ็อบรี (บท “ฟาฏออิล ของอิมามอะลี บินอะบีฏอลิบ”)
๑๔๐. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๑๔๔, เล่ม ๘ หน้า ๑๕๑
๑๔๑. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๒๐๙, “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” บทว่าด้วย “อัล-เฮาฏ์”
๑๔๒. จาก “ซุนันอิบนุมาญะฮฺ” หมวดว่าด้วย “อัลฟิตัน” เล่ม ๒ ฮะดีษ ที่ ๓๙๙๓, “มัซนัดอะฮฺมัด” เล่ม ๓ หน้า ๑๒๐, “ซุนันติรมิซี” ในบทว่าด้วย “อัลอิมาน”
๑๔๓. จาก “มะนากิบ” ของค่อวาริซมี หน้า ๔๘, “อัล-อิซตีอาบ” เล่ม ๓ หน้า ๓๙, “ตัซกิเราะตุซซับฏ์” หน้า ๘๗, “มะฏอลิบุซ-ซุอูล” หน้า ๑๓, “ฟัยฏุล-กอดีร” เล่ม ๔ หน้า ๓๕๗
๑๔๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๕,๑๒, เล่ม ๕ หน้า ๗๖,๗๗ และ “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๗ หน้า ๑๒๑ หมวดว่าด้วย “ฟะฏออิลุอะลี บินอะบีฏอลิบ”
๑๔๕. จาก “มะนากิบค่อวาริซมี” หน้า ๕๘, “ตัซกิเราะตุซ-ซับก์” หน้า ๘๗
๑๔๖. ๘๘-๙๐ จาก “ชะเราะฮฺ นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ” ของอิบนุอะบิลฮะดีด
๑๔๗. จาก “ตารีค ฏ็อบรี” เล่ม ๒ หน้า ๓๑๙, “ตารีค อิบนุลอะษีร เล่ม ๒ หน้า ๖๒
๑๔๘. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๗ หน้า ๑๒๐, “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” บทว่าด้วย “ฟะฏออิลุอะลี”
๑๔๙. จาก “มุซตัดร็อก ฮากิม” เล่ม ๓ หน้า ๑๒๘
๑๕๐. จาก “ซีเราะฮฺ ฮะละบียะฮฺ”, “ฏ่อบะกอตอิบนุซะอฺด
๑๕๑. จาก “กันซุล-อุมมาล” เล่ม ๖ หน้า ๓๙๒ ฮะดีษ ๖๐๐๙, “ยะนาบีอุ้ลมะวัดดะฮฺ” หน้า ๗๓
๑๕๒. จาก “มุซตัดร็อก ฮากิม” เล่ม ๓ หน้า ๑๒๒, “ตารีคดิมิชกฺ” ของอิบนุอะซากิร เล่ม ๒ หน้า ๔๘๘
๑๕๓. ทำนองเดียวกับฮะดีษที่ว่าด้วยการปฏิบัติตามแนวทางของพวกยิวและนัศรอนีทีละคืบทีละศอกจนกระทั่งเข้าไปในรูแย้ และพวกเขาก็ติดตามไปด้วย รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม
๑๕๔. เช่นโองการของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ที่ว่า “ถ้าหากเขาได้ตายหรือถูกสังหาร สูเจ้าก็จะหวนกลับไปสู่สภาพเดิมของพวกสูเจ้า” (อาลิอิมรอน / ๑๔๔) และ (อัล-ฟุรกอน / ๓๐)
๑๕๕. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๑๐, “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” หมวดว่าด้วย “ศิฟาต มุนาฟิกีน”
๑๕๖. ท่านครูได้ชี้แจงถึงเรื่องการมีชัยชนะในอัฟริกาเหนือ เมื่อสมัยอุษมาน บินอัฟฟาน เพราะถ้าหากไม่มีชัยชนะในครั้งนั้น พวกเราจะต้องไม่รู้จักอิสลาม
๑๕๗. ฏ็อบรี, อิบนุลอะษีร, ยะอฺกูบี และ มัซอูดี รวมทั้งนักประวัติศาสตร์ทุกคนต่างกล่าวถึงเรื่องที่ท่านหญิงอาอีชะฮฺออกมาทำสงครามญะมัล
๑๕๘. จาก “ตารีคฏ็อบรี” เล่ม ๕ หน้า ๑๕๓ “ตารีค อิบนุกะษีร” เล่ม ๗ หน้า ๒๒๗, “ตารีค ยะอฺกูบี” เล่ม ๒ หน้า ๑๒๗
๑๕๙. ตารีค อิบนุกะซีร เล่ม ๘ หน้า ๑๓๑, มักอติล อัต-ตอลิบีน หน้า ๗๐, ชะเราะฮฺ นะฮฺญุล-บะลาเฆาะฮฺ อิบนุอะบีฮะดีด เล่ม ๔ หน้า ๑๖
๑๖๐. จาก “ตารีค ฏ็อบรี” ตอน ตำแหน่งค่อลีฟะฮฺของอุษมาน บินอัฟฟาน, “ตารีคอิบนุลอะษัร” ตอน การเป็นค่อลีฟะฮฺของอุษมาน บินอัฟฟาน
๑๖๑. จาก “ตารีค ฏ็อบรี”, “ตารีค อิบนุอะษีร”
๑๖๒. ท่านอัมมาร บินยาซิร ถูกเฆี่ยนตีจนฟกช้ำ ใช้เวลารักษานานอยู่หลายเดือน
๑๖๓. ท่านอะบูซัร ฆ็อฟฟารี ถูกเนรเทศ และเสียชีวิตอยู่คนเดียว ขณะที่ถูกขับไล่ออกจากเมือง
๑๖๔. ท่านอับดุลลอฮฺ บินมัซอูด ถูกทุบตีจนกระดูกหัก ทั้งหมดนี้มีบันทึกอยู่ในตำราประวัติศาสตร์อิสลามทุกเล่ม
๑๖๕. ข้อนี้แสดงให้เห็นว่า ชาวอาหรับที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองมะดีนะฮฺนั้นชิงชังท่านอะลี เช่นเดียวกับที่ไม่รักท่านนบีมุฮัมมัด จะเห็นได้ว่า เขาเข้าพบท่านนบีโดยมิได้ให้สลาม และเรียกชื่อเฉยๆ สมจริงตามที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ตรัสว่า พวกอาหรับนั้นปฏิเสธและละเมิดอย่างรุนแรง โดยไม่รับรู้ในกฏเกณฑ์ของอัลลอฮฺที่ประทานมายังศาสนทูตของพระองค์(ศ)
๑๖๖. จาก “ชะวาฮิดุต-ตันซีล” ของฮัซกานี เล่ม ๒ หน้า ๒๘๖, “ตัฟซีรษะอฺละบี” ในซูเราะฮฺ “ซะอะละ ซาอิลุนฯ”, “ตัฟซีรกุรฏุบี” เล่ม ๑๘ หน้า ๒๗๘, “ตัฟซีร อัล-มะนาร” ของ รอชีดริฎอ เล่ม ๖ หน้า ๔๖๔, “ยะนาบีอุล-มะวัดดะฮฺ” ของก็อนดูซี หน้า ๗๒๓, “อัลมุซตัดร็อก” ของฮากิม เล่ม ๒ หน้า ๕๐๒, “อัซซีเราะตุลฮะลีบียะฮฺ” เล่ม ๓ หน้า ๒๗๕
๑๖๗. “อัล-มะอาริฟ” ของอิบนุกุตัยบะฮฺ หน้า ๒๕๑
๑๖๘. “มุซนัด อะฮฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๑ หน้า ๑๑๙
๑๖๙. “อันซาบุล-อัชรอฟ” ของบะลาซุรี เล่ม ๑ และ เล่ม ๒ หน้า ๑๕๒
๑๗๐. “ตารีคดิมชกฺ” เล่ม ๒ หน้า ๗, “อะบะกอตุ้ลอันวาร” เล่ม ๒ หน้า ๓๐๙
๑๗๑. ดังกรณีที่ท่านอิมามอะลี(อฺ)เรียกให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อัลเฆาะดีรลุกขึ้นกล่าวยืนยัน และนักประวัติศาสตร์จำนวนไม่น้อยที่กล่าวถึงเรื่องนี้ ตามที่ได้ยกมากล่าวแล้ว
๑๗๒. จาก “ตารีค อิบนุอะซากิร” เล่ม ๓ หน้า ๕, “มะนากิบ ค่อวาริซมี” หน้า ๔๒
๑๗๓. จาก “ยะนาบีอุล-มะวัดดะฮฺ” เล่ม ๒ หน้า ๓ อ้างจากอัด-ดัยละมี
๑๗๔. บุคอรี, มุสลิม รายงานถึงจำนวน ส่วน “ยะนาบีอุลมะวัดดะฮฺ” ระบุถึงจำนวนและรายนามด้วย
๑๗๕. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๘ หน้า ๔๔
๑๗๖. จากซูเราะฮฺ อัมบิยาอ์ / ๒๓
๑๗๗. จากซูเราะฮฺ อัล-บุรุจญ์ / ๑๖
๑๗๘. จากซูเราะฮฺ อัน-นิซาอ์ / ๔๐
๑๗๙. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๗๕
๑๘๐. จาก “ตารีคฏ็อบรี” ตอน การปิดล้อมอุษมาน และ “ตารีค อิบนุลอะษีร”
๑๘๑. จาก “มะกอฏิลุฏอลิบีน” หน้า ๗๐, อิบนุกะษีร เล่ม ๘ หน้า ๑๓๑, อิบนุอะบิลฮะดีด เล่ม ๓ หน้า ๑๖
๑๘๒. จาก “อัล-อิมามะฮฺ วัซ-ซิยาซะฮฺ” เล่ม ๑ หน้า ๑๕๑, สั่งให้เอาบัยอะฮฺของมุอาวิยะฮฺเพื่อ ยะซีด ในเมืองซีเรีย
๑๘๓. จาก “มะกอฏิลุฏ-ฏอลิบีน” ตอนสังหารท่านฮุเซน
๑๘๔. เช่น ชะฮีด มุฮัมมัด บาเก็ร อัศ-ศ็อดรฺ, ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ให้คุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้าในเรื่องนั้นมากมาย ท่านซัยยิด อัล-คูอี และอัลลามะฮฺ มุฮัมมัด ฏ่อบาฏ่อบาอี และ ท่านซัยยิดฮะกีม และอื่นๆ อีก
๑๘๕. จาก “ชะเราะฮฺ นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ” ของเชคมุฮัมมัด อับดุฮฺ เล่ม ๔ หน้า ๖๗๓
๑๘๖. เป็นความเชื่อของชีอะฮฺ ในเรื่อง “ก่อฎอ-ก่อดัร”
๑๘๗. จาก “อุกดุล-ฟะรีด” ของอิบนุ อับดุร็อบะฮฺ เล่ม ๓ หน้า ๔๒
๑๘๘. อิบนุฮะญัร ใน “อัศ-ศ่อวาอิก” หน้า ๑๔๘, “มัจมุอุซ-ซะวาอิด” เล่ม ๙ หน้า ๑๖๓, “ยะนาบีอุล-มะวัดดะฮฺ” หน้า ๔๑, “อัด-ดุรรุล-มันษูร ของซะยูฏี เล่ม ๒ หน้า ๖๐, “กันซุล-อุมมาล” เล่ม ๑ หน้า ๑๖๘, “อุซะดุ้ลฆอบะฮฺ” เล่ม ๓ หน้า ๑๓๗
๑๘๙. จาก “มุซตัดร็อก อัล-ฮากิม” เล่ม ๓ หน้า ๑๔๘
๑๙๐. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๑๓๗
๑๙๑. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๓ หน้า ๑๖๘, “ศ่อฮีฮฺติรมิซี” , “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” , “ศ่อฮีฮฺอิบนุมาญะฮฺ” หมวดว่าด้วย “อัล-วะศ่อยา”
๑๙๒. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” บทว่าด้วย การป่วยของนบีและการวะฟาต เล่ม ๕ หน้า ๑๓๘
๑๙๓. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๓๖, “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๑ หน้า ๖๗
๑๙๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” หมวดว่าด้วย ความรู้ เล่ม ๑ หน้า ๓๖
๑๙๕. อัล-กิซฏ่อลานี ใน “อิรชาดุซ-ซารี” เล่ม ๑๐ หน้า ๒๙๘, อิบนุฮะญัร ใน “ฟัตฮุล-บารี” เล่ม ๑๓ หน้า ๒๓๐
๑๙๖. จาก “ตัฟซีรอิบนุญะรีร” เล่ม ๓ หน้า ๓๘, “กันซุล-อุมมาล” เล่ม ๑ หน้า ๒๘๗, “อัล-มุซตัดร็อก” เล่ม ๒ หน้า ๑๔, “ตัฟซีร อัล-กิชาฟ” เล่ม ๓ หน้า ๒๕๓, อิบนุตัยมียะฮฺ ในบทนำของ “อุศูลุตตัฟซีร” หน้า ๓๐, “ตัฟซีรอิบนุกะษีร” เล่ม ๔ หน้า ๔๗๓
๑๙๗. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๒๓๒ บทว่าด้วย ผู้ถือศีลอดที่ตื่นเช้าในสภาพมีญุนุบ, “มุวัฏเฏาะ” ของอิมามมาลิก เล่ม ๑ หน้า ๒๗๒ (เรื่องการตื่นเช้าในสภาพมีญุนุบในเดือนร่อมะฎอน)
๑๙๘. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๓๑ หมวดว่าด้วย “ลาฮามะฮฺ”
๑๙๙. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๓ หน้า ๖๑, “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๕ หน้า ๘๖
๒๐๐. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๑๐ หน้า ๓๑, “มุวัฏเฏาะฮฺ อิมามมาลิก” เล่ม ๒ หน้า ๑๑๖
๒๐๑. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๑๐ หน้า ๓๑, บางฉบับอยู่ในเล่ม ๔ หน้า ๑๖๗
๒๐๒. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๑๐ หน้า ๓๑(เรื่องการให้นม)
๒๐๓. อ้างเล่มเดิม
๒๐๔. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๑๐ หน้า ๓๒ อีกฉบับหนึ่งอยู่ในเล่ม ๔ หน้า ๑๗๐, “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๓ หน้า ๑๕๐
๒๐๕. ขัดแย้งกันในเรื่องการจะทำสงครามกับพวกที่ไม่ยอมจ่ายซะกาต
๒๐๖. ในเรื่องที่ดินฟะดัก ฮะดีษที่ว่า พวกเราชาวอัมบิยาอ์ ไม่มีมรดก อันใดที่เราละทิ้งไว้ถือว่าเป็นทาน
๒๐๗. เรื่องการให้นมคนมีอายุแล้ว ซึ่งท่านหญิงอาอิชะฮฺรายงาน แต่ภริยาทั้งหลายของนบีคัดค้าน
๒๐๘. เรื่องท่านนบี(ศ)ตื่นนอนในสภาพมีญุนุบแล้วถือศีลอด
๒๐๙. เรื่องการทำอุมเราะฮฺของท่านนบี(ศ) ๔ ครั้ง มี ๑ ครั้งที่ทำในเดือนเราะญับ และการปฏิเสธของท่านหญิงอาอิชะฮฺ
๒๑๐. ทั้งสองคนขัดแย้งกันในเรื่องมุตอะฮฺว่าฮะรอมหรือฮะลาล ดู “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๖ หน้า ๑๒๙
๒๑๑. ค่อวาริซมี ใน “อัลมะนากิบ” หน้า ๔๔, “อัลอิศอบะฮฺ” ของอิบนุฮะญัร เล่ม ๑ หน้า ๒๕, “กิฟายุฏฏอลิบ” หน้า ๓๓๔ , “อิฮฺกอกุ้ลฮัก” เล่ม ๖ หน้า ๓๗
๒๑๒. “มุซตัดร็อก อัลฮากิม” เล่ม ๓ หน้า ๑๒๒, “ตารีคดิมิชกฺ” ของอิบนุอะซากิร เล่ม ๒ หน้า ๔๘๘, “กันซุลฮะกออิก” ของมะนาวี หน้า ๒๐๓, “ยะนาบีอุ้ลมะวัดดะฮฺ” หน้า ๑๘๒
๒๑๓. จาก “มุซนัด อิมามอะฮฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๕ หน้า ๑๒๒, “อัด-ดุรรุล-มันษูร” เล่ม ๒ หน้า ๖๐, “กันซุล-อุมมาล” เล่ม ๑ หน้า ๑๕๔, “มัจญมะอุซ-ซะวาอิด” เล่ม ๙ หน้า ๑๖๒, “ยะนาบีอุล-มะวัดดะฮฺ” หน้า ๓๘,๑๘๓, “อะบะกอตุล-อันวาร” เล่ม ๑ หน้า ๑๖, “อัล-มุซตัดร็อก” เล่ม ๓ หน้า ๑๔๘
๒๑๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๔๔
๒๑๕. อิมามชัรฟุดดีนได้รวบรวมประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาตีความบทบัญญัติอันชัดแจ้งมากกว่าร้อยเรื่องในหนังสือ “อันนุศศุ วั้ลอิจญ์ติฮาด”
๒๑๖. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๑๓๗ บทว่าด้วย กรุสมบัติคือ อัล-คุมซฺ
๒๑๗. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๑๓๖ บทว่าด้วย สิ่งของที่ถูกนำออกมาจากทะเล
๒๑๘. จาก “ตารีคบัฆดาด” ของท่านคอฏีบ อัล-บัฆดาดี เล่ม ๑๔ หน้า ๓๒๑, “ตารีคอิบนุอะซากิร” เล่ม ๓ หน้า ๑๑๙
๒๑๙. (หมายเหตุจากผู้แปล) ดร.ติญานีเขียนหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่สมัยที่อิมามโคมัยนี(ร.ฎ.) และอายะตุลลอฮฺคูอี(ร.ฏ.)ยังมีชีวิตอยู่ แต่ในปัจจุบันนี้ท่านทั้งสองเสียชีวิตไปแล้ว
๒๒๐. ดังที่ท่านซะมัคชะรีได้รายงานไว้ในหนังสือ “รอบีอุลอับรอร” ว่า คนแรกที่สวมแหวนมือซ้าย ซึ่งขัดแย้งกับซุนนะฮฺนบีได้แก่ มุอาวียะฮฺ บินอะบูซุฟยาน
๒๒๑. จาก “มินฮาญุซซุนนะฮฺ” ของอิบนุตัยมิยะฮฺ เล่ม ๒ หน้า ๑๔๓ (เรื่องความคล้ายคลึงกับพวกเราะวาฟิฎ)
๒๒๒. จาก “ชะเราะฮฺ อัล-มะวาฮิบ” ของท่านซัรกอนี เล่ม ๕ หน้า ๑๓
๒๒๓. ซะมัคชะรีบันทึกไว้ในหนังสือ “เราะบีอุล-อับรอร”
๒๒๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๙๙ บทว่าด้วยเรื่องไม่อนุญาตให้ใช้ความทุจริตและความรุนแรงเพื่อคำสั่งของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)
๒๒๕. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๒๕๒ บทว่าด้วย นมาซตัรวีฮฺ
๒๒๖. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๙๙ บทว่าด้วยเรื่อง ไม่อนุญาตให้ใช่ความทุจริตและความรุนแรงเพื่อคำสั่งของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)
๒๒๗. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๓๕
๒๒๘. จาก “ศอวาอิก” ของอิบนุฮะญัร หน้า ๑๐๖, “ซะคออิรุลอะก่อบา” หน้า ๖๔, “อัล-ริยาฏุนนะฏ่อเราะฮฺ” เล่ม ๒ หน้า ๒๑๕, “อิฮฺกอกุ้ลฮัก” เล่ม ๗ หน้า ๒๑๗
๒๒๙. จาก “อะกออิดุล-อิมามียะฮฺ” เล่ม ๖๗ หัวข้อที่ ๒๔
๒๓๐. จาก “อัล-อุดดุลฟะรีด” ของอิบนุ อับดุร็อบบะฮฺ เล่ม ๓ หน้า ๔๒
๒๓๑. จาก “ศ่อฮีฮฺติรมิซี” เล่ม ๕ หน้า ๓๒๘, ฮากิม ในหนังสือ “มุซตัดร็อก” เล่ม ๓ หน้า ๑๔๘, อิมามอะฮฺมัด บินฮัมบัล ในหนังสือ “มุซนัด” ของท่าน เล่ม ๕ หน้า ๑๘๙
๒๓๒. จาก “มุซตัดร็อก” ของท่านฮากิม เล่ม ๒ หน้า ๓๔๓, “กันซุล-อุมมาล” เล่ม ๕ หน้า ๙๕, “อัศ-ศอวาอิก” ของอิบนุฮะญัร หน้า ๑๘๔
๒๓๓. จาก “กันซุล-อุมมาล” เล่ม ๖ หน้า ๑๕๕, “มัจญมะอุซ-ซะวาอิด” ของฮัยษุมี เล่ม ๙ หน้า ๑๐๘, “อัล-อิศอบะฮฺ” ของอิบนุฮะญัร, “ญามิอุลกะบีร”, “ตารีค อิบนุอะซากิร” เล่ม ๒ หน้า ๙๙, “มุซตัดร็อก” ของท่านฮากิม เล่ม ๓ หน้า ๑๒๘, “ฮิลยะตุล-เอาลิยาอฺ” เล่ม ๔ หน้า ๓๔๙, “อิฮฺกอกุ้ล-ฮัก” เล่ม ๕ หน้า ๑๐๘
๒๓๔. จาก “ตัฟซีรฏ็อบรี” เล่ม ๑๓ หน้า ๑๐๘, “ตัฟซีรรอซี” เล่ม ๕ หน้า ๒๗๑, “ตัฟซีร อิบนุกะษีร” เล่ม ๒ หน้า ๕๐๒, “ตัฟซีรเชากานี” เล่ม ๓ หน้า ๗๐, “ตัฟซีรซะยูฏี อัดดุรรุล-มันษูร” เล่ม ๔ หน้า ๔๕, “ชะวาฮิดุตตัซซีล” เล่ม ๑ หน้า ๒๙๓
๒๓๕. จาก “นะฮฺญุล บะลาเฆาะฮฺ” ของท่านอิมามะลี(อฺ) เล่ม ๑ หน้า ๑๕๕ ท่านเชคมุฮัมมัด อับดุ ได้มีหมายเหตุอธิบายคุฏบะฮฺตอนนี้ว่า บรรดาอิมามแห่งอะฮฺลุลบัยตฺ(อฺ)นั้นถึงจะตายเป็นมัยยิต แต่ในความเป็นจริงแล้ว หาใช่มัยยิตไม่
๒๓๖. จาก “ยะนาบีอุล-มะวัดดะฮฺ” เล่ม ๓ หน้า ๙๙
๒๓๗. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” กิตาบุล-อะฮฺกาม เล่ม ๘ หน้า ๑๒๗
๒๓๘. จาก “อัล-อักดุล-ฟะรีด” ของ อิบนุอับดุร ร็อบบะฮฺ เล่ม ๓ หน้า ๔๒
๒๓๙. จาก “อัศ-ศ่อวาอิก” ของอิบนิฮะญัร หน้า ๑๔๘, “อัด-ดุรรุล-มันษูร” ของซะยูฏี เล่ม ๒ หน้า ๖๐, “กันซุล-อุมมาล” เล่ม ๑ หน้า ๑๖๘, “อุซะดุล-ฆอบะฮฺ” เล่ม ๓ หน้า ๑๓๗
๒๔๐. จาก “นะฮฺญุล บะลาเฆาะฮฺ” เล่ม ๒ หน้า ๑๔๓, “ซะเราะฮฺมุฮัมมัดอับดุฮฺ คุฏบะฮฺที่ ๑๔๓
๒๔๑. จาก “ตัฟซีรฏ็อบรี” เล่ม ๑๔ หน้า ๑๓๔, “ตัฟซีรอิบนุกะษีร” เล่ม ๒ หน้า ๕๗๐, “ตัฟซีรกุรฏุบี” เล่ม ๑๑ หน้า ๒๗๒, “ชะวาฮิดุต-ตันซีล” เล่ม ๑ หน้า ๓๓๔
๒๔๒. “มะนากิบอาลิอะบีฏอลิบ” เรื่องท่านอิมามศอดิก
๒๔๓. ญะลาลุดดีน ซะยูฏี ใน “อัด-ดุรรุล-มันษูร” เล่ม ๔ หน้า ๖๖๑
๒๔๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๗๘ หมวดว่าด้วย “บะดะอุล-ค็อลกฺ” บทว่าด้วย “ซิกรุรมะลาอิกะฮฺ”
๒๔๕. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๒๕๐ บทว่าด้วย “อัลมิอฺรอจญ์” , “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๑ หน้า ๑๐๑ บทว่าด้วย “อัลอิสรออ์ของท่านร่อซูลุลลอฮฺและการกำหนดการนมาซ
๒๔๖. อ้างเล่มเดียวกัน
๒๔๗. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๒๕๙
๒๔๘. จาก “อัด-ดุรรุล-มันษูร” ของท่านซะยูฏี
๒๔๙. จาก “ซุนันบัยฮะกี” , “มุซตัดร็อก ฮากิม”
๒๕๐. ท่านซะยูฏี ในหนังสือ “อัด-ดุรรุล-มันษูร” เล่ม ๒ หน้า ๑๗๖
๒๕๑. จาก “อัฏ-ฏอบากอตุลกุบรอ” ของอิบนุ ซะอัด
๒๕๒. จาก “ซุนันบัยฮะกี”
๒๕๓. จาก “อัด-ดุรรุล-มันษูร” ของซะยูฏี เล่ม ๒ หน้า ๑๗๘
๒๕๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๑๐๒
๒๕๕. จาก “อัซ-ซีเราะตุลฮะละบียะฮฺ” เล่ม ๓ หน้า ๖๑
๒๕๖. จาก “อิฮฺยาอุล-อุลูมุล-ดีน” ของท่านเฆาะซาลี
๒๕๗. จาก “อะฮฺกามุล-กุรอาน” ของอัร-รอซี เล่ม ๒ หน้า ๑๐
๒๕๘. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๗ หน้า ๘๑ บทว่าด้วยเรื่องนบี(ศ) มิใช่คนชั่ว และไม่มีความชั่วติดตัว
๒๕๙. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๔ หน้า ๑๕๘
๒๖๐. จาก “ ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๕ หน้า ๑๕๘
๒๖๑. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๔ หน้า ๑๓๑
๒๖๒. อ้างเล่มเดิม
๒๖๓. จาก “ตัฟซีรอัล-กะบีร” ของษะอฺละบี, “ตัฟซีรอัล-กะบีร” ของฏ็อบรี
๒๖๔. จาก “ตัฟซีรอัล-กะบีร” ของฟัครุลรอซี
๒๖๕. จาก “มุซนัดอะฮฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๑ หน้า ๓๓๗
๒๖๖. จาก “ศ่อฮีฮฺติรมิซี” เล่ม ๑ หน้า ๑๕๗
๒๖๗. จาก “อัตะฮฺรีร วัตตันวีร” ของฏอฮิร บินอาชูร เล่ม ๓ หน้า ๕
๒๖๘. หนังสือฟัศลุล-คิฏอบ มิได้อ้างถึงหลักฐานจากชีอะฮฺแต่อย่างใด ขณะเดียวกันได้อ้างถึงรายงานต่างๆ อันว่าด้วยความบกพร่องและการต่อเติมในอัล-กุรอาน ล้วนแต่รายงานโดยหนังสือศ่อฮีฮฺของฝ่ายอะฮฺลิซซุนนะฮฺ วัล-ญะมาอะฮฺ เช่น บุคอรี มุสลิม และมุซนัดอะฮฺมัด บินฮัมบัล
๒๖๙. ข้อเขียนของอุซตาซมุฮัมมัด มะดะนี คณบดีกฎหมายอิสลาม มหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร ในวารสาร ริซาละฮฺอิสลาม ฉบับที่ ๔ ปีที่ ๑๑ หน้า ๓๘๒ และ ๓๘๓
๒๗๐. ท่านซะยูฏี ในหนังสือ “อัล-อิตกอน” และเช่นกัน ใน “อัด-ดุรรุล-มันษูร”
๒๗๑. จาก “มุซนัด อิมามอะอฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๕ หน้า ๑๓๒
๒๗๒. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๒๕๒
๒๗๓. จาก “มุซนัด อิมามอะฮฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๕ หน้า ๑๓๑
๒๗๔. จาก “ตารีคดะมิชกฺ” ของอิบนุอะซากิร เล่ม ๒ หน้า ๒๒๘
๒๗๕. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๒๑๕
๒๗๖. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๒๑๖
๒๗๗. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๘ หน้า ๒๖(การขว้างคนทำซินา ถ้ามีคู่ครองแล้ว)
๒๗๘. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๓ หน้า ๑๐๐
๒๗๙. จาก “มุซนัด อิมามอะฮฺมัด บินฮัมบัล” เล่ม ๑ หน้า ๒๒๑
๒๘๐. จาก “มุวัฏเฏาะ” ของอิมามมาลิก เล่ม ๑ หน้า ๑๖๑
๒๘๑. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๒ หน้า ๑๕๑ บทว่าด้วย รวมสองนมาซในยามพำนักอยู่ภูมิลำเนา
๒๘๒. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๒ หน้า ๑๕๒
๒๘๓. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๒ หน้า ๑๕๒
๒๘๔. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๑ หน้า ๑๔๐ บทว่าด้วย เวลามัฆริบ
๒๘๕. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๑ หน้า ๑๓๘ บทว่าด้วย เวาลาอัศริ
๒๘๖. มีนิทานเรื่องหนึ่งเล่ากันว่า ผู้ชายสองคนได้ออกไปล่าสัตว์ และได้เห็นสัตว์สีดำตัวหนึ่งตั้งแต่ไกล ชายคนแรกกล่าวว่า “แท้จริงนั่นคืออีกา” แต่ชายคนที่สองแย้งว่า “มันคือลูกกวางต่างหาก” ทั้งสองคนก็โต้เถียงกัน ต่างฝ่ายต่างก็ยึดถือความคิดเห็นของตัวเองไม่ยอมแพ้แก่กัน แต่ทว่าเมื่อพวกเขาทั้งสองเข้าไปใกล้ๆ กับสัตว์ตัวสีดำนั้น ก็ปรากฏว่ามันเป็นอีกาจริง มันตกใจกลัว และบินหนีไปอย่างรวดเร็ว ชายคนแรกกล่าวว่า “เห็นไหม ฉันบอกท่านแล้วว่ามันเป็นอีกา บัดนี้ท่านยอมรับแล้วหรือยัง” แต่เพื่อนของเขาก็ยังยืนยันตามความเห็นของตัวเองอีกนั่นแหละ เขากล่าวว่า “ซุบฮานัลลอฮฺ ลูกกวางบินได้หรือนี่ ?”
๒๘๗. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๑ หน้า ๑๖๘ บทว่าด้วย อนุญาตให้คนมีระดูล้างศีรษะของสามีได้, “ซุนันอะบูดาวูด” เล่ม ๑ หน้า ๖๘ บทว่าด้วย คนมีระดูเอาของจากมัสญิด
๒๘๘. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๒ หน้า ๒๕๖ บทว่าด้วย การอิอ์ติกาฟในสิบคืนสุดท้าย
๒๘๙. จาก “ซุนันอิมามนะซาอี” เล่ม ๒ หน้า ๒๐๔ บทว่าด้วย การทำให้กรวดทรายเย็นเสียก่อน เพื่อซุญูดลงไป
๒๙๐. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๑ หน้า ๘๖ บทว่าด้วย ตะยัมมุม
๒๙๑. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๒ หน้า ๖๔ บทว่าด้วย สถานที่ซุญูดและสถานที่นมาซ
๒๙๒. จาก “มุซตัดร็อก” ของฮากิม เล่ม ๓ หน้า ๑๒๓, “ตารีคดะมิชกฺ” ของอิบนุอะซากิร” เล่ม ๒ หน้า ๒๓๔, “อัตตารีคุ้ลกะบีร” ของบุคอรี เล่ม ๒ หน้า ๒๘๑
๒๙๓. จาก “มุซตัดร็อก อัล-ฮากิม” เล่ม ๓ หน้า ๑๒๘
๒๙๔. จาก “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๑ หน้า ๔๘, “กันซุล-อุมมาล” เล่ม ๑๕ หน้า ๑๐๕
๒๙๕. จาก “ตัฟซีร อัล-กะบีร” ของษะอฺละบี โองการมะวัดดะฮฺ, “ตัฟซีรอัล-กิชาฟ” ของท่านซะมัคชะรี, “ตัฟซีรอัล-ฟัครุล-รอซี” เล่ม ๗ หน้า ๔๐๕
๒๙๖. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๒๐,๗๖ และ “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๗ หน้า ๑๒๐
๒๙๗. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๑ หน้า ๙ บทว่าด้วย วาญิบให้รักท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ), “ศ่อฮีฮฺมุสลิม” เล่ม ๑ หน้า ๔๙, และมีใน “ศ่อฮีฮฺติรมิซี” เช่นกัน
๒๙๘. เช่น ท่านชะฮีด มุฮัมมัดบากิร อัศ-ศ็อดร์ ในหนังสือ “บะฮฺษุ เฮาลัลมะฮฺดี”
๒๙๙. จาก “ซุนันอะบูดาวูด” เล่ม ๒ หน้า ๔๒๒
๓๐๐. จาก “ซุนันอิบนุมาญะฮฺ” เล่ม ๒ เลขฮะดีษ ๔๐๘๒,๔๐๘๗
๓๐๑. จาก “ซุนันอิบนุมาญะฮฺ” เล่ม ๒ เลขฮะดีษ ๔๐๘๖
๓๐๒. จาก “อัลญามิอุศศอฮีฮฺ” ของติรมิซี เล่ม ๙ หน้า ๗๔-๗๕
๓๐๓. จาก “ศ่อฮีฮฺบุคอรี” เล่ม ๔ หน้า ๑๔๓ บทว่าด้วย การเสด็จลงมาของอีซา บุตรมัรยัม
๓๐๔. จาก “ฟัตฮุล-บารี” เล่ม ๕ หน้า ๓๖๒
๓๐๕. จาก “อัศศอวาอิกุ้ล-มุฮัรร่อเกาะฮฺ” ของอิบนุฮะญัร เล่ม ๒ หน้า ๒๑๑
๒๗