ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด42%

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด ผู้เขียน:
ผู้แปล: อัยยูบ ยอมใหญ่
กลุ่ม: ห้องสมุดศาสดาและวงศ์วาน
หน้าต่างๆ: 130

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 130 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 78978 / ดาวน์โหลด: 4978
ขนาด ขนาด ขนาด
ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

เขาจะทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความสันติ และยุติธรรม หลังจากที่มันได้เคยเต็มไปด้วยความอธรรม และการกดขี่ และในเวลานั้น ตำแหน่งแห่ง

อิมามัตจะถึงจุดสมบูรณ์ของมัน และตำแหน่งคอลีฟะฮ์ที่แท้จริงก็จะปรากฏขึ้น และอัลลอฮ์จะทำให้ผู้ที่อยู่ในหลุมฝังศพฟื้นขึ้น พวกเขาจะฟื้นขึ้นมาในตอนเช้า และพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในหลุมฝังศพ จากการปรากฏตัวของ

มะฮ์ดี แผ่นดินจะสดใส และเจริญงอกงาม น้ำอันใส บริสุทธิ์จะไหลไป

ทุกลำธาร ความวุ่นวาย การแย่งชิง และกดขี่จะถูกขจัดออกไป

 ความประเสริฐและสิริมงคล (บะรอกัต) จะถูกประทานลงมา และไม่มีความจำเป็นใดๆ อีกที่ฉันจะบรรยายถึงสิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นอีกเพียงแต่ฝากสลามจากฉันไปยังโลกนั้นด้วยเถิด

(จากหนังสือ “ยะนาบีอุล มะวัดดะฮ์”)

ตัวอย่างจากฮะดีษของชาวชีอะฮ์

๑.อิมามศอดิก (อ) ได้กล่าวว่า: ประชาชาติจะสูญหายอิมามของพวกเขา แต่ อิมามของพวกเขาจะปรากฏตัวในฮัจญ์ทุกปี อิมามจะมองเห็นพวกเขาแต่พวกเขามองไม่เห็นอิมาม

(จากอุศุลอัลกาฟี)

๒๑

๒.อัศบัฆ บิน นะบาตะฮ์ ได้รายงานว่า วันหนึ่งฉันได้ไปเยี่ยมท่าน

อะมีรุ้ลมุอ์มินีน อะลี อะลัยฮิสลาม และพบว่าท่านอะลี กำลังนั่งครุ่นคิดถึงสิ่งหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ในขณะที่นิ้วของท่านได้คุ้ยเขี่ยไปบนดิน ฉันจึงได้ถามขึ้นว่า: ทำไมท่านจึงอยู่สภาพครุ่นคิดเช่นนี้? หรือว่าท่านกำลังจะมีความประสงค์สิ่งหนึ่งในแผ่นดิน ? ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้ตอบว่า:

ไม่ สาบานด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ ฉันไม่เคยมีความต้องการอะไรในแผ่นดิน และดุนยานี้เลย แต่ฉันกาลังครุ่นคิดถึงผู้หนึ่งที่จะถือกำเนิดมา จากเชื้อสายของฉัน และเป็นลูกหลานคนที่สิบเอ็ดของฉัน และเขา

(มะฮ์ดี) จะทำโลกนี้เต็มไปด้วยความสันติ และยุติธรรม หลังจากที่มันเคยเต็มไปด้วยความอยุติธรรม และการกดขี่ จะมีการเร้นหาย และความสับสนในตัวของเขา จนกุล่มหนึ่งจะได้รับทางนำ และอีกกลุ่มหนึ่งถูกทำให้หลงทาง (จากอุศูล อัลกาฟี)

 ๓. ท่านอิมามศอดิก (อ.) ได้กล่าวว่า: ถ้าข่าวแห่งการเร้นหายของอิมามประจำยุคของเจ้า (มะฮ์ดี) มาถึงเจ้า จงอย่าปฏิเสธ

 (จากอุศูล อัลกาฟี)

๔. ท่านอิมามศอดิก (อ.) ได้กล่าวว่า: มีการเร้นหาย ๒ ครั้งสาหรับกออิม ครั้งที่หนึ่งเป็นระยะเวลาอันสั้น ครั้งที่สองเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ในการเร้นหายครั้งแรกนั้น เฉพาะชีอะฮ์ผู้ใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ที่อยู่ของเขา และในการเร้นหายครั้งที่สองนั้น นอกจากสาวกและมิตรสหาย ผู้ใกล้ชิด แล้วจะไม่มีใครรู้ที่อยู่ของเขา (จากอุศูลอัลกาฟี)

๒๒

 ๕. ท่านอิมามศอดิก (อ.) ได้กล่าวว่า: กออิมจะทำการกิยาม (ลุกขึ้นปฏิวัติ) ในขณะที่ยังไม่มีใครได้ทำการบัยอัต (การให้สัตยาบัน) หรือ สนธิสัญญาใดๆ กับเขา

๖. ท่านรอซุลุลลอฮ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวไว้ : กออิม มาจากลูกหลานของฉัน ชื่อของเขาเหมือนชื่อของฉัน ฉายาของเขาเหมือนฉายาของฉันบุคลิกของเขาเหมือนกับบุคลิกแบบของฉัน ฉายาของเขาเหมือนฉายาของฉันบุคคลิกของเขาเหมือนกับบุคลิกแบบของฉัน แบบฉบับ (สุนนะฮ์) ของเขาเหมือนกับแบบฉัน เขาจะเรียกประชาชาติกลับมาเข้าสู่ชะรีอัต และศาสนา ของฉันอีกครั้งหนึ่ง และจะเชิญชวนมนุษย์เข้าสู่คัมภีร์แห่งพระผู้อภิบาล ของฉัน ใครก็ตามที่ภักดีต่อเขา ก็เท่ากับได้ภักดีต่อฉัน ใครก็ตามที่เป็นปรปักษ์ต่อเขาก็เท่ากับเป็นปรปักษ์ต่อฉัน และใครก็ตามที่ปฏิเสธการเร้นหายของเขาก็เท่ากับได้ปฏิเสธศาสนาของฉันทั้งหมด

(จากหนังสือ อะอ์ลามุลวะรออ์)

๗. ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน ได้กล่าวว่า: ในเรื่องราวของกออิมนั้นมีหลายสิ่งที่เหมือนกับบรรดาศาสดาต่างๆ เหมือนกับนูห์, เหมือนกับอิบรอฮีม, เหมือนกับมูซา, เหมือนกับอีซา ,เหมือนกับอัยยูบ และเหมือนกับมุฮัมมัด (ศ็อล) อายุของเขายืนยาวเหมือนกับนูฮ์ การถือกำเนิดของเขาถูกปกปิด และการใช้ชีวิตของเขาห่างไกลจากประชาชนเหมือนกับอิบรอฮีมเขาอยู่ในความกังวลและเร้นหายเหมือนกับมูซา

๒๓

 ประชาชาติมีความคิดแตกแยกกันในเรื่องของเขาเหมือนกับมูซาประชาชาติมีความคิดแตกแยกกันในเรื่องของเขาเหมือนกับอีซา เขาจะถึงจุดแห่งความเจริญ และรุ่งโรจน์หลังจากผ่านการทดสอบ และทุกข์ทรมานเหมือนกับอัยยูบซึ่งเขาจะลุกขึ้นปฏิวัติด้วยคมดาบเหมือนมุฮัมมัด (ศ็อล)

(จากหนังสือ กะมากุลดีน)

๘. ท่านอิมามศอดิก (อ.) ได้กล่าวว่า: สาหรับกออิมมีการเร้นหาย และสาหรับบ่าวของอัลลอฮ์ในช่วงเวลานั้น เขาจะต้องเสริมสร้างตักวาและยึดมั่นในศาสดาของพระองค์ให้มั่นคง

๙. ท่านอิมามศอติก (อ.) ได้กล่าวว่า: สาหรับประชาชาติ วันหนึ่งจะมาถึงที่อิมามของพวกเขาจะเร้นหาย

ท่านซุรอเราะฮ์ (สาวกผู้ทรงเกียรติ ท่านหนึ่งของอิมามศอติก) ได้ถามขึ้นว่า : หน้าที่ประชาชาติในยุคนั้นคืออะไร ?

ท่านอิมามได้ตอบว่า : เขายึดมั่นในศรัทธา และปฏิบัติหน้าที่ตามที่ศาสนาได้กำหนดอย่างเคร่งครัด จนกว่าอิมามของพวกเขาจะปรากฏ

(จากหนังสือ กะมาลุคดีน)

๒๔

๑๐. ท่านอิมามศอดิก (อ.) ได้กล่าวว่า: ปรากฏและกิยามของมะฮ์ดีจะไม่เกิดขึ้น จนกว่าทุกอารยธรรม และอุดมการณ์ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาปกครองประชาชาติ จนหมดสิ้นแล้วเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่มี โอกาสที่จะพูดได้อีกว่า ถ้าให้เราปกครองเราก็จะปกครองด้วยความยุติธรรม และหลังจากนั้น (หลังจากที่ทุกอารยธรรมได้ขึ้นมาปกครองแล้ว) กออิม ก็จะทาการกิยามด้วยสัจธรรมและความยุติธรรม

(จากหนังสือ อิษบาตุลฮุดา)

กำเนิดอิมาม

ผู้นาจากฟากฟ้า คนที่สิบสองอิมามมะฮ์ดี (อ) ได้ถือกำเนิดมาในรุ่งอรุณของวันศุกร์ที่ ๑๕ เดือนชะอฺบาน ฮิจเราะฮ์ที่ ๒๕๕ ตรงกับปีคริสตศักราชที่ ๘๖๘ ที่เมืองซามัรรอ ในบ้านของ ฮะซัน อัล-อัสการี (อ) อิมามคนที่สิบเอ็ด ผู้เป็นบิดา และมารดาของท่านคือ ท่านหญิง “นัรญิส” และบางครั้งเรียกว่า

“ซูซัน” หรือ “ไศกัล” ซึ่งเป็นธิดาของ “ยูซอา” ซึ่งเป็นราชกุมารีของ

ไกเซอร์ แห่งโรม ผู้สืบเชื้อสายมาจาก “ชัมอูน” ผู้เป็นสาวกคนหนึ่งของศาสดาอีซา (เยซู)

๒๕

ท่านหญิง นัรญิส เป็นหญิงที่มีบุคคลิกภาพที่ประเสริฐ และสมบูรณ์ผู้หนึ่ง ซึ่งท่านหญิง “ฮะกีมะฮ์” น้องสาวของท่านอิมามฮาดี (อิมามคนที่สิบ) ซึ่งนางเองเป็นบุคคลที่สาคัญของครอบครัวแห่งอะห์ลุลบัยต์แต่นางจะเรียกท่านหญิง “นัรญิส” ว่า นายหญิงของฉัน นายหญิงแห่งครอบครัวเราหรือแทนตัวเองว่าบ่าว เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านหญิงนัรญิส

เมื่อตอนที่ท่านหญิง นัรญิส ยังอยู่ในโรม ฝันอันแปลกประหลาดหลายครั้งได้เกิดขึ้นกับนาง ครั้งหนึ่งนางได้ฝันว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด และศาสดาอีซา ได้ทำการสมรสตัวนางกับท่านอิมามฮาซัน อัลลอัสการี (อ) อีกครั้งหนึ่งนางได้ฝันว่า นาได้รับอิสลามตามคำเชิญชวนของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) และนางได้ปกปิดการรับอิสลามของนางจากครอบครัว และคนรอบข้าง จนกระทั่งมาถึงสมัยหนึ่งได้เกิดสงครามขึ้นระหว่างโรมกับมุสลิม

กษัตริย์ไกเซอร์ ได้นำทัพเข้าสู่สมรภูมิด้วยตัวเอง ส่วนท่านหญิงนัรญิสได้รับคำสั่งจากความฝันว่าให้นางปลอมเป็นคนธรรมดาปะปนให้เข้าร่วมกับกลุ่มทาส และผู้รับใช้ที่ติดตามกองทัพของโรม คำสั่งในความฝันบอกให้นางติดตามกองทัพไปให้ถึงชายแดน และในการเดินทางครั้งนี้นางได้ถูกกองทัพมุสลิมจับตัวเป็นเชลย โดยได้ถูกจับตัวร่วมกับเชลยศึกอื่นๆ นำไปกรุงแบกแดด โดยที่กองทัพมุสลิมไม่รู้ว่านางคือ หลานสาวของไกเซอร์แห่งโรม

๒๖

เหตุการณ์นี้เกิดในสมัยของท่านอิมามฮาดี (อิมามที่สิบ)

ท่านอิมามฮาดี (อ) ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งเป็นภาษาโรมัน และให้ผู้รับใช้ของทำาการซื้อตัวท่านหญิงนัรญิส จากตลาดค้าทาส และให้นำนางมาหาอิมามที่เมืองซามัรรอ

 หลังจากนั้นท่านอิมามฮาดี ได้ทบทวนความฝันต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับนางให้นางฟัง และได้แจ้งข่าวดีให้นางทราบว่า นางจะได้เป็นภรรยาของอิมามคนที่สิบเอ็ด และจะได้เป็นมารดาของทารกหนึ่งซึ่งจะเป็นผู้ปกครองโลกทั้งหมด และจะทำให้เต็มไปด้วยความสันติ และยุติธรรม

หลังจากนั้นท่านอิมามฮาดี (อ) ก็ได้ส่งท่านหญิงนัรญิสไปฝึกอบรมมารยาท และบทบัญญัติต่าง ๆ ของอิสลามกับท่านหญิงฮะกีมะฮ์ และหลังจากนั้นไม่นาน ท่านอิมามฮาดีก็ได้ทำการแต่งงานท่านหญิงนัรญิสกับท่านอิมามฮาซัน อัล-อัสการี อิมามคนที่สิบเอ็ดของวงศ์วานแห่งอะหฺลุลบัยต์

ทุกครั้งที่ท่านหญิงฮะกีมะฮ์ ไปเยี่ยมท่านอิมามฮะซัน อัล-อัสการีนางจะขอดุอาอ์ ว่า “โอ้อัลลฮ์โปรดให้บุตรกับเขาสักคนหนึ่ง”

๒๗

 

และวันหนึ่งก็ได้มาถึง เมื่อท่านหญิงฮะกีมะฮ์ ได้ไปเยี่ยมท่านอิมาม

อัสการี ตามปกติ และได้ทำการขอดุอาอ์เหมือนเดิมที่เคยขอให้ท่าน

อิมามอัสการี ท่านอิมามจึงได้ตอบนางว่า “บุตรที่ท่านขอดุอาอ์ให้กับฉันนั้น อัลลอฮ์ได้ประทานให้ฉันแล้ว คืนนี้เขาจะลืมตามาดูโลก”

ท่านหญิงฮะกีมะฮ์ได้เล่าว่า “หลังจากนั้น นัรญิส ได้เดินเข้ามาหาฉันเพื่อที่จะถอดรองเท้าของฉันไปเก็บ และนัรญิสได้กล่าวว่า

“ส่งรองเท้าของท่านให้ฉันเถิดนายหญิง”

 ท่านฮะกีมะฮ์ ได้ตอบว่า : “ท่านต่างหากที่เป็นนายหญิงของฉัน

 ขอสาบานด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ ฉันจะไม่อนุญาตให้ท่านถอดรองเท้าของฉันหรอก และจะไม่ยอมให้ท่านรับใช้ฉันหรอก ฉันต่างหากที่จะต้องเป็นผู้ที่รับใช้ท่าน”

เมื่อท่านอิมามอัสการี (อ) ได้ยินดังนั้นจึงได้กล่าวขึ้นว่า

 “โอ้ ท่านน้า ขอให้อัลลอฮทรงตอบแทนรางวัลที่มีให้กับท่านด้วยเถิด”

ท่านหญิงหะกีมะฮ์ ได้ถามขึ้นว่า “โอ้อิมามของฉัน เขากำเนิดมาจากใครล่ะ? ฉันยังไม่เห็นวี่แววการตั้งครรภ์ของนัรญิสเลย”

อิมามตอบ : จากนัรญิส ไม่ใช่จากผู้อื่น

ฉันจึงได้ลุกขึ้นไปยังนัรญิส และทำการตรวจสอบอย่างละเอียดแต่ไม่พบวี่แววแห่งการตั้งครรภ์จากนางเลย

๒๘

ฉันจึงได้กลับไปบอกท่านอิมามอัสการี ท่านได้ยิ้ม และกล่าวขึ้นว่า :

ในยามรุ่งอรุณของวันนี้การมีบุตรของนางจะเปิดเผยสาหรับท่าน เพราะว่านาง (นัรญิส) ก็เหมือนแม่ของมูซา

ซึ่งการตั้งครรภ์ของนางไม่เป็นที่เปิดเผย และไม่มีใครรู้ได้จนกว่านางจะคลอด เพราะฟิรอูนกาลังตามล่าทารกคนนี้อยู่ เพื่อที่จะไม่ใช้ทารกเช่นนี้เกิดขึ้นมาบนโลก และพวกมันก็ทำการผ่าท้องหญิงที่มีครรภ์ทุกคน และทารกที่จะเกิดมาในคืนนี้ก็เช่นกัน เขาเหมือนกับมูซา เพราะเขาจะทำการทำลายแบบฉบับการปกครองแบบฟิรอูนและพวกมัน (ผู้เลียนแบบฟิรอูน) ก็กาลังตามล่าเขาอยู่

ท่านหญิงฮะกีมะฮ์ได้เล่าว่า : ฉันได้ระมัดระวังท่านหญิงนัรญิสจนเกือบจะรุ่งสาง ฉันได้ให้นางนอนข้างฉันทั้งคืนอย่างสงบ โดยที่ฉันไม่พลิกตัวเลย จนกระทั่งเช้าฉันได้ตื่นขึ้นด้วยความตกใจ และได้ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดของฉัน และฉันได้อ่านพระนามของอัลลฮฺให้กับนาง

เสียงของท่านอิมามอัสการี ได้ดังมาจากอีกห้องหนึ่งว่า : สิ่งที่นายของฉันก็ได้ถามอาการของนาง ท่านหญิงนัรญิส ได้ตอบว่า : สิ่งที่นายของฉันได้แจ้งข่าวกับท่านนั้นได้เป็นจริงแล้ว

๒๙

ท่านหญิงฮะกีมะฮ์ ได้เล่าต่อไปอีกว่า ฉันได้ปฏิบัติตามที่อิมามได้สั่งเอาไว้ คือการอ่านซุเราะฮ์อัลก็อดร์ตลอดเวลาที่ท่านนัรญิสปวดท้อง และในขณะเดียวกันกับเสียงทารกในครรภ์ก็ได้เริ่มอ่านซูเราะฮ์อัลก็อดร์ประสานกัเสียงของฉัน ทารกในครรภ์ได้ให้สลามกับฉัน ฉันได้เกิดความกลัวเป็นอย่างมาก

 อิมามอัสการีได้กล่าวขึ้นว่า

 

“จงอย่างแปลกใจในกิจการของอัลลอฮ พระองค์ทรงประทาน

วิทยปัญญาให้กับเรา (บรรดาอิมาม) ตั้งแต่วัยเด็ก และเมื่อเราโตขึ้นก็ทรงทาให้เราเป็นข้อพิสูจน์ (ฮุจญัต) ของพระองค์บนหน้าแผ่นดิน”

 คำพูดของอิมามยังไม่ทันจะสิ้นสุด นัรญิสก็ได้หายไปจากสายตาฉัน เหมือนกับได้มีม่านอันหนึ่งกั้นระหว่างฉันกับนาง จึงทำให้ฉันไม่เห็นนาง ฉันได้ร้องตะโกนด้วยความตกใจ และรีบวิ่งไปหาอิมามาอัสการี

อิมามได้กล่าววว่า “ท่านน้า จงกลับไปเถิด ท่านจะพานางตรงที่เดิม”

 ฉันบังตาได้ถูกขจัดออกไป ฉันได้พบท่านหญิงนัรญิสอยู่ในท่ามกลางแสงอันเจิดจ้าด้วยรัศมี และแสงอันแรงกล้านั้นจะทำให้ฉันมองนางเกือบไม่เห็น แล้วฉันก็ได้เห็นทารก คนหนึ่งซึ่งอยู่ในท่าสูญูด ในขณะที่นิ้วชี้ของเขาได้ชี้ขึ้น

๓๐

 และเขาได้กล่าวว่า

“ฉันขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และไม่มีภาคีใด ๆ สาหรับพระองค์ และขอปฏิญาณว่า ปู่ของฉัน คือ  มุฮัมมัด เป็นรอซูลของอัลลอฮ์ ขอการสรรเสริญจากพระองค์จงมีแด่เขา และวงศ์วานของเขา และขอปฏิญาณว่าบิดาของฉันคือ นายแห่งบรรดามุอฺมิน”

 และหลังจากนั้นเขา (มะฮ์ดี) ได้ยืนยันในการเป็นอิมามอย่างแท้จริงของ

อิมามทั้งสิบเอ็ดท่านจนกระทั่งถึงตัวของเขาเอง และทารกน้อยได้กล่าวขอพรขึ้นว่า

“โอ้พระเจ้าเป็นเจ้า ขอให้การกลับมาของฉันเป็นจริงเถิด และขอให้การงานของฉันไปถึงจุดสุดท้ายเถิด ขอให้ทุกย่างก้าวของฉันมั่นคง และด้วยน้ำมือของฉันขอให้โลกนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรมด้วยเถิด”

๓๑

การปกปิดการถือกำเนิดของอิมาม

ประวัติศาสตร์อิสลามในช่วงสมัยราชวงศ์อุมัยยะฮ์ และอับบาซียะฮ์ และโดยเฉพาะตั้งแต่สมัยของอิมามท่านที่หก (ท่านอิมามญะอฺฟัร (อ)) จนถึง

อิมามท่านอื่น ๆ นั้น คอลีฟะฮ์ของทั้งสองราชวงศ์มีความหวาดกลัว และหวาดระแวงต่อบรรดาอิมามมะอฺศูมเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เพราะว่าบรรดา

อิมามในยุคนั้นได้รับการยอมรับ และการให้เกียรติเป็นอย่างมากจากประชาชาติในยุคนั้น กาลเวลายิ่งผ่านไปมากเท่าใด การยอมรับ และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน กับบรรดาอิมามก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนกระทั่งคอลีฟะฮ์แห่งราชวงศ์อับบาซียะฮ์มีความรู้สึกว่า อำนาจรัฐของตนอาจจะตกอยู่อันตราย และจากสาเหตุที่มีการเรื่องลือกันว่ามะฮ์ดีผู้ถูกสัญญาจะเป็นผู้ที่มาจากเชื้อสายของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อล) จากลูกหลานของบรรดา

อิมามมะฮฺศูม และจากท่านอิมามฮะซัน อัลอัสการี (อ) และเขา (มะฮ์ดี) จะทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรม

๓๒

ดังนั้นจึงทำให้ท่านอิมามฮะซัน อัล-อัสการีตกอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มแข็งจากคอลีฟะฮ์ อับบาซียะฮ์ และไม่เฉพาะตัวท่านอิมามเท่านั้นที่ถูกควบคุมแต่รวมไปถึงบิดา และปู่ของท่านอิมามอัสการี (อ) ก็ถูกควบคุมตัวด้วย โดยผู้บริสุทธิ์ทั้งหมดได้ถูกควบคุมไว้ที่เมืองซามัรรอซึ่งป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์อับบาซียะฮ์ใยยุคนั้น ซึ่งการกระทำครั้งนี้

พวกอับบาซียะฮ์ มีจุดประสงค์ที่จะขัดขวางการกำเนิดของทารกน้อยผู้ถูกสัญญาไว้ แต่ด้วยความประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าการขัดขวางของพวกเขาจึงไร้ผล ทารกน้อยจึงถูกทำให้เกิดขึ้นมาอย่างเป็นความลับ และซ่อนเร้นเหมือนกับการถือกำเนิดของมูซา (อ)

และในเวลาเดียวกัน บรรดาสาวกผู้ใกล้ชิดของอิมามอัสการี ก็ได้มีการพบปะกับอิมามผู้ถูกสัญญาไว้ ในยุคที่อิมามอัสการียังมีชีวิตอยู่บ่อยครั้ง และหลังจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมามอัสการี (อ)

ท่านอิมามมะฮ์ดีก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฝูงชนเพื่อทำการนมาซญะนาญะฮ์ให้กับบิดาของท่าน คนจำนวนมากได้พบเห็นท่านในวันนั้น และหลังจากนั้นก็ได้เร้นหายไป

๓๓

ตั้งแต่วันเกิดของท่านอิมามกออิม (อ) จนถึงวันแห่งการเป็นชะฮีดของบิดาของท่าน บรรดาญาติสนิท และสาวกผู้ใกล้ชิดของอิมามคนที่สิบเอ็ด ประสบความสำเร็จหลายครั้งในการพบเจอกับอมามมะฮ์ดี หรือรับรู้ว่าอิมามมะฮ์ดียังคงอยู่ในบ้านของท่านอิมามอัสการี (อ)

จุดประสงค์ของท่านอิมามอัสการีในการที่ให้บรรดาสาวกผู้ใกล้ชิดได้พบเจอกันอิมามมะฮ์ดี ในโอกาสต่างๆทั้งที่อยู่ในช่วงการเร้นหายครั้งแรก (ฆ็อยบะตุศศุฆรอ) ก็เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้กับสาวกของท่านในเรื่องนี้ และเพื่อที่จะให้พวกเขารับรู้เรื่องราวเหล่านี้ เพื่อที่จะได้นำสิ่งเหล่านั้นไปเผยแพร่ให้ชีอะฮ์คนอื่น ๆ ได้รับทราบ ซึ่งเป็นการป้องกันบรรดาชีอะฮ์ จากการหลงทาง

 ต่อไปนี้คือตัวอย่างการพบเจอกับอิมามมะฮ์ดี ในช่วงฆ็อยบะตุศศุฆรอ

๓๔

๑. อะฮ์มัด บิน อิสฮาก ซึ่งเป็นสาวกอาวุโสคนสำคัญของท่านอิมาม

อัสการี ได้รายงานว่า

 “วันหนึ่งฉันได้รับเกียรติไปเยี่ยมอิมามอัสการี และฉันประสงค์ที่จะถามท่านถึงเรื่องผู้นำหลังจากท่าน แต่ท่านอิมามอัสการีพูดขึ้น โดยที่ฉันไม่ทันที่จะตั้งคำถาม

“โอ้ อะฮ์มัด ตั้งแต่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ได้สร้างอาดัมขึ้นมา และตั้งแต่นั้นมาแผ่นดินก็ไม่เคยว่าง จากฮุจญัตของพระองค์ ดังนั้นตราบจนถึงวันกิยามะฮ์ พระองค์ก็จะไม่ปล่อยให้แผ่นดินของพระองค์ว่างจากฮุจญัตของพระองค์ และจากสาเหตุของการมีฮุจญัตนี้จึงทำให้การลงโทษ (บะลาอ์) ต่าง ๆ ได้ถูกยกไปจากชาวโลก ทำให้ฝนได้ตกลงมา และทำให้บารอกะฮ์ (ความเป็นสิริมงคล) ต่าง ๆ งอกเงยจากแผ่นดิน”

 ฉันได้ถามขึ้นว่า “โอ้ลูกแห่งรอซูล อิมาม และตัวแทนหลังจากท่านคือใคร?

ท่านอิมามอัสการี ได้วิ่งเข้าห้องอย่างรีบเร่ง และท่านได้ออกมาพร้อมกับทารกด้วย วัยสามขวบที่มีรัศมีเหมือนพระจันทร์เต็มดวง อยู่ในอ้อมแขนของท่าน

๓๕

 และท่านอิมามได้กล่าวขึ้นว่า

 “โอ้ อะห์มัด บินอิสฮาก ถ้าหากว่าเด็กคนนี้ไม่มีเกียรติ ณ อัลลอฮ์ และบรรดาฮุจญัตของพระองค์แล้วไซร้ ฉันก็จะไม่นำลูกชายคนนี้มาให้เจ้าดูหรอก เขาคือผู้ที่มีชื่อ และฉายาเหมือนกับรอซูลุลลอฮ์

 เขาคือผู้ที่ทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยสันติ และยุติธรรม หลังจากที่มันได้เคยเต็มไปด้วยความอยุติธรรม และการกดขี่ โอ้ อะห์มัด บินอิสฮาก อุปมาของเขาในประชาชาตินี้เหมือนกับนบีคิฎิร และซุลก็อรนัยนฺ ขอสาบานด้วยอัลลอฮฮ์ เขาจะถูกทำให้เร้นหาย และในช่วงของการเร้นหาย และในช่วงของการเร้นหายของเขาจะไม่มีใครได้รับความปลอดภัย (ในศาสนา) นอกจากผู้ที่อัลลอฮ์ทรงประทานความสำเร็จให้แก่เขาในในยืนหยัดในการยอมรับเขา (มะฮ์ดี) เป็นผู้นำ และประสบความสำเร็จในการดุอาเร่งการปรากฏตัวของเขา (มะฮ์ดี) อีกครั้งหนึ่ง”

๓๖

ฉันได้ถามขึ้นว่า “โอ้อิมามของฉัน มีสัญลักษณ์อะไรอีกในตัวเขาเพื่อฉันจะได้เพิ่มความมั่นใจในตัวฉัน?”

และในทันทีทันใด ทารกน้อยก็ได้พูดขึ้นด้วยภาษาอาหรับชั้นสูง (ฟะศี้หฺ) “ฉันคือบะกียะตุลลอฮบนหน้าแผ่นดินนี้ และศัตรูของอัลลอฮจะถูกแก้แค้นโดยฉัน โอ้ อะฮ์มัด บินอิสฮาก สิ่งใดที่ตัวตนของมันได้ประจักษ์กับเจ้าแล้ว ดังนั้น จงอย่าถามหาสัญลักษณ์ของมัน”

๒. ท่านอะฮ์มัด บิน ฮะซัน บินอิสฮาก กุมมี ได้รายงานว่า

 “เมื่อตอนที่อิมามมะฮ์ดีได้ถือกำเนิดมานั้น ปู่ของฉัน (อะห์มัด บิน อิสฮาก) ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากท่านอิมามฮะซัน อัล-อัสการีที่เขียนด้วยลายมือของท่านเอง ซึ่งเป็นลายมือเดียวกับที่ท่านใช้เขียนในการเขียนจดหมาย และส่งสาส์นต่าง ๆ ของท่าน ในจดหมายนั้นได้เขียนว่า

“ทารกหนึ่งกำเนิดขึ้นสาหรับเรา และจำเป็นที่ท่านจะต้องเก็บไว้เป็นความลับห้ามเปิดเผยให้ใครฟัง และข่าวการกำเนิดในครั้งนี้ฉันก็ไม่ได้ให้ใครรู้ นอกจากบรรดาญาติที่สนิทด้วยสาเหตุทางเครือญาติ (จึงบอกให้พวกเขารู้) และแก่บรรดาสหาย และสาวกผู้ใกล้ชิดด้วยสาเหตุแห่งวิลายะฮ์

(อำนาจการปกครอง) ของเขา (มะฮ์ดี) และฉันพอใจที่จะแจ้งข่าวการกำเนิดนี้ให้แก่ท่าน ด้วยประสงค์ที่จะทำให้ท่านมีความสุขจากอัลลอฮฺในการรับทราบข่าวนี้ เหมือนกับที่เราได้รับความสุขมาแล้ว

วัสสลาม”

๓๗

 

๓. ท่านหญิงผู้ทรงเกียรติ และตักวา “ฮะกีมะฮ์” น้าของอิมามอัสการี (อ) “นาสีม” ผู้รับใช้อิมามอัสการี “อะบูญะอฺฟัร บิน มุฮัมมัด บิน

อุษมาน อัมรี”, ฮูเซน บิน ฮะซัน อัลอาลาวี, อัมร์ อัล-อะฮ์วาซี, อะบูนัศร์ คอดิม, กามิล บิน อิบรอฮีม, อะลี บิน อาศิม กูฟี,

อับดุลลอฮฺ บิน อัลอับบาส อาลาวี, อิสมาอิล บิน อะลี, ยะอฺกูบ บิน ยูซุฟ ฎ็อรร็อบ, อิสมาอีล บิน มูชา บิน ญะอฺฟัร, อะลี บิน มุเฏาะฮ์ฮัร, อิบรอฮีม บิน อิดริส, เฏาะรีฟ คอดิม, อะบู บะฮัร นูบัคตี, เหล่านี้ คือรายชื่อของผู้ที่รู้ข่าวการกำเนิดของอิมามผู้ถูกสัญญา และเป็นผู้รายงานเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี (อ)

๔. ญะอ์ฟัร บิน มุฮัมัด บิน มาลิก ได้รายงานจากกลุ่มหนึ่งของสาวกผู้ใกล้ชิดของอิมามอัสการีว่า

อิมามอัสการีได้กล่าวกับสาวกกลุ่มนี้ว่า

“พร้อมหรือยังที่จะถามฉันเกี่ยวกับฮุจญัตหลังจากฉัน”

พวกเขาได้กล่าวขึ้นว่า “แน่นอน เราพร้อมแล้ว”

ทันทีทันใดนั้น ทารกน้อยที่มีรัศมีเหมือนดวงจันทร์ และเป็นเด็กที่มีความเหมือนอิมามอัสการีมากที่สุด ได้ถูกนำมาให้ดู

๓๘

และอิมามอัสการี ได้กล่าวขึ้นว่า

“นี่คืออิมาม และตัวแทนของฉันสำหรับพวกท่านจะปฏิบัติตามคำสั่งของเขา และจงอย่าแตกแยกกัน มิฉะนั้นพวกท่านอาจจะต้องพินาศ จงรู้ไว้เถิดว่าหลังจากนี้พวกท่านจะไม่ได้เห็นเขาอีกจนกว่าอายุของเขาจะสมบูรณ์

ดังนั้นจงปฏิบัติตามคำสั่ง และยอมรับ “อุษมาน บิน สะอีด”

เพราะเขาคือตัวแทน (นาอิบ) ของอิมามมะฮ์ดีของพวกท่าน และกิจการทั้งหมดอยู่ในมือของเขา”

๕. อีซา บิน มุฮัมมัด เญาฮะรี ได้รายงานว่า

“ฉันกับพรรคพวกกลุ่มหนึ่งได้ไปแสดงความยินดีกับอิมามอัสการีเนื่องในวันเกิดของอิมามมะฮ์ดี (อ) ซึ่งพรรคพวกเราได้เล่าว่า

ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ) ได้ถือกำเนิดมาในตอนรุ่งเช้าของวันศุกร์ที่

๑๕ ชะอฺบาน และเมื่อเราได้เข้ามาพบอิมามอัสการี เราได้ให้สลาม และแสดงความยินดีกับท่าน และก่อนที่เราจะพูดหรือถามอะไร ท่านอิมามได้กล่าวขึ้นว่า

“ในหมู่พวกท่านไม่มีคำถามในหัวใจของผู้ใดดอกหรือว่า บุตรของฉันมะฮ์ดี (อ) อยู่ที่ไหน? ฉันได้มอบหมายเขา (มะฮ์ดี) ให้กับอัลลอฮ์แล้ว เหมือนมารดาของมูซาได้มอบหมายมูซาให้กับพระองค์ในตอนที่นางได้นำเอามูซาใส่ลงในตระกร้า และปล่อยเขาไปในแม่น้ำ

แล้วสุดท้าย อัลลอฮ์ก็ได้นำมูซากลับมาหานางอีกครั้งหนึ่ง

๓๙

ปัญหาเกี่ยวกับการเร้นหาย (ฆ็อยบะฮ์)

 

รากฐานของศาสนา บทบัญญัติ(ฟิกฮ์) การเมือง สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิชาการต่าง ๆ ของอิสลามได้รับการปกป้องรักษาให้อยู่คู่กับสังคมมุสลิมมาตลอดตั้งแต่ยุคของท่านศาสดา และบรรดาอิมามมะฮ์ศูมด้วยวิธีการเผยแพร่อธิบายจนได้รับการรวบรวม และบันทึก จนถึงปีที่ ๒๖๐ ของฮิจเราะฮ์ ถึงแม้ว่าในขณะนั้นบรรดาอิมามมะฮ์ศูมจะได้รับแรงกดดันอย่างมากมายจากบรรดาฏอฆูต (บรรดาผู้นำที่ไม่ชอบธรรม) แห่งยุคสมัย

แต่บรรดาอิมามก็ไม่ละโอกาสที่จะทำการอธิบายเผยแพร่ และชี้ชัดให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของอิสลามที่จะเป็นศาสนาแห่งมนุษยชาติ และพร้อมในการที่จะจัดตั้งรัฐบาลแห่งโลก ซึ่งเป็นรัฐที่สมบูรณ์แบบที่สุดเพียงรัฐเดียวเท่านั้น สาหรับชาวโลก ซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยใด ๆ เลยในสิ่งนี้

จากตัวอย่าง การปกครองของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อล) และ

ท่านอิมามอะลี บิน อะบีฏอลิบ (อ) เป็นข้อพิสูจน์อย่างดีที่แสดงให้มนุษย์ได้เห็นถึงความสมบูรณ์ของรัฐอิสลาม

ดังนั้นเมื่อถึงยุคของท่านอิมามมะฮ์ดี พื้นฐานต่าง ๆ ในการตั้งรัฐอิสลามขึ้นมาบนโลกนี้นั้นได้มีความพร้อม และสมบูรณ์สูงสุด

เพราะบทบัญญัติต่าง ๆ จากพระเจ้านั้นสมบูรณ์และเพียงพอ พร้อมกับตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของรัฐอิสลามพื้นฐานของความยุติธรรมก็ได้ถูกแสดงให้เห็นแล้ว

๔๐

41

42

43

44

45

46

47

48

49

50

51

52

53

54

55

56

57

58

59

60

61

62

63

64

65

66

67

68

69

70

71

72

73

74

75

76

77

78

79

80

81

82

83

84

85

86

87

88

89

90

91

92

93

94

95

96

97

98

99

100

101

102

103

104

105

106

107

108

109

110

111

112

113

114

115

116

117

118

119

120

คอลีฟะฮฺมะอ์มูน ยกบุตรสาวของตนให้แต่งงานกับท่าน ท่านส่งเงิน

กลับไปที่นครมะดีนะฮฺทุกปี มากกว่าปีละ ๑, ๐๐๐,๐๐๐ ดิรฮัมท่านเสียชีวิตในวัยหนุ่มที่กรุงแบกแดด เมื่อปี ฮ.ศ.๒๒๐ หลังจากที่

คอลีฟะฮฺมะอ์มูนได้เสียชีวิตแล้ว ท่านเคยได้เข้าพบคอลีฟะฮฺ

อัล-มุอฺตะศิมบิลลาฮฺปรากฏว่าเขาได้ให้เกียรติและให้การยกย่องต่อท่าน สุสานของท่านฝังใกล้กันกับสุสานของท่านอิมามมูซา ผู้เป็นปู่ของท่าน(อฺ)”

เขาได้กล่าวอีกว่า “ท่านเป็นคนบำเพ็ญเพียรเพื่อแสวงหาความบริสุทธิ์คนหนึ่ง เป็นผู้รักความสงบ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีฉายานามว่า ญะวาด ท่านคือหนึ่งในบรรดาอิมาม ๑๒ ท่านเกิดเมื่อปี๑๙๕

( อัลวาฟีบิ้ลวุฟียาต เล่ม ๔ หน้า ๑๐๕ )

๑๒๑

คำสดุดีจาก

ท่านมุฮัมมัด บินฏ็อลฮะฮฺ

อัช-ชาฟีอี (ร.ฮ. )

ท่านมุฮัมมัด บิน ฏ็อลฮะฮฺ อัช-ชาฟิอี (ร.ฮ.) ได้กล่าวหลังจากที่พูดถึงอิมามญะวาด(อฺ)แล้วว่า

“แท้จริงอัลลอฮฺทรงเจาะจงที่จำให้ท่านเป็นผู้มีเกียรติยศในสถานภาพอันยิ่งใหญ่โดยได้รับความรุ่งโรจน์ ท่านถูกยกย่องให้อยู่ในตำแหน่งที่มีค่าอย่างประมาณไม่ได้ เป็นที่ยอมรับสำหรัสติปัญญา

แห่งบรรดาผู้รู้ทั้งปวง

(มะฏอลิบุซซุอูล หน้า ๘๗)

คำสดุดีจาก

ท่านอะฮฺมัด บินยูซุฟ อัด-ดะมัชกี

อัล-กุรบานี(ร.ฮ.)

ท่านอะฮฺมัด บินยูซุฟ อัด-ดะมัชกี อัล-กุรบานี(ร.ฮ.)ได้กล่าวว่า : สำหรับเกียรติยศของท่านอิมามญะวาดนั้น อยู่คู่กับกาลเวลา และไม่เคยเสื่อมถอยแต่ประการใดเลย ยิ่งกว่านั้นถือว่าท่านได้รับ

อานุภาพจากพระผู้เป็นเจ้าประการหนึ่งที่มีคุณงามความดีคงทนถาวรอยู่ในโลก เกียรติยศของท่านสูงส่ง

๑๒๒

ทั้ง ๆ ที่วันเวลาของท่านมีน้อย อย่างไรก็ตามอัลลอฮฺทรงประสงค์ที่จะให้ท่านได้รับเกียรติสูงส่ง และเป็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่ ครั้งหนึ่งเมื่อคอลีฟะฮฺมะอ์มูนได้เข้ามายังเมืองแบกแดด

วันหนึ่งเขาได้ออกไปล่าสัตว์แล้วเดินผ่านเด็กเล็กๆ ที่กำลังเล่นอยู่ในจำนวนนั้นมีอิมามญะวาด(อฺ)รวมอยู่ด้วย บรรดาเด็กๆ ต่างพากันวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวคอลีฟะฮฺ มะอ์มูน ยกเว้น อิมามญะวาด(อฺ)

เพียงคนเดียวเท่านั้น อายุของท่านเวลานั้นเพียง ๙ ขวบ เมื่อคอลีฟะฮฺมะอ์มูนเห็นท่าน ก็ได้ถามว่า

“ทำไมเจ้าจึงไม่วิ่งหนีพร้อมกับเพื่อนๆ”

ท่านอิมามญะวาด(อ) กล่าวว่า

“โอ้ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน ถนนหนทางก็มิใช่ว่าจะคับแคบ มันยังกว้างพอสำหรับท่านอยู่ และข้าพเจ้าเองก็ไม่มีความผิดอะไรที่จะต้องกลัวท่าน ข้าพเจ้ามองท่านในแง่ดี คิดว่าท่านจะต้องไม่ทำอันตรายแก่คนที่มิได้ทำความผิดเป็นแน่”

คอลีฟะฮฺมะอ์มูนมีความประทับใจในคำพูดนี้ และแสดงความอาลัยต่อบิดาของท่าน เมื่อเขาได้เดินผ่านพ้นไปสักระยะหนึ่งจนถึงใจกลางป่า เขาได้จัดการปล่อยนกอินทรีให้ออกไปล่าเหยื่อ

นกอินทรีหายไปในที่กว้าง และหวนกลับมาพร้อมกับมีปลาน้อยตัวหนึ่งติดอยู่ที่จงอยปากของมัน

และปลาตัวน้อยนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ คอลีฟะฮฺมะอ์มูนชอบใจนักจึงเดินทางกลับจากการล่า

๑๒๓

 ครั้นแล้วก็ได้พบกับเด็กๆ ซึ่งมีอิมามญะวาด(อฺ)อยู่ด้วย เมื่อเข้าไปถึงอิมามญะวาด

ค่อลีฟะฮฺมะอ์มูนกล่าวว่า

“โอ้มุฮัมมัด นี่อะไรในมือของฉัน”

อัลลอฺ(ซ.บ.)ทรงดลบันดาลให้ อิมามญะวาด(อฺ) กล่าวขึ้นว่า

“แท้จริงอัลลอฮฺทรงสร้างปลาตัวน้อยในทะเลโดยอานุภาพของพระองค์ แล้วพวกกษัตริย์และคอลีฟะฮฺก็ได้จับมันมา หลังจากนั้นท่านก็ได้นำมันมาสอบถามกับลูกหลานของอะฮฺลุลบัยตฺ(อฺ)

มะอ์มูนมีความประทับใจยิ่งนัก เขาได้เพ่งพินิจอยู่เป็นเวลานานและตั้งใจว่าจะยกบุตรสาวของตน คืออุมมุลฟัฏลฺให้แต่งงานกับท่าน

(อัคบารุดดุลวัล หน้า ๑๑๖ )

๑๒๔

คำสดุดีจาก

ท่านอะลี บินซิบาฆ อัล-มาลิกี(ร.ฮ.)

ท่านอะลี บินซิบาฆ อัล-มาลิกี (ร.ฮ.) ได้กล่าวหลังจากที่อธิบายถึงรายละเอียดของฮะดีษจากอิมามญะวาด(อฺ)ว่า

“และนี่เป็นส่วนหนึ่งของเกียรติยศอันสูงส่งของท่าน เป็นส่วนหนึ่งของความประเสริฐอัน

งดงามยิ่งของท่าน”

(อัลฟุศูลุ้ลมุฮิมมะฮฺ ๒๕๗)

คำสดุดีจาก

ท่านอับดุลลอฮฺ ชิบรอวี อัช-ชาฟิอี

ท่านอับดุลลอฮฺ ชิบรอวี อัช-ชาฟิอี ได้กล่าวว่า ท่านคืออะบู ญะอฺฟัร มุฮัมมัดอัล-ญะวาดบินอะลีอัล-ริฏอ บินมูซาอัล-กาซิม บินญะอฺฟัร อัศ-ศอดิก บินมุฮัมมัดอัล-บากิร บินอะลีซัยนุ้ลอาบิดีน บินฮุเซน บินอะลี บินอะบีฏอลิบ (ขออัลลอฮฺทรงปิติชื่นชมต่อพวกท่าน)

 ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๙ เดือน ร่อมะฏอน ฮ.ศ. ๑๙๕ เกียรติคุณของท่านอิมามอะบูญะอฺฟัรผู้นี้มีมากมายเหลือคณานับ

(อัลอิตติฮาฟ บิฮุบบิ้ลอัซรอฟ หน้า ๖๗ )

๑๒๕

คำสดุดีจาก

ท่านยูซุฟ อิซมาอีล อัน-นะบะฮานี

ท่านยูซุฟ อิซมาอีล อัน-นะบะฮานี ได้กล่าวว่า : ท่านมุฮัมมัด ญะวาด บินอะลี อัร-ริฏอ คือ

หนึ่งในบรรดาอิมามผู้อาวุโส และเป็นดวงประทีปสำหรับประชาชาติ เป็นหนึ่งจากบรรดาประมุขทั้งหลายของเรา

ชาวอะฮฺลุลบัยตฺ

ท่านชิบรอวีได้กล่าวถึงท่านไว้ในหนังสืออิดฮาฟ บิฮุบบิลอัชรอฟหลังจากที่ได้สดุดีถึงถ้อยคำสรรเสริญอันงดงามแก่ท่าน และกล่าวถึงสิ่งต่างๆ ที่เป็นเกียรติยศของท่าน ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่ง

ที่แสดงให้เห็นถึงความประเสริญและความสมบูรณ์พร้อมในด้านต่าง ๆและแท้จริงแล้วคอลีฟะฮฺ

มะอ์มูนแห่งวงศ์อับบาซียะฮฺ ได้ยกบุตรสาวของตนให้แต่งงานกับท่าน(

(ญามิอุกะรอมาติ้ลเอาลิยาอ์ เล่ม ๑หน้า ๑๐๐ )

๑๒๖

คำสดุดีจาก

ท่านมะฮฺมูด บินวะฮับ อัล-บัฆดาดี

อัล-ฮะนาฟี

ท่านมะฮฺมูด บินวะฮับ อัล-บัฆดาดี อัล-ฮะนาฟี ได้กล่าวว่า

“ท่านมุฮัมมัด ญะวาด บินอะลีอัล-ริฏอ นั้นมีสมญานามว่า อะบูญะอฺฟัร เช่นเดียวกับสมญานามของปู่ทวดคนหนึ่งของท่าน ได้แก่ มุฮัมมัดอัล-บากิร(ขออัลลอฮฺได้ทรงมีความปิติชื่นชมต่อท่าน) ฉายานามของท่านนั้นมี ๓ ชื่อ คือ อัล-ญะวาด อัล-กอเนียะอฺ และอัล-มุรตะฏอ แต่ที่นิยมเรียกกันมากที่สุด ได้แก่ อัล-ญะวาด ท่านเป็นคนมีรูปร่างผิวขาว สมส่วน สง่างามมีลายสลักบนแหวนว่า

เนียะอฺมัล-มุก็อดดิริ้ลลาฮฺ

หลังจากนั้นเขาได้กล่าวว่า

“ท่านคือทายาทของบิดาในด้านวิชาการความรู้และความประเสริฐ”

(เญาฮะร่อตุ้ลกะลาม หน้า ๑๔๗ )

๑๒๗

คำสดุดีจาก

ท่านอะลี ญะลาลุ้ล ฮุซัยนี

ท่านอะลี ญะลาลุ้ลฮุซัยนี ได้กล่าวว่า อะบูญะอฺฟัรที่ ๒ หมายถึง มุฮัมมัด ญะวาด บินอะลี

ท่านเกิดที่เมืองมะดีนะฮฺ เมื่อ ฮ.ศ. ๑๙๕ เป็นผู้มีความรู้และความดีงามเด่นชัดมากกว่าใครทั้งหมดในสมัยเดียวกัน

ทั้งๆ ที่ท่านยังมีอายุน้อย คอลีฟะฮฺมะอ์มูนได้จัดแต่งงานท่านกับ

อุมมุล-ฟัฏลฺบุตรสาวของตน ท่านเสียชีวิตที่กรุงแบกแดด ในปี ๒๒๐ ขณะที่ท่านอายุได้ ๒๕ ปี

( อัลฮุซัยนฺ เล่ม ๒ หน้า ๒๐๗)

คำสดุดีจาก

ท่านค็อยรุดดีน อัซ-ซัรกะลี

ท่านค็อยรุดดีน อัซ-ซัรกะลีได้กล่าวว่า

“ท่านเป็นคนที่มีความสามารถสูงส่งเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับ

บรรพบุรุษของท่าน มีความฉลาด

หลักแหลมในการพูดยิ่งนัก เป็นผู้ที่มีความรู้ลึกซึ้งตรึงใจ ท่านเกิดที่เมืองมะดีนะฮฺ ท่านตะบีลี มุฮัมมัด บินวะฮฺบาน มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ซึ่งได้เขียนเกี่ยวกับชีวประวัติของท่านอิมามญะวาด(อฺ)โดย

ให้ชื่อหนังสือเล่มนั้นว่า “อัคบารุอะบีญะอฺฟัร อัษ-ษานี”

( อัลอะอฺลาม)

๑๒๘

บทส่งท้าย

อิมามญะวาด(อฺ)

การเรียบเรียงอันรีบเร่งแห่งอัตชีวประวัติของอิมามอะบูญะอฺฟัร มุฮัมมัด อัล-ญะวาด(อฺ)นี้ถือเป็นสิ่งพอเพียงแล้วสำหรับเราในการรำลึกวิถีชีวิตของท่าน(อฺ)อย่างง่ายๆ มันเป็นการเลือกสรร

อันน้อยนิดจากคติพจน์ของท่านอิมามที่ ๙ โดยพิจารณาจากข้อเขียนอันเป็นบทสรุปนี้ของเรา

เป็นการเหมาะสมสำหรับประชาชาติอิสลาม หลังจากที่ได้ผ่านพ้นการตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อวิถีชีวิตดังกล่าวนั้น ช่วงเวลาอันเคร่งเครียดได้ผ่านไป ความคิดที่แฝงไว้ด้วยความไม่ฝัน

ได้ตรึกตรองความล้มเหลงในห้วงของศีลธรรมจรรยา สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ จะต้องย้อนกลับไปหาวิถีชีวิตของบรรดาอิมามแห่งอะฮฺลุลบัยตฺ(อฺ) เพื่อไปให้ถึงยังเป้าหมายในการได้รับ

ซึ่งความดีงามและผาสุก เพื่อก้าวเข้าไปยังความีเกียรติ อำนาจ และความสุขสบาย

“จงกล่าวเถิดว่าหากพวกท่านรักอัลลอฮฺก็จงปฏิบัติตามฉันแล้วอัลลอฮฺก็จะทรงรักพวกท่าน

อภัยโทษความบาปให้แก่พวกท่านอัลลอฮฺทรงเปี่ยมล้นด้วยการอภัยทรงเมตตายิ่ง”

๑๒๙

Table of Conten  สารบัญ

บทนำ.. ๒

ชีวประวัติอันทรงเกียรติของอิมามที่ ๙. ๗

ข้อบัญญัติการแต่งตั้งอิมามมุฮัมมัด บินอฺะลีอัล-ญะวาด(อฺ) ๑๐

จากบัญญัติข้อที่ ๑. ๑๒

จากบัญญัติข้อที่ ๒. ๑๓

จากบัญญัติข้อที่ ๓. ๑๓

จากบัญญัติข้อที่ ๔. ๑๔

จากบัญญัติข้อที่ ๕. ๑๕

ความดีงามและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของอิมามตะกี(อฺ) ๑๖

คำสั่งเสียของอิมามอะบูญะอฺฟัร อัล-ญะวาด(อฺ) ๒๑

-๑-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙. ๒๒

-๒-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙. ๒๓

-๓-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙. ๒๓

-๔-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙. ๒๔

-๕-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙. ๒๔

-๖-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙. ๒๕

สาส์นข้อเตือนสติของอิมามมุฮัมมัด บินอฺะลี(อฺ) ๒๕

สาส์นฉบับที่ ๑. ๒๖

สาส์นฉบับที่ ๒. ๒๗

สาส์นฉบับที่ ๓. ๒๗

สาส์นฉบับที่ ๔. ๓๐

สุภาษิต :คำสอนจากวิทยปัญญาของอิมามญะวาด(อฺ) ๓๗

สุภาษิตที่ ๑. ๓๘

สุภาษิตที่ ๒. ๓๘

สุภาษิตที่ ๓. ๓๙

สุภาษิตที่ ๔. ๓๙

สุภาษิตที่ ๕. ๓๙

สุภาษิตที่ ๗. ๔๐

สุภาษิตที่ ๘. ๔๐

สุภาษิตที่ ๙. ๔๐

สุภาษิตที่ ๑๐. ๔๐

สุภาษิตที่ ๑๑. ๔๑

สุภาษิตที่ ๑๒. ๔๑

สุภาษิตที่ ๑๓. ๔๑

สุภาษิตที่ ๑๔. ๔๑

สุภาษิตที่ ๑๕. ๔๑

สุภาษิตที่ ๑๖. ๔๒

สุภาษิตที่ ๑๗. ๔๒

สุภาษิตที่ ๑๘. ๔๒

สุภาษิตที่ ๑๙. ๔๒

สุภาษิตที่ ๒๐. ๔๓

สุภาษิตที่ ๒๑. ๔๓

สุภาษิตที่ ๒๒. ๔๓

สุภาษิตที่ ๒๓. ๔๔

สุภาษิตที่ ๒๔. ๔๔

ถกปัญหาทางวิชาการจากแหล่งความรู้อันอมตะของอิมามที่ ๙. ๔๗

อิมามที่ ๙ ถกปัญหาฟิกฮฺกับยะฮฺยา บินอักษัม. ๔๙

อิมามที่ ๙ถกปัญหาคิลาฟิยะฮฺกับยะฮฺยา บินอักษัมและพรรคพวก. ๖๐

ถกปัญหาอะฮฺกามกับยะฮฺยา บินอักษัม. ๖๘

คำตอบอันลุ่มลึกของอิมามญะวาด(อฺ)แห่งอะฮฺลุลบัยตฺ. ๖๙

ถาม-ตอบ. ๗๖

เรื่องที่ ๑. ๗๖

ถาม~ตอบ. ๘๐

เรื่องที่ ๒. ๘๐

ถาม~ตอบ. ๘๓

เรื่องที่ ๓. ๘๓

ถาม~ตอบ. ๘๖

เรื่องที่ ๔. ๘๖

ถาม~ตอบ. ๘๗

เรื่องที่ ๕. ๘๗

ถาม~ตอบ. ๘๘

เรื่องที่ ๖. ๘๘

ถาม~ตอบ. ๙๐

เรื่องที่ ๗. ๙๐

ถาม~ตอบ. ๙๑

เรื่องที่ ๘. ๙๑

ถาม~ตอบ. ๙๒

เรื่องที่ ๙. ๙๒

ดุอาอ์ : เสียงเรียกร้องสู่ความถูกต้องของอิมามที่ ๙ ๙๓

บทที่ ๑. ๙๔

บทที่ ๒. ๙๕

บทที่ ๓. ๙๗

บทที่ ๔. ๑๐๒

การตอบสนองต่อดุอาอ์ของอิมามมุฮัมมัด อัต-ตะกี(อฺ) ๑๐๓

เหตุการณ์ที่ ๑. ๑๐๓

เหตุการณ์ที่ ๒. ๑๐๖

อิมามตะกี(อฺ)กับคอลีฟะฮฺมะอ์มูนแห่งราชวงศ์อับบาซียะฮฺ. ๑๐๗

คำสดุดีของนักปราชญ์ต่ออิมามที่ ๙. ๑๑๖

คำสดุดีจากท่านอะลี บินญะอฺฟัร. ๑๑๗

คำสดุดีจากคอลีฟะฮฺมะอ์มูน. ๑๑๙

คำสดุดีจากอะบุ้ลอีนาอ์. ๑๒๑

คำสดุดีจากบาทหลวงคริสต์. ๑๒๑

คำสดุดีจากท่านยูซุฟ บินฟะซาฆ่อลี. ๑๒๒

คำสดุดีจากท่านศ่อลาฮุดดี อัศ-ศ็อฟดี(ร.ฮฺ) ๑๒๒

คำสดุดีจากท่านมุฮัมมัด บินฏ็อลฮะฮฺ อัช-ชาฟีอี (ร.ฮ. ๑๒๔

คำสดุดีจากท่านอะฮฺมัด บินยูซุฟ อัด-ดะมัชกีอัล-กุรบานี(ร.ฮ.) ๑๒๔

คำสดุดีจากท่านอะลี บินซิบาฆ อัล-มาลิกี(ร.ฮ.) ๑๒๘

คำสดุดีจากท่านอับดุลลอฮฺ ชิบรอวี อัช-ชาฟิอี. ๑๒๘

คำสดุดีจากท่านยูซุฟ อิซมาอีล อัน-นะบะฮานี. ๑๒๙

คำสดุดีจากท่านมะฮฺมูด บินวะฮับ อัล-บัฆดาดื อัล-ฮะนาฟี. ๑๓๐

คำสดุดีจากท่านอะลี ญะลาลุ้ล ฮุซัยนี. ๑๓๑

คำสดุดีจากท่านค็อยรุดดีน อัซ-ซัรกะลี. ๑๓๑

บทส่งท้าย. ๑๓๒

๑๓๐