ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด14%

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด ผู้เขียน:
ผู้แปล: อัยยูบ ยอมใหญ่
กลุ่ม: ห้องสมุดศาสดาและวงศ์วาน
หน้าต่างๆ: 130

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 130 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 78962 / ดาวน์โหลด: 4977
ขนาด ขนาด ขนาด
ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด

ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัดญะวาด

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

ท่านอิมาม(อฺ)ได้กล่าวว่า

“ถ้าเช่นนั้นเป็นอันตกลง ลูกเอ๋ยโปรดนำเงินมามอบแก่เขาผู้นี้ ๒๐๐ ดีนาร เถิด” (๑๑)

(๑๑)อัด-ดัมอะตุซซากิบะฮฺ เล่ม ๓ หน้า ๔)

คำสั่งเสียของอิมามอะบูญะอฺฟัร อัล-ญะวาด(อฺ)

เป้าหมายในคำสั่งเสียของบรรดาอิมาม(อฺ) นั้นมิได้มีเพียงแค่การให้อ่าน หรือให้ท่องจำอย่างเดียว หากแต่จำเป็นจะต้องอ่านเพื่อปฏิบัติตามและจดจำไว้เพื่อปฏิบัติหน้าที่การงาน เพราะถ้าหากไม่เป็นอย่างนี้แล้ว เรื่องต่าง ๆ ทั้งหมดก็ไม่มีผลประการใด ความพยายามที่มีอยู่ก็จะเป็นสิ่งสูญหาย หาสาระอันใดมิได้ ข้าพเจ้าไม่พบว่าตัวเองนั้นต้องการการพิสูจน์ใด ๆ นี้ เพราะการปฏิบัติตาม

คำสั่งเสียของท่านอิมาม(อฺ)นั้น ยังประโยชน์ให้เราได้พบกับความผาสุกในโลกนี้และความสุขชั่วนิจนิรันดร์ในโลกหน้า เราทั้งหลายเชื่ออย่างนี้ตรงกัน และเป็นผู้ยอมรับในสิ่งดังกล่าว แต่เรายังมีอยู่สิ่ง

หนึ่ง นั่นคือจะต้องทำความเข้าใจแก่ตัวของเราเองเกี่ยวกับการนำเอาคำสั่งเสียเหล่านี้มายึดถือและปฏิบัติให้ตรงเป้าหมาย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราก็หวังความสัมฤทธิ์ผลจากอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ต่อไปนี้

๒๑

 เราจะกล่าวถึงคำสั่งเสียบางอย่างของท่านอิมามมุฮัมมัด อัล-ญะวาด(อฺ)

-๑-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙

มีชายคนหนึ่งได้กล่าวกับท่านอิมาม(อฺ) ว่า

“โปรดสั่งเสียข้าพเจ้าด้วยเถิด”

ท่านอิมาม(อฺ)ได้กล่าวว่า

“ท่านจะยอมรับไปปฏิบัติกระนั้นหรือ ?”

ชายคนนั้นกล่าวว่า

“ใช่แล้ว”

ท่านอิมาม(อฺ)กล่าวว่า

“ท่านจงยึดหลักความอดทน จงยอมรับความยากจน จงผลักไสความใคร่ จงต่อต้านกับอารมณ์ใฝ่ต่ำ จงรู้เถิดว่าทานมิอาจรอดเร้นจากสายตาของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็จงคิดดูเถิดว่าท่านควรจะทำตัวอย่างไร”(๑๒)

(๑๒)อะอฺยานุชชีอะฮฺ เล่ม ๓ หน้า ๒๔๓)

๒๒

-๒-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙

ท่านอิมามญะวาด(อฺ) ได้มีคำสั่งเสียอีกตอนหนึ่งว่า

“ขอให้ท่านระวังการเป็นมิตรกับคนชั่ว เพราะเขาเป็นเสมือนดาบที่คมกริบ ยามมองดูนั้นจะเห็นว่ามันสวยงาม แต่ผลของมันช่างเลวร้าย และน่าเกลียด(ในยามที่มันสัมผัสกับเนื้อของเรา จะฝาก

ลอยแผลฉกรรจ์ไว้)” (๑๓)

(๑๓) บิฮารุ้ลอันวารฺ เล่ม ๑๗ หน้า ๒๑๔)

-๓-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙

ท่านอิมาม(อฺ)ได้มีคำสั่งเสียอีกตอนหนึ่งว่า

“ท่านจงอย่าเป็นศัตรูกับผู้ใด จนกว่าท่านจะรู้ถึงฐานะที่เขาคนนั้นมีต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) เพราะ

ถ้าหากเขาเป็นคนดี แน่นอนพระองค์จะไม่ทรงยอมรับท่านแน่ แต่ถ้าหากเขาเป็นคนชั่ว ก็ให้ถือเสียว่าที่ท่านรู้อย่างนั้นก็เพียงพอแล้ว จึงอย่าได้เป็นศัตรูกับเขา”(๑๔)

(๑๔) บิฮารุ้ลอันวารฺ เล่ม ๑๗ หน้า ๒๑๔)

๒๓

-๔-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙

คำสั่งเสียอีกตอนหนึ่งของอิมามญะวาด(อฺ)

“อย่าใจเร็วด่วนได้กับกิจการงานใด ๆ ก่อนที่กิจการงานนั้นๆ จะล่วงเข้าสู่ภาวะที่เหมาะสม

มิฉะนั้นแล้วท่านจะเสียใจ จงอย่าให้ความฝันอันยาวไกลกินเวลายาวนานเกิดขึ้นกับท่าน เพราะว่ามันจะทำให้หัวใจของพวกท่านแข็งกระด้าง จงเมตตาคนอ่อนแอ จงขอความเมตตาจากอัลลอฮฺ

(ซ.บ.) ด้วยการให้ความเมตตากับคนเหล่านั้น” (๑๕)

(๑๕) อัล-ฟุศูลุ้ลมุฮิมมะฮฺ หน้า ๒๖๑

-๕-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙

คำสั่งเสียอีกตอนหนึ่งของอิมามญะวาด(อฺ)

“จงอย่าทำตัวเป็นผู้ภักดีต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.)ในยามที่อยู่อย่างเปิดเผยแต่เป็นศัตรูของพระองค์

ในยามที่อยู่เร้นลับ”(๑๖)

(๑๖) บิฮารุ้ลอันวารฺ เล่ม ๑๗ หน้า ๒๑๔)

๒๔

-๖-คำสั่งเสียของอิมามที่ ๙

คำสั่งเสียอีกตอนหนึ่งของอิมามญะวาด(อฺ)

“จงอดทนกับสิ่งที่ท่านรังเกียจ ในกรณีที่มันจำเป็นจะต้องเกิดขึ้นกับท่านโดยชอบธรรมและจงอดทนกับสิ่งที่ท่านรักชอบ ในกรณีที่ถ้าหากสิ่งนั้นจะนำพาไปสู่ความเสียหาย”(๑๗)

 (๑๗) อัล-อันวารุ้ลบะฮียะฮฺ หน้า ๑๓๓

สาส์นข้อเตือนสติของอิมามมุฮัมมัด บินอฺะลี(อฺ)

ในบทนี้มีแบบฉบับใหม่ ๆ จากวจนะของท่านอิมามญะวาด(อฺ)ให้เราได้ศึกษา ซึ่งท่านได้ฝากไว้ในสาส์นฉบับต่างๆ และข้อเขียนที่ท่านส่งไปยังชีอะฮฺของท่าน กล่าวคือท่านท่านอิมามญะวาด(อฺ)ได้เขียนสาส์นอย่างมากมายเพื่อกลุ่มชนมุสลิมต่างๆ ในโลกอิสลาม ขณะเดียวกันท่านก็ได้เขียนไปยังบุคคลอื่นๆ ในต่างวาระเหตุการณ์ สาส์นเหล่านั้นนับว่าเป็นเครื่องมืออันหนึ่งของท่านอิมามญะวาด(อฺ)ที่ใช้เพื่อการเผยแพร่เรียกร้องสู่ศาสนาของอัลลอฮฺ(ซ.บ.) และการประพฤติปฏิบัติไปตามหลักการและวิถีทางของพระองค์

๒๕

ต่อไปนี้เราจะบันทึกถึงเรื่องราวในสาส์นบางส่วน ดังนี้

สาส์นฉบับที่ ๑

มีรายงานว่า ได้มีโจรปล้นสิ่งของมีค่าของท่าน(อฺ)ในขณะที่กำลังถูกนำไปมอบให้แก่ท่าน(อฺ) ในระหว่างทาง ผู้ทำหน้าที่นำของได้เขียนจดหมายไปแจ้งเรื่องราวให้ท่าน (อฺ) ทราบ

ท่านอิมาม(อฺ)ได้ตอบว่า ตัวของเราและทรัพย์สินของเรานั้น นับเป็นสิ่งกำนัลอย่างหนึ่งจากอัลลอฮฺ(ซ.บ.) คุณค่าของมันล้วนเป็นสิ่งของที่ต้องพลัดพรากจากไปสิ่งที่ใช้ประโยชน์ได้ย่อมได้รับการใช้ประโยชน์ไปท่ามกลางความยินดี ส่วนที่ถูกแบ่งเอาไปได้ ก็จะถูกนำไปเป็นรางวัลและค่าตอบแทน ดังนั้นผู้ใดที่ไม่สามารถอดกลั้นความรู้สึกเสียดายสิ่งของนั้นๆ ก็ถือว่าเขาได้ลบล้างรางวัลของตนเองไปแล้วซึ่งเราขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ)ให้พ้นจากการเป็นเช่นนั้น(๑๘)

(๑๘) ตะฮัฟฟุลอุกูล หน้า ๓๓๖

๒๖

สาส์นฉบับที่ ๒

สาส์นอีกฉบับหนึ่งของท่านอิมามญะวาด(อฺ) ที่เขียนไปยังมิตรสหายของท่าน(อฺ)บางคนมีใจความว่า

สำหรับโลกนี้ ฉันเป็นผู้รู้จักเรื่องราวต่างๆ ของมันเป็นอย่างดีแต่ว่าผู้ใดที่ให้อารมณ์ใฝ่ต่ำของเขาเป็นที่ปรารถนาของเจ้าของมันและลดตัวต่ำต้อยอันนั้น เขาก็จะอยู่กับสิ่งนั้นเสมอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะชักนำไปอย่างไร แต่ในวันปรโลกนั้น คือสถานที่พำนักอันแน่นอน(๑๙)

(๑๙) เล่มเดิม หน้า ๓๓๖

สาส์นฉบับที่ ๓

สาส์นฉบับหนึ่งของอิมามญะวาด(อฺ) ที่เขียนไปยังอิบนุมะฮฺซิยาร เพื่อตอบข้อเขียนที่เขาส่งมายังท่าน(อฺ)ดังนี้

แน่นอนยิ่ง ฉันมีความเข้าใจในสิ่งที่ท่านได้กล่าวถึง ทำให้ฉันมีความปลื้มปิติมากเป็นทวีคูณ ขออัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงประทานความยินดีปรีดาให้แก่ท่าน ฉันหวังการปกป้องอันพอเพียงที่จะให้ฉันพ้นผ่านแผนการร้ายทุกประการ อินซาอัลลอฮฺ และขอวิงวอนต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ)ให้ทรงปกปักรักษาท่านทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของท่านในทุกๆ สภาพการณ์ของท่านโปรดรับทราบไว้ด้วยว่า

๒๗

 ฉันมุ่งหวังที่จะขอให้อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ปกป้องท่าน และขออัลลอฮฺ(ซ.บ)ทรงบันดาลให้ทานได้รับความดีงามในเกียรติยศต่างๆ ที่ท่านได้รับเมื่อวันอาทิตย์ ดังนั้น ขอได้โปรดประวิงสิ่งเหล่านั้นไว้เพื่อวันจันทร์ด้วยเถิด ขอให้อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงเป็นเพื่อนของท่านในยามเดินทางและขอให้พระองค์ทรงดูแลครอบครัวของท่านในยามที่ท่านจากไปและขอให้พระองค์ทรงรักษาพันธสัญญาของท่านไว้ด้วย อีกทั้งขอให้พระองค์ประทานความสันติให้แก่ท่าน โดยอานุภาพของพระองค์

ดังนั้นโปรดมุ่งตรงไปยังบ้านเรือนของท่าน ขออัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงบันดาลให้ท่านได้รับความดี ณ ที่พำนักทั้งในโลกนี้และปรโลก

ฉันมีความเข้าใจในสิ่งที่ท่านกล่าวถึงเกี่ยวกับกิจการของชาวเมืองกุม ขออัลลอฮฺ(ซ.บ)ทรงประทานความบริสุทธิ์และแคล้วคลาดให้แก่พวกเขาเหล่านั้น ท่านทำให้ฉันมีความสุขด้วยกับสิ่งที่

ท่านได้กล่าวและปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ขออัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้ทรงประทานความชื่นชมให้แก่ท่านโดยได้รับสวนสวรรค์และทรงให้ความโปรดปรานแก่ท่านด้วยความพึงพอใจของฉันที่มีต่อท่าน ฉันขอต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ซึ่งการอภัยและความเมตตา ฉันขอกล่าวว่า อัลลอฮฺ(ซ.บ.)เท่านั้นทรงเป็นที่

๒๘

พอเพียงสำหรับเราและเป็นที่ไว้วางใจอันประเสริฐยิ่ง

สำหรับสิ่งที่ท่านได้ขอให้เหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าของท่านได้รับความเปลี่ยนแปลวไปนั้น

ขอให้อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงเปิดทางสะดวกให้แก่ท่านและแก่บุคคลที่ท่านขอในหมู่ครอบครัวของท่าน

ให้ได้รับความสะดวกอย่างกว้างขวาง โอ้ ท่านอฺะลีเอ๋ย สิ่งที่ยังมีอยู่ ณ ตัวของฉันสำหรับท่านนั้นมีมากมายกว่าความสะดวกสบายอันนั้น ฉันขอจากอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ให้พระองค์ทรงเป็นเพื่อนของท่านที่

ให้ความสะดวกสบาย และได้ทรงมอบสิ่งนั้นให้แก่ท่าน แท้จริงพระองค์เป็นผู้ได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้เสมอ

ส่วนสิ่งที่ท่านขอดุอาอ์นั้น อันที่จริงแล้วท่านไม่รู้หรอกว่า ณ ที่ฉันนั้นอัลลอฮฺ(ซ.บ.)จะบันดาลอย่างไรแก่ท่าน บางครั้งฉันเอ๋ยถึงท่านด้วยชื่อและสายตระกูลท่าน พร้อมกันฉัน ฉันยังให้ความสำคัญกับท่าน และมีความรักต่อท่านเป็นอย่างยิ่ง และฉันมีความตระหนักในความเป็นไปของท่านดังนั้นขออัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้ทรงประทานคุณงามความดีอย่างถาวรให้แก่ ท่านเกี่ยวกับการครองชีพและการนำท่านให้ไปถึงยังครอบครัว และขอพระองค์ได้ทรงจัดที่พำนักอันเป็นวิมานชั้นสูงสุดให้แก่ท่านด้วยความเมตตาของพระองค์

๒๙

 แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินการขอดุอาอ์ ขออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ได้ทรงปกป้องคุ้มครองและเป็นมิตรกับท่าน และปกปักษ์รักษาท่านไว้ด้วยความเมตตาของพระองค์

สาส์นฉบับที่ ๔

สาส์นที่ท่านอิมามญะวาด(อฺ) ส่งไปยังท่านซะอฺดุ้ลคอยรฺ(ร.ฏ.)มีใจความดังนี้

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงปรานี ผู้ทรงเมตตาอยู่เป็นนิรันดร์ ต่อไปนี้ฉันจะขอสั่งเสียท่านไว้เกี่ยวกับการสำรวมตน(ตักวา) ต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) เพราะแท้จริงในเรื่องนี้จะนำมาซึ่งความสันติ

สุข และเป็นทรัพย์สินอันถาวรแท้จริงอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงกำหนดหลักการสำรวมตนไว้แก่ปวงบ่าวไปตามสภาพทางด้านสติปัญญาของเขาและทรงยับยั้งความมืดบอดและความโง่เขลาให้พ้นจากปวงบ่าวโดยการสำรวมตน กับการสำรวมตนนี่แหละที่ศาสดานูฮฺได้รับความปลอดภัยพร้อมกับบรรดาผู้ที่อยู่กับเขาในเรือ และ

ท่านนบีศอลิฮฺพร้อมกับผู้ที่อยู่กับเขาก็ได้ปลอดภัยจากการลงโทษ กับการสำรวมตนนี่แหละที่บรรดาผู้มีความอดทนได้รับชัยชนะ และอุปสรรคต่าง ๆ อันจะยังความเสียหายเหล่านั้นได้รอดพ้นไป

๓๐

 การสำรวมตน(ตักวา)เป็นพี่น้องของพวกเขา ตามแนวทางแห่งความปลอดภัยดังกล่าวพวกเขาได้สัมผัสกับความประเสริฐนั้น

พวกเขาได้ละทิ้งการละเมิดของพวกเขา

จากการไปถึงยังความปรารถนาต่างๆ สิ่งใดก็ตามที่เป็นอุทาหรณ์ในคัมภีร์มายังพวกเขา เขาเหล่านั้น

ได้สรรเสริญสดุดีต่อพระผู้อภิบาลในฐานะที่พระองค์ทรงประทานเครื่องยังชีพให้แก่พวกเขาและในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งมวลการสรรเสริญ เขาเหล่านั้นตำหนิตัวเอง อันเนื่องมาจากสิ่ง

ทั้งหลายที่พวกเขาผิดพลาด ในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้มีข้อตำหนิ

จงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ผู้ทรงจำเริญผู้ทรงสูงส่งนั้นทรงเกื้อการุณย์ ทรงมีความรอบรู้เสมอ อันที่จริงแล้วความกริ้วของพระองค์นั้นย่อมประสบแก่ผู้ซึ่งไม่ยอมรับความโปรดปราน

ของพระองค์ อันที่จริงแล้วพระองค์ทรงยับยั้งผู้ที่ไม่ยอมรับการให้ของพระองค์ที่มาจากพระองค์อันที่จริงแล้วพระองค์ทรงบันดาลให้ผู้ที่ไม่ยอมรับทางนำของพระองค์ได้หลงทาง ต่อจากนั้นพระองค์

ทรงเรียกร้องปวงบ่าวของพระองค์ไว้ในคัมภีร์ด้วยสุรเสียงที่ก้องกังวานอย่างมิขาดสาย และพระองค์ไม่เคยยับยั้งคำวิงวอนของบรรดาปวงบ่าว ดังนั้น อัลลอฮฺ(ซ.บ.)จะทรงสาปแช่งบรรดาผู้ที่

ปิดบังซ่อนเร้นสิ่งที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงประทานมา และพระองค์ทรงบันทึกเรื่องความเมตตาได้สมบูรณ์อย่างแท้จริงและเที่ยงธรรมยิ่ง

๓๑

 กล่าวคือ พระองค์มิได้เริ่มต้นใช้ความกริ้วแก่บรรดาปวงบ่าว

ก่อนที่พวกเขาเหล่านั้นจะโกรธเคืองพระองค์ สิ่งเหล่านี้อยู่ในส่วนของวิชาความรู้ขั้นยะกีน และวิชาความรู้แห่งการมีตักวา ทุกๆ ประชาชาตินั้น อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้ทรงถอดถอนความรู้แห่งคัมภีร์ออกไปจากเหล่านั้นในยามที่พวกเขาปฏิเสธ และพระองค์ทรงบันดาลให้ศัตรูของพวกเขาเป็นผู้ปกครอง

พวกเขาในยามที่พวกเขาให้การยอมรับแก่ศัตรู ส่วนหนึ่งที่เป็นการละเมิดของพวกเขาต่อคัมภีร์ก็คือ

การที่พวกเขายังคงรักษาไว้ซึ่งตัวอักษรของคัมภีร์ แต่กลับเบี่ยงเบนกฎเกณฑ์ต่างๆ ของคัมภีร์

กล่าวคือ เขาเหล่านั้นเรียนรู้คัมภีร์แต่มิได้นำพาคนโง่เขลาได้ทำให้พวกเขารู้สึกชื่นชมต่อการท่องจำการรายงานฮะดีษของพวกเขา

 และบรรดานักปราชญ์ต่างทำให้พวกเขารู้สึกเสียใจต่อการละทิ้งความรับผิดชอบของพวกเขา ส่วนหนึ่งจากการละทิ้งคัมภีร์ของพวกเขาก็คือ พวกที่ไม่มีวิชาความรู้ได้ทำหน้าที่ปกครองพวกเขา ผู้ปกครองที่ว่านั้นได้นำพาพวกเขาสู่ตัณหา ได้นำพาไปสู่ความหลงผิด และได้ส่งเสริมพวกเขาสู่ความตกต่ำ และเขาเหล่านั้นได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของศาสนา ต่อจากนั้น

๓๒

พวกเขาได้สืบมรดกอยู่ในความโง่เขลาและด้อยปัญญา ประชาชาติจึงมีการแสดงออกแต่ในส่วนที่เป็นกิจการของมนุษย์ ห่างไกลจากกิจการของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะย้อนคืนกลับสู่

พระองค์ ความเลวร้ายจะต้องประสบแก่บรรดาผู้อธรรมที่เปลี่ยนแปลงเอาหลักการปกครองของมนุษย์แทนหลักการปกครองของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)แต่แล้วในประชาชาติเหล่านั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน โดยมีบรรดาผู้ซึ่งขยันหมั่นเพียรในด้านการทำอิบาดะฮฺตามแนวทางแห่งการหลงผิดนั้น มีลักษณะที่น่าทึ่ง สร้างความปั่นป่วน กล่าวคือการเคารพภักดีที่พวกเขามีอยู่นั้นเป็นการสร้างความยุ่งยากสำหรับประชาชาติและผู้ที่ปฏิบัติตามพวกเขา

แน่นอนที่สุดได้มีคำตักเตือนแก่บรรดาปวงบ่าวไว้ในบรรดาศาสดาทั้งหลายแล้ว

 แท้จริงมีนบีท่านหนึ่งซึ่งมีความพร้อมในด้านการเชื่อฟังแต่แล้วท่านได้ละเมิด(การละเมิดในที่นี้มิใช่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ตามความเข้าใจโดยทั่วไป อันจะทำให้บกพร่องต่อคุณสมบัติการเป็นนบี โปรดพิจารณาเรื่องนี้จากหนังสือที่เกี่ยวข้องกับหลักความเชื่อของชีอะฮฺ)ต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.)

๓๓

ในเรื่องๆ หนึ่งเท่านั้น ท่านถึงกับต้องถูกนำออกจากสวนสวรรค์ และถูกผลักไสให้ไปอยู่ในท้องของปลาตัวใหญ่ ท่านมิได้รับความปลอดภัยเลยจนกว่าได้ยอมรับผิด และขออภัยโทษ ดังนั้นจงรับรู้ถึง

ความผิดของบรรดาบาทหลวงและพวกปุโรหิตทั้งหลายผู้ที่นำพาต่อการปิดบังคัมภีร์และบิดเบือนมัน

ดังนั้น การค้าของพวกเขาเหล่านั้นมิได้ให้ผลกำไรแต่อย่างใด และพวกเขามิได้เป็นผู้อยู่ในทางนำอีกด้วย

แล้ท่านก็จะต้องรู้จักความคล้ายคลึงของพวกเขาในประชาชาตินี้นั่นคือเขาทั้งหลายผู้ซึ่งยังดำรงรักษาไว้ซึ่งอักษรต่างๆ ในคัมภีร์แต่กระทำการบิดเบือนกฎเกณฑ์ต่างๆ ของคัมภีร์ กล่าวคือเขา

เหล่านั้นจะอยู่ร่วมกับบรรดาเจ้านายและคนมีทรัพย์สินเงินทอง เมื่อผู้นำแห่งความอยากใคร่ได้แยกตัวออกมาพวกเขาก็จะอยู่กับคนส่วนมากที่เป็นชาวโลก และนี้ก็คือระดับของพวกเขาในด้าน

ความรู้ พวกเขายังคงอยู่ในความโลภโมโทสัน พวกเขายังคงฟังเสียงของอิบลีซด้วยสิ่งที่เป็นโมฆะทั้งหลาย บรรดาปวงปราชญ์ล้วนต้องอดทนกับความกลั่นแกล้งที่มีมาจากพวกเขาเขาทั้งหลายตำหนิเตียนบรรดาปวงปราชญ์ด้วยการสร้างภาระหนักมากมาย และบรรดาปวงปราชญ์ที่อยู่ในหมู่พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่เป็นผู้ทรยศ ซ่อนเร้นหลักคำสอน

๓๔

ถ้าหากพวกเขาเห็นคนทำผิดกำลังหลงทาง พวกเขาจะไม่ชี้แนะคนๆ นั้นเลย หรือเห็นคนที่กำลังจะกลายเป็นซากศพ พวกเขาจะไม่ทำให้เขากลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่ สิ่งที่พวกเขากระทำไว้นั้น นับว่เลวร้ายยิ่งเพราะอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้ทรงกำหนดพันธสัญญากับพวกเขาไว้แล้วในคัมภีร์ว่าพวกเขาจะต้องสั่งสอนในเรื่องคุณธรรมไปตามที่พวกเขาเหล่านั้นได้ถูกกำชับมา และพวกเขาจะต้องทำการยับยั้งจากสิ่งต่างๆ ที่เขาเหล่านั้นถูกห้ามปรามไว้

พวกเขาจะต้องช่วยเหลือเกื้อกูลในเรื่องความดีงามและการสำรวมตน และอย่าได้สนับสนุนกันในเรื่องการทำความบาปและการสร้างศัตรู

ดังนั้นบรรดานักปราชญ์ในหมู่คนที่โง่เขลา มีความพยายามและมีความเสียสละ ถ้าหากท่านสั่งสอน พวกเขาก็จะกล่าวว่า ท่านละเมิด และถ้าหากพวกเขารู้ซึ้งถึงสัจธรรมข้อที่พวกเขาละทิ้ง

พวกเขาก็จะกล่าวว่า ท่านผิดพลาด และถ้าหากพวกเขาหลักตัวออกไปพวกเขาจะกล่าวว่า ท่านได้แตกแยกไปแล้ว และถ้าหากพวกเขากล่าวว่า จงนำหลักฐานของพวกท่านมายืนยันตามที่พวกท่าน

กล่าวไว้เถิด พวกเขาจะกล่าวว่า ท่านหลอกลวงและถ้าหากพวกท่านสั่งให้คนเหล่านั้นเชื่อฟัง คนเหล่านั้นก็จะกล่าวว่า ท่านทรยศต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.)

๓๕

 กล่าวคือ บรรดาผู้ที่โง่เขลานั้นต้องได้รับความเสียหายในเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาไม่รู้ พวกเขาเชื่อมั่นต่อคัมภีร์ในยามที่ให้คำจำกัดความ แต่จะปฏิเสธต่อคัมภีร์ในกรณีที่บิดเบือน ดังนั้นเขาเหล่านั้นจงอย่าได้ปฏิเสธเขาเหล่านั้นคล้ายกับบรรดาบาทหลวง และพวกปุโรหิตที่เป็นผู้นำในความหลงผิด เป็นหัวหน้าในเรื่องที่ต่ำต้อย ส่วนอีกด้าน

หนึ่งมีบรรดาบุคคลที่นั่นอยู่ระหว่างความหลงผิดกับความถูกต้อง ฝ่ายหนึ่งจะไม่รู้จักกับอีกฝ่ายหนึ่ง

พวกเขาเหล่านั้นจะกล่าวไปตามที่ประชาชนทั้งหลายรู้ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เขาเหล่านั้นเชื่อไปตามนั้น ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)ได้ละทิ้งคนเหล่านั้นที่อัล-บัยฏออ์ ทั้ง

ในยามกลางคืนและกลางวัน ทั้งๆ ที่เขาเหล่านั้นยังไม่แสดงเรื่องการอุตริให้เห็นอย่างเปิดเผย และในหมู่ชนเหล่านั้นยังมิได้เปลี่ยนแปลงหลักคำสอนแห่งซุนนุฮฺ พวกเขาเหล่านั้นยังมิได้มีความหลงผิด

ครั้นเมื่อคนทั้งหลายลับตาไปพวกเขาก็อยู่ในความผิดพลาดด้วยการมีอำนาจสองประเภท

ประเภทหนึ่งเรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺ(ซ.บ.) อีกประเภทหนึ่งเรียกร้องไปสู่ไฟนรก เมื่อเป็นเช่นนี้

๓๖

ชัยฏอนก็ได้โอกาส กล่าวคือ มันจะใช้เสียงของมันพูดไปตามกระแสลิ้นลมของบรรดาพรรคพวกบริวาร มันจะเข้าร่วมดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินและลูกๆ ของบุคคลที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของมัน

ดังนั้น มันจึงกระทำการอันเป็นสิ่งอุตริและทอดทิ้งคัมภีร์

และซุนนะฮฺ บรรดาผู้เป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮฺ(เอาลิยาอ์)นั้น ย่อมพูดด้วยหลักฐานและยึดถือปฏิบัติตามคัมภีร์และวิทยปัญญา ในวันนั้นบรรดาผู้ยึดถือในหลักสัจธรรมกับบรรดาผู้ยึดถือความผิดพลาด ย่อมจะต้องแตกแยกกัน....”(๒๐)

(๒๐) บิฮารุ้ลอันวารฺ เล่ม ๑๗ หน้า ๒๑๓

สุภาษิต :คำสอนจากวิทยปัญญาของอิมามญะวาด(อฺ)

สุภาษิตและคำเตือนต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งมาจากวิทยปัญญาของ

อิมามญะวาด(อฺ) โดยสรุป หมายถึง ศิลปะแห่งการเรียนรู้ จริยธรรม หลักธรรมและการเรียกร้องเชิญชวนยังอัลลอฮฺ(ซ.บ.)

อีกทั้งเป็นจุดเน้นในการเสริมสร้างคุณค่าในด้านต่าง ๆ แน่นอนที่สุดสุภาษิตเหล่านี้ได้สรุปย่อมาจากตำราต่างๆ หลายเล่ม หน้าที่ของเราในปัจจุบันควรที่จะได้นำสุภาษิตและคำสอนต่างๆ เหล่านี้มา

ประพฤติปฏิบัติและนำมาเป็นแบบแผนในการดำเนินชีวิตแห่งความเป็นจริงของเราและให้นำมาเป็นวิถีทางสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไปในเส้นทางของท่าน

๓๗

ต่อไปนี้ เราจะกล่าวถึงสุภาษิตบางข้อของท่านอิมามมุฮัมมัด

บินอฺะลี อัล-ญะวาด(อฺ)ได้กล่าวไว้ดังนี้

สุภาษิตที่ ๑

􀂙 การประวิงเวลาสำหรับการกลับตัวนั้นคือการหลอกลวง

􀂙 การพลัดวันประกันพรุ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความทุกข์

􀂙 การหยิ่งผยองกับอัลลอฮฺ (ซ.บ) ย่อมนำไปสู่ความเสียหาย

􀂙 การฝังตัวเองให้จมอยู่ในความบาปคือความรู้สึกรอดพ้นจากการวางแผนการของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) และไม่มีใครรู้สึกรอดพ้นจากแผนการของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) นอกจากเป็นกลุ่มชนที่ขาดทุน

สุภาษิตที่ ๒

คนที่เป็นมุอ์มินนั้นต้องการลักษณะ ๓ อย่าง คือ

๑. การประทานความสำเร็จ (เตาฟีก) จากอัลลอฮฺ (ซ.บ.)

๒. การชี้แนะจากตนเอง

๓. ยอมรับคำตักเตือนของผู้ให้คำตักเตือน ปฏิบัติตัวให้ถูกต้องความคำสั่งของอัลลอฮฺ (ซ.บ.)

๓๘

สุภาษิตที่ ๓

􀂙 ผู้รับผิดชอบต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) จะสาบสูญไปจากอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้อย่างไร?

􀂙 ผู้วอนขอต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) จะหลบหนีจากอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้อย่างไร?

􀂙 บุคคลใดก็ตามที่หมดหวังในการขอจากผู้อื่นนอกเหนือจากอัลลอฮฺ (ซ.บ.) แล้ว อัลลอฮฺ (ซ.บ.) แล้ว อัลลอฮฺ (ซ.บ.) จะทรงรับรองเขาเอง

􀂙 บุคคลใดที่ทำงานโดยขาดความรู้ ความเสียหายจะเกิดขึ้นมากกว่าความถูกต้องดีงาม (๒๑)

(๒๑)อะอฺยานุชชีอะฮฺ หน้า ๓ หน้า ๒๔๕, ๒๔๔

สุภาษิตที่ ๔

การมีเจตนาแน่วแน่ต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ด้วยหัวใจนั้น จะไปถึงยังเป้าหมายได้มากกว่าการทรมานร่างกายด้วยการปฏิบัติซะอีก

สุภาษิตที่ ๕

􀂙 ผู้ใดที่ผละหนีจากการต่อสู้ สิ่งที่น่ารังเกียจ (มักรูฮฺ) ก็จะเข้ามาใกล้เขา

􀂙 ใครไม่รู้จักหัวข้อเรื่องต่างๆ หลักฐานต่าง ๆจะทำให้เขาเหนื่อยอ่อน

๓๙

􀂙 ใครที่ปักใจเชื่อเรื่องหนึ่งเรื่องใดอย่าง ๑๐๐ เปอร์เซนต์ก่อนที่จะค้นหาความจริง แน่นอน

เขานำตัวเองสู่ความหายนะและบั้นปลายที่เหน็ดเหนื่อย

สุภาษิตที่ ๗

ผู้ที่มีแต่อารมณ์ใฝ่ต่ำ ย่อมจะไม่คลาดแคล้วจากความตกต่ำ

สุภาษิตที่ ๘

เมื่อการตัดสินได้ลงมา ความว่างเปล่าก็จะยิ่งคับแคบลง

สุภาษิตที่ ๙

คนที่เป็นมุอ์มินนั้นถือว่า การเป็นมิตรกับคนคดโกง ก็เป็นความคดโกงที่มากมายเสียแล้ว

สุภาษิตที่ ๑๐

เกียรติยศของคนที่เป็นมุอ์มินคือ.....

ความพอเพียงของเขาจากการพึ่งพามนุษย์

๔๐

41

42

43

44

45

46

47

48

49

50

51

52

53

54

55

56

57

58

59

60

61

62

63

64

65

66

67

68

69

70

71

72

73

74

75

76

77

78

79

80

81

82

83

84

85

86

87

88

89

90

91

92

93

94

95

96

97

98

99

100

101

102

103

104

105

106

107

108

109

110

111

112

113

114

115

116

117

118

119

120

121

122

123

124

125

126

127

128

129

130