อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก

อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก0%

อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก ผู้เขียน:
กลุ่ม: ห้องสมุดศาสดาและวงศ์วาน
หน้าต่างๆ: 113

อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก

ผู้เขียน: ซัยยิด สุไลมาน ฮุซัยนี
กลุ่ม:

หน้าต่างๆ: 113
ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 26632
ดาวน์โหลด: 3364

รายละเอียด:

อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก
ค้นหาในหนังสือ
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 113 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 26632 / ดาวน์โหลด: 3364
ขนาด ขนาด ขนาด
อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก

อิมามมะฮ์ดี ความหวังใหม่ของโลก

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

 แต่ทว่าชาวโลก (ในยุคนั้น) ยังไม่มีความพร้อมที่จะทำให้รัฐบาลแห่งพระเจ้าเป็นจริงขึ้นมา ถ้ามนุษย์ในยุคนั้นมีความพร้อมการเร้นหายของอิมามมะฮ์ดีก็จะไม่เกิดขึ้น บทบัญญัติแห่งพระเจ้าก็จะถูกนำมาปฏิบัติ และการปกครองอันยุติธรรมของรัฐอิสลามก็จะเกิดจึ้นบนโลกนี้ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่านี้คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อิมามต้องเร้นหาย (ฆ็อยบะฮ์) และทำให้

ฆ็อยบะตุศศุฆรอ ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็น ฆ็อยบะตุลกุบรอ (การเร้นหายอันยาวนาน) และอิมามมะฮ์ดีจะปรากฏอีกครั้งก็ต่อเมื่อประชาชาติมีความพร้อมอย่างสมบูรณ์ในทุกแง่มุมในการที่จะรองรับการปกครองของท่าน

อัลมัรฮูม อัลลามะฮ์ นะศีรุด-ดีน อัฎ-ฎูซีย์ ได้กล่าวในหนังสือของท่านว่า “การเร้นหายของท่านอิมามมะฮ์ดี ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอัลลอฮ์ (ซ.บ.) หรือจากตัวท่านเอง แต่สาเหตุมาจากความกลัว และความไม่พร้อมของประชาชาติที่จะรองรับการปกครองของท่าน และเมื่อใดที่สาเหตุเหล่านี้ได้ถูกขจัดออกไป การปรากฏตัวของท่านอิมามมะฮ์ดีก็จะเกิดขึ้น”

การเร้นหายของท่านอิมามมะฮ์ดี ยังมีฮิกมะฮ์ (วิทยปัญญาชั้นสูง) อื่น ๆ อีก จากอัลลอฮ์ และเราไม่สามารถที่จะล่วงรู้ความลับต่างๆของมันได้ทั้งหมด แต่ทว่าเป็นไปได้ว่าสาเหตุจากประชาชาติเองอาจจะเป็นเหตุที่สำคัญที่ทำให้ท่านต้องเร้นหาย การไม่รับรู้ และการละเมิดของประชาชาติตลอดยุคของอิมามมะอ์ศูมทั้งสิบเอ็ดท่าน เป็นประสบการณ์ที่เพียงพอสาหรับอิมามมะฮ์ดี การฝ่าฝืน และไม่สนับสนุนของประชาติต่ออิมาม

๔๑

ตลอดยุคสมัยที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างชัดแจ้งโดยปราศจากข้อสงสัยเลยว่าประชาชาติยุคนั้น ไม่ต้องการที่จะอยู่ภายใต้การปกครองอันยุติธรรมของอิสลาม ดังนั้นในสภาพเช่นนี้การเร้นหายของท่านอิมามจึงเป็นเรื่องธรรมดา และการปรากฏตัวของท่านใน สภาพสังคมเช่นนี้ เป็นปัญหาที่เราจะต้องถามว่า ท่านจะปรากฏตัวทำไมในสภาพสังคมที่ยังไม่พร้อมที่จะรองรับท่าน การเร้นหายของท่านจึงเกิดขึ้น และท่านยังคงปฏิบัติหน้าที่การงานของท่านโดยไม่เปิดเผยจนกว่าพื้นฐาน และความพร้อมในการปรากฏตัวของท่านจะเกิดขึ้น และวันนั้นกองทัพของผู้ที่จงรักภักดีต่อท่านก็จะได้พบ และให้การสนับสนุนท่านอย่างเต็มที่

อัลลอฮ์ทรงตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า

 “แท้จริงอัลลอฮ์ จะไม่ทรงเปลี่ยนสภาพของประชาชาติใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนตัวของพวกเขาเองก่อน”

(บทอัรเราะอ์ด์ โองการ ๑๑)

และความลับอันนี้ (การเร้นหาย) จะถูกรักษาไว้จนถึงวันที่ท่านปรากฏตัว และในวันนั้นชาวโลกก็จะพบว่าสาเหตุ และคำตอบแห่งการเร้นหายของ

อิมามถูกซ่อนอยู่ในตัวของพวกเขาเอง แต่พวกเขาได้เลิ่นเล่อจากคำตอบเหล่านั้นเอง และถ้าหากพวกเขามีความพร้อมมากกว่านี้ อิมามก็จะปรากฏตัวขึ้นสาหรับเขา

๔๒

 แต่เพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่สภาพที่เปลี่ยนแปลงตัวเองและเตรียมพร้อมที่จะรอรับท่าน และหัวใจของพวกเขาได้ผูกผันไว้กับกับบรรดาการปกครอง และลัทธิอันจอมปลอมต่าง ๆ โดยพวกเขาหลงคิดไปว่า การปกครอง และลัทธิอันจอมปลอมเหล่านี้หรือการประชุมสัมมนาที่เต็มไปด้วยอาหาร

 และแสงไฟ สามารถสนองตอบความเจ็บปวด และปัญหาของพวกเขาได้

และที่ได้กล่าวว่าประชาชาติคือสาเหตุหนึ่งแห่งการเร้นหายของอิมามมะฮ์ดีนั้น ไม่ได้หมายความว่าทุกคนมีส่วนรวมในบาปอันยิ่งใหญ่นี้ แต่ความหมายคือปฐมเหตุขั้นพื้นฐานที่มีความจำเป็นสำหรับการปรากฏตัวของท่านอิมาม (อ) นั้น ยังไม่ครบจำนวนที่กำหนด และแน่นอนผู้ที่เพียบพร้อมสมบูรณ์สาหรับการปรากฏ นั้น ยังไม่ครบจำนวนที่กำหนด และแน่นอนผู้ที่เพียบพร้อมสมบูรณ์สำหรับการปรากฏตัวของอิมามนั้นมีอยู่ทุกยุคทุกสมัยแต่จำนวนของพวกเขานั้นยังมีน้อย และสภาพสังคมก็ยังไม่พร้อมที่จะรองรับการปรากฏตัวของท่านอิมาม ดังนั้นสภาพสังคมที่ไม่มีความพร้อมการปะทะ และต่อต้านการปกครองของท่านอิมามย่อมจะเกิดขึ้น

และด้วยเหตุนี้จึงทำให้การเร้นหายยังคงมีอยู่ต่อไป และด้วยการเร้นหายนี้ อัลลอฮ์จึงปกป้องจากการถูกสังหาร เพราะการปรากฏตัวก่อนเวลาอันสมควร จะทำให้ท่านถูกสังหาร และจะทำให้การปรากฏตัวของท่านเพื่อที่จะช่วยเหลือสังคม และปลดปล่อยชาวโลกจะไม่บรรลุเป้าหมาย

๔๓

ท่านมัรฮัม กุลัยนี จากหนังสือ อัล-กาฟี และเชคฏูซีย์ จากหนังสือ อัลฆ็อยบะฮ์ ได้รายงานฮะดีษจากท่าน ซุรอเราะฮ์ ว่า

“วันหนึ่งฉันได้ไปเยี่ยมท่านอิมามญะอฺฟัร อัศศอดิก และฉันได้ยินท่าน

อิมามกล่าวว่า”ก่อนการกิยาม (การปฏิวัติ) ของกออิม นั้นจะมีการเร้นหายก่อนฉันจึงได้ถามขึ้นว่า: เพราะอะไร?

อิมามได้ชี้ไปที่ท้องของท่าน (ซึ่งหมายถึงป้องกันจากการถูกสังหาร)

ท่านอิมามกออิม (อ) ไม่เคยยอมรับการปกครองหรือรัฐบาลใดๆ ในโลกนี้ และท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการ “ตะกียะฮ์” ในการเผชิญหน้าต่อบรรดาผู้ปกครองเหล่านี้ เมื่อถึงเวลาที่ท่านปรากฏ ท่านจะไม่อยู่ภายใต้การปกครองของผู้ใด และไม่มีสัตยาบันกับผู้ใด

 “กออิมจะลุกขึ้นปฏิวัติในขณะที่เขาจะไม่ได้อยู่ภายใต้สนธิสัญญาข้อผูกพัน หรือสัตยาบันกับผู้ใด” (อัล-กาฟี)

เพราะศาสนาของพระเจ้าจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และเปิดเผยโดยปราศจากความเกรงกลัวใดๆ และรัฐแห่งพระผู้เป็นเจ้าจะต้องถูกสถาปนาขึ้นมาในโลก ดังนั้นจึงไม่เหลือช่องว่างใดๆ สาหรับการออมชอม หรือสัญญาผูกพันธ์กับผู้ใด ระบบการปกครองอันจอมปลอมจะถูกทำลายลง และอิสลามจะปกครองโลกทั้งหมด

๔๔

ฆ็อยบะฮ์ ศุฆรอและกุบรอ

หลังจากการเป็นชะฮีดของอิมามคนที่สิบเอ็ด ตั้งแต่ปีฮิจเราะฮ์ที่ ๒๖๐-๓๒๙ ซึ่งรวมเวลาประมาณ ๖๙ ปี เป็นช่วงแห่งการเร้นหายครั้งแรก

 (ฆอยบะตุศศุฆรอ) และหลังจากปี ๓๒๙ ของฮิจเราะฮ์จนถึงปัจจุบันหรือถึงวันปรากฏตัวของท่านเป็นช่วงแห่งการเร้นหายครั้งยิ่งใหญ่

 (ฆ็อยบะตุลกุบรอ)

ในช่วงแห่งการเร้นหายครั้งแรกนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างอิมามกับประชาชาติไม่ได้ขาดอย่างสิ้นเชิง แต่มีขอบเขตที่จำกัด โดยที่ประชาชนสามารถนำปัญหาของพวกเขาไปปรึกษาแก้ไขโดยผ่านตัวแทนพิเศษ (นาอิบุ้ล-ค็อศ) ของอิมามมะฮ์ดี และบรรดาตัวแทนเหล่านั้นก็จะนำปัญหาของพวกเขาไปยังท่านอิมาม (อ) และนำคำตอบกลับมาให้อีกครั้งหนึ่ง หรือ ในบางครั้งบรรดาตัวแทนของอิมามก็จะทำการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยตัวของพวกเขาเอง ในปัญหาที่พวกเขาสามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องผ่านอิมาม ซึ่งเราจะกล่าวได้ว่าเป็นการฝึกฝนเพื่อการเตรียมการสาหรับประชาชาติในการที่พวกเขาจะต้องเข้าสู่ยุคสมยการเร้นหายครั้งใหญ่ เพราะในการเร้นหายครั้งใหญ่นั้น และประชาชนมีหน้าที่ที่จะต้องนำปัญหาของพวกเขากลับไปยังตัวแทนทั่วไป (นาอิบุ้ล-อาม) ของท่านอิมาม และตัวแทนทั่วไปในที่นี้ก็คือบรรดาฟะกีฮฺ (ผู้รู้นิติศาสตร์) อิสลามขึ้นสูงสุด ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในการที่จะเป็นมัรญิอ์ (คือผู้ที่ประชาชนต้องกลับไปหาเขาในการแก้ไขปัญหา)

๔๕

ถ้าหากการเร้นหายครั้งใหญ่เกิดขึ้นทันทีโดยไม่ผ่านการเร้นหายครั้งแรก เป็นไปได้ว่าอาจจะก่อให้เกิดการหลงทาง และบิดเบือนความคิด และความไม่พร้อมในการที่จะรับการเร้นหายครั้งใหญ่ ดังนั้นการเร้นหายจึงถูกทำให้เกิดทีละขั้นตอน ในช่วงแห่งการเร้นหายครั้งแรกสติปัญญาถูกทำให้พัฒนาหลังจากนั้นจึงเข้าสู่ช่วงสมัยการเร้นหายครั้งใหญ่

ความสัมพันธ์ของอิมามกับตัวแทนพิเศษ (นาอิบุ้ล-ค็อศ) หรือความสัมพันธ์ระหว่างอิมามกับบรรดาผู้ใกล้ชิดในช่วงสมัยแห่งการเร้นหายครั้งแรก ทำให้เรื่องราวกำเนิด และความสำคัญต่าง ๆ ของท่านได้รับการเปิดเผย และยืนยัน และถ้าเร้นหายครั้งใหญ่เกิดขึ้นโดยไม่ผ่านพื้นฐานเหล่านี้ แน่นอนจะทำให้เกิดความไม่ชัดแจ้ง และเป็นที่สงสัยในเรื่องราวการกำเนิด หรือพิสูจน์สิทธิแห่งการเป็นผู้นำของท่านอิมามะฮ์ดี

ดังนั้นจึงเป็นฮิกมะฮ์อันหนึ่งของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ที่ทำให้การเร้นหายของ

อิมามมะฮ์ดีมีสองครั้ง โดยทำให้การเร้นหายครั้งแรกอยู่ในช่วงระยะเวลาอันสั้น เรียกว่า “ฆ็อยบะตุศศุฆรอ” เพื่อเตรียมการเข้าสู่ยุคสมัยการเร้นหายที่เต็มรูปแบบ และมีระยะเวลาอันยาวนานซึ่งเรียกว่า “ฆ็อยบะตุลกุบรอ” และด้วยขั้นตอนเหล่านี้จึงทำให้บรรดาผู้ศรัทธาในแนวทางแห่งอะห์ลุลบัยต์ สามารถรักษา และยืนหยัดความศรัทธาของพวกเขาไว้ให้มั่นคงต่ออิมามของพวกเขา และในช่วงแห่งการรอคอยนี้พวกเขาก็จะได้ยึดมั่นในศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า

๔๖

 ทำการขัดเกลาตนเอง และปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้ถูกบัญญัติไว้ให้แก่พวกเขาจนกว่ากำหนดการแห่งการปรากฏตัว และการยืนขึ้น (กิยาม) จากพระองค์จะมาดึง พวกเขาก็จะได้รับ ความสำเร็จ และเข้าสู่ความรอดพ้นที่สมบูรณ์

สี่ตัวแทนพิเศษ (นาอิบ)

ในช่วงสมัยของการเร้นหายครั้งแรก ท่านอิมามมีตัวแทนพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งจากอิมามโดยตรง ซึ่งเลือกมาจากบุคคลที่สาคัญของชีอะฮ์ ๔ ท่าน ซึ่งมีหน้าที่ให้แลกเปลี่ยนข่าวสารจดหมาย และคำสั่งต่าง ๆ ของอิมามไปยังประชาชน

แต่ทว่านอกเหนือจากสี่ท่านนี้แล้วก็ยังมีบุคคลอื่น ๆ อีกหลายท่านที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของอิมามตามหัวเมืองต่าง ๆ โดยการงานของพวกเขา ผ่านตัวแทนพิเศษไปยังท่านอิมาม

ท่านอะยะตุลลอฮ ซัยยิด มุฮ์ซิน อะมีน ได้กล่าวว่า

ตัวแทนพิเศษทั้งสี่นั้นรับผิดชอบการงานทั่วไป และมีอำนาจโดยตรง ส่วนท่านอื่น ๆนั้นรับผิดชอบเฉพาะเรื่องทีได้รับมอบหมาย

๔๗

รายชื่อตัวแทนพิเศษทั้งสี่เรียงตามลำดับ  ดังนี้

๑. อะบู อัมร์ อุษมาน บินสะอีด อัมรี

๒. อะบู ญะอ์ฟัร มุฮัมมัด บิน อุษมาน อัมรี

๓. อะบุลกอซิม ฮุเซน บิน รูฮ์ นูบัคตี

๔. อะบุลฮะซัน อาลี มุฮัมมัด ซามารี

ท่านอะบู อัมร์ อุษมาน บิน สะอีด เป็นบุคคลที่มีเกียรติ และได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างมากจากประชาชน ท่านเคยเป็นตัวแทน (วะกีล) ของท่าน

อิมามฮาดี และอิมามอัสการี และได้รับคำสั่งจากอิมามมะฮ์ดี ได้เป็นผู้มีหน้าที่ในการห่อศพ และฝังท่านอิมามอัสการี ท่านอาศัยอยู่ในเมืองซามัรรอ และอยู่ในเขต “อัลอัสกัร” บางครั้งประชาชนจึงให้ฉายาท่านว่า อัสกะรีเช่นกัน และเพื่อเป็นการปกปิดการงานของท่านจากสายลับของผู้ปกครองในยุคนั้น ท่านจึงปลอมตัวเป็นพ่อค้าขายน้ำมัน โดยอาศัยวิธีในการเข้าหา และพบเจอกับรรดาอิมาม และบางครั้งก็ได้นำเงินที่ประชาชนเสียภาษี (ซะกาตและคุมส์) ให้กับอิมามซ่อนในภาชนะทีใส่น้ำมัน และนำเงินเหล่านี้ไปมอบให้แก่ท่านอิมาม

๔๘

 

ท่านอะหฺมัด บิน อิสฮาก กุมมี ได้กล่าวว่า วันหนึ่งฉันได้ถามท่านอิมามมะฮ์ดี (อ) ว่า

 “บางครั้งฉันสามารถมาพบเจอกับท่านได้โดยตรง และบางครั้งก็ไม่สามารถที่จะพบเจอได้ ดังนั้นในสภาพที่ไม่สามารถพบเจอกับท่านได้ คำพูดของใครที่เชื่อถือได้ และคำสั่งของใครที่ต้องปฏิบัติตาม”

 ท่านอิมามได้ชี้ไปที่อุษมาน บิน สะอีด และกล่าวว่า

 “เขาผู้นี้เป็นผู้ที่เชื่อถือได้ และซื่อสัตย์ (อามีน) อะไรที่เขาพูดกับเจ้ามาจากคำพูดจากฉัน และอะไรที่เขานำมาถึงเจ้า สิ่งนั้นมาจากฉัน”

 

อะห์มัด บิน อิสฮาก ได้รายงานต่อไปว่า

“หลังจากการเป็นชะฮีด ของท่านอิมามฮาดี (อ) ฉันได้ไปพบอิมาม

อัสการี (อ) ก็ได้ตอบเหมือนกับบิดาของท่าน โดยได้กล่าวว่า

“เขาคือผู้ที่เชื่อถือได้ และซื่อสัตย์ ไม่ว่าฉันจะมีชีวิตอยู่หรือจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม คำพูดของเขามาจากฉัน และอะไรที่เขานำมาถึงเจ้าสิ่งนั้นมาจากฉัน”

หลังจากการเป็นชะฮีดของท่านอิมามอัสการี (อ) ท่านอุษมาน บิน สะอีด ได้รับคำสั่งจากท่านอิมามมะฮ์ดี (อ) ให้ทำหน้าที่ตัวแทน (วะกีลและนาอิบ) ต่อไป และปัญหาต่าง ๆ ของชีอะฮ์ก็ได้รับการแก้ไขผ่านท่านไปยัง

อิมามมะฮ์ดี (อ)

๔๙

ท่านมัรฮูม ดามาด ได้กล่าวในหนังสือ “ศิรอตุลมุสตะกีม” ว่า

ท่านอุษมาน บิน สะอีด ได้รายงานว่า “วันหนึ่งท่านอิบนิ อะบี ฆอนัม

ก็อสวีนีย์ ได้กล่าวว่า ท่านอิมามอัสการี (อ) ได้จากไปในขณะที่ยังไม่มีบุตร และจากคำพูดนี้จึงทำให้เกิดการถกเกียงกันขึ้นในหมู่ชีอะฮ์ จึงได้ตกลงกันว่าจะเขียนจดหมายไปให้อิมาม จดหมายได้ถูกเขียนขึ้นด้วยปากกาที่ไม่มีน้ำหมึกบนกระดาษสีขาว และให้อิมามตอบจดหมายมาตามที่ได้เขียนไป ทั้งนี้เพื่อที่จะพิสูจน์ “มุอฺญิซะฮ์” ของท่านอิมามในการอ่านจดหมายที่ไม่มีน้ำหมึก

 ท่านอิมามได้ตอบจดหมายดังนี้

บิสมิลาฮิรเราะหฺมานิรเราะฮีม

ขอให้อัลลอฮ์ทรงปกป้องเรา และพวกท่านให้พ้นฟิตนะฮ์ และการหลงทาง ข่าวความสงสัย และลังเลของคนกลุ่มหนึ่งจากพวกท่านที่เกี่ยกับดีนและวะลีย์ของเขา ได้มาถึงยังฉัน ซึ่งข่าวนี้ได้สร้างความห่วงใย และทุกข์ร้อน แต่ไม่ใช่เป็นการทุกข์ร้อนสาหรับเรา สัจธรรมอยู่กับเราดังนั้นใครออกห่างไปจากเราก็ไม่ได้ทำให้เรากลัว หรือเป็นห่วง (สำหรับตัวเราเอง)

(ด้วยบารอกะฮ์ของออัลลอฮ์ เราได้รับประโยชน์ และมนุษย์ได้รับประโยชน์จากบารอกะฮ์ของเรา)

๕๐

ทำไม จึงตกอยู่ในความลังเลและสงสัย ? ไม่รู้หรือว่า อะไรที่บรรดาอิมามของพวกท่านได้บอกพวกท่านนั้นได้มาถึงแล้ว ?

 (อิมามคนก่อนๆได้บอกให้รู้ถึงการเร้นหายของอิมามกออิม) ไม่เห็นหรือว่า ตั้งแต่สมัยของอาดัมจนถึงยุคของอิมาม อัลลอฮ์ได้ให้ที่หลบภัยต่างๆ แก่พวกเขา และมนุษย์ก็ได้รับทางนำจากพวกเขา และทุกครั้งที่ธงอันหนึ่งได้จากไปธงอันใหม่ก็จะปลิวสบัด เมื่อดวงดาวหนึ่งได้หายไป ดวงดาวใหม่ก็จะเจิดแสงรัศมี พวกท่านคิดหรือว่าหลังจากอิมาม (อัสการี) ได้ถูกนำกลับไปหาพระองค์แล้ว ศาสนาของพระองค์ก็จะเป็นโมฆะกระนั้นหรือ? และเป็นเหตุแห่งการตัดขาดระหว่างพระองค์กับสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลายหรือ?

เป็นไปไม่ได้ และจะไม่มีวันเป็นไปได้ตราบที่โลกนี้มีอยู่จนถึง

วันกิยามะฮ์ขณะที่ตัวแทน (วะลี) ของพระองค์ไม่มีอยู่

ดังนั้นจงมีความยำเกรงให้มาก และมอบตน และกิจกรรมของท่านต่อเรา เราได้ตักเตือนพวกท่านแล้ว และอัลลอฮ์เป็นพยานระหว่างเรากับท่าน”

ก่อนการเสียชีวิตของท่านอุษมาน บิน สะอีด ท่านอิมามมะฮ์ดีได้สั่งให้ท่านอุษมาน แต่งตั้งบุตรชายของท่าน (อะบู ญะอ์ฟัร มฺฮัมมัด บิน อุษมาน) ให้ทำหน้าทีเป็นตัวแทน (นาอิบ) คนต่อไป

๕๑

ท่านมุฮัมมัด บินอุษมาน ก็เหมือนกับบิดาของท่านคือ เป็นผู้ที่มีเกียรติ มีตักวาสูง และได้รับการเชื่อถือ และไว้วางใจเป็นอย่างมากจากบรรดาชีอะฮ์ และเขาก็เป็นที่เชื่อถือ และไว้วางใจจากอิมามอัสการีเหมือนบิดาของเขา ท่านเชคฏูซีย์ ได้กล่าวว่า : ชีอะฮ์ทั้งหมดยอมรับในความยุติธรรมการมีตักวา และความซื่อสัตย์ของเขา

หลังจากเสียชีวิตของตัวแทนท่านแรก (อุษมาน บิน สะอีด)

อิมามมะฮ์ดีได้มีสาส์นฉบับหนึ่งที่เกี่ยวกับการตายของอุสมาน และเรื่องราวแต่งตั้งลูกชายของเขาเป็นตัวแทน ซึ่งเนื้อหาของมันมีดังนี้

 “แน่นอนเราทุกคนเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ และยังพระองค์ที่เราจะต้องกลับไป” เราพอใจ และมอบตนต่อคำสั่ง และกำหนดของพระองค์

บิดาของท่านได้ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติ และจากไปด้วยความพีงพอใจ ขอให้อัลลอฮ์ทรงเมตตาเขา และให้เขาได้ไปอยู่ร่วมกับบรรดาอิมาม เขาคือ ผู้ที่ขยัน และตั้งใจจริงในการงาน และเป็นผู้ที่ขวนขวายในการแสวงหาความใกล้ชิดกับอัลลอฮ์ และบรรดาอิมาม

๕๒

ขอให้อัลลอฮ์ประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่ท่าน (มุฮัมมัด บิน อุษมาน) และประทานความสงบกับท่านในความโศกเศร้าครั้งนี้ ท่านกำลังอยู่ในความโศกเศร้าเช่นกัน การสูญเสียในครั้งนี้ทำให้เรา และท่านต้องตกอยู่ในความเศร้าแห่งความเหงา และโดดเดี่ยว จากความเมตตาของอัลลอฮ์ ขอให้ความสงบสุขจงมีแต่สุสานของเขา และจากความดีของเขาอัลลอฮ์จึงประท่านบุตรชายอย่างท่านให้กับเรา เพื่อทำหน้าที่แทนหลังจากเขา ดังนั้นจงขอพรให้แก่เขาให้มากๆเถิด และฉันขอขอบคุณอัลลอฮ์ที่พระองค์ได้ประทานความดี และคุณสมบัติอันประเสริฐต่าง ๆ ให้แก่ท่านซึ่งสร้างความสุข และความพึงพอใจให้กับทุกหัวใจที่ได้รับรู้ ขอให้พระองค์ทรงช่วยเหลือ และ

ทำให้ท่านแข็งแกร่ง และมั่นคง และประสบความสาเร็จ ขอให้พระองค์ปกป้อง และดูแลท่าน”

ท่านอับดุลลอฮ์ บิน ญะอ์ฟัร ฮุมัยรี ได้กล่าวว่า : ตอนที่ท่านอุษมาน บิน สะอีดได้เสียชีวิต จดหมายจากท่านอิมามมะฮ์ดี ด้วยลายมือของท่านที่เคยเขียนมาให้พวกเรา ได้ถูกส่งมาซึ่งในจดหมายฉบับนั้นได้แต่งตั้งท่าน

มุฮัมมัด บิน อุษมาน ให้ทำหน้าที่แทนบิดาของเขา

๕๓

และในจดหมายอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งอิมามได้เขียนตอบคำถามของท่าน

 “อิสฮาก บิน ยะฮฺกูบ อัลกุลัยนี” มีใจความว่า: ส่วนมุฮัมมัด บิน

อุษมาน อัลอัมรี ขอให้อัลลอฮ์ทรงพึงพอใจต่อเขา และบิดาของเขา และเขาก็เช่นกันเหมือนกับบิดาของเขา เป็นที่ไว้วางใจ และเชื่อถือสำหรับฉัน ข้อเขียนของเขาคือข้อเขียนของฉัน

“อับดุลลอฮ์ บิน ญะอ์ฟัร ฮุมัยรี” ได้กล่าวว่า : ฉันได้ถามมุฮัมมัดบิน อุษมาน ว่าเคยเห็นอิมามมะฮ์ดี (อ) ไหม ? มุฮัมมัด : แน่นอน และครั้งสุดท้ายฉันพบท่านที่ข้างกะอ์บะฮ์ซึ่งท่านกำลังอ่านดุอา

“โอ้ อัลลอฮ์ โปรดทำให้สัญญาที่พระองค์มีต่อฉันเป็นจริงเถิด” และอีกครั้งหนึ่งฉันพบท่านที่ มุซตะญาร (มุมหนึ่งของกะอ์บะฮ์ติดกับมุม

ยะมานี (รุกน์ยะมานี)) ซึ่งท่านกาลังอ่านดุอาว่า

 “โอ้ อัลลอฮ์ ขอให้ฉันได้แก้แค้นศัตรูของฉันด้วยมือของฉันด้วยเถิด”

มุฮัมมัด บิน อุษมาน ได้กล่าวเสริมขึ้นอีกว่า : ท่านอิมาม (อ) จะปรากฏตัวทุกๆปีในฮัจญ์ ท่านจะเห็นประชาชน และรู้จักพวกเขา และประชาชนก็เห็นท่านแต่พวกเขาไม่รู้จักท่าน

ท่านมุฮัมมัด บิน อุษมาน รู้ล่วงหน้า ถึงวันที่ท่านจะเสียชีวิต และก่อนการเสียชีวิต และก่อนการเสียชีวิต และก่อนการเสียชีวิตของท่าน

๕๔

บรรดาผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งของชีอะห์ได้ไปพบท่าน และท่านได้แนะนำ “อะบู กอซิม ฮุเซนบิน รุฮ์ นูบัคตี” ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทน และติดต่อกับ

อิมามมะฮ์ดี (อ) โดยมุฮัมมัดได้กล่าวว่า:

 “เขา (อะบุลกอซิม) คือผู้ที่จะมาแทนที่ฉัน ดังนั้นจงติดต่อกับเขาใน

กิจการของพวกท่าน”

 ฮุเซน บิน รูห์ นูบัคตี ท่านผู้นี้ เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในหมู่ของชีอะฮ์ และสุนหนี่ ถึงสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด มีตักวา และบุคลิกภาพอันประเสริฐต่าง ๆ ของท่านในสมัยตัวแทนท่านที่สอง (มุฮัมมัด บิน อุษมาน)

 ท่าน ฮุเซน บิน รูฮ์ คือบุคคลที่สำคัญคนหนึ่งในการช่วยเหลือการงานของท่านมูฮัมหมัด บิน อุษมาน ในสมัยของท่านมุฮัมมัด บิน อุษมาน ท่านมีสหาย และผู้ช่วยเหลือที่ใกล้ชิดมากที่สุดท่านหนึ่งคือ ญะอ์ฟัร บิน อะฮ์มัด บิน มาตีล กุมมี จนกระทั่งเป็นที่เลืองลือกันว่า ญะอ์ฟัร บิน อะหมัด คือตัวแทนของอิมามคนต่อไป หลังจากท่านมุฮัมมัด บิน อุษมาน และตอนที่มุฮัมมัด บิน อุษมาน ใกล้สิ้นใจ ญะอ์ฟัร บิน อะหมัด นั่งอยู่ตรงเหนือศรีษะของมุฮัมมัด ส่วนฮุเซน บิน รูฮ์ นั่งอยู่ตรงปลายเท้า ท่านมุฮัมมัดได้ทันมาทางญะอ์ฟัร และกล่าวต่อเขาว่า “ฉันได้รับคำสั่งให้แต่งตั้ง ฮุเซน บินรูฮ์ ให้เป็นตัวแทนต่อจากฉัน”

๕๕

เมื่อญะอ์ฟัร ได้ยินดังนั้น จึงลุกขึ้นไปจูงมือฮุเซน บิน รูฮ์ ให้มานั่งบนที่ของเขา ส่วนเขากลับนั่งที่ปลายเท้าแทน

ท่านอิมามได้มีจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับฮุเซน บิน รูฮ์ ดังนี้คือ

“ฉันรู้จักเขาดี และขอให้อัลลอฮ์ทรงทำให้เขาได้รู้จักความดีทั้งหลายด้วยเถิด ขอให้พระองค์ทรงช่วยเหลือเขาประสบความสาเร็จด้วยเถิด ฉันเชื่อและไว้วางใจเขา เขาคือผู้ที่มีเกียรติ และสร้างความพึงพอใจให้กับฉัน

ขอให้อัลลอฮ์ประทานความดีอันล้นเหลือให้แก่เขา และพระองค์มีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง และขอขอบคุณอัลลอฮ์ซึ่งไม่มีภาคีใดๆ สำหรับพระองค์ และขอสรรเสริญและสลามไปยังมุฮัมมัด และลูกหลานของ

มุฮัมมัด จดหมายฉบับนี้ได้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ ๖ เดือนเชาวาล ปีที่ ๓๐๕ ของฮิจเราะฮ์”

เมื่ออะบูบะฮัร นูบัคตี ถูกถามว่า ทำไมตำแหน่งนี้ (ตัวแทนคนที่ ๓) จึงไม่เป็นของท่านทั้งๆ ที่ท่านเป็นอุละมาอ์คนสำคัญของแบกแดด และยังเป็นหัวหน้าของคนในตระกูล นูบัคตี และยังได้เขียนตำราไว้อย่างมากมาย

อะบูบะฮัร ได้ตอบว่า : “บรรดาอิมามย่อมรู้ดีกว่า และสิ่งใดที่ได้เลือกไปแล้วนั้นย่อมเหมาะสมกว่า และประเสริฐกว่า ส่วนฉันนั้นตลอดเวลาอยู่กับการถกและโต้แย้งกับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สร้างความเกลียดชังให้กับพวกเขามาตลอด และถ้าฉันได้เป็นตัวแทนอิมาม และรู้ที่อยู่ของท่านเหมือนกับฮุเซน บิน รูฮ์ รู้

๕๖

วันหนึ่งถ้าฉันตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู เป็นไปได้ว่าฉันอาจจะไม่สามารถรักษาความลับนั้นไว้ได้อีกต่อไป

แต่อะบุลกอซิม (ฮุเซน บิน รูฮ์) นั้นถ้าหากอิมาม (อ) ซ่อนตัวอยู่ในเสื้อของเขา และไม่ว่าศัตรูจะสับเขาเป็นชิ้น ๆ ก็ตาม เขาจะไม่มีวันถอดเสื้อตัวนั้นออก และเปิดเผยอิมามให้กับศัตรู

ท่านอะบุลกอซิม ฮุเซน บิน รูฮ์ ได้อยู่ในตำแหน่งตัวแทนอิมาม

 (นาอิบบุลอิมาม) ประมาณ ๒๑ ปี และก่อนการเสียชีวิตของท่าน ท่านได้มอบหมายการงานให้กับ อะบุลฮะซัน อะลี บิน มุฮัมมัด ซะมะรี เป็นตัวแทนคนต่อไปหลังจากท่าน และในเดือนชะอฺบาน ปีที่ ๓๖๒ ของฮิจเราะฮ์

อะบุล-กอซิม ก็ได้จากโลกนี้ไป และสุสานของท่านอยู่ที่แบกแดด

อะบุลฮะซัน ซะมะรี

ในหนังสือ “มุนตะฮา อัลมะก้อล” ได้กล่าวถึง อะบุ-ฮะซัน อะลี

บิน มุฮัมมัด ซะมะรี” ตัวแทนคนที่ ๔ ของอิมามมะฮ์ดี ไว้ว่า:

 “เขาเป็นผู้ที่มีเกียรติ และบุคลิกภาพอันประเสริฐเป็นอย่างมากจนเกือบที่จะไม่จำเป็นต้องอธิบายหรือพิสูจน์”

อะบุลฮะซัน ได้รับคำสั่งจากอิมามมะฮ์ดี (อ) ให้ทำหน้าที่แทน ฮุเซน บิน รูฮ์ เพื่อทำการดูแลกิจการต่าง ๆ ของบรรดาชีอะฮ์

๕๗

มัรฮูม มุฮัดดิษ กุมมี ได้กล่าวว่า : วันหนึ่ง อะบุล ฮะซัน ซะมะรี ได้พบเจอกับกลุ่มอาวุโสของชีอะฮ์ และอะบุลฮะซัน ได้กล่าวกับพวกเขาว่า

 “ขอให้อัลลอฮ์ทรงประทานรางวัลแห่งความอดทนแก่พวกท่านในการจากไป อะลี บิน บาบะวัยฮฺ กุมมี ซึ่งเขากาลังจะจากโลกนี้ไปในขณะนี้”

บรรดาผู้อาวุโสเหล่านั้น ได้บันทึกวันเวลาดังกล่าวไว้ และหลังจากนั้น ๑๘ วัน ข่าวการตายของอะลี บิน บาบะวัยฮ์ ก็ได้มาถึงพวกเขา ซึ่งตรงกับ

อะบุลฮะซัน ได้บอกไว้ อะบุลฮะซัน ซะมารี ได้จากโลกนี้ไปเมื่อปีที่ ๓๒๙ ของฮิจเราะฮ์ และก่อนเสียชีวิตของท่านได้มีชีอะฮ์กลุ่มหนึ่งมาหาท่านเพื่อที่จะถามถึงตัวแทนคนต่อไปหลังจากท่าน อะบุลฮะซัน ได้ตอบพวกเขาว่า:

ฉันไม่ได้รับคำสั่ง ให้แต่งตั้งใครหลังจากนี้ และท่านได้นำจดหมายของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ) ให้ทุกคนดูและทุกคนก็ได้ลอกข้อความจากจดหมายฉบับนั้น ซึ่งเนื้อหาของมันมีดังนี้ คือ

ด้วยพระนามของอัลลอฮผู้ทรงเมตตา กรุณาปรานียิ่งเสมอ

โอ้ อะลี บิน มุฮัมมัด ซะมารี ขอให้อัลลอฮ์ทรงประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่ ให้กับพี่น้องของท่านในความโศกเศร้า (จากการจากไปของท่าน)

ซึ่งท่านจะต้องจากโลกนี้ไปหลังจากหกวันนี้ ดังนั้นจงจัดการกับกิจการของท่านให้เรียบร้อย และไม่ต้องแต่งตั้งใครให้เป็นตัวแทนหลังจากท่าน เพราะเวลาแห่งการเร้นหายครั้งใหญ่ (ฆ็อยบะตุลกุบรอ) ได้มาถึงแล้ว

๕๘

 และการปรากฏตัวจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะได้รับคำสั่งจากอัลลอฮ์ และหลังจากนี้ไปโลกจะอยู่ภายใต้การกดขี่ และหัวใจของมนุษย์จะโหดเหี้ยมเป็นเวลายาวนาน และในไม่ช้านี้ จะมีผู้แอบอ้างการพบเจอระหว่างเขากับฉัน หรืออ้างตัวเป็นตัวแทนของอิมามผู้เร้นหาย (อิมามมุลฆออิบ) จงจำเอาไว้ว่า ก่อนการออกมาของซุฟยานี และก่อนที่จะมีเสียงกัมปนาทดังขึ้น ใครก็ตามที่อ้างว่า เขาได้พบเจอกับฉัน (ในลักษณะของตัวแทน) เขาผู้นั้นโกหก และสร้างเรื่องขึ้นเอง

และวันที่หก ที่จดหมายนี้ได้ส่งมา อะบุลฮะซัน ก็ได้จากโลกนี้ไป

บรรดาตัวแทนทั้งสี่ของท่านอิมาม เป็นบุคคลที่มีเกียรติ มีตักวา และเป็นผู้ที่ได้รับการเชื่อถือไว้วางใจขมากที่สุดจากประชาชนในยุคสมัยของท่านเหล่านั้น ซึ่งในช่วงแห่งการเร้นหายครั้งแรกนั้นบรรดาชีอะฮ์ได้นำเอาปัญหา และคำถามต่าง ๆ ของพวกเขาไปยังบุคคลทั้งสี่นี้ การแก้ไข และคำตอบจากท่านอิมามก็จะส่งผ่านบุคคลทั้งสี่นี้ ไปยังประชาชนในขณะนั้นการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างทุกคนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และบางครั้งบรรดาชีอะฮ์ผู้มีเกียรติหลายคนได้ถูกนำไปพบเจอกับอิมามโดยผ่านบุคคลทั้งสี่นี้

กะรอมะฮ และ มุอ์ญิซะฮ์ต่าง ๆ ของท่านอิมามได้ถูกพิสูจน์อย่างมากมายโดยผ่านบุคคลทั้งสี่นี้ ดังนั้นจึงสร้างความมั่นใจของประชาชนที่มีต่อบุคคลทั้งสี่

๕๙

ท่านเชคฏูซีย์ ได้กล่าวในหนังสือ “อัลอิห์ติญาจ” ว่า:

 ไม่มีใครยอมรับการเป็นตัวแทนของบุคคลทั้งสี่ จนกว่า กะรอมะห์ หรือมุอฺญิซะห์ต่าง ๆ จากท่านอิมาม จะถูกพิสูจน์โดยผ่านบุคคลทั้งสี่นี้

หลังจากการสิ้นสุดช่วงสมัยแห่ง “ฆ็อยบะตุศศุฆรอ” การเร้นหายครั้งใหญ่ (ฆ็อยบะตุศกุบรอ) ก็ได้เริ่มขึ้น จนมาถึงปัจจุบันนี้

ในช่วงฆ็อยบะตุศศุฆรอ นั้น ประชาชนสามารถรับคำาตอบของพวกเขาได้โดยผ่านตัวแทนทั้งสี่ แต่ในสมัยของ ฆ็อยบะตุลกุบรอ สิ่งเหล่านี้เป็นไปไม่ได้ประชาชนต้องนำปัญหาของพวกเขาไปยังตัวแทนทั่วไป (นาอิบุลอาม) และนาอิบุลอาม จะเป็นคนตอบและแก้ไขปัญหาของพวกเขาเพราะนาอิบุลอาม (บรรดามัรญิอ์) คือ ผู้ที่มีความสามารถพิเศษในการวินิจฉัยปัญหาคำสั่งของพวกเขาถือเป็นการชี้ขาด (ฮุจญะฮ์) ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม

ท่านมัรฮูม กัชชี ได้กล่าวว่า จดหมายฉบับหนึ่งจากอิมามมะฮ์ดี ได้ยืนยันเรื่องนี้ ไว้ว่า :

“บรรดาชีอะฮ์ ของฉัน จะต้องไม่มีข้ออ้างหรือข้อยกเว้นใด ๆ ในการสร้างความสงสัย หรือไม่เชื่อฟังบรรดา “ษิกเกาะฮ์” ของฉัน จงรู้ไว้ว่า ความลับบางอย่างของฉันได้ถูกมอบหมายไว้ให้กับพวกเขา

๖๐