สุนทโรวาทอิมามอะลี

สุนทโรวาทอิมามอะลี0%

สุนทโรวาทอิมามอะลี ผู้เขียน:
กลุ่ม: ห้องสมุดฮะดีษ
หน้าต่างๆ: 62

สุนทโรวาทอิมามอะลี

ผู้เขียน: สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม
กลุ่ม:

หน้าต่างๆ: 62
ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 49676
ดาวน์โหลด: 3015

รายละเอียด:

สุนทโรวาทอิมามอะลี
ค้นหาในหนังสือ
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 62 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 49676 / ดาวน์โหลด: 3015
ขนาด ขนาด ขนาด
สุนทโรวาทอิมามอะลี

สุนทโรวาทอิมามอะลี

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

อวิชชาและความโง่เขลา

• คนโง่ คือก้อนหินที่ไม่มีน้ำไหลออกมาจากมัน คือต้นไม้ที่กิ่งก้านสาขาของมันไม่เคยเขียวชอุ่ม คือดินที่เมื่อปลูกพืชพันธุ์แต่ไม่เคยผุดหน่อออกช่อมาให้เห็นเลย

• ความโง่เขลา เป็นศัตรูที่น่ารังเกียจที่สุดของท่าน

• คนโง่เขลา ทำอันตรายแก่มนุษย์มากกว่ามะเร็งในร่างกาย

• คนโง่เขลา มองไม่เห็นความผิดพลาดต่างๆ ของเขาเอง และดูถูกรังเกียจคำแนะนำ

• ความโง่ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจเยียวยาได้ เป็นเชื้อโรคหนึ่งที่ไม่สามารถจะรักษาได้

• คนที่โง่ที่สุด คือบุคคลที่เชื่อว่าตนเองเป็นผู้ที่ฉลาดที่สุด

• หนึ่งจากเครื่องหมายต่างๆ ของคนโง่ คือการเปลี่ยนความคิดเป็นประจำ

การพูด

• มนุษย์จะเป็นอะไรหากปราศจากการพูด? ภาพที่ถูกวาด หรือสัตว์ที่ถูกปล่อย!

• ไม่พูดเมื่อไม่ใช่เวลาสำหรับการพูด

• บ่อยครั้งที่ถ้อยคำได้ทิ่มแทงเหมือนดาบ

• บ่อยครั้งที่ถ้อยคำได้ทิ่มทะลวงลึกกว่าลูกศรทั้งหลาย

• บ่อยเพียงใดที่ถ้อยคำเพียงคำเดียว ได้ก่อให้เกิดสงคราม

• ลิ้นมีจุดหนึ่งที่คมกว่าหอกเสียอีก

๒๑

• คนกี่มากน้อยแล้วที่มีลิ้นบ่อนทำลาย

• ลิ้นของเพื่อนที่โง่เขลา คือกุญแจของเขาที่นำไปสู่ความตาย

• จงกลัวในคำพูดของท่าน มันเป็นลูกธนูที่พลาดเป้า

• ปกป้องศีรษะของท่านให้พ้นจากอุปสรรคทั้งหลายแห่งลิ้นของท่านเอง

• มือของลิ้นคือการเขียน

• ถ้อยคำเบาบนริมฝีปากและง่ายต่อความเข้าใจ คือการพูดที่คล่องแคล้ว

• จิตใจคือผู้คุมคลังสมบัติของลิ้น และลิ้นคือล่ามของมนุษย์ทั้งหลาย

• ลิ้นคือสัตว์ที่ดุร้ายป่าเถื่อน หากปล่อยมันเป็นอิสระมันก็จะทำร้ายท่าน

• เท้าที่สะดุดก่อให้เกิดบาดแผล และลิ้นที่พูดโง่ๆ ก่อให้เกิดความเสียหาย

• ทุกๆ คำพูดที่สองของคนโง่ คือคำกล่าวสบถสาบาน

• การพูดที่ดีที่สุด คือการพูดที่เหมาะสมกับการกระทำ

• การนิ่งเงียบเมื่อท่านสามารถที่จะพูดบางสิ่งบางอย่างได้อย่างฉลาดและมีประโยชน์ มันก็เลวพอๆกับการป่าวประกาศความคิดต่างๆ ที่ไม่ฉลาดและโง่เง่านั่นเอง

• หากท่านได้รับความมุ่งหวังและความเคารพแล้ว ก็จงตอบรับการคารวะและความหวังดีนั้นกลับคืนไปในลักษณะที่เหมาะสมที่สุด หากท่านได้รับการเกื้อกูล ก็จงให้คืนภาระผูกพันนั้นกลับไปในทำนองเดียวกันให้มากๆ แต่ผู้ใดที่รีบเร่งกระทำคุณความดีของเขาก่อน ก็ย่อมล้ำหน้าในคุณธรรมความดีอยู่เสมอ

๒๒

• การพูดที่ดีที่สุด คือการพูดที่ไม่ก้าวร้าวระคายหู และความเข้าใจในถ้อยคำเหล่านั้น ก็ไม่ทำให้สติปัญญาเมื่อยล้า

• การพูดด้วยความจริงใจ สร้างความเข้มแข็งให้แก่เหตุผลข้อโต้แย้งของบุคคลนั้น

• ไม่ต้องคำนึงว่าใครพูด แต่จงพิจารณาว่าเขาพูดอะไร

• อย่าประเมินค่าความคิดที่ดีงามให้ต่ำลง เพียงเพราะว่ามันมาจากบุคคลที่ไม่สำคัญ

• ถ้าคำปราศรัยและความคิดของผู้พูดอยู่ในภาวะสอดคล้องกัน ผู้ฟังก็จะยอมรับการพูดของเขา มิฉะนั้นแล้วก็จะไม่บังเกิดผลใดๆ

• จงพูดเพื่อทำให้ตัวท่านเองเป็นที่รู้จัก เพราะมนุษย์มักถูกซ่อนไว้ใต้ลิ้นของเขา

• มนุษย์ยิ่งพูดด้วยความจริงใจมากเท่าใด เขาก็จะได้รับความเคารพนับถือมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

• คนโง่มักจะทำให้ตัวเองผิดพลาดไปในสามเรื่องดังนี้ การพูดถึงเรื่องต่างๆ ที่เขาไม่มีความรู้ การตอบก่อนที่เขาจะถูกถาม ความหุนหันพลันแล่นในการดำเนินงานต่างๆ ของเขา

• ผู้ใดก็ตามที่พูดในสิ่งที่เขาไม่สมควรพูด ก็จะต้องได้รับฟังในสิ่งที่เขาไม่ต้องการฟัง

• คำพูดเป็นเหมือนยารักษาโรค การให้ยารับประทานเพียงเล็กน้อยย่อมเป็นประโยชน์ แต่หากให้มากจนเกินไปก็ถึงตายได้

๒๓

• จงระมัดระวังในการวิพากษ์วิจารณ์ข้อเท็จจริงที่ท่านไม่รู้ถึงก้นบึ้งของมัน และไม่รู้อย่างแม่นยำถูกต้อง พึงควรละเว้น ทั้งนี้เพราะการพูดของท่านจะสะท้อนให้เห็นถึงสติปัญญาของท่าน และถ้อยคำทั้งหลายของท่านมันจะขยายให้เห็นถึงความรู้ของท่านด้วย

• พิษภัยของการปราศรัย คือความยืดยาว

• การพูดมากเกินไป เป็นที่น่าเบื่อหน่ายของเพื่อนฝูงของตนเอง

• จงหลีกเลี่ยงจากการพูดมากจนเกินไป ซึ่งจะก่อให้เกิดความผิดพลาดบ่อยๆ และน่าเบื่อ

• โสตประสาทไร้ประโยชน์เมื่อใจลอย

• หากท่านมิได้เป็นนักพูดที่รอบรู้และปราชญ์เปรื่องแล้ว ก็จงเป็นผู้ฟังที่ตั้งใจ

ความมุ่งร้าย การลอบกัด การใส่ร้ายป้ายสี

• จงละทิ้งการพูดมุ่งร้ายทั้งปวง หากจะอยู่ที่นั่นก็เพื่อการให้ความยุติธรรมตามสมควร หาไม่แล้วก็อย่าไปอยู่ที่นั้นเลย

• จงระวังการลอบกัด มันหว่านเมล็ดพันธุ์ทั้งหลายของความขมขื่น และแยกตัวท่านออกจากพระผู้เป็นเจ้าและมวลมนุษย์

• ผู้ใดก็ตามที่ฟังการใส่ร้ายป้ายสี ตัวเขาเองคือคนใส่ร้ายป้ายสี

• จงปกป้องตัวท่านให้พ้นจากคำพูดที่น่ารังเกียจ เพราะคำพูดเหล่านั้นจะทำให้หัวใจทั้งหลายลุกโชนด้วยความโกรธ

๒๔

สัจธรรม

• สัจธรรมคือทางวิบากที่สุด และความรู้คือมัคคุเทศก์ที่ดีที่สุด

• สัจธรรมคือการเยียวยารักษาที่ไม่เคยล้มเหลว

• สัจธรรมประดับถ้อยคำของบุคคล

• จงซื่อสัตย์ในคำพูดของท่าน และบริสุทธิ์ใจในการกระทำต่างๆ ของท่าน

• ความจริงที่ดีที่สุด คือการรักษาคำมั่นสัญญาทั้งหลาย

การพูดเท็จ

• เงียบใบ้เสียดีกว่าพูดเท็จ

• การพูดเท็จ เป็นการทรยศคดโกงและทุจริต

• สัจธรรมเพียงน้อยนิด พิชิตความหลงผิดมากมายได้ เหมือนอย่างไฟเพียงน้อยนิดที่สามารถเผาไหม้ฟืนกองใหญ่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น!

• ผู้พูดความจริงเป็นคนมีเกียรติ ส่วนผู้พูดเท็จเป็นคนที่น่าดูถูก

• ผู้ใดก็ตามที่ลือลั่นไปทั่วเพราะการพูดเท็จ จะเห็นได้ว่าความมั่นใจของคนทั้งหลายในตัวเขาจะเสื่อมลง

• จงหลีกเลี่ยงจากคนพูดเท็จ ถ้าท่านจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องสัมพันธ์ติดต่อกับเขา ก็จงอย่าเชื่อว่าเขาถูกต้อง แต่อย่าให้เขาเห็นว่าท่านรู้ว่าเขาโกหก เพราะในไม่ช้าเขาจะเลิกคบกับท่านมากกว่าที่เขาจะเลิกโกหก

• เมื่อความจริงในเสื่อมลง ความหลงผิดก็เพิ่มขึ้น ลิ้นพูดถึงมิตรภาพ แต่หัวใจเต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชัง

๒๕

• การหลอกลวงคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจในตัวท่าน คือความอกตัญญู

การประจบสอพลอ

• มิใช่บทบาทของท่านศาสดาที่จะประจบสอพลอ

• จงอย่าประจบสอพลอ เพราะมันมิใช่เครื่องหมายของความศรัทธา

• ความสงบเงียบ คือสวนแห่งสมาธิ

• การนิ่งเงียบ ประดุจดังเครื่องประดับตัวท่านให้ดูเคร่งขรึม สงบเสงี่ยมพร้อมด้วยความมีเกียรติ

และเว้นท่านไว้จากการที่ต้องไปขอโทษอะไรกับใครทั้งสิ้น

• ความเงียบของคนโง่เขลา คือผ้าคลุมหน้าของเขา

• มากมายเพียงใดแล้วที่ความเงียบคือคำตอบ

• คำตอบที่คล่องแคล่วที่สุดของคนโง่ คือการนิ่งเงียบ

• การนิ่งเงียบเป็นสิ่งที่ดีกว่าการพูดคล่อง เมื่อมันไม่ใช่เวลาที่จะพูด

• การนิ่งเงียบที่ปราศจากความคิด นับเป็นเพียงความใบ้เท่านั้น

ความลับต่างๆ

• คนฉลาดมีกล่องมหัศจรรย์กล่องหนึ่ง ซึ่งในนั้นเก็บความลับต่างๆ ของเขาไว้ได้

• ผู้ใดก็ตามที่ฝากความไว้วางใจในความลับไว้กับคนอื่น ก็เท่ากับผู้นั้นตกลงใจที่จะลดคุณค่าของตัวเองลง

๒๖

•ผู้ใดก็ตามที่รู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะเก็บความลับของตนเองไว้ ย่อมจะแสดงความอ่อนแอออกมาเสียมากกว่า ถ้าได้กุมความลับของผู้อื่นไว้

• ผู้ใดก็ตามที่เปิดเผยความลับของท่าน ย่อมก่อความเสียหายแก่ท่าน

• บุคคลที่รักษาความลับทั้งหลายของเขาไว้ได้ ย่อมสามารถควบคุมกิจการงานทั้งหลายของเขาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

ความหน้าไหว้หลังหลอก

• คนกลับกลอกทั้งหลาย คลุมตัวเองไว้ในความมดเท็จ

• คนกลับกลอกมีถ้อยคำหวานหู แต่มีจิตใจที่ขมขื่น

• ลิ้นของกลับกลอกนั้นสะอาด แต่มีความป่วยไข้ถูกซ่อนเร้นไว้ในหัวใจของเขา

การยกย่องสดุดี

• เรื่องจริงที่น่าเกลียดที่สุด คือการยกย่องสดุดีตนเอง

• คุยโวยกตัวเอง นับเป็นความล้มเหลวในการเคารพตนเอง

• จงระมัดระวังตัวท่าน ให้พ้นจากการรับฟังการยกย่องสดุดีตัวท่านในเรื่องที่เกินความจริง เพราะกลิ่นไอที่ฟุ้งออกมาจากการฟังเรื่องเช่นนั้นจะทำให้หัวใจเกิดความฉ้อฉลและต่ำทราม

๒๗

• จงระวังการยกย่องสรรเสริญบุคคลอื่นในคุณสมบัติต่างๆ ที่บุคคลนั้นไม่มี การกระทำต่างๆ ของเขาเป็นการทรยศต่อตัวเองและยังเป็นการโกหกท่านด้วย

• คนที่ยกย่องท่านในคุณสมบัติต่างๆ ที่ท่านไม่มี ต่อไปก็จะพบว่าบุคคลนั้นจะตำหนิติเตียนท่านในความผิดต่างๆ ที่ไม่ใช่ของท่าน

• คนที่สมควรจะถูกตำหนิมากที่สุดในการกระทำทั้งหลาย คือการยกย่องสดุดีคนต่ำช้าเลวทราม

• ยกย่องสดุดีคนชั่ว ถือเป็นบาปที่น่ารังเกลียดและน่าชัง

การพูดล้อเล่น และการหัวเราะเยาะ

• ความเกลียดชังกัน เกิดจากการพูดล้อเล่น

• การหัวเราะมากเกินไป จะทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศ

• พูดตลกขบขันมากเกินไป แล้วท่านจะไม่อาจดึงกลับมาสู่เรื่องจริงจังได้

• จงหลีกเลี่ยงจากการพูดที่จะถูกหัวเราะเยาะ แม้แต่เพียงการพูดซ้ำตามถ้อยคำของผู้อื่นก็ตาม

ความทะลึ่งโอหัง

• ความทะลึ่งโอหัง ลดเกียรติคุณของมนุษย์

• ใบหน้าของคนทะลึ่งทะเล้นนั้น ช่างน่าเกลียดเสียยิ่งกว่าอะไรดี!

คำแนะนำ

• คนที่ฉลาดที่สุด คือคนที่ไม่รังเกียจคำแนะนำของบุคคลอื่น

๒๘

• จงยึดถือเอาคำแนะนำของคนฉลาด เช่นนั้นแหละที่จะพ้นจากข้อครหาและความเสียใจ

• จงปรึกษาแม้กับศัตรู ถ้าเขาเป็นคนฉลาด จงอย่าตามคำแนะนำของมิตรที่โง่เขลา

• จงปรึกษาหารือกับบรรดาปฏิปักษ์ของท่าน เพื่อที่จะเรียนรู้จากความคิดต่างๆ ของพวกเขา จน

ขยายไปถึงฝ่ายปฏิปักษ์ของพวกเขา และจุดสุดท้ายที่พวกเขาทั้งหลายกำลังแสวงหาอยู่

• จงนำทางตัวท่านเองด้วยตะเกียงส่องของบรรดาที่ปรึกษา ที่พวกเขาปฏิบัติในสิ่งที่พวกเขาได้ให้คำแนะนำไปแล้ว

• ผู้ใดก็ตามที่แสวงหาและปฏิบัติตามคำแนะนำของบุคคลอื่น จะหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดต่างๆ ได้อย่างมากมาย ผู้ใดก็ตามที่ไม่ปฏิบัติตามคำปรึกษาหารือแต่ปฏิบัติตามลำพังด้วยตนเอง ผู้นั้นย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่ผิดพลาดได้อย่างมากมาย

• มีข้อกระตุ้นเตือนในหมู่พวกเราให้ทำการปรึกษาหารือ เพราะคำแนะนำของที่ปรึกษาถือเป็นความบริสุทธิ์ ในขณะที่บุคคลที่แสวงหาคำปรึกษาถูกผสมปนเปไปด้วยโลหะผสมอื่นๆ มาก่อนแล้ว

• การให้คำแนะนำแก่บุคคลอื่นอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะ ก็เท่ากับเป็นการตำหนิติเตียนบุคคลนั้นไปในทันที

• โลกนี้จะเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของท่าน ถ้าท่านทำตามคำแนะนำของมัน

• คนที่ให้คำแนะนำโดยที่ตัวเขาเองมิได้ปฏิบัติตามนั้น ก็เหมือนคันธนูที่ไร้สาย

๒๙

• คนที่ขายคำแนะนำของเขาให้ท่าน ก็เหมือนกับพ่อค้าที่เสนอดอกเบี้ยแพง

• บุคคลผู้แสวงหาคำแนะนำต่างๆ ย่อมเรียนรู้ที่จะยอมรับข้อผิดพลาดต่างๆ ไว้ด้วย

ความสันโดษ

• อยู่คนเดียวเสียดีกว่าที่จะอยู่กับเพื่อที่ชั่วช้า

• บุคคลที่อยู่คนเดียว ย่อมปลอดภัยและสุขสบายตลอดไป

• ผู้ที่รู้จักโลกนี้ ย่อมอยู่คนเดียว

• ผู้ที่รู้จักมนุษย์ ย่อมหลบหลีกจากมนุษย์

• บรรดาผู้คนที่รู้จักเรา แต่เรามักไม่รู้จักคุณค่าของพวกเขา

พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประทานความมั่งคั่งให้แก่บุคคลผู้ซึ่งไม่แสวงหาสิ่งใดจากมวลมนุษย์

การให้

•ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของพระผู้เป็นเจ้า มิได้หมายความถึงการยกเลิกวิทยาญาณของพระองค์ จากความจริงเช่นนี้มันย่อมหมายความว่า พระองค์จะไม่ทรงอนุมัติให้กับทุกๆ การวอนขอ

๓๐

•บุคคลใดก็ตามที่ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้า จะถูกเรียกร้องจากทั่วทุกสารทิศ ถ้าเขาแจกจ่ายสิ่งที่เขาได้รับความโปรดปรานให้เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้า ความสุขของเขาก็จะยั่งยืนตลอดกาลนาน หากเขาไม่ปฏิบัติเช่นนั้น มันก็จะอยู่กับเขาเพียงชั่วคราวเท่านั้น

• จงอย่าอายที่จะต้องให้เพียงน้อยนิด เพราะการให้อย่างหลอกลวงก็เหมือนกับการให้เพียงน้อยนิด

• ส่วนของความใจกว้างที่ดีกว่า คือการให้อย่างรวดเร็ว

• จงให้แก่คนยากจนก่อนที่เขาจะขอ เพราะหากท่านทอดทิ้งเขาไว้ให้ขัดสนจนต้องยื่นมือขอเมื่อใดก็เท่ากับท่านได้ดึงเอาความเคารพในตัวเองของเขาออกไป ซึ่งมีค่ามากกว่าทานที่ท่านได้บริจาคไป

• จงอย่าพลัดวันประกันพรุ่ง ในสิ่งที่ท่านจะให้แก่คนๆ หนึ่งที่เขามีความต้องการ เพราะท่านไม่รู้ว่าในวันพรุ่งนี้อะไรที่รอคอยท่านและเขาอยู่

• สองสิ่งนี้เป็นของผู้โอบอ้อมอารีที่มีหัวใจกว้างขวาง นั่นคือการบริจาคทรัพย์สินของเขาและการพิทักษ์ปกป้องเกียรติของตนเอง

• ความใจกว้างประการสุดท้าย คือการลืมข้อกล่าวหาที่ท่านได้กระทำต่อบุคคลอื่น และการจดจำถึงสิทธิที่บุคคลอื่นมีเหนือตัวท่าน

• มนุษย์มีสองจำพวก คือคนใจกว้างที่ไม่ร่ำรวย และคนร่ำรวยที่ไม่บริจาคสิ่งใด

• ความร่าเริงแจ่มใส ย่อมเป็นเครื่องประดับของผู้โอบอ้อมอารีที่มีใจกว้างขวาง

๓๑

• มันจะนำความพึงพอใจที่เต็มไปด้วยความอดทนอดกลั้นมาสู่ตัวท่าน ในการที่ท่านได้ให้เสื้อคลุมตัวหนึ่งกับคนอื่น มากกว่าที่ท่านจะสวมใส่เอง

• แจกจ่ายออกไปให้กว้างขวางในสิ่งที่ท่านได้มันไว้เรียบร้อยแล้ว ดีกว่าที่จะสะสมสมบัติใหม่

• การให้ที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัย เท่ากับเป็นการให้ที่พักพิงแก่ตัวท่านเอง ให้พ้นจากการลงโทษในโลกหน้า

• การกระทำที่มีเกียรติสูงสุด คือการรับภาระหนี้สิ้นทั้งหลายของบุคคลอื่น และการดูแลเอาใจใส่แก่ผู้เป็นแขกของเขา

การทำความดี และความเมตตาปรานี

• จงกระตุ้นให้กระทำความดี และป้องกันการกระทำความชั่ว

• การทำความดี ทำให้ผู้หนึ่งเป็นคนรับใช้ของตนเอง แต่ผลประโยชน์ที่ควบคู่ไปกับการเหน็บแนมย่อมไร้ค่า

• โดยการทำความดี ท่านทำให้เสรีชนคนหนึ่งเป็นทาสรับใช้ท่าน

• ท่านไม่ควรวางผู้กระทำดีและผู้กระทำชั่วไว้บนพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน เพราะนั้นจะทำให้ผู้กระทำความดีทอดทิ้งการทำความดี และเท่ากับเป็นการส่งเสริมคนชั่วให้อยู่ในความชั่วต่อไป

• จงอย่าตอบแทนความดีด้วยความชั่ว เพราะมันจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการกระทำความดี

• ผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติโดยการกระทำความดี จะเห็นว่าความหนาวสะท้านนั้นถูกทำให้หวานชื่น

๓๒

• ผู้ใดก็ตามที่ปรึกษาด้านผลประโยชน์กับบุคคลที่ไม่สมควรปรึกษาย่อมเกิดความเสียหาย

• จงปกปิดความดีที่ท่านทำ แต่จงทำให้เป็นที่รู้กันทั่วไปในความดีที่ผู้อื่นกระทำต่อท่าน

ความฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย

• จงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่ไม่ฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย

• จงเลิกความฟุ่มเฟือยสุรุยสุร่าย สำหรับคนฟุ่มเฟือยนั้นไม่มีผู้ใดยกย่องเขา ถึงแม้ในขณะที่เขากำลังให้อยู่ก็ตาม และไม่มีใครเมตตาสงสารเขาถึงแม้เขากำลังขอทานอยู่ก็ตาม

• ความหยิ่งไม่มีอะไรเลยเว้นแต่ความโง่ และความฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายนั้นเป็นมารดาของความขัดสนยากจน

• ทุนเล็กน้อยที่สุดก็เจริญงอกงามได้ด้วยกับความสุขุมรอบคอบ ในขณะที่ความฟุ่มเฟือยทำให้ทรัพย์สมบัติที่ใหญ่ที่สุดกระจัดกระจายหายไปได้

การตอบสนอง

• ผู้ใดหว่านความดีไว้ ย่อมเก็บเกี่ยวซึ่งรางวัลของเขา

• ผู้ใดหว่านพืชเช่นใด ย่อมเก็บเกี่ยวผลเช่นนั้น และบุคคลย่อมได้รับรางวัลตอบแทนตามสิ่งที่เขาได้กระทำไว้

• ผู้ใดปลูกพืชแห่งความดี ย่อมได้เก็บเกี่ยวผลที่หวานชื่นที่สุด

๓๓

ศิลปะการปกครองประเทศ

• ศิลปะการปกครองที่ดี ย่อมทำให้อำนาจเข้มแข็งขึ้น

• ผู้ที่ขาดศิลปะการปกครองที่ดี ย่อมไม่ควรค่าแก่การปกครอง

• ย่อมเป็นการถูกต้องที่ว่า ผู้ปกครองควรปกครองตัวเองให้ได้เสียก่อน ก่อนที่จะปกครองผู้ที่อยู่ใต้การปกครองทั้งหลายของเขา

• มันเป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง ที่จะเลือกให้กับประชาชนในสิ่งที่เขาเลือกให้กับตัวเขาเอง

• ผู้ครองนครที่เลวที่สุด คือบุคคลที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาพากันหวาดกลัวที่จะเข้าพบเขา

• ประเทศที่เลวร้ายที่สุด คือประเทศที่พลเมืองผู้อาศัยอยู่ประเทศไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

• สิ่งที่ยากที่สุดของการปฏิรูปทางการเมือง คือการเปลี่ยนแปลงจารีตประเพณีต่างๆ ของพลเมือง

• ความเสื่อมของรัฐหนึ่งๆ เกิดมาจากบรรดาชนชั้นกลางที่ขึ้นสู่อำนาจ

• ชัยชนะของชนชั้นกลางเหล่านั้น จะนำกลุ่มชนชั้นสูงสูงที่ได้รับการเลือกสรรแล้วให้ตกต่ำลง

• ความเสื่อมของอาณาจักรปรากฏในตัวของมันเองดังนี้ การสูญเสียหลักการแล้วไปติดอยู่กับปลีกย่อยต่างๆ ทรชนคนชั่วได้เปรียบเหนือผู้อื่น คุณธรรมความดีไม่ได้รับการยกย่องสรรเสริญ

๓๔

ความยุติธรรม

• ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้รัฐทั้งหลายเข้มแข็งได้เท่ากับความยุติธรรม

• ความยุติธรรมเป็นหลักการนำที่สำคัญของประชาชน

• หากปฏิบัติอย่างยุติธรรมแล้ว อำนาจของท่านจะคงอยู่ตลอดไป

• การบริจาคทานของอำนาจ คือความยุติธรรม

• การบริจาคทานของพระราชา คือการให้ความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกดขี่

• ไม่มีผู้ปกครองที่ยุติธรรมคนใดที่ต้องการความช่วยเหลือจากหมู่สหายของเขา

• ความหายนะของประเทศ คือผู้รู้ที่หลงใหลในโลกีย์และทรราช

การกดขี่

• สามกลุ่มของมนุษย์ที่ถูกตัดขาดจากพรแห่งความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า นั่นคือบรรดาผู้กดขี่ กลุ่มบุคคลที่ช่วยเหลือสนับสนุนการกดขี่ กลุ่มบุคคลที่อดทนต่อการกดขี่

• บุคคลจะสมารถนอนหลับได้ หลังจากการตายของบุตรของตน แต่จะนอนไม่หลับภายใต้การกดขี่

• รูปแบบที่ดีที่สุดของความยุติธรรม คือการช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ถูกกดขี่ทั้งหลาย

• กษัตริย์ที่ดีที่สุด คือผู้ที่ขจัดการกดขี่และทำให้ความเป็นธรรมกลับคืนมาอีกครั้ง

๓๕

• สัตว์ป่าเถื่อนที่ฉีกเนื้อหนังออกเป็นชิ้นๆ และสวาปาม ย่อมเป็นที่พึงพอใจแก่ผู้ครองนครที่ชอบความรุนแรงและกดขี่ข่มเหงรังแก

• ผู้ปกครองที่กดขี่ผู้ที่อยู่ใต้การปกครองทั้งหลายของเขา แม้จะมีชีวิตอยู่ แต่ประชาชนเหล่านั้นปรารถนาที่จะเห็นเขาตาย

• ชั่วโมงแห่งการแก้แค้นของผู้ถูกกดขี่ น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าชั่วโมงของการกดขี่ของเผด็จการเสียอีก

• จงหลีกเลี่ยงผู้กดขี่ ด้วยการขอความคุ้มครองจากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งไม่มีใครปกป้องท่านได้นอกจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

• จงหลีกห่างจากการกดขี่ เพราะไม่มีผู้ปกครองที่กดขี่คนใดเลยที่จะได้สูดกลิ่นไอของสรวงสวรรค์

• เมื่อท่านพบเห็นผู้ที่ถูกกดขี่ ก็จงช่วยเหลือเขาต่อต้านผู้กดขี่

• ผู้ใดก็ตามที่สงสารตัวเอง ก็จงอย่ากดขี่ผู้อื่น

• ผู้กดขี่ความชอบธรรม คือผู้ที่ช่วยเหลือสนับสนุนความอยุติธรรม

• ผู้ใดก็ตามที่กดขี่ เขาก็จะถูกกดขี่

• การกดขี่และเผด็จการทรราช เป็นสหายที่เลวร้ายสำหรับโลกหน้า

ทรราช

• ผู้ปกครองที่กดขี่ คือความหายนะของประเทศทั้งหลาย

• อันตรายทั้งหลายจะติดตามทุกขณะในยามตื่นของผู้ปกครองที่กดขี่

• ผู้ใดก็ตามที่ขึ้นขี่ความเป็นทรราช จะได้เห็นการคุมบังเหียนของเขาต้องคล้ำคะมำลง

• บรรดารัฐมนตรีที่ชั่วร้าย ย่อมเป็นผู้ช่วยเหลือของผู้ปกครองที่กดขี่ และเป็นพี่น้องของบรรดาผู้กระทำความชั่ว

๓๖

• ผู้ใดเริ่มการปกครองที่กดขี่ จะเสียใจในไม่ช้า

ญาติพี่น้อง

• บ่อยครั้งที่พบว่า ญาติพี่น้องของท่านอยู่ห่างไกลจากท่านมากกว่าคนแปลกหน้าทั้งหลาย

• จงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อญาติพี่น้องของท่าน จงให้เกียรติถ้าหากเขาเป็นคนฉลาด ให้เขาลำบากบ้าง ถ้าเขาเป็นคนโง่ จงช่วยเหลือเขาถ้าเขายากจน เพราะเขาอาจจะพิสูจน์ให้เห็นถึงการสนับสนุนท่านอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด ทั้งในยามสุขสบายและยามทุกข์ยากของท่าน

• ความเกลียดชังกันในหมู่ญาติพี่น้อง ย่อมเป็นสาเหตุแห่งความเศร้าโศก มากเสียกว่าการถูกแมลงป่องต่อยเสียอีก

มิตรภาพ

• เพื่อนที่แท้จริง คือวิญญาณเดียวกันที่อยู่ในเรือนร่างที่แตกต่างกัน

• สิ่งใหม่ที่สุดมักดีที่สุด แต่เพื่อนที่ดีที่สุด คือเพื่อนที่เก่าแก่ที่สุด

• มิตรภาพย่อมได้มาด้วยความสัมพันธ์

• มิตรภาพ คือความเป็นพี่น้องที่ใกล้ชิดที่สุด

• ความสุภาพอ่อนโยนก่อให้เกิดมิตรภาพ

• หากมีความมั่นใจในพวกเขาเหล่านั้น ท่านก็จะมีความสุขในมิตรภาพของพวกเขา

๓๗

• จงใช้ชีวิตของท่านอย่างมีอิสระกับเพื่อนฝูงของท่าน แต่อย่าละทิ้งพวกเขาเพียงเพราะท่านต้องการที่จะอยู่อย่างสงบเพียงลำพัง

• ผู้ใดก็ตามที่ละทิ้งเพื่อนเพราะความผิดเพียงเล็กน้อย ก็เป็นการเสี่ยงที่จะอยู่อย่างปราศจากเพื่อน

• อย่าลืมที่จะให้เกียรติในสิทธิต่างๆ ของเพื่อนของท่าน บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนที่สนิทชิดเชื้อ เพราะหากเขาหยุดความเป็นเพื่อนกับท่าน ท่านก็จะเหยียบย่ำในสิทธิต่างๆ ของเขาทันที

• คนแปลกหน้า คือคนที่ไม่เคยมีเพื่อน

• ไม่ต้องแสวงหาที่จะมีเพื่อนมากเกินไป เพราะการทอดทิ้งเพื่อนคนนี้หรือคนนั้น ย่อมจะสร้างความเป็นศัตรูให้กับเขา เพื่อนฝูงก็เหมือนไฟ หากมากเกินไปก็เผาไหม้ ฉะนั้นเพียงน้อยคนย่อมเป็นคุณประโยชน์

• จงอย่าเลือกเอาศัตรูของเพื่อนของท่านมาเป็นเพื่อนของท่าน

• จงอย่าเป็นเพื่อนกับคนโง่ เพราะเขาจะทำให้ท่านเดือดร้อน ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขากระทำให้นั้นดูว่าจะเป็นประโยชน์ก็ตาม

• มิตรที่ชั่วที่สุด คือผู้ยกยอปอปั้นท่านและแต่งแต้มสีสรรคความชั่วของท่านให้เห็นเป็นสิ่งดีงาม

• หากมิตรผู้หนึ่งที่จริงใจ แต่ภายหลังพบว่าเขาเป็นผู้ทรยศคดโกง ก็ย่อมเป็นความง่ายดายที่จะตัดสัมพันธ์กับเขา

• มีมิตรที่แท้จริงตั้งจำนวนเท่าใดแล้ว ที่ทำให้ผู้หนึ่งต้องปวดร้าวโดยมิได้ตั้งใจ

• บุคคลผู้นั้นย่อมมิใช่เพื่อนของท่าน หากท่านยังต้องการคนกลางมาไกล่เกลี่ยระหว่างเขากับท่าน

๓๘

• ถึงแม้ท่านจะมอบโลกทั้งใบ มันก็ยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะเอาชนะในมิตรภาพของผู้กลับกลอกได้

• ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ผู้หนึ่งย่อมสามารถบอกได้ว่า ใครเป็นมิตรใครเป็นศัตรู

• เพื่อนที่เลวที่สุด ก็คือผู้ที่ไปมาหาสู่กับท่านยามรุ่งเรือง และละทิ้งท่านในยามตกอับ

• หากเพื่อนคนหนึ่งอิจฉาท่าน ดังนั้น เขาก็มิใช่เพื่อนที่แท้จริง

• ผู้หนึ่งยังมิอาจพิจารณาให้เป็นเพื่อนได้ จนกว่าจะได้ทำการทดสอบเขาด้วยกันสามโอกาส นั่นคือในยามจำเป็นเมื่ออยู่ลับหลังท่าน และเมื่อภายหลังจากที่ท่านตายไปแล้ว

• บรรดาผู้ที่มองหาท่านในย่ามรุ่งเรือง ย่อมละทิ้งท่านในยามขัดสน

• พี่น้องของท่าน ก็คือผู้ที่ช่วยเหลือท่านเมื่อท่านตกอยู่ในความยากลำบาก

• มันมีบ่อยครั้งสักขนาดไหน ที่คนรักและชอบพอกันคู่หนึ่ง หากเขาจะต้องแยกทางกันก็ยังจะดีเสียกว่าศัตรู

• ศัตรูเพียงคนเดียวก็ถือว่ามากพอแล้ว

• อย่าไปชิงชังศัตรู ถึงแม้เขาจะเป็นผู้อ่อนแอก็ตาม

• บุคคลที่ไม่สามารถแยกแยะความดีออกจากความชั่วได้ ก็คือศัตรูคนหนึ่งนั่นเอง

• จงอย่าให้ถูกหลอกด้วยกับอาชีพอันสุจริตของศัตรูคนใด เพราะศัตรูทุกคนนั้นเปรียบประดุจดังน้ำที่เมื่อมันถูกสาดเข้าไปในกองเพลิง มันจะทำให้เพลิงมอดลง

๓๙

• ศัตรูที่ได้แสดงออกถึงความเกลียดชังของเขาอย่างเปิดเผย ย่อมเป็นศัตรูที่ไม่มีความสำคัญอันใด

• การไว้ชีวิตแก่ศัตรู ทำให้อำนาจขจรขจาย

• หากมีการปรองดองกันในระหว่างศัตรูของท่านกับตัวของท่าน และท่านได้ให้คำสัตย์สาบานในกิจการของท่านกับมันแล้ว ก็จงให้เกียรติกับพันธสัญญาของท่าน จงเชื่อฟังแม้กับความชั่ว เพราะมันคือคุณธรรมของท่าน

• ผู้ใดก็ตามที่ละทิ้งฝ่ายของเขาไป ก็เท่ากับเป็นการช่วยเหลือศัตรูของเขา

ความกล้าหาญชาญชัย และความขลาดกลัว

• “ความกล้าหาญเยี่ยงชายชาตรี” คือถ้อยคำทั่วไปที่มันห้อมล้อมคุณสมบัติต่างๆ ไว้ทั้งหมด

• การบริจาคทานของความกล้าหาญ ก็คือการทำสงครามศาสนา

• แน่นอนยิ่งที่จุดจบอันมีเกียรติสูงสุดของชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง ก็คือการตายในสนามแห่งเกียรติยศ

ฉันขอสาบานต่อพระองค์ผู้ทรงเก็บรักษาดวงวิญญาณของฉัน ว่าฉันปรารถนาที่จะถูกดาบฟันสักพันครั้งมากกว่าที่จะต้องนอนตายบนเตียงนอนของฉัน

• หากท่านมีความสามารถที่จะพินิจพิเคราะห์ได้ ท่านก็จะเห็นได้เป็นที่แน่นอนว่า ความกล้าหาญ

และสัจธรรมนั้นจะอยู่เคียงคู่กันเสมอ และความเท็จก็จะอยู่กับความขี้ขลาด

• ความกล้าหาญ คือเกียรติอันรุ่งโรจน์ และความขี้ขลาดเป็นความตกต่ำที่เห็นได้ชัด

๔๐