สุนทโรวาทอิมามอะลี

สุนทโรวาทอิมามอะลี50%

สุนทโรวาทอิมามอะลี ผู้เขียน:
กลุ่ม: ห้องสมุดฮะดีษ
หน้าต่างๆ: 62

สุนทโรวาทอิมามอะลี
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 62 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 56991 / ดาวน์โหลด: 5364
ขนาด ขนาด ขนาด
สุนทโรวาทอิมามอะลี

สุนทโรวาทอิมามอะลี

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

สุนทโรวาทของอิมามอะลี (อ.)

จากหนังสือ “นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์

จัดพิมพ์โดย สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม

คำนำ

ท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นบุตรเขยของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ท่านเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิสลาม มิใช่เพียงแต่เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ท่านยังเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย และท่านได้พลีอุทิศตนเพื่อรับใช้อิสลามในช่วงสมัยของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) และตลอดชั่วชีวิตของท่าน

ในสมัยก่อนประเทศอาหรับมีชื่อด้านวาทะศิลป์ ท่านอิมามอะลี (อ.) เองก็เป็นนักพูดที่ยอดเยี่ยมที่สุดท่านหนึ่ง ถ้อยคำสุนทรพจน์และสุนทโรวาทต่างๆ เหล่านี้ถูกรวบรวมไว้ในฐานะที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า

“นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์” ซึ่งถูกรวบรวมไว้โดยนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งคือท่าน ซัยยิด ริฎอ

เพื่อเป็นคุณประโยชน์แก่บุคคลทั่วไปที่ไม่มีโอกาสที่จะศึกษาได้จากผลงานอันยิ่งใหญ่นั้น

นักปราชญ์ส่วนมากจึงได้รวบรวมจัดพิมพ์ขึ้นต่างหาก เป็นการประมวลประโยคสั้นๆ ที่ได้คัดเลือกมาจากบทเทศนาและคติพจน์ในโอกาสต่างๆ ของท่านอิมามอะลี (อ.) มารวมไว้เป็นสุภาษิตหรือคติสอนใจ

 การรวบรวมครั้งแรกคือผลงานของ อบูอุสมาน อุมัร บินบะฮาร์ อัลญาอิซ อัลบัสริ เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. ๒๔๔

ได้รวบรวมคติพจน์ต่างๆ ไว้ ๑๐๐ บท ในหนังสือ “มัยติกะลิมะฮ์” หนังสือดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในอียิปต์

ความพยายามของอีกท่านหนึ่งในการรวบรวมคติพจน์ดังกล่าวที่รู้จักกันในนามของหนังสือ “นัศรุลเลาลิ” โดยท่าน ซัยยิด อิมามซัยนุดดีน

อบูอัรริฎอ ฟัศรุลลอฮ์ หุซัยนี รอวันดี หนังสือเล่มนี้บรรจุคติพจน์ต่างๆ ของท่านอิมามอะลี (อ.) ไว้ถึง ๑, ๐๐๐ คติพจน์ และถูกจัดพิมพ์ขึ้นในกรุงเดลฮี (ประเทศอินเดีย)

การรวบรวมครั้งที่ ๓ รู้จักกันในนามหนังสือ

 “ฆุรอรุลฮิกาม วะดุรรอรุลกิลาม” โดยท่าน อับดุลวะฮีด บินมุฮัมมัด วะฮีดอะมีดิ อุลตะมีมิ หนังสือเล่มนี้บรรจุคติพจน์และสุภาษิตต่างๆ ของ

อิมามอะลี (อ.)ไว้หลายพันบท

 ในบทนำของหนังสือ ผู้รวบรวมได้เขียนไว้ว่า การรวบรวมของเขาเปรียบเสมือน “น้ำเพียงฝ่ามือเดียวที่ดึงออกมาจากสายธารใหญ่”

อีกประการหนึ่ง ย่อมเป็นไปไม่ได้ในการแปลถ่ายทอดใดๆ ที่จะทำให้มีอรรถรสและคุณภาพเหมือนอย่างต้นฉบับภาษาอาหรับ บรรดาผู้รู้ที่แตกฉานในภาษาอาหรับเท่านั้นที่จะซาบซึ้งในความเป็นเลิศของการใช้ภาษาของท่านอิมามอะลี (อ.) ในสำนวนอันสละสลวยของภาษาอาหรับที่คติพจน์ต่างๆ เหล่านั้นได้แฝงเร้นอยู่ แต่จำนวนของผู้รู้ภาษาอาหรับถึงขั้นแตกฉานนั้นก็มีน้อยคน ส่วนผู้ที่ไม่รู้ภาษาอาหรับก็ต้องอาศัยจากฉบับที่แปลมาเป็นภาษาต่างๆ

นาย เจ. เอ. แซทแมน ได้ถ่ายทอดวรรณกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้กับประชาชน ผู้ใช้ภาษาอังกฤษโดยกำเนิด ท่านได้รับความช่วยเหลือจากหลายๆ ท่านที่ช่วยทำความเข้าใจให้กับท่านในความหมายของคติพจน์จากภาษาอาหรับที่เป็นต้นฉบับเดิม

ส่วนการถ่ายทอดเป็นภาษาอังกฤษนั้นเป็นของท่านเองล้วนๆ และได้รับการตรวจทานเปรียบเทียบอย่างระมัดระวังกับต้นฉบับภาษาอาหรับ

 ข้าพเจ้าอาจกล่าวได้ว่าการแปลครั้งนี้นับว่าดีที่สุดในภาษาอังกฤษเท่าที่ข้าพเจ้าได้เคยเห็นมา หนังสือนี้มีคุณค่าใหญ่หลวงแก่บรรดาผู้อ่าน โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติและลัทธิทางศาสนา ทั้งนี้เพราะคติพจน์และสุนทโรวาทต่างๆ เหล่านี้ได้บรรจุไว้อย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ซึ่งสัจธรรมอันเป็นนิรันดร์

ซัยยิด อบูมุฮัมมัด

สุนทรโรวาทอิมามอะลี

• ฉันไม่เคยสงสัยคลางแคลงในพระผู้เป็นเจ้าเลย ในเมื่อฉันได้เห็นพระองค์

• ฉันไม่เคยปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้าเลย ในเมื่อฉันได้รู้จักพระองค์

• ผู้ใดรักตัวเขาเอง ผู้นั้นรู้จักพระผู้สร้างของเขา

• ศักดิ์ศรีอันรุ่งโรจน์พบได้ในการรับใช้พระผู้สร้าง ผู้แสวงหามันจากสิ่งถูกสร้างย่อมจะไม่พบมัน

• ถ้าท่านรักพระผู้เป็นเจ้า ก็จงสลายความหลงรักโลกนี้จากจิตใจของท่านเสีย

• โอ้พระผู้เป็นเจ้า มันช่างกว้างใหญ่ไพศาลเสียเหลือเกินในสิ่งที่เราได้ประจักษ์ถึงการสร้างสรรค์ของพระองค์ แต่ทว่ามันช่างเล็กน้อยเสียนี่กระไรเมื่อได้เปรียบเทียบกับสรรพสิ่งซึ่งอำนาจของพระองค์ได้ทรงซ่อนเร้นไว้

• จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงได้ยินทั้งหมดที่ท่านพูด และทรงรอบรู้ในความนึกคิดทั้งหมดของท่าน

• การยำเกรงต่อพระผู้เป็นเจ้า จักทำให้บุคคลปลอดภัย

• ออกไป! ออกไป! เป็นเพราะความเกรงกลัวต่อพระผู้เป็นเจ้า หากไม่แล้ว ฉันจะเป็นคนที่ฉลาดแกมโกงที่สุดในหมู่ชาวอาหรับทั้งมวล

• ฉันจะไม่แนะนำชักชวนท่านให้เคารพเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า ก่อนที่ตัวฉันเองจะได้เคารพเชื่อฟังพระองค์ ฉันจะไม่ห้ามปรามพวกท่านในเรื่องการทำบาปทั้งปวง หากฉันมิได้ห้ามปรามตัวฉันเองก่อน

• พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประทานความเมตตาแก่บุคคลที่ควบคุมความโน้มเอียงแห่งอารมณ์ของเขา ที่จะนำไปสู่ความไม่เชื่อฟังและละเมิดขัดขืน

• ความโปรดปรานเบื้องบนจะโปรยปรายลงสู่บุคคลผู้ซึ่งฟื้นฟูสัจธรรม ผู้พิฆาตความหลงผิด ผู้กระชากอำนาจของทรราชที่กดขี่ให้ต่ำลง และเชิดชูความยุติธรรมให้สูงส่ง

การอุทิศเพื่อพระผู้เป็นเจ้า

• รูปแบบที่ดีที่สุดของการพลีอุทิศเพื่อรับใช้พระผู้เป็นเจ้า คือการกระทำที่ไม่โอ้อวดโลกนี้

• ความเพียบพร้อมสมบูรณ์ไม่ใช่ของโลกนี้

• โลกนี้มิใช่อะไรอื่น เว้นแต่เป็นเงาของเมฆก้อนหนึ่ง และเป็นความฝันของคนหลับ ความปีติสุขและความโศกเศร้าระคนกัน น้ำผึ้งและยาพิษ

• ทรวงอกของโลกนี้ คือความตาย และเบื้องหลังของมัน คือความเจ็บไข้ได้ป่วย

• ผู้อาศัยทั้งปวงของโลกนี้ เป็นเพียงฝูงสุนัขที่เห่าหอนและสรรพสัตว์ที่รบกวนน่ารำคาญ ตัวหนึ่งกรรโชกเข้าใส่อีกตัวหนึ่ง ตัวแข็งแรงกัดกินตัวที่อ่อนแอ ตัวใหญ่สยบตัวน้อย พวกเขาเหล่านั้นเป็นประดุจดังปศุสัตว์ที่แบกสัมภาระ บ้างก็ถูกใส่บังเหียนควบคุมไว้ บ้างก็ถูกปล่อยอย่างอิสระ

• ขอสาบานด้วยพระนามของงอัลลอฮ์ว่า โลกนี้ในสายตาของฉันน่าจะถูกประณามเสียยิ่งกว่ากระดูกของหมูที่ปราศจากเนื้อ ในมือของคนขี้เรือนมันน้อยนิดเสียยิ่งกว่าใบไม้ใบหนึ่งในปากตั๊กแตนตัวหนึ่ง

• โลกนี้คือสถานที่พำนักที่ถูกล้อมรอบไว้ด้วยเครื่องมือลงโทษดุจแส้ และถูกสุมกองไว้ด้วยการทรยศคดโกงทุจริต สภาพของมันหากไม่อดทนอดกลั้นอย่างยิ่งแล้ว ผู้คนทั้งหมดที่เขาไปหามันจะพินาศย่อยยับ

• โลกนี้คือที่อาศัยที่กำลังเสื่อมทรามลงตามผู้อยู่อาศัยของมัน ที่ซึ่งพระบัญญัติถูกผสมปนเปด้วยสิ่งที่ผิดพระบัญญัติ ความดีผสมปนเปกับความชั่ว ความหวานชื่นผสมปนเปกับความข่มขื่น

• จงมองโลกนี้ด้วยสายตาของนักการศาสนาผู้สันโดษ มิใช่เหมือนเช่นบุคคลที่หลงรักคลั่งไคล้มันอย่างตาบอด

• โอ้โลก! ไปหลอกลวงผู้อื่นเถิด ฉันไม่ต้องการเจ้า ฉันได้ตัดขาดเจ้ามาสามครั้งแล้ว ฉันจะไม่แต่งงานกับเจ้าอีกต่อไปแล้ว

• โลกนี้ประดุจดังอสรพิษ สัมผัสของมันนิ่มนวล แต่การกัดของมันถึงกับตาย

มนุษย์

• มนุษย์เป็นสิ่งประหลาดมหัศจรรย์เสียเหลือเกิน เขามองเห็นได้ด้วยกับการช่วยเหลือของวัตถุทึบหนักแน่นหนาจำนวนมากมาย เขาพูดได้ด้วยกับการช่วยเหลือของเนื้อนิ่ม เขาได้ยินได้ด้วยกับการช่วยเหลือของชิ้นส่วนต่างๆ ของกระดูก และเขาหายใจเข้าออกได้ด้วยกับการช่วยเหลือของคอหอย

• ลูกหลานของอาดัมช่างขัดสนข้นแค้นเสียนี่กระไร เขาไม่รู้ช่วงแห่งวันทั้งหลายของเขา ไม่เข้าใจความเจ็บไข้ได้ป่วยของเขา การดัดต่อยของตัวเห็บก็จะทำให้เขาเจ็บปวดทรมานได้ เขาดมกลิ่นสาปเหงื่อไคลและไอจนถึงตาย

• โอ้ลูกหลานของอาดัม จะบังอาจคุยโม้ได้อย่างไร? ผู้ที่เริ่มต้นในฐานะเชื้อจุลินทรีย์ แล้วจบลงในฐานะซากศพ ผู้ที่ไม่สามารถชุบเลี้ยงตัวเองได้และไม่อาจหนีความตายได้?

• ทุกๆ วัน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งจะร้องตะโกนว่า “โอ้มนุษย์ ผู้อยู่เบื้องล่างนั้นผลิตลูกหลานออกมาเพื่อตาย ก่อสร้างขึ้นมาเพื่อถูกทำลาย พวกท่านรวมตัวกันเพื่อการจำพราก”

ชีวิต

• ท่านจะปีติชื่นชมในชีวิตที่กำลังหดสั้นเข้าทุกๆ โมงยามได้อย่างไร?

• โอ้! ชั่วโมงทั้งหลายที่รีบเร่งเปลี่ยนไปเป็นวัน วันทั้งหลายไปสู่เดือนทั้งหลาย เดือนทั้งหลายไปสู่ปีทั้งหลาย และเวลาที่เปลี่ยนแปลงทั้งหลายเหล่านั้นเข้าไปสู่การทำลายล้างของชีวิตได้อย่างไร?

• บุคคลเหล่านั้นไปอยู่เสียที่ไหน? ผู้ที่เคยมีชีวิตยาวนานกว่าของท่าน บุคคลเหล่านั้นไปอยู่เสียที่ไหน? ผู้ที่ได้ละทิ้งอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดเอาไว้ ได้ก่อสร้างอาคารป้อมปราการ ได้เคยจัดองค์กรและประดับประดาตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ไหนเล่าบรรดาผู้สั่งสมเหล่านั้น? ไหนเล่าผู้ที่วางแผนการณ์เหล่านั้น? กิสเราะฮ์อยู่ไหน? กัยสัร ตุบบา และฮิมยาร์อยู่ไหนเล่า?

• ความรุ่งโรจน์ทั่วทั้งโลก มิอาจถูกทำลายได้ด้วยความเสื่อมลงของโมงยาม• ความหวานชื่นแห่งชีวิตนี้อยู่ที่การแจกจ่ายให้ไปด้วยระเบียบวินัย

• ความพึงพอใจแห่งชีวิตนี้ เปรียบประดุจดังเงาของท่านเอง หากท่านหยุดมันก็หยุด หากท่านพยายามที่จะล้ำหน้ามัน มันก็จะเคลื่อนห่างออกไป

• เรื่องราวของชีวิตอันยาวนาน คือโรคภัยและความแก่ชราและอ่อนแอลง

• ผู้ใดมีชีวิตยาวนาน จะต้องคร่ำครวญให้แก่มิตรสหายของเขา

• ชีวิตคือศัตรูที่ท่านมิได้ก้าวร้าว ซึ่งท่านมิได้กดขี่ แต่มันกดขี่ท่าน ซึ่งท่านไม่เคยโจมตีมัน แต่มันโจมตีท่าน

• ชีวิตคือยาพิษที่บุคคลซึมซับมันไว้ หากผู้นั้นไม่รู้จักว่ามันคือยาพิษชนิดหนึ่ง

• ผู้ใดก็ตามที่เขายึดติดอย่างเหนียวแน่นอยู่กับชีวิตของเขาเอง ก็ย่อมจะเปิดตัวของเขาให้กลายเป็นเป้าของความโชคร้าย และความผันผวนแห่งชะตากรรม

• ความบกพร่องสามประการที่ทำให้ชีวิตไม่สามารถลงรอยกันได้ คือความพยาบาทเคียดแค้น ความอิจฉาริษยา และอุปนิสัยที่ชั่วร้าย

• ในความผันผวนของชีวิตเท่านั้น ที่บุคคลจะตัดสินคุณค่าของมนุษย์คนอื่นได้

• ชีวิตโลกนี้และชีวิตโลกหน้า เปรียบเสมือนคนที่มีภรรยาสองคน ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งได้รับความพึงพอใจนั้น ย่อมหมายถึงความทุกข์ระทมของอีกฝ่ายหนึ่ง

• วันเหล่านั้นของท่านที่หมดไปแล้วย่อมผ่านเป็นอดีต วันเหล่านั้นที่กำลังคืบคลานมายังสงสัยอยู่เพราะฉะนั้นจงทำการงานในขณะที่ยังคงมีเวลาอยู่

• ความหยิ่งผยองที่มีต่อการครอบครองทรัพย์สมบัติอันเป็นสิ่งที่ไม่จีรัง ก่อกำเนิดมาจากความโง่เขลาเบาปัญญา

• จงคิดถึงการสิ้นสุดของมัน ความสุขในตัวของมันเองนั้นมีเพียงชั่วครู่ยาม ในขณะที่มีความชื่นชม

ยินดีอยู่กับสิ่งดีงามใดๆ จงนึกถึงความไม่จีรังของมันอยู่เสมอๆ

• ไม่มีความสุขทางโลกใดๆ เว้นเสียแต่จะต้องติดตามมาด้วยน้ำตา

• ที่ผ่านมาแล้วดูเหมือนว่าไม่เคยได้เกิดขึ้นมาเลย และอนาคตนั้นพร้อมแล้วที่จะเป็นไป

• การทดสอบที่แข็งกระด้างที่สุดคือสามสิ่งเหล่านี้ นั้นคือ การแบกภาระครอบครัวอันหนักอึ้ง ความขมขื่นของการเป็นหนี้สิน ความเจ็บไข้ได้ป่วยที่เรื้อรังยาวนาน

• โชคจากไปแม้เมื่อมันมา ชีวิตแตกร้าวถึงแม้มันประสานเข้าหากันแล้วก็ตาม

• เมื่อโชคหยิบยื่นแก่ท่าน มันให้ท่านยืมคุณสมบัติต่างๆ ของผู้อื่น และเมื่อมันหันหลังกลับไปจากท่าน มันก็ดึงเอาของของท่านไป

• หนึ่งในเครื่องหมายทั้งหลายของความโชคร้าย นั่นก็คือ การที่ต้องมีเพื่อนเลวจากคนต่ำทราม

๑๐

ความตาย

• ขณะที่ท่านมีชีวิต ท่านตาย

• ทุกลมหายใจของมนุษย์ คือการย่างก้าวไปสู่ความตาย

• ความตายรอคอยทุกสรรพสิ่งที่ถูกบังเกิดมาให้มีชีวิตอยู่ และทุกสรรพสิ่งต้องจบสิ้น

• ท่านคือเกมที่ความตายไล่ล่า ถ้าท่านยืนเฉยมันจะจับกุมท่าน ถ้าท่านหลบหนีมันจะไล่แซงท่าน

• มันน่าประหลาดใจที่ว่า ใครๆ ก็มักจะลืมความตาย ทั้งๆ ที่แม้จะเห็นกันอยู่ว่าจะต้องตายเหมือนคนอื่นก็ตาม

• คนที่รอคอยความตาย มักยอมตนให้กับการกระทำความดี

• ผู้ใดก็ตามที่ไม่ให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องของเขา จะถูกนับให้อยู่ในหมู่คนตาย

คนดี

• คนดีย่อมมีชีวิตอยู่ แม้เมื่อเขาถูกหามไปยังสุสานก็ตาม

• คนที่ดีที่สุด คือผู้ที่ให้ความช่วยเหลือรับใช้อย่างมากที่สุดแก่บรรดาผู้ที่มีฐานะเท่าเทียมกับเขา

• คนดี คือคนที่รู้จักคุณค่าในความสามารถของผู้อื่น

•คนดีขบถเพื่อต่อต้านความรุนแรงแต่แสดงตัวอย่างอ่อนโยนละมุนละไมและเป็นคนมีเหตุผล

๑๑

หากได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี ส่วนคนเลวทรามหยาบช้าจะแข็งกระด้างและหยาบคาย เมื่อปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าความอ่อนโยนเมตตา แต่จะยอมหมอบราบคาบก็เฉพาะต่อหน้าความแข็งกร้าวเท่านั้น

• สิ่งหนึ่งที่ดีงามที่สุดในอากัปกิริยาของเสรีชน ก็คือการไม่ถือเอาความได้เปรียบในสิ่งที่เขารู้ว่าคนอื่นไม่มี

• บุคคลที่มีเกียรติ จะไม่แสดงตนโอหังในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และหนักแน่นไม่ขยับเขยื้อนเหมือนภูเขาที่ถูกลมเหนือพัดกระหน่ำอย่างแรง ส่วนคนต่ำทรามถูกทำให้มัวเมาแม้ด้วยความสำเร็จเพียงเล็กน้อย อุปมาดั่งต้นหญ้าที่ต้องสั่นไหวแม้เพียงลมอ่อน

• สิ่งหนึ่งของความเจ็บปวดและลำบากใจที่สุดของคนดี ก็คือพันธะหน้าที่ที่จะต้องให้เกียรติแก่คนชั่วร้าย

• คนที่น่าสงสารที่สุด คือผู้รู้ที่อยู่ภายใต้คำสั่งของคนโง่เขลา คนที่มีธรรมชาติเป็นคนใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่ต้องถูกชี้นำโดยคนละโมบโลภมาก และคนที่มีคุณธรรมแต่ต้องถูกบงการโดยคนชั่วมั่ว

โลกีย์

• มนุษย์ประดุจดังมวลไม้ต่างๆ แม้ว่าน้ำที่ราดรดลงไปจะเป็นน้ำอย่างเดียวกัน แต่ผลที่ออกมาไม่เหมือนกัน

• มวลมนุษย์กำลังหลับใหล พวกเขาจะตื่นเมื่อพวกเขาตาย

• ผู้ที่ถูกตำหนิแล้วไม่ทำผิดอีกเลยจะมีสักกี่คน?

๑๒

คนชั่ว

• คนเลวที่สุด คือคนที่เห็นตนเองดีที่สุด

• คนชั่วคิดว่าคนอื่นๆ ไม่มีใครดีเลย เขาจะคิดได้อย่างไรว่าคนอื่นๆ มีในสิ่งที่ตัวเขาเองไม่มี?

• คนที่ยึดถือตนเองเป็นใหญ่ จะมองไม่เห็นความบกพร่องของตนเอง แต่เขาควรจะได้เรียนรู้ถึงความดีเลิศของอุปนิสัยของคนอื่นๆ เขาจะถูกทำให้รู้สึกผิดจากสิ่งที่เขารู้สึกในขณะนี้ว่า ในตัวเขาขาดสิ่งนั้น

• คนที่เลวที่สุด คือคนที่หลงใหลในความชั่วมั่วโลกีย์ โดยยึดถือว่าเป็นสิ่งหอมหวานชวนชื่นที่สุด

และมิได้ยับยั้งรั้งรอต่อความเกรงกลัวที่จะต้องเกลือกกลั้วกับสิ่งเลวร้ายนั้นเลย

• คนที่น่ารังเกียจที่สุด คือผู้ที่ตอบแทนความดีด้วยความชั่ว และผู้ที่น่ายกย่องที่สุด คือผู้ที่ตอบแทนแก่คนเลวด้วยการปฏิบัติอย่างโอบอ้อมอารี

• จงรีบเร่งอย่างเร่งด่วน เพื่อหลบหนีไปจากคนชั่วร้ายและคนหลงโลก

• พิษร้ายของชาติ คือนักปราชญ์ผู้ชั่วร้าย และผู้ปกครองที่ดกขี่ คือพิษร้ายแห่งความยุติธรรม

• คนที่น่ารังเกียจที่สุดในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า คือคนเข็ญใจที่หยิ่งผยองหนึ่ง คนแก่ที่ล่วงละเมิดประเวณีหนึ่ง และนักปราชญ์ที่หลงระเริงสุรุ่ยสุร่าย

๑๓

คุณธรรม

• เสื้อคลุมแห่งคุณธรรม เป็นเกียรติคุณอันสูงสุด

• คุณธรรมคือกุญแจไขสู่ความสำเร็จ

• บุคคลเป็นผู้ศรัทธา ตราบเท่าที่เขายังมีคุณธรรม

• หัวหน้าของบรรดาคุณธรรม คือการควบคุมและระงับยับยั้งอารมณ์ต่างๆ ได้

ความชั่วร้าย

• คนชั่วร้ายชอบที่จะสนับสนุนความชั่วของคนอื่นๆ และจะมีข้อแก้ตัวอย่างมากมายสำหรับความชั่วของตนเอง

• ความชั่วที่น่าเกลียด คือการตกลงไปสู่ความไม่ดีงามของคนๆ หนึ่ง ซึ่งข้อบกพร่องนั้นก็มีอยู่ในตัวท่านเองเหมือนกัน

• สิ่งหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความเลวร้าย นั้นก็คือการก้าวร้าวกับคนดี

การเรียนรู้

หนังสือทั้งหลาย คือสวนของผู้รู้

• ผู้คงแก่เรียนย่อมมีชีวิตอยู่ แม้ภายหลังการตายของเขา แต่คนโง่ย่อมตายแม้ขณะยังคงมีชีวิตอยู่

• นักปราชญ์ย่อมรู้จักคนโง่ เพราะแต่ก่อนนี้ตัวเขาเองเคยโง่มาก่อน แต่คนโง่ย่อมไม่รู้จักนักปราชญ์เพราะเขาไม่เคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน

๑๔

• ผู้ใดก็ตามที่ใจจิตใจของเขาครุ่นคิดพิจารณาแต่ความคิดที่ดี ย่อมเรียนรู้ที่จะจำแนกแยกแยะจุดต่างๆ ของความผิดพลาด

• ผู้รู้ที่แท้จริง คือบุคคลที่เข้าใจว่าสิ่งที่เขารู้นั้น แท้จริงแล้วมีเพียงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาไม่รู้

ความรู้

• ไม่มีขุมคลังใด เหมือนอย่างความรู้

• อาณาจักรแห่งความรู้นั้นไม่มีขอบเขต

• หัวหน้าของสติปัญญาอันเป็นพรสวรรค์ คือความรู้

• ความรู้นำไปสู่ปัญญา ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ได้รับการศึกษาจึงเป็นคนฉลาด

• ความมั่งมีจะลดน้อยถอยลงด้วยการจับจ่ายใช้สอย ในขณะที่ความรู้จะถูกทำให้เพิ่มพูนด้วยการเผยแผ่

• สิ่งที่หายาก คุณค่าของมันย่อมเพิ่มมากขึ้น ยกเว้นความรู้ ยิ่งกระจัดกระจายออกไปมากเท่าใด มันก็ยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้น

• ที่สุดของทั้งสองสิ่งนี้ ที่ไม่อาจบรรลุถึงได้ คือความรู้และความเข้าใจ

• ด้วยความรู้ทำให้ท่านปลอดภัย ด้วยความโง่ทำให้ท่านขาดทุน

• สัจธรรมคือคลังสมบัติที่กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งมันไม่เคยถูกใช้ให้หมดสิ้นไปได้ สติปัญญาคือเสื้อคลุมตัวใหม่ซึ่งไม่มีวันเก่า

• เสื้อคลุมแห่งความรู้ จะทำให้ท่านเป็นอมตะและดูไม่แก่

• จงแสวงหาให้ได้มาซึ่งความรู้ มันเป็นอาภรณ์ประดับตัวท่านหากท่านเป็นคนร่ำรวย และมันจะชุบเลี้ยงท่านหากท่านยากจน

๑๕

• บุคคลที่ปลอดภัยที่สุดในความรู้ของเขา คือผู้ที่ความเชื่อมั่นทั้งหลายของเขาไม่ถูกทำให้อ่อนแอลงโดยความสงสัย

• ความรู้ที่เป็นประโยชน์ที่สุด คือสิ่งที่ผู้หนึ่งนำมันไปสู่การปฏิบัติ

• จงเลือกส่วนที่ดีที่สุดของวิทยากรแต่ละสาขา ให้เหมือนอย่างผึ้งที่ดูดส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดของดอกไม้

• จงติดตามแสวงหาความรู้ ที่ท่านอาจจะควรค่าแก่ตำแหน่งที่มีเกียรติอันน่าเคารพยกย่อง

• จงค้นหาความรู้ จงทำให้ตัวท่านเองเป็นผู้ที่รู้จักโดยผ่ายทางความรู้นั้น จงปฏิบัติมันแล้วท่านจะกลายเป็นผู้รู้เช่นกัน

• ประสบการณ์ คือความรู้ที่ได้รับมา

• ผู้ขาดประสบการณ์ ย่อมถูกหลอกอยู่บ่อยๆ

• กษัตริย์ได้รับความเคารพนับถือเพราะอำนาจของพระองค์ นักปราชญ์ได้รับความเคารพนับถือ

เพราะสิ่งที่เขารู้ ผู้ที่ทำความดีได้รับความเคารพนับถือเพราะการทำความดีต่างๆ ของเขา และหัวหน้าเผ่าชนได้รับความเคารพนับถือก็เพราะอายุของเขา

• จะรู้จักคนอื่นได้อย่างไร หากบุคคลนั้นยังไม่รู้จักตนเอง?

• จงอย่าเกลียดในสิ่งที่ท่านไม่รู้ เพราะความรู้อันเป็นส่วนที่ใหญ่กว่านั้นประกอบด้วยสิ่งที่ท่านไม่รู้

• ถ้าท่านบิดบังซ่อนเร้นในสิ่งที่ท่านรู้ ท่านจะถูกทึกทักว่าท่านไม่รู้อะไรเลย

๑๖

• บุคคลควรไต่ถามถึงเรื่องที่ตนไม่รู้ ไม่ควรอายที่จะกล่าวว่า “ฉันไม่รู้”

• มนุษย์มักเป็นปฏิปักษ์กับสิ่งที่เขาไม่รู้

• ภัยร้ายของความรู้ คือการไม่ปฏิบัติตามความรู้นั้น ภัยร้ายของแรงงาน คือการทำงานแต่ไม่สุจริต

ใจ

• การขว้างวิทยาการทิ้งไป ก็เสมือนกับการทุบทำลายไม้ที่ต่อเรือลำหนึ่งออกเป็นชิ้นๆ ซึ่งบรรดา

ผู้สร้างเรือลำนั้นพร้อมด้วยผู้เดินทางทั้งหมดที่โดยสารไปกับมันต้องจมลงจนหมดสิ้น

• ความรู้เช่นนั้นถือว่าผิวเผินมาก ซึ่งหลงเหลืออยู่เฉพาะบนปลายลิ้นของท่านเท่านั้น คุณธรรม

ภายในและคุณค่าของความรู้ คือสิ่งที่ท่านยึดถือปฏิบัติไปตามนั้น

การศึกษา

• แท้จริงแล้ว ท่านมีความจำเป็นในการศึกษาที่ดี มากเสียยิ่งกว่าชัยชนะที่นำมาซึ่งเงินทองและ

ทองคำ

• การศึกษาที่ดี ปกปิดแหล่งกำเนิดอันต่ำต้อย

• ผู้ที่ได้รับการศึกษา ย่อมมองเห็นด้วยกับจิตใจและวิญญาณ คนโง่เขลานั้นมองเห็นก็แต่เพียงกับ

ดวงตาทั้งสองของเขาเท่านั้น

• จงฟัง แล้วท่านจะสอนตัวท่านเอง จงนิ่งสงบเงียบ แล้วท่านจะไม่เสี่ยงเลย

• อุทิศชีวิตแก่ศาสนาโดยมิได้รับการสั่งสอนอบรม ก็เหมือนกับลาสีข้าวที่เดินวนเวียนไปรอบๆโดยไม่อาจออกไปจากที่นั้นได้

๑๗

• ผู้ที่ไม่รู้จักเรียนรู้อะไรเลย ย่อมไม่เคยถูกสอนสั่ง

• ผู้ใดก็ตามที่ไม่อดทนต่อความยากลำบากในการถูกสั่งสอนอบรม จะอยู่ในความต่ำต้อยแห่งอวิชชาตลอดไป

• ครูและนักเรียนมีส่วนร่วมเท่าๆ กัน ในรางวัลของพระผู้เป็นเจ้า

• บุคคลย่อมเรียนรู้ได้ด้วยการถามปัญหาต่างๆ

• การสอนที่ดีที่สุด คือการสอนที่จะแก้ไขตัวท่านเองให้ถูกต้อง

• การสอนที่มิได้แก้ไขตัวท่านให้ถูกต้อง ย่อมอยู่ในแนวทางที่ผิดพลาด

• บุคคลที่มีความสามารถน้อยที่สุด คือบุคคลที่สำแดงตัวเขาเองให้ปรากฏว่าไม่สามารถแก้ไขตัวเองห้ถูกต้องได้

• ทำตัวท่านเองให้เป็นผู้รับใช้ผู้รู้คนใดก็ได้ที่ท่านพบเจอ

ปัญญา

• คนฉลาด ต้องการวันละชั่วโมงทุกๆ วัน เพื่อจัดการสำรวจตรวจสอบมโนธรรมของเขาเอง และวางมาตรการกับสิ่งที่เขาได้รับรู้หรือสูญเสียไป

• จิตใจเป็นแหล่งของปัญญา ด้วยกับการสดับฟังในฐานะที่เป็นช่องทางของมัน

• ปรัชญาเป็นพฤกษาที่เจริญเติบโตในจิตใจ และดอกผลของมันผ่านออกมาทางคำพูด

• ความศรัทธาและปัญญาเป็นพี่น้องฝาแฝด พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงรับสิ่งหนึ่งที่ปราศจากอีกสิ่งหนึ่ง โดยปัญญาที่ทำให้บุคคลบรรลุถึงยอดแห่งกิจการงานทั้งหลาย

• พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงประทานสิ่งใดให้แก่บรรดาผู้ถูกบังเกิดของพระองค์ที่วางอยู่สูงกว่าเหตุผล

• แท้จริงผู้ที่เห็นไปก่อนล่วงหน้า จะไม่ถูกกับดักของเล่ห์กล คนฉลาดก็จะไม่ถูกหลอกลวงด้วย

๑๘

ความโลภ

• การไว้เนื้อเชื่อใจต่อบุคคลใดก่อนที่จะรู้จักเขาดี ถือว่าขาดสติปัญญา

• ความหลงใหลในโลกีย์วิสัยเกิดขึ้นน้อย ในขณะที่ปัญญาเพิ่มมากขึ้น

• คนฉลาดพึ่งพาแรงงานของเขาเอง ส่วนคนโง่ไว้วางใจในความคิดเพ้อฝันต่างๆ

• ปราชญ์แสวงหาความสมบูรณ์ คนโง่แสวงหาทรัพย์

• สมมุติฐานของคนฉลาด ย่อมใกล้เคียงความถูกต้องมากกว่าความรู้ของคนโง่

• มันเป็นส่วนของคนฉลาดที่จะต้องเชื่อฟังผู้มีตำแหน่งเหนือเขา ให้ความเคารพแก่ผู้ที่มีความเท่าเทียมกับเขา และให้ความยุติธรรมแก่ผู้ที่ด้อยกว่าเขา

• ความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือความมั่งคั่งแห่งสติปัญญาและการวินิจฉัยที่ยุติธรรม ความยากจนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือความยากจนจากความโง่เขลาและอวิชชา ส่วนความไม่น่าคบที่สุด นั้นคือความไร้สาระ หยิ่งยโส คดโกง และยกย่องตนเอง ความสูงส่งที่สุดของความดีมีศีลธรรม คือความประพฤติอันสุภาพอ่อนโยนและความดีงามแห่งวัฒนธรรม

• คนฉลาดคิดก่อนแล้วพูด ส่วนคนโง่พูดก่อนแล้วคิด

สติปัญญา

• ผู้มีสติปัญญา คือบุคคลที่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรในวันนี้ที่จะมีความสุขมากกว่าเมื่อวันวาน

• เกี่ยวกับคุณสมบัติที่ดีของมนุษย์ สองประการที่มีชื่อเสียงคือ สติปัญญาและถ้อยคำ โดยประการแรกเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ตัวเอง และในประการที่สอง เขาจะทำให้คนอื่นได้รับประโยชน์

๑๙

• สติปัญญาเป็นพรสวรรค์ตามธรรมชาติ และเพิ่มพูนขึ้นด้วยประสบการณ์และการสอน

• ไม่มีใครเลยที่เป็นผู้ครอบครองสติปัญญา แล้วจะถูกลดลงมาสู่ความยากจน

• เขาเป็นผู้มีเกียรติ ผู้ซึ่งใช้สติปัญญาอยู่เป็นประจำ

การพิจารณาตรึกตรอง

• บุคคลที่ครุ่นคิดพิจารณาถึงความโปรดปรานทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า ย่อมประสบความสำเร็จ

• การครุ่นคิดพิจารณาของมนุษย์ เป็นกระจกส่องให้ตัวเขาได้เห็นการกระทำที่ดีและชั่วของเขาเอง

• ผู้ใดก็ตามที่มีพลังแห่งความตรึกตรอง ย่อมได้บทเรียนจากทุกๆ สิ่ง

• เรื่องต่างๆ ที่มืดมัว จะกลับกลายเป็นความกระจ่างชัดในความเพียรและครุ่นคิดพิจารณา

• การกระทำในสิ่งที่ได้พิจารณาไตร่ตรองแล้วเท่านั้น ที่จะทำให้กิจการงานทั้งหลายของท่านดำเนินไปได้ด้วยดี

• คิดใคร่ครวญก่อนที่ท่านจะลงมือกระทำ (การโจมตี)

• คิดใคร่ครวญก่อนที่ท่านจะพูด แล้วท่านจะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดได้เช่นกัน

๒๐

21

22

23

24

25

26

27

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

• จงมีความละอายที่จะผละหนีจากการทำศึกสงคราม เพราะมันจะทำให้ผู้สืบตระกูลของต้องคำสาปแห่งความอัปยศ และนรกจะเป็นของท่านในวันตัดสินพิพากษา

• การหลบหนีอย่างเสียขวัญ ก็คือการสวมเสื้ออันอัปยศให้กับตัวท่านเอง และทำตัวของท่านให้เหมาะสมกับนรก

• ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ หากในวันนี้ท่านได้หลบหนีคมดาบของศัตรูคนหนึ่งไปได้ แต่วันพรุ่งนี้ท่านจะไม่สามารถหลบหนีการตัดสินของพระองค์ผู้ทรงสูงส่งไปได้

• คนขี้ขลาดย่อมไม่มีความสุขในชีวิต

ความสูงศักดิ์

• คุณสมบัติอันยิ่งใหญ่ต่างๆ นำไปสู่ความสูงศักดิ์ และมิใช่กระดูกผุๆ ของบรรพบุรุษ

• คุณธรรมที่บุตรมีต่อบิดมารดา นับเป็นเครื่องพิสูจน์ของชาติกำเนิดที่ดี

มนุษย์มักมีความละม้ายคล้ายคลึงกับผู้ที่อยู่ร่วมสมัยกับพวกเขา มากกว่าบิดาของเขาเสียอีก

• บุตรที่เลวคนหนึ่ง ย่อมทำลายเกียรติยศทั้งมวลของบุคคลหนึ่ง และทำให้บรรพบุรุษของเขาต้องอับอาย

๔๑

ความร่ำรวย

• ผู้หนึ่งประสบกับความมั่งมีเพราะทำการเสี่ยง

• ผู้ที่เขามีความสุข ก็คือผู้ที่เขาร่ำรวยมาจากการประกอบอาชีพที่สุจริต

• เงินทองจะไม่มีวันสูญเสียไป เมื่อมันถูกใช้ไปเพื่อการรักษาชื่อเสียงที่ดีของท่านเอาไว้

• ผู้ใดก็ตามที่ไม่ได้รับผลประโยชน์จากสิ่งที่เขาเป็นเจ้าของ ก็เท่ากับว่าเขาได้สั่งสมมันไว้ให้กับภรรยาของเขาและสามีคนต่อไปของนาง

• จงอย่านับเอาบุคคลหนึ่งว่าเป็นคนรวย หากเขาไม่ยอมใช้จ่ายอะไรเลย

• ผู้ใดก็ตามที่ไม่เชื่อฟังทรัพย์สฤงคารในทางโลก ทรัพย์สฤงคารในทางโลกก็จะหันมาเชื่อฟังและปฏิบัติตามเขา

• มันช่างเป็นอาชญากรรมที่น่ารังเกียจสักขนาดไหนหนอ! ที่ไปยึดเอาทรัพย์สินของลูกกำพร้ามา

• การยึดกุมที่ชั่วร้ายที่สุด ก็คือเมื่อสิ่งของที่มีปัญหาได้ถูกมอบให้กับท่านเป็นผู้ดูแลรักษา

• การมีหนีสินมากมายจนเกินไป ทำให้คนที่มีความจริงใจต้องโกหก และคนที่มีเกียรติต้องหนีหน้า

• มันเป็นเพราะความร่ำรวยจนเกินไป ที่เป็นต้นเหตุทำให้หัวใจของมนุษย์ต้องฉ้อฉลและสั่งสมบาป

• จงแสวงหาความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า ให้ปลอดพ้นจากความมัวเมาในทรัพย์สมบัติ ผู้หนึ่งจะพบว่ามันเป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะเยียวยารักษาตัวของเขาให้พ้นจากโรคนี้

๔๒

ความพึงพอใจ

• มนุษย์พึงพอใจอยู่กับความจำเป็นในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่เรื่องที่มากมายอันใด

• ไม่มีทรัพย์สฤงคารใดที่จะเทียบเท่ากับความพึงพอใจ

• ผู้ใดก็ตามที่พึงพอใจอยู่กับสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมอบให้กับเขา ย่อมจะไม่เศร้าโศกกับสิ่งที่เขาไม่มี

• หากท่านไม่สามารถจะหาในสิ่งที่ท่านปรารถนาได้ ก็จงพึงพอใจกับสิ่งที่ท่านมีอยู่

ความยากจน

• จงอย่าให้ความยากจนและความผิดหวังทำให้ท่านทุกข์ใจ เพราะทองคำต้องถูกทดสอบในไฟ ผู้ศรัทธาก็ต้องถูกนำตัวไปสอบสวน

• ผู้หนึ่งที่เที่ยวโพนทนาถึงความยากจน ย่อมทำให้ตัวของเขาตกต่ำ

ความละโมบและความโลภมาก

• คนละโมบเป็นกองคลังให้กับทายาทของเขา

• คนละโมบเป็นคนจน แม้โลกทั้งใบจะเป็นของเขาก็ตาม

• เมื่อคนละโมบประสบความสำเร็จจนมากเกินขนาดของเขา กริยาท่าทางของเขาจะเปลี่ยนไป

• คนตระหนี่มักจะรู้สึกต่ำต้อยอยู่เสมอ และคนขี้อิจฉาก็จะมีโรคภัยอยู่ตลอดไป

• ความโลภทำให้ตกต่ำ

๔๓

• ความโลภมากทำให้มนุษย์ตกต่ำ ความตายมันเป็นเรื่องยากแต่ยังน้อยกว่าการไปขอให้บริจาคเสียอีก

• มันเป็นความสุขของคนดีที่ให้อาหารแก่บุคคลอื่น แต่ส่วนของพวกที่เป็นผู้ละโมบนั่นคือการแสวงหาของกินให้กับตัวของพวกเขาเอง

• ความโลภมากและความละโมบ ทำให้ความสามารถในการตัดสินและสติปัญญาต้องมืดมัวลง

• ความโลภมากเป็นระบบทาสที่ถาวร

• ผู้หนึ่งที่เขาพัฒนาอุปนิสัยของความโลภมากและความละโมบ จะถูกเชิญชวนไปสู่ความตกต่ำเลวทราม ผู้หนึ่งที่เขาโฆษณาความยากจนและเคราะห์กรรมของเขา จะต้องประสบกับความต่ำต้อยอยู่เสมอ ผู้หนึ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมลิ้นของเขาได้ มันจะต้องพบกับความกระอักกระอ่วนใจและความไม่สบายใจ

ความบริสุทธิ์ผุดผ่อง และความเย้ายวน

• ความบริสุทธิ์ผุดผ่องนับเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง

• ความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทำให้ความเย้ายวนต้องอ่อนกำลังลง

• ย่อมไม่มีวิทยาญาณในความเย้ายวน

• เมื่อความสนุกสนานเริ่มขึ้น ความเย้ายวนก็จะติดตามมา แต่ความเสื่อมสลายคือตัวทำลายล้างมัน

๔๔

สุขภาพ

• สุขภาพนับเป็นทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

• ความมีสติ คือการมีสุขภาพพลานามัย

• สองสิ่งนี้จะยังไม่เห็นคุณค่า จนกว่ามันจะอำลาจากไป นั่นคือ ความหนุ่มสาวและการมีสุขภาพ

พลานามัย

• จงสดับเถิด! ทรัพย์สินนับเป็นความจำเริญ แต่สุขภาพพลานามัยเป็นเรื่องที่ดีกว่า แต่ที่ดีกว่านั้นก็คือหัวใจที่มีคุณธรรม

• หากผู้หนึ่งมีสุขภาพที่ดี ก็นับเป็นความหรรษาที่จะมีชีวิตอยู่

• การล้มเลิกในสิ่งที่เป็นความทะยานอยาก นับเป็นการเยียวยารักษาที่มีมรรคผลที่สุด

• จงรักษาโรคภัยด้วยกับการบริจาคทาน

• จงรังเกียจท้องที่อิ่มแปร่ ซึ่งจะตามมาด้วยความป่วยไข้และฝันร้าย

• ผู้ใดก็ตามที่ไม่อดทนในการละวางไปเสียจากเนื้อที่ต้องห้าม ย่อมจะได้เห็นโรคภัยเข้ามาเบียดเบียนเขา

• การปิดบังความเจ็บป่วยของผู้หนึ่งจากแพทย์ผู้รักษาเขา ก็คือผู้ทรยศต่อสุขภาพของเขาเอง

• จงใช้อดทนอดกลั้นของท่าน เป็นผู้แก้แค้นท่านในความละโมบโลภมากของท่าน ประดุงดังผู้ที่ใช้เหล็กในการแก้แค้นศัตรู

๔๕

การบริจาคทาน และความอดทนอดกลั้น

• เมื่อท่านเลี้ยงอาหารคนจน ก็จงเลี้ยงพวกเขาให้ดีเถิด

• ผู้ศรัทธาคนหนึ่งย่อมไม่รับประทานจนอิ่มแปร่ ในขณะที่พี่น้องของเขายังหิวโหยอยู่

• เขาผู้ซึ่งบริโภคเพียงเล็กน้อย ย่อมมีความคิดที่สะอาดบริสุทธิ์มากกว่า

• ความมีสตินับเป็นทรัพย์สมบัติของคนจน ในขณะที่ความรู้เป็นของปวงปราชญ์

• ความมีสติทำให้เพิ่มพูน

• ความมึนเมาของความอวดดี ก็คือความยิ่งยโสและทรนง มันซ่างช้ายิ่งกว่าการเมาเหล้าองุ่นเสียอีก

• การบริจาคเพียงเล็กน้อยในหนทางของพระผู้เป็นเจ้า ยอมจะนำผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่มาให้ท่าน

• จงยับยั้งเสียก่อน ดีกว่าที่จะไปเสียใจในภายหลัง

• หากท่านประสงค์ที่จะวิงวอนของพรจากพระผู้อภิบาล เพื่อหนทางแห่งปัจจัยที่ดีกว่า ก็จงบริจาคบางสิ่งไปในทางกุศลเสียก่อน

• จงอย่าได้ละอายกับจำนวนเงินที่ได้บริจาคไปเพียงน้อยนิด เพราะการปล่อยให้คนยากจนขัดสนต้องกลับไปมือเปล่า นับเป็นความอับอายที่ยิ่งใหญ่กว่า

๔๖

ความใจบุญใจกุศล

• จงเป็นคนใจบุญแต่อย่าฟุ่มเฟือย จงละเอียดถี่ถ้วนแต่อย่าตระหนี่

• หากท่านได้ช่วยเหลือบุคคลที่เหมาะสม โดยที่เขายังมิได้ร้องขอ นั้นคือความใจบุญใจกุศล แต่หากท่านได้ช่วยเขาเพราะเขามาร้องขอ ส่วนใหญ่ก็เนื่องมาจากความรู้สึกละอายที่จะปฏิเสธเขา หรือเกรงว่าจะถูกต่อว่า

โอกาส

• โอกาสที่สูญเสียไปมักจะไม่หวนกลับมาอีก จนกระทั่งสายเกินไป

•โอกาสของบุคคลหนึ่งมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว และจะกลับมาด้วยความเชื่องช้า

•โอกาสผ่านไปราวกับเมฆก้อนหนึ่ง ดังนั้นจงเอาประโยชน์เสียก่อนในสิ่งดีๆ ของมัน

•หากเป็นไปได้เมื่อมีโอกาสก็จงรีบคว้าเอาไว้ก่อนในขณะที่มันบินเข้ามา เพราะท่านจะไม่มีวันแซงหน้ามันไปได้

• วันและคืนมันกำลังทำงานกับตัวท่านอยู่ ดังนั้น จงทำตัวท่านให้ได้ใช้ประโยชน์จากมัน เพราะมันกำลังเอาไปจากท่าน ดังนั้น ท่านก็ควรจะเอาจากมันเช่นกัน

• ในทุกขณะจิตของท่าน ก็คือส่วนหนึ่งของชีวิตท่าน ดังนั้น จงใช้เวลานั้นเพื่อความจรรโลงใจของท่านเถิด

๔๗

ขันติธรรม

• เขาชนะเพราะเรียนรู้ศิลปะในการรอคอย

• ความอดทนอันขมขื่น ย่อมเป็นผลแห่งความสำเร็จ

• ผู้ใดที่เคาะประตูเรียกด้วยความเพียรพยาม ย่อมจบลงด้วยการได้เข้าไป

• มันขึ้นอยู่กับท่านที่จะแสดงความอดทนในยามเคราะห์กรรม และในยามหมดอาลัย

• เวลามีอยู่สองวัน วันหนึ่งเป็นของท่าน อีกวันหนึ่งต่อต้านท่าน จงอย่าจองหองหากพบกับความสำเร็จ และจงอดทนในความทุกข์ยาก แน่นอนยิ่ง เคราะห์กรรมมิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดไป มันจะต้องสิ้นสุดยุติลง ดังนั้น จงอดทนจนกว่าจุดจบของมันจะมาถึง

• จงมองหาความอิ่มเอิบภายหลังจากความเศร้าหมอง และจงอย่าสิ้นหวังกับความรักที่มีต่อสวรรค์

• มันมีความดีตั้งเท่าใดแล้วที่มาถึงท่าน ในขณะที่ท่านไม่เคยคาดหวังจากมันเลย

• ความทุกข์ยากเป็นเรื่องง่ายที่จะแบกรับมันไว้ สำหรับผู้ที่รู้ถึงวิธี

• หากท่านมิใช่เป็นผู้ที่อดทน ก็จงแสดงออกประหนึ่งว่าท่านเป็น มันมีอยู่บ่อยครั้งทีเดียวที่ผู้หนึ่งเลียนแบบผู้คน โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยพัฒนาไปเหมือนกับพวกเขา

• การหมดความอดทนถือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ก็เฉพาะเมื่อมันช่วยขจัดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อระยะการเดินทาง หรือปัดเป่ามันให้ทุเลาเบาบางลง

๔๘

• จงอดทนต่อความเศร้าโศกและวิกฤติการณ์ด้วยขันติธรรม หาไม่แล้วท่านก็จะไม่มีความสุข

• บุคคลที่ปฏิบัติด้วยความขันติ จะไม่ถูกลิดรอนไปจากความสำเร็จ ถึงแม้ความสำเร็จอาจต้องใช้เวลายาวนานกว่าที่จะมาถึง

• จงแสวงหาความอดทนและการยืนหยัด เพราะความสัมพันธ์ของมันที่มีต่อการศรัทธาที่แท้จริง

เป็นเช่นเดียวกับศีรษะที่มีต่อร่างกาย ซึ่งร่างกายย่อมไม่มีประโยชน์หากปราศจากศีรษะ ในทำนองเดียวกัน

ศรัทธาที่แท้จริง ย่อมหาประโยชน์อันใดมิได้หากปราศจากคุณสมบัติของการยอมตน การยืนหยัด และความอดทน

การให้อภัย

• การให้อภัยนับเป็นมงกุฎของคุณภาพที่ยิ่งใหญ่

• จงยอมรับในการขออภัย สำหรับผู้ที่เขาแสวหาการอภัยโทษจากท่าน

•นับเป็นการดีที่ไม่กระทำบาปหนึ่ง มากกว่าที่จะไปขอให้ผู้หนึ่งอภัยให้กับเรา

•คนที่ชั่วที่สุด คือผู้ที่ไม่เคยให้อภัยกับใคร หรือไม่เคยแม้แต่จะขออภัยใคร

•จงอย่ารีบเร่งไปสู่การลงโทษ ในความผิดที่บุคคลหนึ่งได้กระทำ แต่จงปล่อยให้มีโอกาสเพื่อการขออภัยในระหว่างการทำผิดและการลงโทษ

๔๙

•จงลงโทษคนรับใช้ของท่าน หากเขาฝ่าฝืนคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า แต่จงอภัยให้กับเขาที่ดื้อดึงไม่ปฏิบัติตามท่าน

 เมื่อท่านมีชัยชนะเหนือศัตรูของท่าน ก็จงให้อภัยกับเขา ซึ่งเป็นหนทางที่ท่านจะตอบแทนการขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้า ที่พระองค์ได้ทรงประทานพลังอำนาจในการพิชิตให้กับท่าน

• ผู้ใดที่สามารถมองเห็นความผิดของตนเองได้ ย่อมเป็นผู้นิ่มนวลต่อความผิดของผู้อื่น

• เขาเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถให้อภัย ก็คือผู้ที่มีอำนาจในการจัดการลงโทษ

• หากท่านมีโอกาสและมีอำนาจเหนือศัตรูของท่าน ก็จงให้อภัยกับเขาเพื่อเป็นการขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้าในชัยชนะนี้

• กิจกรรมที่ดีเลิศของบุคคลหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ คือการให้อภัยและการลืม

ความอาลัยรัก

• ผู้หนึ่งที่ไม่เคยมีความสงสารต่อผู้ใด ย่อมไม่เคยได้รับความสงสาร

• ผู้ที่มีความอาลัยรักต่อเด็กกำพร้า ย่อมจะได้เห็นลูกๆ ของเขาได้รับการปรนนิบัติอย่างการุณ

ความอ่อนโยน

• บุคคลที่ปฏิบัติในทางสายกลางและมีความอ่อนโยน จะไม่ประสบกับความยุ่งยากอันเนื่องมาจากความยากจน

๕๐

คำสัญญา

• คำสัญญาหนึ่งก็คือหนี้สินที่ต้องชำระให้มันเสร็จสิ้นไป

• คำสัญญาของคนใจกว้างถือว่าเป็นเงินสด

• จงอย่าให้คำมั่นสัญญาในสิ่งที่ท่านไม่สามารถรักษามันไว้ได้

• การปฏิเสธที่แฝงไว้ด้วยความกรุณา มีค่ายิ่งกว่าคำสัญญาที่ยังอีกยาวไกล

• คนใจบุญย่อมปฏิบัติตามที่เขาสัญญา และเมื่อเขามีอำนาจเขาก็ไว้ชีวิตแก่ศัตรูของเขา

• จงยอมรับคำสัญญา จากผู้ที่สามารถยึดถืออย่างมั่นคงในคำสาบานของพวกเขาเท่านั้น

โมหะ

• จงระวังโมหะ ซึ่งจะเริ่มต้นจากความบ้าคลั่ง และจบลงด้วยกับความเสียใจ

• โมหะเป็นไฟที่เผาผลาญ ผู้ใดก็ตามที่สามารถระงับยับยั้งความโกรธของเขาได้ เท่ากับเป็นการดับไฟลงได้ แต่หากผู้ใดไม่สามารถทำได้ ตัวเขาเองก็จะถูกเผาผลาญ

• โมหะเป็นพันธุ์หนึ่งของความบ้า ส่วนการสำนึกผิดเป็นสิ่งที่ติดตามมันมา หรือหากมันมิเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าความบ้าได้เกาะกุมมันไว้อย่างมั่นคงแล้ว

๕๑

• จงเป็นเจ้านายเหนือความโกรธเคืองและความรุนแรงในความมีโมหะของท่าน จนกระทั่งโมหะของท่านได้ละไปจากท่าน และสติปัญญาได้กลับคืนมา

• บุคคลที่มีคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ คือผู้ที่สามารถทำให้โมหะของเขาอ่อนละมุนลง และไม่ถือเอาความได้เปรียบด้วยกับกำลังอำนาจของเขา

ความสุภาพอ่อนโยน

• มารยาทที่สุภาพ นับเป็นมรดกตกทอดที่บิดาสืบต่อถึงบุตร

• ไม่มีเครื่องประดับอันใดที่จะเสมอเหมือนกับความสุภาพอ่อนโยน

• ทุกๆ สิ่งนั้นจะต้องว่ากันไปตามเหตุผล และเหตุผลด้วยตัวของมันเองนั้นก็จะต้องสุภาพ

• ไม่มีความสูงศักดิ์ในชาติกำเนิดใดๆ ที่จะทำให้ผู้หนึ่งสูงเด่นขึ้นมาได้ หากความไม่สุภาพที่มีอยู่ในตัวของเขา ทำให้เขาต้องตกต่ำลง

• จงให้ความเคารพเหมือนๆ กัน ไม่ว่าเขาจะเป็นครูของท่าน หรือผู้ที่ท่านได้สั่งสอนพวกเขา

• จงมีความสุภาพกับศัตรูของท่าน และจงมีความจริงใจกับเพื่อนของท่าน ท่านก็จะเชิดชูความเป็นพี่น้องและธำรงไว้ซึ่งความมีน้ำใจได้เช่นกัน

• จงมีความประพฤติในลักษณะที่เป็นคนอลุ่มอล่วย เพื่อว่าเมื่อท่านตายไป ผู้คนจะได้แสดงความเสียใจให้กับท่าน และสะอื้นหาเมื่อท่านไม่อยู่

• จงมีความสุภาพนิ่มนวลกับผู้คน เพื่อจะได้ดึงเอาผลประโยชน์จากจิตใจที่ดีงามของพวกเขา และจงแสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เพื่อฆ่าความรู้สึกเป็นศัตรูของพวกเขา

๕๒

• ความสุภาพอ่อนโยนย่อมชนะใจผู้คน และทำให้พวกเขามาอยู่ฝ่ายตน

การควบคุมตนเอง

• คนที่แข็งแรงที่สุด คือคนที่สามารถต่อสู้กับตัวของเขาได้

• คนที่แข็งแรงที่สุด คือคนที่สามารถทำให้เหตุผลของเขาพิชิตราคะจริตของเขาได้

• การปล่อยให้เหตุผลถูกครอบงำด้วยตัณหาราคะของท่าน ก็เท่ากับท่านได้สวมใส่ความน่ารังเกียจให้กับตัวของท่านเอง

• ผู้ใดยอมจำนวนต่อตัณหาราคะของเขา ก็เท่ากับเป็นการทุบทำลายเหตุผลของเขา

• จงระมัดระวังราคะหนึ่ง ที่มันมีพลังแก่กล้าในเรื่องของสตรีเพศ และจงอย่าหิวกระหายในความรื่นรมย์ ในกรณีแรกนั้นท่านจะต้องถูกทดสอบด้วยกับเคราะห์กรรม และในประการที่สอง ท่านจะต้องถูกชิงชังและได้รับความต่ำต้อย

• ความหวานชื่นของความรื่นรมย์หรรษา ย่อมไม่คุ้มค่ากับความทุกข์ยากที่ขมขื่น

• ผู้ใดก็ตามที่ถวิลหาเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งสูงๆ ก็จงบำราบราคะของเขาเอาไว้

ความอิจฉาริษยา

• ความอิจฉาริษยา คือคุกของวิญญาณ

• ความอิจฉาริษยา นำมาซึ่งความเศร้าหมอง

• ความอิจฉาริษยา ทำให้ร่างกายผุผัง

•ความอิจฉาริษยาเป็นโรคชนิดหนึ่ง หากไม่หยุดยั้งก็ไม่สามารถรักษาได้ จนกว่าความตายของผู้อิจฉา หรือผู้ที่ถูกเขาอิจฉาริษยาจะมาเยือน

•คนขี้อิจฉาริษยา ย่อมเป็นสหายที่แย่ที่สุด

•คนตระหนี่มักรู้สึกต่ำต้อยอยู่เสมอ และคนที่อิจฉาตาร้อนก็จะมีโรคภัยอยู่ตลอดไป

•มันช่างเป็นสิ่งที่ใจแคบอะไรเช่นนี้ ที่ไปอิจฉาริษยา แม้กระทั้งความสุขของเพื่อนของตนเอง

ความบาดหมาง

• ความบาดหมาง เป็นน้ำพุแห่งความเศร้าหมองอันเหลือคณา

• การทุ่มเถียงกัน เป็นน้ำพุแห่งความพินาศ

• กิจการที่มีระเบียบที่ดีที่สุด ย่อมถูกทำให้เสียหายไร้ระเบียบ เนื่องจากความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน

ความกตัญญูรู้คุณ

จงแสดงการขอบคุณต่อผู้ที่มีพระคุณของท่าน และจงหยิบยื่นผลประโยชน์ให้กับผู้ใดก็ตามที่เขามีบุญคุณต่อท่าน

จงมองดูด้วยความตั้งใจในปมด้อยของท่านอยู่เนื่องๆ เพราะมันเป็นหนทางหนึ่งของการแสดงออกถึงการขอบคุณต่อพระองค์ผู้ทรงสูงส่ง

๕๓

ความประพฤติที่สุขุมรอบคอบ

•ในทุกๆ สิ่งย่อมมีวิธีการที่ประเสริฐของมัน ความสุขุมคัมภีรภาพตื่นอยู่เสมอ ในขณะที่การเพิกเฉยหลับใหล

• จงเก็บออมเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อว่าพรุ่งนี้ท่านจะได้ใช้มัน

• การมีความห่วงใยต่อผลกระทบ ก็คือการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ

•ด้วยกับการคิดคำนึงถึงผลกระทบ มันจะทำให้ท่านรักษาตัวของท่านให้พ้นจากอันตรายได้

• จงระมัดระวัง เพราะมันจะขจัดปัดเป่าให้ท่านพ้นจากอันตราย

 จงอย่าสับสนในกิจการต่างๆ ของสุลต่าน ขณะที่ต้องเผชิญกับความยุ่งยาก นักเดินเรือผู้หนึ่งก็ไม่อาจปลอดภัยได้เสมอไปแม้ในทะเลที่สงบแล้ว เขาจะหลบหลีกให้พ้นไปจากความพินาศได้อย่างไรเมื่อลม

ปะทะเข้ามา และเมื่อลูกคลื่นกำลังโหมกระหน่ำ!

จงอย่าเลือกไปในทางใด หากมีความหวาดกลัวว่าท่านจะต้องสูญเสียตัวของท่านไป

• ผู้ใดที่เขาหลงออกไปจากทางเดิน ย่อมตกลงไปในหุบเหว

• ใครที่เร่งร้อน ย่อมพลัดตกลงไป

• การล้มคะมำ เป็นผลจากความรีบเร่ง

• ถึงแม้จะขึ้นนั่งอย่างมั่นคงที่สุดแล้ว ก็อาจร่วงตกลงมาได้

• ใครที่ขุดหลุมพรางไว้กับพี่น้องของเขา ย่อมตกลงไปในหลุมนั้นเอง

•หากผู้หนึ่งขึ้นคุมบังเหียนด้วยความอยุติธรรม มันก็จะนำเขาไปสู่การหลงทาง

๕๔

•ผู้ใดก็ตามที่ขึ้นคุมบังเหียนด้วยกับความดื้อรั้น ย่อมถามหาถึงความยุ่งยาก

• จงอย่าปิดประตูบานที่ท่านไม่สามารถจะเปิดมันออกไปได้อีก

• จงอย่าต่อสู้กับผู้ที่ท่านไม่สามารถปกป้องตัวของท่านเองได้

• จงอย่าพูดในสิ่งที่ท่านกลัวว่ามันจะไม่เหมาะสม

• จงอย่ายิ้มเยาะในความล้มเหลวของผู้อื่น เพราะท่านไม่อาจทราบได้ว่า ในชีวิตนั้นมีอะไรเก็บรอไว้ให้ท่านอยู่

• หากเกลียดชังผู้คนแล้วท่านจะเสียใจในภายหลัง

• หากท่านเห็นลักษณะนิสัยที่น่าตำหนิของบุคคลอื่น ก็จงป้องกันอย่าให้มันมาปรากฏอยู่ในตัวของท่านเอง

• จงอย่าได้รีบเร่งไปสู่ที่นั่งที่สูงเด่นที่สุดในงานเลี้ยง

• ผู้หนึ่งที่เข้าผิดประตู ย่อมก่อให้เกิดความน่าสงสัย

• การประหยัด เป็นครึ่งหนึ่งของอาหารของบุคคลหนึ่ง

• จงอย่าแสดงถึงขนาดที่ว่า ผู้ประพันธ์ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจและจำต้องปฏิเสธ

• มันเป็นคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ ที่ไม่ควรไปวางแผนอะไรไว้อย่างลับๆ เพราะเมื่อมันถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ท่านจะรู้สึกกระดากอาย

• จงระมัดระวังที่จะไม่กระทำกิจกรรมหนึ่ง ซึ่งเมื่อเป็นที่รู้จักแล้วจะทำให้ผู้กระทำต้องเสียความน่าเชื่อถือ และทำให้เขาตกต่ำ

• ผู้ใดที่วิ่งไล่เงาสะท้อนที่คิดว่าเป็นบ่อน้ำ ก็เท่ากับว่าเขากำลังดึงเอาความทุกข์ทรมานของเขาออกมา และยังเพิ่มความกระหายให้กับเขาอีก

๕๕

• จงอย่าคบค้ากับคนขี้ขลาดตาขาว เพราะเขาจะทำให้การกระทำของท่านอ่อนแอลง และจะทำให้ดูประหนึ่งว่ามันใหญ่โต ทั้งๆ ที่มันมิได้ใหญ่โตแต่อย่างใด

• การไล่ตามความสนุกรื่นเริงอย่างเร้าร้อน ย่อมทำให้ผู้หนึ่งหลงทางและนำความเสียหายมาให้

• จงอย่าให้หัวใจของท่านรับรู้ในความเศร้าหมองของอดีต เพราะหากเป็นเช่นนั้น ท่านก็จะไม่มีเวลาที่จะหมกมุ่นกับตัวเองในเรื่องของอนาคต

• นับเป็นเรื่องน่าสนเท่ห์ที่ว่า ชายผู้หนึ่งหากเขาพูดถึงเรื่องๆ หนึ่ง เมื่อมีการรายงานถึงคำพูดของเขา ก็จะทำให้เขาได้รับความปวดร้าว และหากมิได้มีการรายงานอันใด ก็ไม่เป็นการดีอะไรสำหรับเขาเลย

• จงเชื่อฟังผู้ที่มีอำนาจเหนือท่าน และผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านก็จะเชื่อฟังท่าน

• ผู้ใดก็ตามที่ทำให้ตัวของเขาเจ็บปวดโดยไม่จำเป็น ย่อมเป็นการทำร้ายตัวของเขาเอง

• จงหลีกห่างจากสังคมของผู้ที่มีการพูดถึงคนอื่น อันเป็นความชั่วของบุคคลผู้หนึ่ง เพราะสมาชิกทุกคนในหมู่พวกเขา ย่อมมีส่วนแบ่งในความชั่วนั้นๆ

• จงหลีกห่างจากสังคมของผู้ที่ชั่วร้าย พวกเขาเปรียบได้ดั่งไปที่เผาผลาญทุกคนที่เข้าไปใกล้

• จงหลีกห่างจากพวกเสเพล เพราะหากเห็นด้วยกับความประพฤติของผู้คนเหล่านั้น ก็คือการยอมตนไปเป็นคนหนึ่งของพวกเขา

• จงหลีกห่างจากการกระทำที่เสเพลอย่างเปิดเผย เพราะหากกระทำเช่นนั้น ก็เท่ากับการกระทำบาปหนึ่งที่รุนแรงที่สุด

๕๖

การสารภาพบาป

• เมื่อท่านกระทำบาปก็จงสารภาพบาป

• ผู้สารภาพบาป ย่อมแสวงหาทางกลับคืนสู่พระผู้เป็นเจ้าได้

• การสารภาพบาป ย่อมปลดเปลื้องผู้หนึ่งให้พ้นไปจากทุกๆ บาป

ปกิณกะ

• ความถูกต้องเป็นดาบที่ไม่เคยทื่อ

• การทำอะไรบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นนิสัยไป

• ผู้ใดก็ตามที่มีปฐมภูมิที่เลวทราม ย่อมมีสายตาที่เกลียดชัง

• จะไปนำผู้อื่นได้อย่างไร หากตนเองยังหลงทางอยู่

• จุดอ่อนของท่านยังคงถูกปิดบัง ตราบใดที่โชคยังเข้าข้างท่านอยู่

• ผิวหนังช่างอ่อนนุ่มเหลือเกิน จะทนทานต่อไฟนรกได้อย่างไร

• ความหวังเป็นเสมือนเงาสะท้อน มันหลอกลวงผู้ที่มองดูมัน และยังโกหกกับผู้ใดก็ตามที่เชื่อถือมัน

• การหลงใหลในภรรยา เป็นเหมือนกับลูกดอกของคนเซ่อซ่า

• อะไรที่เป็นชะตากรรม ย่อมจะไม่อาจปัดทิ้งไปได้ ดังนั้น การป้องกันของบุคคลหนึ่งจึงเป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์อันใด

• ผู้ใดก็ตามที่ถูกตัวแทนของเขาหักหลัง ย่อมจะได้เห็นโครงการต่างๆ ของเขาเสียหาย

๕๗

• ผู้ใดก็ตามที่ความทะเยอทะยานของเขาได้บรรลุสู่ขั้นสูงสุด ก็ควรที่จะตระเตรียมเพื่อเผชิญหน้ากับความเดียดฉันท์ในขั้นสูงสุด

• ผู้ที่ตกเป็นเครื่องมืออยู่ประจำ ย่อมถูกรังเกียจ

• การผูกพยาบาทต่อการกระทำทั้งมวลของผู้มีอำนาจ ย่อมเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด

• ความถ่อมตนย่อมสูงส่ง ความหยิ่งทะนงนำไปสู่ความตกต่ำ

• จงอย่ากินแหนงแคลงใจ

• การเก็บเอาความระแวงสงสัยต่อผู้มีพระคุณของบุคคลหนึ่งเอาไว้ ถือว่าเป็นบาปที่ดำมืดที่สุด และเป็นความอยุติธรรมที่น่ารังเกียจที่สุด

• หากปล่อยให้ตัวของท่านต้องยอมจำนนกับความเฉยเมย ก็เท่ากับเป็นการเก็บเอาความเสียใจเอาไว้

• ความเฉยเมยเพราะความเกียจคร้าน

• จงรังเกียจในความต่ำช้า ถึงแม้มันจะนำพาใจของท่านไปสู่ความอยากใคร่ของหัวใจก็ตาม

• มันช่างน่ารังเกียจสักปานใด สำหรับผู้ที่หันไปทั้งสองทาง

• ความตายของบุตรของบุคคลหนึ่ง ทำให้กระดูกสันหลังของบุคคลนั้นหักลง

• มิใช่ว่านักแม่นธนูทุกคนจะยิงเข้าเป้าก็หาไม่

• ในเรื่องคดีความนั้น มันย่อมเป็นไปไม่ได้ เมื่อข้อกล่าวหานั้นมันไม่ยุติธรรม

• อาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประการหนึ่ง ก็คือการทำลายงานหนึ่งๆ ทางด้านศิลปะ

๕๘

• ผู้ที่มีความรักในสิ่งๆ หนึ่ง ย่อมจะเร่งรีบเพื่อนำเอาความทรงจำของมันกลับคืนมา

• จงวางมือจากความผูกพยาบาทเสีย แล้วท่านจะมีจิตและหัวใจที่สงบ

• ความกล้าแค่เพียงครั้งเดียวต่อหน้ากษัตริย์ ย่อมเผยตัวของเขาไปสู่การถูกจองจำอย่างไม่ถูกต้อง

• หากบุคคลหนึ่งรักท่าน เขาก็จะวิจารณ์ถึงตัวท่าน

• บุคคลหนึ่งที่รู้สึกว่าเกียรติยศของเขาเริ่มลดลง ย่อมเห็นได้ว่ากำลังของศัตรูของเขาจะเพิ่มมากขึ้น

• บุคคลใดก็ตามที่ขอมากไปกว่าที่เขาควรจะได้ ย่อมพบกับความผิดหวัง (โลภมากลาภหาย)

• เป็นเพราะการทดสอบที่นำไปของสิ่งหนึ่ง ว่ามันควรจะมีคุณค่าหรือไร้คุณค่า

• จงปกป้องการเคารพในตัวตนของท่าน จากความต่ำช้าทั้งมวล แม้การกระทำเช่นนั้นจะเป็นการเปิดตัวท่านไปสู่อันตรายก็ตาม แต่ท่านจะไม่เคยพบเลยว่า จะมีสิ่งใดมาเทียบได้กับเกียรติยศที่ต้องได้มาด้วยกับการบาดเจ็บ

• จงปฏิบัติต่อผู้อื่น ดังที่ท่านกระทำกับตัวของท่านเอง

• จงวางตัวของท่านลงบนตราชั่ง ระหว่างตัวของท่านกับบุคคลอื่น จงมีความรักต่อพวกเขา ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ท่านมีความรักต่อตัวของท่านเอง และเกลียดชังในตัวเขา เช่นเดียวกับในสิ่งที่ท่านเกลียดชังในตัวท่าน จงทำความดีกับผู้ที่ท่านรัก เช่นที่ท่านทำให้กับตนเอง และจงอย่ากดขี่ ดังนั้นจงอย่ารักที่จะถูกกดขี่ จงเคารพในสิทธิ์ของผู้ใดก็ตามที่เคารพท่าน ไม่ว่าเขาจะมีตำแหน่ง อายุ และยศศักดิ์ขนาดไหนก็ตาม

๕๙

• จงทำดีกับสัตว์ทั้งหลาย ไม่สมควรทรมานมันหรือให้มันบรรทุกของหนักจนเกินกำลังของมันที่จะทนทานได้

• การไม่ทำความผิดต่างๆ ยังดีเสียกว่าการไม่ทำความดี

• การทรยศคดโกง เลวกว่าการกระทำความผิดในรูปอื่นๆ

• สัตว์เดรัจฉานไม่ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งใด ยกเว้นเรื่องของท้องที่หิวของพวกมันเท่านั้น และสัตว์ป่าที่ดุร้ายมิได้คิดถึงสิ่งใดนอกจากจะทำร้ายสัตว์อื่น

• ถามว่า จากตะวันออกไปถึงตะวันตก มันไกลกันสักขนาดไหน ท่านอิมามอะลี กล่าวตอบว่า การเดินทางของดวงอาทิตย์ในวันหนึ่ง

• ผู้ที่มีความสุข คือผู้ที่รำลึกถึงชีวิตหลังความตายอยู่เสมอๆ ผู้ที่รำลึกถึงวันแห่งการตัดสินพิพากษา

โดยผ่านการกระทำทั้งมวลของเขา ผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างพึงพอใจ และผู้ที่มีความสุขอยู่กับสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกำหนดให้กับเขา

• ตราบเท่าที่โชคยังเข้าข้างท่านอยู่ ความบกพร่องของท่านก็จะยังคงถูกปิดบังอยู่จากสายตาของชาวโลก

• โลกที่ได้นำเสนอความรื่นเริงที่ชั่วร้ายให้กับท่าน ก็เป็นเสมือนดังอสรพิษที่มันดูนิ่มนวลน่าสัมผัส

แต่มากด้วยพิษร้ายถึงตาย ผู้คนที่โง่เขลามักถูกมันลวงล่อและถูกมันดึงดูดเข้าไปหา แต่คนฉลาดจะหลีกเลี่ยงมัน และหันห่างจากผลลัพธ์อันเป็นพิษร้ายของมัน

• ผู้ที่ได้รับความจำเริญ คือผู้ที่สยบตนเองต่อพระพักต์ของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่แหล่งรายได้ของเขาบริสุทธิ์ ผู้ที่เจตนารมณ์ของเขามีเกียรติอยู่เสมอ ผู้ที่กริยาของเขาสูงส่งเสมอ ผู้ที่อุปนิสัยของเขามีความยั้งคิด

๖๐

61

62