ชีวประวัติอิมามมูซา อัลกาซิม

ชีวประวัติอิมามมูซา อัลกาซิม42%

ชีวประวัติอิมามมูซา อัลกาซิม ผู้เขียน:
ผู้แปล: อัยยูบ ยอมใหญ่
กลุ่ม: ห้องสมุดศาสดาและวงศ์วาน
หน้าต่างๆ: 133

ชีวประวัติอิมามมูซา อัลกาซิม
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 133 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 63333 / ดาวน์โหลด: 5544
ขนาด ขนาด ขนาด
ชีวประวัติอิมามมูซา อัลกาซิม

ชีวประวัติอิมามมูซา อัลกาซิม

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

 อัตชีวประวัติอิมามอะอฺศูมีน ๗

อิมามมูซา กาซิม(อ)

เขียน

ศาสตราจารย์เชคอฺะลีมุฮัมมัด อะลีดุคัยยิล

แปล

อาจารย์อัยยูบ ยอมใหญ่

บทนำ

แนวความเชื่อของเราเกี่ยวกับอิมามแห่งอะฮฺลุลบัยตฺ (อฺ) ก็คือ พวกท่านเป็นผู้ถูกเลือกสรรที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงเลือกพวกท่านเหล่านั้นให้เป็นเครื่องหมายชี้นำสำหรับปวงบ่าวของพระองค์

อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงเลือกเฟ้นพวกท่าน(อฺ)เหล่านั้นเพื่อนำทางสิ่งถูกสร้างทั้งมวลของพระองค์ เป็นทายาทของนบี(ศ)ของพระองค์ เป็นอิมามสำหรับบ่าวทั้งหลายของพระองค์ เป็นผู้ปกครองของสรรพสิ่งทั้งหลาย พวกท่านเหล่านั้นคือผู้ดูแลสาส์นของมุฮัมมัด(ศ) และเป็นหลักในการให้ทุกคน

ปฏิบัติตามนั้น กฎบัญญัติศาสนาถูกถ่ายทอดมาจากพวกท่าน(อฺ) สิ่งที่อนุมัติ(ฮะลาล) และสิ่งต้องห้าม(ฮะรอม) ทั้งหมดถูกรู้จักได้จากท่าน(อฺ)เหล่านั้น

พวกท่าน(อฺ)ทั้งหมดคือหลักฐานอันชัดแจ้งที่มียังอัลลอฮฺ(ซ.บ.) คือ

 ผู้นำทางสู่(การรู้จัก)พระองค์ คือผู้เรียกร้องเชิญชวนสู่ศาสนาของพระองค์

ณ พวกท่าน(อฺ)เหล่านั้นมีความรู้แห่งคัมภีร์และสัญลักษณ์ที่มีมาพร้อมกับคัมภีร์นั้น

ท่านร่อซูลุลลอฮฺ(ศ)สั่งให้ประชาชาติของท่าน(ศ)ปฏิบัติตามและเชื่อฟังพวกท่านเหล่านั้น(อฺ) แต่ทว่า….หลังการจากไปของท่านศาสดา (ศ) พวกเขากลับมาร่วมชุมนุมกันในเรื่องนี้อีก ขณะที่ท่านศาสดา (ศ) ถูกปล่อยเอาไว้ยังไม่จัดการฝังท่าน (ศ) พวกเขากลัวปัญหาความยุ่งยากทั้งมวล

 (กระนั้นหรือ?) แต่ก็จมปลักอยู่ในความยุ่งยากสับสนปั่นป่วน(ฟิตนะฮฺ)ในที่สุด

ประชาชาติมุสลิมกีดกันตำแหน่งผู้ปกครอง(คิลาฟะฮฺ)ให้ออกไปจากบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ (อฺ)

และเริ่มผลัดเปลี่ยนฐานภาพนั้นไปให้แก่บุคคลอื่น แล้วในที่สุดก็ตกไปถึงมือของมุอาวิยะฮฺ บิน อะบีซุฟยาน (ศัตรูตัวฉกาจของอิสลามและท่านศาสดา) เขาไม่หยุดยั้งเพียงเท่านั้น

 แต่ยังส่งผ่านฐานภาพอันทรงเกียรตินั้นไปให้แก่ทรราชเยี่ยงยะซีด คนโสมม แล้วก็ดำเนินเรื่อยมาในมือของวงศ์วานแห่งความต่ำต้อย

หลังจากพวกเขา วงศ์วานบะนีอับบาซก็ขึ้นมามีอำนาจ ประชาชาติได้ถูกปรับเปลี่ยนจากความอธรรมหนึ่งไปสู่อีกความอธรรมหนึ่ง จากความเลวร้ายหนึ่งไปสู่อีกความเลวร้ายหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้บรรดาอิมาม(อฺ)ได้คอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ภายในบ้านของตัวเอง ท่าน(อฺ)เหล่านั้นไม่มีอำนาจที่จะสั่งหรือห้ามปรามสิ่งใดๆ เลย

บรรดาผู้ปกครองแห่งวงศ์อุมัยยะฮฺและอับบาซียะฮฺ ใช่ว่าจะหยุดยั้งเพียงการเข้าสวมอำนาจการปกครองเท่านั้น พวกเขากลับตามจองล้างจองผลาญพวกท่านเหล่านั้น ถึงขนาดที่ติดตามสังหารจับกุมคุมขังและทำลายล้างพวกท่านเหล่านั้น(อฺ)

ท่านอิมาม(อฺ)ไม่ได้ใส่ใจต่อการบีบคั้น และการทารุณกรรมต่างๆ ซึ่งท่านได้รับมา ท่าน(อฺ)เหล่านั้นยังคงทำหน้าที่เผยแผ่สาส์นของพวกท่านในการทำให้พระดำรัสของอัลลอฮฺ(ซ.บ.) สูงส่งยิ่งขึ้น สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอิสลามและสะกัดกั้นแนวความคิดอันเลวทรามและเสื่อมเสีย

 ท่านเหล่านั้นได้บรรจุโลกนี้ให้เต็มไปด้วยวิชาความรู้ และการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งถือว่าเป็นการยกธงอิสลามให้สูงเด่นที่ดีที่สุด

มิได้พูดเกินเลยที่จะบอกว่า ท่าน(อฺ)เหล่านั้นมีคุณสมบัติเหล่านี้ เพราะตัวของพวกท่านเหล่านั้นถือว่าทรงสิทธิ์ยิ่งกว่าผู้ใด ยิ่งไปกว่านั้นพวกท่าน(อฺ)ยังรับหน้าที่ในการเผยแผ่สาส์นอิสลาม

ต่อจากท่านศาสดา(ศ)เป็นผู้ปกปักษ์รักษาจริยวัตร และกฎเกณฑ์ต่างๆ ของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)

หนังสือเล่มนี้เป็นเสมือนรัศมีอันจำรัสหนึ่งแห่งอัตชีวประวัติของท่าน

อิมามมูซา บินญะอฺฟัร อัล-กาซิม(อฺ) เป็นการนำเสนอแง่มุมบางอย่างของ

การอิบาดะฮฺ วิถีชีวิต และการมีคุณธรรมของท่าน(อฺ) อีกทั้งยังมีการกล่าวถึงถ้อยคำอันทรงคุณค่าและคำสั่งเสียอันทรงเกียรติของท่าน(อฺ)

เราได้นำเสนอหนังสือที่วางอยู่ตรงหน้าท่านนี้โดยปรารถนาที่จะให้มวลมุสลิมทั้งหลายได้รู้จักสิทธิอันชอบธรรมของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์(อฺ)

 อันเป็นสิ่งที่บรรพชนรุ่นก่อนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ต่ออำนาจแห่งการได้รับการจงรักภักดีของพวกท่าน(อฺ)เหล่านั้น ให้พวกเราได้รับรู้ถึงความรู้สึกโกรธแค้นของศัตรูของพวกท่าน(อฺ)เหล่านั้น อีกทั้งปรารถนาที่จะให้มวลมุสลิมทั้งหมดยึดเอาแนวทางคำสั่งสอนของพวกท่าน(อฺ) ปฏิบัติตามคำสั่งของพวกท่าน(อฺ) ละเว้นจากข้อห้ามทั้งปวงของพวกท่าน(อฺ)เพื่อปฏิบัติตามคำบัญชาที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.) และร่อซูลของพระองค์(ศ)ได้สั่งไว้ในเรื่องของอะฮฺลุลบัยตฺ(อฺ) อันหมายถึงความไพบูลย์ทั้งโลกนี้และปรโลก

ดังพระดำรัสของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ที่ว่า :

“พวกเขาเหล่านั้นรับฟังถ้อยคำนั้น แล้วปฏิบัติตามอย่างดีที่สุด พวกเหล่านั้นเองที่อัลลอฮฺทรงชี้นำพวกเขา และพวกเขาคือกลุ่มชนผู้รู้แจ้ง”

(อัซ-ซุมัร: ๑๘)

ชีวประวัติของอิมามมูซา บิน ญะอฺฟัร(อฺ)

นามจริง

อิมามมูซา บิน ญะอฺฟัร อัล-กาซิม(อฺ)

ปู่

อิมามมุฮัมมัด บาเก็ร(อฺ)

บิดา

อิมามญะอฺฟัร ศอดิก(อฺ)

มารดา

ท่านหญิงฮะมีดะฮฺ บินติ ศออิด อัล-มัฆริบี

สถานที่เกิด

ณ ตำบลอับวาอ์(ระหว่างมักกะฮฺกับมะดีนะฮฺ) เมื่อวันอาทิตย์ที่

๗ เดือนศ่อฟัร ฮ.ศ. ๑๒๘ ในตอนที่ท่านอิมามมูซา กาซิม(อฺ) ถือกำเนิดมา ท่านอิมามศอดิก(อฺ)ได้จัดเลี้ยงอาหารแก่ประชาชนทั่วไปเป็นเวลา ๓ วัน

บุคลิกลักษณะ

ท่าน(อฺ)เป็นคนผิวขาว เรือนร่างสมส่วน เคราดกงาม

สมญานาม

อะบูอิบรอฮีม

อะบุลฮะซัน

อะบูอฺะลี

อะบูอิสมาอีล

ฉายานาม

อับดุศศอลิฮฺ

อัล-กาซิม

อัศ-ศอบิร

อัล-อะมีน บาบุลฮะวาอิจญ์

ลายสลักบนแหวน

อัล-มุลกุ ลิลลาฮิ วะฮฺตะฮฺ

ความหมาย : มวลอาณาจักรเป็นของอัลลอฮฺองค์เดียว

บุตรชาย

อฺะลี ริฎอ อิบรอฮีม อัล-อับบาซ

อัล-กอซิม อิซมาอีล ฮารูน

ฮะซัน อะฮฺมัด มุฮัมมัด

ฮัมซะฮฺ อัลดุลลอฮฺ อิซฮาก

อะบัยดุลลอฮฺ เซด อัล-ฮะซัน

อัล-ฟัฎลฺ ซุลัยมาน

บุตรสาว

ฟาฏิมะฮฺ อัล-กุบรอ ฟาฏิมะฮฺ อัศ-ศุฆรอ

กุลษุม อุมมุญะอฺฟัร

ลับบาละฮฺ ซัยนับ

รุก็อยยะฮฺ ฮะกีมะฮฺ

อุมมุอะบีฮา รุก็อยยะฮฺ ศุฆรอ

ค่อดีญะฮฺ อามินะฮฺ

ฮะซะนะฮฺ บะรีฮะฮฺ

อาอิซะฮฺ อุมมุซะละมะฮฺ

มัยมูนะฮฺ อุมมุกุลษูม

(ดังกล่าวนี้มาจากริวายะฮฺของเชคอัล-มุฟีด และมีบางท่านระบุว่าบุตรของท่าน (อฺ) มีมากกว่านี้)

กวีเอกในสมัยของท่าน(อฺ)

ซัยยิด อัล-ฮะมีรี

คนสนิท

มุฮัมมัด บินมุฟัฎฎ็อล

กษัตริย์ที่ปกครองในสมัยของท่านอิมามกาซิม(อฺ)

มันศูรฺ

มุฮัมมัด มะฮฺดี

มูซา อัล-ฮาดี

ฮารูน อัร-ร่อชีด

ช่วงชีวิตของท่านอิมามมูซา(อฺ)

ส่วนใหญ่ท่าน(อฺ)ใช้ชีวิตอยู่ในคุก ซึ่งมะฮฺดีแห่งวงศ์อับบาซียะฮฺสั่งกักขัง ต่อมาก็ได้ปล่อยตัวท่าน(อฺ)ออกมา และฮารูน ร่อชีด ก็ได้ขังท่าน(อฺ) อีกที่เมืองบัศเราะฮฺ จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่กรุงแบกแดด อยู่ภายใต้การควบคุมของซินดี บินชาฮิก เป็นเวลา ๔ ปี บางรายงานบอกว่ามากกว่านั้น

วายชนม์

ท่านอิมามมูซา กาซิม(อฺ)ถึงแก่วะฟาต เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๕ เดือนร่อญับ

 ฮ.ศ. ๑๘๓ เพราะถูกวางยาพิษ โดยคำสั่งของฮารูน ร่อชีด

ช่วงเวลาแห่งการเป็นอิมาม

ท่านอิมามมูซา กาซิม(อฺ) ดำรงตำแหน่งอิมามนานถึง ๓๕ ปี

สุสานของท่าน(อฺ)

อยู่ในเมือง ‘กุรคฺ’ อันเป็นที่รวมสุสานของชาวกุเรช ปัจจุบันนี้สุสานของท่าน (อฺ) ถูกให้เกียรติ โดยได้รับการประดับประดาตกแต่งอย่างสวยงามเป็นที่เยี่ยมเยียนของมวลมุสลิมจำนวนมากมาย ที่เดินทางมาจากภาคตะวันออกและตะวันตกของโลก

บทบัญญัติการเป็นค่อลีฟะฮฺของท่านอิมามที่ ๗

เป็นเรื่องที่น่าแปลกอย่างยิ่งสำหรับกรณีที่ฝ่ายอื่นอ้างว่า ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ได้เสียชีวิตไป โดยมิได้สั่งเสียให้ใครดำรงตำแหน่งผู้นำภายหลังจากท่าน(ศ) กล่าวคือ ท่าน(ศ)ได้ละทิ้งประชาชาติที่อยู่ข้างหลังให้บริหารกิจการงานของประชาชาติกันเอง ควบคุมกันเอง และให้อธิบายแบบอย่างกฎเกณฑ์ต่างๆ กันเอง

ขณะเดียวกัน ประชาชาติอิสลามต่างมีความเข้าใจตรงกันว่า

 ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)นั้นเคยแต่งตั้งผู้ปกครองไว้ในเมืองมะดีนะฮฺ เมื่อตอนที่ท่าน(ศ)ต้องการเดินทาง และจะไม่ส่งทหารออกศึกจนกว่าจะได้แต่งตั้งแม่ทัพให้เป็นที่แน่นอนเสียก่อน และในบางครั้งท่าน(ศ) ได้แต่งตั้งแม่ทัพไว้

สำหรับกองทัพหนึ่งมากกว่า ๑ คน

สิ่งที่น่าเสียใจประการหนึ่งก็คือ เมื่อเราต้องการจะปลีกให้พ้นจากบุคคลคนหนึ่งหรือคณะหนึ่ง เรายังต้องสร้างความรู้สึกที่ดีต่อผลงานของพวกเขา และเราต้องขอขมาต่อพวกเขาด้วยการขอขมาที่ดีงาม แน่นอนเรามอบเป็นหน้าที่ของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)และศาสนทูต(ศ) สำหรับกรณีความเจ็บปวดต่าง ๆ ที่นักปกครองผู้ถืออำนาจได้กระทำไว้ให้ทุกประการเหล่านี้เป็นเพราะวิธีการ

ตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ว่าถูกต้องโดยบรรดานักปราชญ์ในอดีตนั่นเอง

อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงมีโองการว่า :

“ผู้นำทางไปสู่สัจธรรม ทรงสิทธิในการถูกปฏิบัติตามมากกว่า ผู้ที่มิได้นำทางอะไรเลย อีกทั้งยังถูกนำทางด้วย มิใช่หรือ ? แล้วพวกเจ้าจะตัดสินความกันอย่างไร ?”

(ยูนุซ: ๓๕)

ถ้าหากคนทั้งหลายจะกล่าวถึงตำแหน่งอิมามของท่านอะมีรุลมุอ์มินีน(อฺ) ย่อมรับรู้ได้เต็มที่จากข้อบัญญัติในเหตุการณ์ที่ “ฆ่อดีรคุม” เพียงแห่งเดียว โดยไม่ต้องพิสูจน์ต่อข้อบัญญัติอื่นๆ อีกที่ยังมีมากมาย กล่าวคือ ได้พิสูจน์ถึงการให้สัตยาบันในวันสำคัญที่ “ฆ่อดีรคุม”โดยชาวมุสลิมกลุ่มหนึ่งและได้ประจักษ์อย่างถ่องแท้ต่อพิธีกรรมที่ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ (ศ) ได้กระทำขึ้นในวันนั้น

และข้อความหนึ่งของอัล-กุรอานที่ถูกประทานมาในเรื่องนั้น

แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกตรงที่ว่า ประชาชาติมุสลิมได้พากันลืมเลือนเหตุการณ์ในวันนั้นหลังจากที่ท่านศาสนทูต(ศ)วะฟาตไปแล้ว

๑๐

เรื่องราวในเหตุการณ์นี้ยืดยาวและขมขื่น บรรดามุสลิมจะมิได้รับสิ่งใด นอกจาก ณ ตรงจุดนี้ และพวกเขาจะไม่แตกแยกกัน นอกจากเพราะขัดแย้งกันในเรื่องนี้

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ท่านอิมามอะมีรุลมุอ์มินีน(อฺ)ได้รับบทบัญญัติจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ) ดำรงตำแหน่งค่อลีฟะฮฺ และทำนองเดียวกับบุตรหลานของท่าน(อฺ)ด้วย แน่นอน

ตำแหน่งอิมามมีขึ้นโดยข้อบัญญัติที่แต่ละท่านมีให้ไว้ต่อกัน โดยที่ท่าน(อฺ)ผู้ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนได้แต่งตั้งคนที่จะดำรงตำแหน่งถัดมา บิดาจะแต่งตั้งบุตร เพื่อเป็นการดำรงไว้ซึ่งข้อพิสูจน์ และหลักฐานสำหรับประชาชาติ ในบทนี้เราจะกล่าวถึงข้อบัญญัติที่มีการระบุถึงการแต่งตั้งท่านอิมามมูซา กาซิม(อฺ) โดยท่านอิมามศอดิก(อฺ) ผู้เป็นบิดา

ข้อบัญญัติที่ ๑.

ท่านมุฮัมมัด บินวะลีด(ร.ฎ.)ได้กล่าวว่า :

ข้าพเจ้าได้ยินท่านอฺะลี บินญะอฺฟัร บินมุฮัมมัดกล่าวว่า : ฉันได้ยินบิดาของฉัน กล่าวเป็นการส่วนตัวต่อบุคคลกลุ่มหนึ่งว่า

“ฉันจะขอสั่งเสียเรื่องทายาทไว้กับมูซา บุตรชายของฉัน เพราะเขาคือบุตรที่ประเสริฐที่สุดของฉัน และเป็นผู้ดำรงตำแหน่งสืบต่อภายหลังจากฉัน เขาคือผู้จะมาดำรงตำแหน่งของฉัน และจะเป็นข้อพิสูจน์หนึ่งของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ต่อบรรดามวลมนุษย์ทั้งหลาย ภายหลังจากฉัน”(๑)

๑๑

ข้อบัญญัติที่ ๒.

ท่านอีซา บินอับดุลลอฮฺ(ร.ฎ.)ได้ถามท่านอิมามศอดิก(อฺ)ว่า :

“ถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นแก่ท่าน แล้วใครจะเป็นอิมามต่อไป ?”

ปรากฏว่า ท่านอิมามศอดิก(อฺ)ได้ชี้มือไปที่ท่านมูซา(อฺ) แล้วเขาก็ถามท่านอิมามศอดิก(อฺ)ต่อไปอีกว่า

“แล้วถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับท่านมูซาอีกเล่า ใครจะเป็นอิมามต่อไป ?”

ท่าน(อฺ) กล่าวว่า

“บุตรชายของเขา”(๒)

ข้อบัญญัติที่ ๓.

ท่านฟัยฎฺ บินมุคตารฺ(ร.ฎ.)กล่าวว่า :

ข้าพเจ้าเคยพูดกับท่านอิมามศอดิก(อฺ)ว่า

“โปรดช่วยฉุดมือของข้าพเจ้าให้พ้นจากนรกด้วยเถิด ใครจะเป็นอิมามของเราภายหลังจากท่าน ?”

อ้างอิง

(๑) อัล-อิรชาด หน้า ๓๑๐.

(๒) อิษบาตุลฮุดา เล่ม ๕ หน้า ๔๖๘.

๑๒

ครั้นแล้วท่านอะบูอิบรอฮีม(อิมามมูซา)(อฺ) ได้เข้ามาหาท่าน(อฺ) ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเด็กอยู่

ท่าน(อฺ)จึงกล่าวว่า

“นี่แหละคืออิมามของพวกท่าน ดังนั้นจงยึดมั่นต่อเขาเถิด”(๓)

ข้อบัญญัติที่ ๔.

ท่านอิมามศอดิก(อฺ)กล่าวว่า

“มูซาบุตรของฉัน คืออิมามภายหลังจากฉัน”(๔)

ข้อบัญญัติที่ ๕.

ท่านซุลัยมาน บินคอลิด(ร.ฎ.)กล่าวว่า

วันหนึ่งท่านอิมามศอดิก(อฺ)ได้เรียกท่านอิมามมูซา(อฺ)มาในขณะที่พวกเราอยู่กับท่าน(อฺ)

ท่าน(อฺ)กล่าวกับพวกเราว่า

“พวกท่านต้องยึดถือคน ๆ นี้ ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ เขาคืออิมามของพวกท่านภายหลังจากฉัน”(๕)

อ้างอิง

(๓) อิษบาตุลฮุดา เล่ม ๕ หน้า ๔๖๘.

(๔) อิษบาตุลฮุดา เล่ม ๕ หน้า ๔๙๓.

(๕) อะอฺยานุช-ชีอะฮฺ ๔ ก๊อฟ เล่ม ๓ หน้า ๑๔

๑๓

อิบาดะฮฺ :รูปจำลองแห่งการภักดีของอิมามกาซิม(อฺ)

เมื่อกล่าวถึงบรรดาอิมาม(อฺ)แห่งอะฮฺลุลบัยตฺ ก็ทำให้นึกไปถึงวิชาการอันมากมายมหาศาล

การทำอิบาดะฮฺอย่างต่อเนื่อง การวิงวอนขอดุอาอ์ การบริจาคอันมากมาย จริยธรรมอันสูงส่ง ความบริสุทธิ์ผุดผ่อง การอภัยต่อคนที่ทำบาป

และทำความผิดพลาด เพราะท่านเหล่านี้คือผู้มีเกียรติ มีบารมีที่ดีงามเป็นอาภรณ์ประดับเรือนร่าง

ในบทนี้จะกล่าวถึงเรื่องการทำอิบาดะฮฺของท่านอิมามมูซากาซิม(อฺ) บุตรของอิมามญะอฺฟัร(อฺ)ซึ่งมีฉายานามเป็นที่ประจักษ์ด้วยการทำอิบาดะฮฺ กล่าวคือเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่า

‘ซัยนุลมุจญ์ตะฮิดีน’(เครื่องประดับของบรรดาผู้พากเพียร)

‘อัล-อับดุศศอลิฮฺ’(บ่าวผู้มีคุณธรรมสูง)

‘อัน-นัฟซุซซะกียะฮฺ’(ผู้มีดวงจิตอันใสสะอาด)

‘อัศ-ศอบิร’(ผู้อดทน)

และยังมีฉายานามอื่น ๆ อีกมากมายอันแสดงถึงลักษณะอันบริสุทธิ์ของท่าน(อฺ)

นักประวัติศาสตร์มิได้กล่าวถึงผู้ถูกจำคุกคนใดนอกจากท่านอิมามมูซา(อฺ)ที่ว่า ท่าน(อฺ)ได้ขอบพระคุณต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ในการที่ประสงค์ให้โอกาสแก่ท่าน(อฺ)ทำอิบาดะฮฺตลอดเวลาที่อยู่ในกำแพงคุก โดยท่าน(อฺ)ถือว่า สิ่งนี้คือความโปรดปรานอย่างหนึ่ง และควรแก่การได้ขอบพระคุณ

๑๔

ท่านอิบนุศิบาฆ อัล-มาลิกีได้กล่าวว่า :

“ท่านอีซา บิน ญะอฺฟัรได้ยินคำวิงวอนของอิมามมูซาในคุกมีใจความว่า

“โอ้อัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์ทรงรู้ว่าข้าพระองค์ได้ขอจากพระองค์ให้ข้าฯมีเวลาว่างเพื่อทำการอิบาดะฮฺต่อพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงประทานให้แล้ว ขอการสรรเสริญพึงมีแด่พระองค์”(๑)

ในบทนี้จะกล่าวถึงเรื่องราวบางประการเกี่ยวกับการทำอิบาดะฮฺของท่านอิมามมูซา บิน ญะอฺฟัร(อฺ)

-๑-

ครั้งหนึ่งท่านอิมามมูซา(อฺ)ได้เข้าไปในมัสญิดของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)ที่เมืองมะดีนะฮฺ ท่าน(อฺ)ได้ทำการซุญูดในตอนหัวค่ำ มีคนได้ยินคำกล่าวของท่าน(อฺ)ในตอนซุญูดว่า

“ความผิดอันยิ่งใหญ่อยู่ในตัวของข้าฯ ดังนั้นโปรดมอบการอภัยที่ดีงามจากพระองค์ให้ด้วยเถิด

โอ้... ผู้ทรงเป็นเจ้าของอัต-ตักวา

โอ้... ผู้ทรงเป็นเจ้าของการอภัย”

ท่านอิมาม(อฺ)กล่าวอย่างนั้นจนถึงยามรุ่งอรุณ(๒)

อ้างอิง

(๑) อัล-ฟุศูลุล-มุฮิมมะฮฺ หน้า ๒๒๒.

(๒) ตารีคบัฆดาด เล่ม ๑๓ หน้า ๒๗.

๑๕

-๒-

ท่านอะบูฮะนีฟะฮฺ(ร.ฮ.)ได้เข้าพบท่านอิมามญะอฺฟัร ศอดิก(อฺ) แล้วกล่าวว่า

 “ข้าพเจ้าเห็นมูซา บุตรของท่าน นมาซในขณะที่ประชาชนเดินผ่านไปมาข้างหน้า”

ท่านอิมามศอดิก(อฺ)จึงเรียกท่านอิมามมูซา(อฺ)เข้ามาหา แล้วกล่าวถึงเรื่องนี้

ท่านอิมามมูซา(อฺ)ได้ตอบว่า

“ใช่แล้ว ท่านพ่อ แท้จริงผู้ที่ฉันนมาซให้นั้น พระองค์ทรงอยู่ใกล้ชิดต่อฉันยิ่งกว่าเขาเหล่านั้น

อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงมีโองการว่า :

“และเราอยู่ใกล้ชิดเขายิ่งกว่าเส้นเลือดที่คอหอยของเขาเสียอีก”

(ก็อฟ: ๑๖)

ท่านอิมามศอดิก(อฺ)ดึงตัวมูซา(อฺ)บุตรของท่าน(อฺ)มากอด แล้วกล่าว พรรณนาสรรเสริญต่อพระผู้เป็นเจ้าในความปราดเปรื่องของท่าน(อฺ)

-๓-

ท่านอิมามมูซา(อฺ)เคยทำนมาซนะวาฟิลตลอดทั้งคืน แล้วติดตามด้วยนมาซศุบฮฺ หลังจากนั้นก็นั่งอ่านคำวิงวอนต่าง ๆ จนดวงอาทิตย์ขึ้น แล้วทรุดตัวลงซุญูดต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ขอดุอาอ์สรรเสริญพระองค์โดยไม่ยกศีรษะขึ้นเลยจนดวงอาทิตย์เกือบบ่ายคล้อยและดุอาอ์ที่ท่าน(อฺ)ขอมากที่สุดคือ

“โอ้อัลลอฮฺ แท้จริงข้าพระองค์ขอความสะดวกสบายในยามตาย และขอการอภัยในยามตัดสิน”

๑๖

ท่าน(อฺ)กล่าวซ้ำ ๆ อยู่อย่างนี้(๓)

-๔-

ท่านฮิชาม บินอะฮฺมัร(ร.ฎ.)ได้กล่าวว่า :

ข้าพเจ้าเคยเดินทางพร้อมกับท่านอะบุลฮะซัน(อฺ)ในเส้นทางแห่งหนึ่งที่ไปยังมะดีนะฮฺ เมื่อท่าน(อฺ)ย่างเท้าลงบนพื้น ท่าน(อฺ)จะก้มซุญูดเป็นเวลานาน ต่อจากนั้นท่าน(อฺ)ได้ขึ้นพาหนะแล้วเดินทางต่อไป

ข้าพเจ้าถามท่าน(อฺ)ว่า

“ทำไมจึงได้ซุญูดนานเหลือเกิน ?”

ท่าน(อฺ)ตอบว่า

“แท้จริง ฉันนั้นรำลึกถึงความโปรดปรานที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงประทานให้ ดังนั้นฉันจึงทำการขอบคุณพระองค์”(๔)

-๕-

ท่านอิมามมูซา(อฺ)เคยร้องไห้ด้วยความเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.)จนแก้มของท่านเปียกชุ่มด้วยน้ำตา(๕)

-๖-

ท่านอฺะลี บินญะอฺฟัร(ร.ฎ.) ได้กล่าวว่า

“เราได้ออกเดินทางร่วมกับท่านมูซา บินญะอฺฟัร พี่ชายของฉันไปยังเมืองมักกะฮฺพร้อมกับสมาชิกครอบครัว หลายครั้ง บางครั้ง ๒๖ วัน บางครั้ง ๒๕ วัน” (๖)

(๓) กัชฟุล-ฆุมมะฮฺ หน้า ๒๔๗.

(๔) บิฮารุล-อันวารฺ เล่ม ๑๑ หน้า ๒๖๖.

(๕) กัชฟุล-ฆุมมะฮฺ หน้า ๒๔๗.

๑๗

-๗-

ท่านอิมามมูซา(อฺ)เป็นคนที่อ่านอัล-กุรอานได้ไพเราะมาก

เมื่อเวลาท่าน(อฺ)อ่าน ผู้ฟังจะเศร้าใจและร้องไห้ และตัวท่าน(อฺ)เองก็ร้องไห้จนเคราของท่าน(อฺ)เปียกชุ่มด้วยน้ำตา(๗)

-๘-

ท่านอิบรอฮีม บินอะบิลบิลาด(ร.ฎ.) ได้กล่าวว่า:

ท่านอะบุลฮะซัน(อิมามมูซา)(อฺ)กล่าวกับข้าพเจ้าว่า

“แท้จริง ฉันขอการอภัยโทษต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ทุกวัน ๆ ละ ๕,๐๐๐ ครั้ง” (๘)

-๙-

เมื่อท่านอิมามมูซา(อฺ)มีอายุได้ ๑๐ ปี ท่าน (อฺ) ได้ซุญูดตั้งแต่เวลาดวงอาทิตย์แรกแย้มจนถึงตอนบ่ายคล้อยทุกวัน (๙)

(๖) บิฮารุล-อันวารฺ เล่ม ๑๑ หน้า ๒๖๒.

(๗) อัล-มะนากิบ เล่ม ๒ หน้า ๓๗๙.

(๘) เล่มเดิม หน้า ๒๖๗.

(๙) อัล-มะนากิบ เล่ม ๒ หน้า ๓๗๙.

-๑๐-

กษัตริย์รอชีดได้ตรวจดูสถานที่คุมขังท่านอิมามมูซา(อฺ)อยู่เป็นประจำ ซึ่งที่นั่นเขาได้เห็นท่านอิมาม(อฺ)ซุญูด เขาได้กล่าวกับคนใกล้ชิดว่า

“ทำไมหรือ ฉันจึงเห็นผ้าผืนนั้นอยู่ที่ตรงนั้นทุกวัน ?

๑๘

คนใกล้ชิดตอบเขาว่า

“นั่นมิใช่ผ้าดอก หากแต่นั่นคือ มูซาบุตรของญะอฺฟัร ทุกวันเขาจะซุญูดตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนบ่ายคล้อย”

ฮารูนกล่าวว่า

“แน่นอน นี่คือผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งของบะนีฮาชิม”(๑๐)

-๑๑-

ท่านอะฮฺมัด บินอับดุลลอฮฺ อัล-ฟัรอี(ร.ฎ.) จากบิดาของเขาได้กล่าวว่า : ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าได้เข้าไปพบท่านฟัฎลฺ บินรอบีอฺ ซึ่งเขากำลังนั่งอยู่กลางลานกว้าง เขาพูดกับข้าพเจ้าว่า

“จงดูไปที่บ้านหลังนั้นซิ ท่านเห็นอะไรบ้าง ?”

เมื่อข้าพเจ้าขยับเข้าไปดู เขาก็ถามว่า

“ท่านเห็นอะไรบ้าง ?”

ข้าพเจ้าตอบว่า

“ผ้าผืนหนึ่งถูกทิ้งอยู่”

เขากล่าวว่า

“ดูให้ดี ๆ ซิ”

(๑๐) อะอฺยานุช-ชีอะฮฺ ๔ ก็อฟ เล่ม ๓ หน้า ๔๒.

๑๙

ข้าพเจ้าจึงพยายามดูอย่างพินิจพิเคราะห์ จึงกล่าวว่า

“ชายคนหนึ่งกำลังซุญูดอยู่”

เขากล่าวกับข้าพเจ้าอีกว่า

“ท่านรู้จักเขาไหม ?”

ข้าพเจ้าตอบว่า

“ไม่”

เขากล่าวว่า

“นี่แหละคือนายของท่าน”

ข้าพเจ้าถามว่า

“ใครกัน เป็นนายของฉัน”

เขากล่าวว่า

“ท่านจะแกล้งทำเป็นโง่กับฉันหรือ ?”

ข้าพเจ้าตอบว่า

“เรื่องอะไรข้าพเจ้าจะแกล้งทำเป็นโง่ แต่ข้าพเจ้าไม่รู้จริง ๆ ว่า นายของข้าพเจ้าคือใคร ?”

๒๐

21

22

23

24

25

26

27

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

41

42

43

44

45

46

47

48

49

50

51

52

53

54

55

56

57

58

59

60

61

62

63

64

65

66

67

68

69

70

71

72

73

74

75

76

77

78

79

80

81

82

83

84

85

86

87

88

89

90

91

92

93

94

95

96

97

98

99

100

101

102

103

104

105

106

107

108

109

110

111

112

113

114

115

116

117

118

119

120

121

122

123

124

125

126

127

128

129

130

131

132

133