ชีวประวัติอิมามอะลี ซัยนุลอาบิดีน

ชีวประวัติอิมามอะลี ซัยนุลอาบิดีน18%

ชีวประวัติอิมามอะลี ซัยนุลอาบิดีน ผู้เขียน:
ผู้แปล: อัยยูบ ยอมใหญ่
กลุ่ม: ห้องสมุดประวัติศาสตร์

ชีวประวัติอิมามฮุเซน ชีวประวัติอิมามอะลี ซัยนุลอาบิดีน
  • เริ่มต้น
  • ก่อนหน้านี้
  • 157 /
  • ถัดไป
  • สุดท้าย
  •  
  • ดาวน์โหลด HTML
  • ดาวน์โหลด Word
  • ดาวน์โหลด PDF
  • ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม: 43212 / ดาวน์โหลด: 5316
ขนาด ขนาด ขนาด
ชีวประวัติอิมามอะลี ซัยนุลอาบิดีน

ชีวประวัติอิมามอะลี ซัยนุลอาบิดีน

ผู้เขียน:
ภาษาไทย

อัตชีวประวัติอิมามมะอฺศูมีน ๔

Brief Biography of Imam Masoomeen ๔

อะลี ซัยนุลอฺาบีดีน (อฺ)

IMAM ALI ZAINUL ABIDEEN (A)

เขียน

ศาสตราจารย์เชคอะลีมุฮัมมัด อะลีดุคัยยิล

Prof. Sheik ALI MUHAMMAD ALI DUKYIL

แปล

อาจารย์อัยยูบ ยอมใหญ่

Autaz Ayyub Yomyai

บทนำ

ตลอดช่วงระยะเวลาอันยาวนานแห่งอายุขัยของโลกยังไม่เคยได้ประจักษ์ถึงมนุษย์กลุ่มใดที่เพียบพร้อมไปด้วยเกียรติคุณ และความดีเด่นนานัปการอย่างครบครัน เหมือนกับบรรดาอิมามที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงอำนวยพรให้

ถึงกระนั้นก็ยังเป็นเรื่องแปลกที่ประชาชาตินี้ยังมิได้ให้การยอมรับในตำแหน่งการเป็นผู้นำของบรรดาอิมามเหล่านี้อย่างเป็นเอกฉันท์ ในขณะที่พวกเขาร่วมลงมติกันอย่างเป็นเอกฉันท์ในกรณีที่ว่ามีโองการหลายโองการและวจนะของท่านศาสดาหลายตอนที่ถูกประทานลงมาที่กล่าวถึงบรรดา

อิมามเหล่านั้นรวมทั้งข้อความที่พวกเขากล่าวถึงบรรดาอิมามไว้เอง

ในแง่ของวิชาการ พฤติกรรม การเคารพภักดี ความสมถะ ความสำรวม จริยธรรม เกียรติคุณ ความกล้าหาญ และแบบแผนการดำรงชีวิตที่เป็นเยี่ยงอย่าง กล่าวคือ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับบรรดานักปราชญ์ชีอะฮฺในบัญญัติและหลักฐานที่ชัดเจนที่ว่า

ตำแหน่งอิมามจะต้องมีในหมู่คนเหล่านี้ดังที่มีข้อบัญญัติจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)ว่า ท่านได้แต่งตั้งคนเหล่านี้ไว้โดยระบุชื่อของแต่ละคนๆ ไว้ ดังที่ท่านได้อ่านผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ถือได้ว่า ตำแหน่งค่อลีฟะฮฺจะต้องเป็นของพวกเขาอย่างชนิดที่แยกออกจากกันมิได้ และพฤติกรรมที่ดีที่สุดในประชาชาตินี้ และเหนือกว่าใครๆ ทั้งหมดในแง่ของจริยธรรมอันแสนประเสริฐ

การที่ประชาชาติอิสลามมองข้ามความสัมพันธ์ตำแหน่งการเป็นผู้นำของบรรดาอิมามแห่งอะฮฺลุลบัยตฺ(อฺ)นี้ถือว่า เป็นความอยุติธรรมและการละเมิดสิทธิประการหนึ่งต่อบุคคลเหล่านั้นที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.)และศาสนทูต(ศ)ได้กำหนดไว้ และในขณะเดียวกันก็เท่ากับว่า มวลมนุษย์เหล่านี้อยุติธรรมต่อตัวเองที่ขัดขืนต่อสัจธรรมและหลีกเลี่ยงเบี่ยงเบนออกขากวิถีทางอันเที่ยงตรง ทั้งๆ ที่รู้ซึ้งอยู่แก่ใจถึงความดีเด่นและฐานภาพอันสูงส่งของพวกเขาเหล่านั้นแล้วเป็นอย่างดี

“ พวกเขาคัดค้านต่อสิ่งนั้นในขณะที่จิตใจของพวกเขายอมรับในสิ่งนั้นอยู่ด้วยความอธรรมและหยิ่งยะโส ” (๑)

(๑) ซูเราะฮฺ อัน-นัมล์: ๑๔

นี่คือเรื่องที่น่าเสียใจยิ่งที่ตัดพันอย่างต่อเนื่องกันมา นับตั้งแต่ช่วงแรกของหน้าประวัติศาสตร์ แต่ความเป็นไปของสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนขึ้นอยู่กับอัลลอฮฺ(ซ.บ.)เสมอ

เรื่องราวที่นำมากล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ก็คือ “ ชีวประวัติอิมามที่ ๔”

ในบรรดาอิมามแห่งอะฮฺลุลบัยตฺ(อฺ) นั่นคือ อิมามอฺะลี บิน อัล-ฮุเซน บินอฺะลี บินอะบีฏอลิบ(อฺ)

ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นในการกล่าวถึงอิมามท่านนี้อย่างไรดีหรือว่าเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงการประสบทุกขภัยของท่านที่ไม่เคยมีบุรุษใดในโลกนี้ได้รับเท่า ? นั่นคือ โศกนาฏกรรมอันเกิดขึ้นที่กัรบะลาอฺ

นับตั้งแต่ต้นจนจบ ในฐานะที่ท่านอยู่ร่วมบิดา พี่ๆ น้องๆ และบรรดาลุง ป้า น้าอา และลูกพี่ลูกน้อง

ตลอดถึงบรรดาสหายผู้ติดตามท่านผู้เป็นบิดา(ขอให้ความปิติชื่นชมจากอัลลอฮฺ พึงมีแก่คนเหล่านั้นทั้งมวล) ขณะเดียวกันท่านอิมาม(อฺ)ท่านนี้ก็อยู่ร่วมในเหตุการณ์อันแสนระทึกใจกับบรรดาบุตรสาวของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)ที่วิ่งกันอย่างชุลมุน เข้าๆ ออกๆ จากกระโจมพร้อมกับมีเสียงร้องตะโกนจากทหารของฝ่ายศัตรูว่า

“ เผากระโจมของพวกอธรรมเสียเถิด ”

ความอดทนของท่านพลีมอบแด่อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ในขณะที่ท่านมองเห็นบุตรชายของมัรญานะฮฺถือมีดดาบเข้ามาเชือดคออิมามฮุเซน(อฺ)ผู้เป็นบิดาของท่านเอง และไปจบลงที่เหตุการณ์เมื่อตอนเดินทางเข้าสู่เมืองชาม(ซีเรีย) แล้วเข้าพบในมหาสมาคมของยะซีด บุตรของอุมาวิยะฮฺผู้ชั่วร้ายในตระกูลของอุมัยยะฮฺ

มาตรแม้น ท่านนบีอัยยูบ(อฺ)ได้แลเห็นเหตุการณ์เหล่านี้เพียงบางส่วนแน่นอนท่านจะต้องยอมรับว่า

“ ใช่แล้ว นี่คือการทดสอบที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ”

ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ(ซ.บ.) ไม่เพียงแต่ทุกขภัยที่ประสบกับท่านนบีอัยยูบ(อฺ)เท่านั้นที่ต้องถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เมื่อมาเทียบกับทุกขภัยที่ประสบกับท่าน หากแต่ทุกขภัยทั้งหลายแหล่ของชาวโลกนับแต่เริ่มมีการปฏิสนธิท่านนบีอาดัม(อฺ)ขึ้นมาในดาวเคราะห์ดวงนี้จนถึงวันฟื้นคืนชีพก็ย่อมเป็นเรื่องเล็กไปเสียทั้งสิ้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ท่น(อฺ)ประสบ

ในเมื่อเรื่องราวจากสภาพการณ์ประสบทุกขภัยของท่านอิมาม(อฺ)ท่านนี้

มีปรัชญาอันลึกซึ้งและให้แง่มุมต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางแล้วบทบาทการดำเนินชีวิตในด้านอื่นๆ ของท่านก็ย่อมเต็มไปด้วยอุทาหรณ์และบทเรียนอย่างมากมาย กล่าวคือท่านอิมาม(อฺ)ท่านนี้ เป็นบุคคลที่เปี่ยมล้นไป

ด้วยการเคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า ดังที่ท่านอิบนุ อะบิลฮะดีดได้เคยกล่าวไว้ทำไมจะไม่ใช่อย่างนั้นเล่า ในเมื่อประวัติศาสตร์อิสลามทั้งมวลต่างร่วมกันบันทึกว่า :

ท่านผู้นี้นมาซทั้งกลางวันและกลางคืน ๑,๐๐๐ ร่อกะอัต อวัยวะส่วนที่ใช้ในการก้มกราบ ( ซุญูด) ถึงกับกร้านเหมือนกับรอยกร้านของเข้าอูฐที่ต้องตัดมันออกถึงปีละสองครั้ง จนไม่มีใครรู้จักท่านด้วยนามอื่นนอกจากนี้คำว่า

“ ซัยนุลอฺาบิดีน ” ( อาภรณ์แห่งผู้เคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า)

“ อัซ-ซัจญาด ” ( ผู้ถึงแล้วซึ่งการกราบ)

“ ซุษ-ษะฟะนาติล-บะอีรฺ ” ( เจ้าแห่งรอยกร้านเยี่ยงเขาอูฐ) และ

“ ซัยยิดุลอฺาบิดีน ” ( นายแห่งผู้เคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า)

ขณะเดียวกันแบบแผนในการดำเนินชีวิตของท่านอิมาม(อฺ)ผู้นี้คือแบบฉบับอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้ นอกจากท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)หรือทายาทของท่านศาสดาเท่านั้น มิฉะนั้นแล้วยังจะมีใครอีกที่ยอมรับให้การอุปการะคนในครอบครัวของมัรวาน บินฮะกัน (คนที่เป็นศัตรูของบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺมากที่สุด)ด้วยการนำไปเลี้ยงดูที่ครอบครัวของท่านเองเมื่อเขาประสบความเดือดร้อน หรือยังมีใครอีกที่ให้การเลี้ยงดูชาวเมือง

มะดีนะฮฺนับร้อยหลังคาเรือน หรือยังมีใครอีกที่แบกแป้งข้าวสาลีเพื่อนำไปแจกจ่ายตามบ้านเรือนของคนยากจนอยู่เป็นประจำโดยนำไปส่งให้ถึงที่

อย่างเป็นความลับ จนคนทั้งหลายไม่รู้จักท่านเลย

เมื่อเราจะกล่าวถึง เนื้อหาสาระในบทอ้อนวอนต่อพระผู้อภิบาลของอิมาม(อฺ)ท่านนี้แล้ว ถ้าหากยกเว้นอัล-กุรอาน และวจนะของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ) รวมทั้งหนังสือนะฮฺญุล-บะลาเฆาะฮฺแล้ว ก็ไม่อาจหาคำพูดใดมาเปรียบเทียบความสูงส่งได้ เพราะมันหมายถึง ต้นตำรับของวงศ์วานแห่งศาสดามุฮัมมัด(ศ) และเป็นสารานุกรมเกี่ยวกับความรู้อันยิ่งใหญ่ในเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า

เพื่อมิให้บทนำของหนังสือเล่มนี้ยืดยาวมากเกินไป จะขอนำท่านเข้าสู่เนื้อหาสาระตามบทต่างๆ ของหนังสือได้ ณ บัดนี้ ลำดับแรกจะเป็นการเสนอวิถีการดำเนินชีวิตบางแง่มุมของท่าน รวมทั้งวจนะสั้นๆ อันทรงคุณค่าและภาพพจน์จากแบบแผนชีวิตอันทรงเกียรติที่เต็มไปด้วยตัวอย่างที่สูงส่งโดยสรุปย่อให้สั้นเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งจะมีการกล่าวถึงคำสอนของท่าน(อฺ)ที่เป็นเสมือนสุภาษิตเตือนใจ ในลำดับสุดท้ายก็จะกล่าวถึงถ้อยคำของบรรดานักปราชญ์ ผู้ทรงเกียรติ ที่ได้กล่าวยกย่องและสรรเสริญท่าน(อฺ)แต่ก็หาพรรณนาได้หมด

ชีวประวัติอิมามซัยนุลอฺาบิดีน(อฺ)

นามจริง

อฺะลี บินฮุเซน(อฺ)

ท่านปู่.....

อฺะลี อะมีรุลมุมินีน(อฺ)

ท่านบิดา......

ฮุเซน บินอฺะลี(อฺ)

( ผู้เป็นยอดวีรชนแห่งอิสลาม)

ท่านมารดา.....

ชาฮฺ ซานาน (ราชินีแห่งมวลสตรี)

ธิดาของท่านยัซดฺ ญัรดฺ บินชะฮฺริยาร บินกุชรอ กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย

ท่านอะมีรุลมุมินีน(อฺ) ขนานนามให้ใหม่ว่า “ มัรยัม ”

บ้งก็ว่า “ ฟาฏิมะฮฺ ” บางทีก็ถูกเรียกว่า “ ซัยยิดะตุนนิซาอ์ ”

พี่น้องชาย.......

ท่านอฺะลี อัล-อักบัร

ท่านอับดุลลอฮฺ อัร-ร่อฏีอ์

( สองวีชนแห่งอิสลามในสมรภูมิกัรบะลาอ์)(๑)

(๑) เสียชีวิตในขณะที่บิดา (อิมามฮุเซน) ของท่านยังมีชีวิตอยู่

พี่น้องหญิง.....

ท่านหญิงซะกีนะฮฺ

ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ

และท่านหญิงรุร็อยยะฮฺ

สถานที่และวันเกิด......

เกิดที่นครมะดีนะฮฺ เมื่อวันศุกร์ที่ ๕ ชะอฺบาน ฮ.ศ. ๓๘

สมญานาม.......

อะบู มุฮัมมัด

ฉายานาม......

ซัยนุลอาบิดีน (อาภรณ์แห่งผู้เคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า) ,

ซัยยิดุซซาญิดีน (นายแห่งผู้ถึงแล้วซึ่งการกราบ) ,

ซัยยิดุลอฺาบิดีน (นายแห่งผู้เคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า) ,

อัซ์-ซะกี (ผู้ชาญฉลาด)

อัล-อะมีน (ผู้ซื่อสัตย์) ,

ซุษ-ษะฟะนาต (เจ้าแห่งรอยกร้าน)

ท่านได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์อภิมหาวิปโยคแห่งกัรบะลาอ์

ในขบวนครอบครัวที่ถูกควบคุมตัวในฐานะเชลยที่เมืองกูฟะฮฺ

หลังจากเกิดเหตุการณ์อันเศร้าสลด ต่อจากนั้นก็ถูกนำตัวไปยังเมืองชาม

ภรรยาที่ปรากฏชื่อเสียง.....

ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ บุตรีของท่านอิมามฮะซัน(อฺ)

บุตรชาย.......

ท่านมุฮัมมัด (อะบู ญะอฺฟัร อัล-บาเก็ร(อฺ))

ท่านอับดุลลอฮฺ อัล-ฮะซัน

ท่านฮุเซน

ท่านซัยดฺ

ท่านอุมัร

ท่านฮุเซน อัศฆ็อร

ท่านอับดุรเราะฮฺมาน

ท่านซุลัยมาน

ท่านอฺะลี

ท่านมุฮัมมัด อัล-อัศฆ็อร

บุตรสาว.......

ท่านหญิงค่อดีญะฮฺ

ท่านหญิงอุมมุกุลษูม

ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ

ท่านหญิงอาลียะฮฺ

ลายสลักที่วงแหวน......

วะมาเตาฟีกี อิลลา บิลลาฮฺ

“ ไม่มีสัมฤทธิ์ผลใดที่บังเกิดต่อข้าฯ นอกจากโดยอัลลอฮฺ ”

กวีผู้มีชื่อเสียงในสมัยท่าน(อฺ).......

ท่านอัล-ฟัรซะดัก

ท่านกาซีร อิซ์ซ์ะฮฺ

คนรับใช้ของท่าน......

อะบูญิบละฮฺ

อะบูคอลิล อัล-กามิลี

ยะฮฺยา อัล-มัฏอะบี

สถานที่พำนัก......

ท่าน(อฺ)อาศัยที่นครมะดีนะฮฺ

เรื่องราวที่สำคัญก็เกิดขึ้นในช่วงที่ท่าน(อฺ)พำนักอยู่

ท่าน(อฺ)ได้ให้ความรู้และแสดงความเอื้ออารีให้ประจักษ์แก่สายตาของผู้คนในสมัยนั้น

ช่วงแห่งการเป็นอิมามของท่าน(อฺ)......

ท่าน(อฺ)มีชีวิตหลังการจากไปของบิดาของท่านคือ

ท่านอิมามฮุเซน บินอฺะลี(อฺ) เป็นเวลา ๓๔ ปี ซึ่งก็คือ ช่วงเวลาแห่งการดำรงฐานะภาพอิมามของท่านนั่นเอง

กษัตริย์ ผู้ปกครองที่อยู่ในสมัยของท่าน(อฺ)......

ยะซีด บินมุอฺาวิยะฮฺ

มุอฺาวิยะฮฺ บินยะซีด ,

มัรวาน บินฮะกัม ,

อับดุลมาลิก บินมัรวาน ,

และอัล-วะลีด บินอับดุลมาลิก บินมัรวาน

ผลงานของท่าน(อฺ).......

อัศ-ศอฮีฟะฮฺ อัซ-ซัจญาดียะฮฺ และริซาละตุลฮุกูก

ท่าน(อฺ)ถูกลอบวางยาพิษ.....

โดย อัล-วะลีด บินอับดุลมาลิก บินมัรวาน

วายชนม์.......

ในวันที่ ๒๕ มุฮัรร็อม ปี ฮ.ศ. ๙๕

หลุมฝังศพของท่าน(อฺ).......

ฝังอยู่ในอัล-บะเกียะอฺ เคียงข้างอาท่านคืออิมามฮะซัน(อฺ)

หลุมฝังศพของท่าน(อฺ)ถูกทำลาย......

โดยฝีมือของพวกวะฮาบีย์

ในวันที่ ๘ เดือนเชาวาล ปี ฮ.ศ. ๑๓๔๔

ข้อบัญญัติเรื่องตำแหน่งคอลีฟะฮฺ (ผู้นำ)ของท่านอฺะลี บิน ฮุเซน(อฺ)

ตำแหน่งอิมามตกเป็นของท่านอิมามอฺะลี บิน ฮุเซน(อฺ)แต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากไม่มีคนอื่นอ้างถึงสิทธิในตำแหน่งนี้เลยเพราะท่านคือคนที่มีความเด่นกว่าใครๆ ทั้งหมด ทางวิชาการพฤติกรรม ความสำรวม การยำเกรงต่อพระผู้เป็นเจ้า และความสมถะ และเพราะมีข้อบัญญัติจากบิดาของท่านเองไว้ให้แก่ท่านแล้วด้วย ประกอบกับมีข้อบัญญัติที่สืบทอดมาจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)อีกส่วนหนึ่ง

เราจะขอกล่าวถึงบทบัญญัติบางข้อ ดังต่อไปนี้

ข้อบัญญัติเรื่องที่ ๑

ชายคนหนึ่งถามท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ว่า

“ โปรดบอกจำนวนของบรรดาอิมามภายหลังจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด ”

ท่านอิมาม(อฺ)ตอบว่า

“ มีจำนวน ๑๒ คนเท่ากับจำนวนของต้นตระกูลของพวกบะนีอิสรออีล ”

เขาถามอีกว่า “ ขอให้ท่านบอกรายชื่อคนเหล่านั้นให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ”

ท่านอิมามฮุเซน(อฺ)ก้มศีรษะลง แล้วผงกขึ้นพลางกล่าวว่า

“ ได้ซิ พี่น้องชาวอาหรับ แท้จริงอิมามและคอลีฟะฮฺภายหลังจากสมัยของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)แล้วมีอฺะลี บินอะบีฏอลิบ ต่อมาก็คือฮะซันและข้า อีกทั้งลูกหลานที่สืบต่อจากข้าอีก ๙ คน อันถือเป็นกำเนิดสืบไปจากสายของอฺะลี ผู้เป็นบุตรของข้า หลังจากนั้นคือ มุฮัมมัดบุตรของเขา ” (๒)

(๒) กิฟายะตุล-อะษัร ฟิน-นุศูศิ อะลัล อะอิมมะ อิษนาอะซัร

ข้อบัญญัติเรื่องที่ ๒

ท่านมุฮัมมัด บินมุสลิม(ร.ฏ.) กล่าวไว้ว่า : ข้าพเจ้าเคยถามท่าน อัศศอดิก ญะอฺฟัร บินมุฮัมมัด(อฺ) เกี่ยวกับเรื่องแหวนของท่านฮุเซน บินอฺะลี (อฺ)ว่า

“ มันตกไปเป็นของใคร ?”

แล้วข้าพเจ้าก็ได้บอกท่านว่า

“ ฉันได้ยินมาว่า มันตกไปเป็นของคนที่ขโมยไปจากนิ้วของท่าน(ตอนถูกสังหาร) ”

ท่านอิมาม(อฺ)ตอบว่า “ ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาพูดออก

แท้จริงท่านฮุเซน (อฺ) ได้ทำพินัยกรรมไว้แก่ อฺะลี บินฮุเซน บุตรชายของท่าน และมอบแหวนจากนิ้วของท่านให้เขาด้วย โดยท่านได้มอบให้เขาเหมือนอย่างที่ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ (ศ) เคยมอบให้แก่

ท่านอะมีรุลมุมินีน(อฺ) และเหมือนกับที่ท่านอะมีรุลมุมินีน(อฺ)มอบให้แก่ท่านฮะซัน(อฺ) และเหมือนกับท่านฮะซัน(อฺ)มอบให้แก่ท่านฮุเซน(อฺ)นั่นเอง ต่อมาแหวนวงนั้นก็ได้ตกมาเป็นของบิดาของฉันต่อจากบิดาของท่าน(อฺ) ถัดจากท่านแล้วมันก็มาถึงฉันซึ่งฉันสวมมันอยู่ทุกวันศุกร์และนมาซโดยใส่มันด้วย ”

ท่านมุฮัมมัด บินมุสลิม (ร.ฏ.)ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อถึงวันศุกร์ข้าพเจ้าก็ได้เข้าไปหาท่านอิมามศอดิก(อฺ) ในขณะที่ท่านกำลังนมาซอยู่ เมื่อนมาซเสร็จแล้วท่านก็ยื่นมือมาให้ข้าพเจ้าดู ข้าพเจ้าได้เห็นว่าที่นิ้วของท่านมีแหวนวงหนึ่งมีลายสลักว่า

“ ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ อุดดะตัน ลิลิกฺออิลลาฮฺ

( ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ พร้อมแล้วซึ่งการเข้าพบอัลลอฮฺ) ”

ท่านกล่าวว่า “ นี่คือแหวนของท่านอะบีอับดิลลาฮฺ อัล-ฮุเซน (อฺ) ผู้เป็นปู่ของฉัน ” (๓)

(๓) บิฮารุล-อันวารฺ เล่ม ๑๑, หน้า ๖

ท่านอัซ-ซุฮฺรี(ร.ฏ.)ได้รับรายงานจากอุบัยดิลลาฮฺ บินอุตบะฮฺ โดยเล่าว่า : ข้าพเจ้าเคยได้อยู่ใกล้ท่านฮุเซน บินอฺะลี(อฺ) ขณะนั้นอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)ซึ่งยังเป็นเด็กได้เข้ามาหาท่านฮุเซน(อฺ)ท่านได้เรียกเขาเข้ามาอุ้ม และจูบลงตรงระหว่างนัยน์ตา แล้วกล่าวว่า

“ ขอสาบานในนามแห่งบิดาของข้า กลิ่นกายของเจ้าช่างหอมหวนอะไรอย่างนี้ บุคลิกภาพของเจ้าช่างดีเหลือเกิน ”

ท่าน(อฺ)ถามว่า “ พวกเจ้าจะเข้ามาพัวพันกับข้าในเรื่องนี้หรือไม่ ?”

ข้าพเจ้าตอบว่า “ ขอสาบานในนามบิดาและมารดาของข้า โอ้ ท่านผู้เป็นบุตรแห่งศาสนทูตของอัลลอฮฺ (ศ) ถ้าสิ่งที่เราขอการคุ้มครองจากอัลลอฮฺ (ซ.บ.)(ไม่อยากให้เกิดขึ้น)มา ตำแหน่งที่เรารู้ว่ามีอยู่ในตัวท่าน (ตำแหน่งการเป็นอิมาม) ขณะนี้จะได้แก่ใคร ?”

ท่านอิมามฮุเซน(อฺ) ตอบว่า “ จะได้แก่ อฺะลี บุตรชายของข้าคนนี้แหละ เขาคืออิมามที่เป็นบิดาของอิมามทั้งปวง ” (๔)

(๔) กิฟายะตุล-อะษัร ฟิน-นุศูศิ อะลัล อะอิมมะ อิษนาอฺะชัร

อิบาดะฮฺอันยิ่งใหญ่ของอิมามซัจญาด(อฺ)

เราสามารถสรุปได้แต่เพียงว่า ท่านคือบุคคลที่มีฉายานามอันเนื่องมาจากการอิบาดะฮฺ ( เคารพภักดี) ของท่าน (อฺ) ที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าจนไม่มีใครรู้จักในชื่ออื่น นอกจากชื่อเหล่านี้ กล่าวคือนับตั้งแต่ชื่อที่ว่า ซัยนุลอฺาบิดีน จนถึงชื่อ ซัยยิดดุซซาญิดีน ซัยยิดุลอฺาบิดีน ซัจญาด และถ้าหากเราบันทึกเรื่องราวต่างๆ ทั้งหมดที่บรรดานักประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้ในเรื่องการอิบาดะฮฺของท่าน

แน่นอนเราจำเป็นจะต้องมีหนังสืออีกเล่มหนึ่งต่างหากแต่ในที่นี้เราจะขอนำมากล่าวเพียงเล็ก ๆน้อยๆ เท่านั้น

๑. ท่านอิมามบาเก็ร (อฺ) ได้กล่าวไว้ว่า:

ท่านอฺะลี บิน ฮุเซน(อฺ) นมาซแต่ละครั้งในวันหนึ่งกับคืนหนึ่งมากถึง ๑ , ๐๐๐ ร่อกะอัต

ครั้งหนึ่งกระแสลมพัดแรงจนท่านโอนเอนเหมือนดังรวงข้าว ท่านมีต้นอินทผลัมอยู่ ๕๐๐ ต้น ท่านจึงนมาซตรงต้นอินทผลัมเหล่านั้นทุกต้นๆ ละสองรอกะอัต พอท่านยืนขึ้นทำการนมาซ สีหน้าท่านเปลี่ยนไปเป็นอีกสีหนึ่ง ลักษณะของท่านในการนมาซดุจดังการยืนของข้าทาสผู้ต่ำต้อยต่อหน้ากษัตริย์ผู้เรื่องอำนาจ ร่างกายของท่านสั่งระริก เพราะความหวั่นกลัวต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) และเมื่อท่านนมาซในคราวหนึ่งๆ ท่านถือเสมือนหนึ่งว่าจะไม่มีโอกาสได้นมาซต่อไปอีกแล้ว(๑)

( ๑) อัล-มะนากิบ เล่ม ๒ , หน้า ๒๕๑. อัล-ศิศ็อล หน้า ๕๑๗.

๒. และกล่าวอีกว่า:

ใบหน้าของท่านซีดเซียวเพราะความกลัว ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องไห้หน้าผากกร้าน ปลายจมูกสึกเจ่อเพราะการกราบ แข้งและเท้าของท่านบวมเพราะยืนนามในการนมาซ เมื่อเวลานมาซมาถึงเส้นขนบนผิวหนังของท่านลุกซู่ ใบหน้าซีดเผือดเหมือนคนถูกข่มขู่(๒)

(๒) อะอฺยานุช-ชีอะฮฺ ๔ กอฟ ๑/๔๑๕

๓. ท่านอิมามบาเก็ร (อฺ) กล่าวว่า:

ครั้งหนึ่งท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ บุตรีของท่านอฺะลี บิน อะบีฏอลิบ (อฺ)เห็นการกระทำของท่านอฺะลี บิน ฮุเซน(อฺ) บุตรชายพี่ชายของนางที่หมกมุ่นอยู่กับการอิบาดะฮฺ นางได้ออกไปพบท่านญาบิรบินอับดุลลอฮฺ อัล-อันศอรี(ร.ฏ.) แล้วกล่าวว่า :

“ โอ้ สหายของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ) พวกเรามีสิทธิต่อท่านอยู่หลายประการ

ประการหนึ่งก็คือ หากท่านเห็นพวกเราคนใดทำลายสุขภาพตัวเองเพราะพากเพียรอย่างถึงที่สุดแล้ว

ท่านจะต้องเตือนเขาเพื่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ผู้เป็นทายาทของฮุเซนผู้เป็นบิดา จมูกสึกเจ่อ หน้าผากกร้านทั้งหัวเขาและฝ่ามือของเขาด้วย เขาทุ่มตัวในการ

อิบาดะฮฺมากเกินไป ”

ท่านอิมามบาเก็ร(อฺ)กล่าวต่อไปว่า : แล้วท่านญาบิรก็ได้เข้าไปเห็นท่านอยู่ตรงสถานที่นมาซ ปรากฏว่าท่านซวนเซเพราะตรากตรำอยู่กับการ

อิบาดะฮฺ ครั้นเมื่อท่านอฺะลี(อฺ)พยุงตัวลุกขึ้น แล้วก็ทักทายท่านญาบิรอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็นำเขาไปนั่งใกล้ๆ ตัวท่าน :

ท่านญาบิรได้จุมพิตท่าน(อฺ)แล้วกล่าวว่า :

“ โอ้ บุตรของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ) ท่านทราบอยู่แล้วมิใช่หรือว่า อันที่จริงอัลลอฮฺ ( ซ.บ.) ทรงสร้างสวนสวรรค์ไว้เพื่อพวกท่านและเพื่อคนที่รักพวกท่าน สร้างนรกไว้สำหรับพวกที่โกรธเกลียดพวกท่านและเป็นศัตรูกับพวกท่าน แล้วทำไมท่านต้องทุ่มเทจนสุขภาพของท่านทรุดลงเช่นนี้ ”

ท่านอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)กล่าวตอบว่า :

“ โอ้ สหายของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ) ท่านทราบหรือเปล่าว่าท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)ทวดของฉันนั้น อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงให้การ

นิรโทษกรรมตัวท่านทั้งในอดีตและอนาคตทั้งหมด แต่ท่านก็ไม่หยุดยั้งการพากเพียรของท่านเลย ขอสาบานในนามบิดาและมารดาของฉันว่า ท่านได้ทำการอิบาดะฮฺต่อพระผู้เป็นเจ้าจนแข้งของท่านบวม เท้าของท่านป่อง มีคนเคยถามท่านว่า ท่านทำอย่างนี้ทำไม ? ในเมื่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงนิรโทษกรรมให้แก่ท่านหมดแล้วทั้งในอดีตและอนาคต ?

ท่านตอบว่า ก็ข้าเป็นบ่าวที่สำนึกรู้ในพระมหากรุณาธิคุณมิใช่หรือ ?”

เมื่อท่านญาบิรจ้องมองไปที่ท่านอฺะลี บิน ฮุเซน(อฺ) เขาก็ไม่หยุดยั้งในการพยายามพูดให้ท่านหันเหจากการทุ่มเทความพากเพียรและความมุมานะจนเหน็ดเหนื่อยให้ได้ตามจุดมุ่งหมาย เขาจึงกล่าวอีกว่า :

“ โอ้ บุตรของท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ(ศ) ข้าขอให้ท่านรักษาสุขภาพไว้ แท้จริงท่านมาจากครอบครัวที่ภัยบะอาอ์(ภัยพิบัติ)ถูกผลักไสออกไปเพราะพวกเขา ธงชัยต้องได้รับการเชิดชู และฟากฟ้าต้องประทานหยาดฝนลงมาเพราะ(การมีอยู่ของ)พวกเขา ”

ท่านอิมาม(อฺ)กล่าวตอบว่า :

“ โอ้ญาบิรเอ๋ย ฉันไม่อาจหันเหจากแนวทางแห่งบิดาผู้ทนทุกข์ทั้งสองของฉันได้(ขอให้อัลลอฮฺทรงประทานพรแด่ท่านทั้งสอง) จนกว่าฉันจะได้พบกับท่านทั้งสอง ”

ท่านญาบิร(ร.ฏ.)ได้ออกมาพบกลุ่มบุคคลที่อยู่ที่นั้น แล้วกล่าวว่า :

“ ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ไม่เคยปรากฏว่าลูกหลานของท่านศาสดาท่านใดจะเหมือนอย่างอฺะลี บิน ฮุเซน นอกจากศาสดายูซุฟ บุตรของยะอฺกู๊บ(ความสันติดพึงมีแด่ท่านทั้งสอง)

แต่ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺอีกว่า เชื้อสายของอฺะลี บุตรของ

ฮุเซน มีความดีเด่นกว่าเชื้อสายของยูซุฟ บุตรของยะอฺกู๊บ เพราะในหมู่พวกเขาจะมีคนหนึ่งซึ่งจะนำความยุติธรรมมาสู่โลกอย่างเต็มเปี่ยมเหมือนอย่างที่มันเคยเต็มไปด้วยความอธรรมมาก่อน ” ( ๓)

(๓ ) บิฮารุล- อันวารฺ เล่ม๑๑ , หน้า๑๙

4. ท่านอุซต๊าซอับดุลอะซีซ ซัยยิดุลอะฮฺลิ ได้กล่าวไว้ว่า:

ไม่เคยปรากฏว่าในโลกนี้จะมีคนที่ทำการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า และสมถะมากที่สุดเหมือนท่านมาก่อน ประชาชนให้ฉายานามแก่ท่านว่า

“ ซัยนุลอฺาบิดีน ” และในเมื่อประชาชนเห็นว่า ท่านทำการกราบต่อพระเจ้าอย่างชนิดที่ไม่เคยหยุดหย่อนก็ให้ฉายานามท่านอีกว่า “ อัซ-ซัจญาด ”

เมื่อปรากฏว่า มีรอยของการกราบตรงหน้าผาก ท่านก็ได้รับฉายานามอีกว่า “ อัษ-ษะฟะนาต ” ( 4)

( 4) ซัยนุลอฺาบิดีน ของ ซัยยิดุลอะฮฺลิ หน้า 35.

5. เมื่อท่านอิมามอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)

เข้าทำวุฏูอ์(น้ำนมาซ)เพื่อเตรียมตัวทำการนมาซนั้น ใบหน้าของท่านนั้นจะเป็นสีเหลืองซีด

มีคนเคยถามท่านว่า :

“ อะไรเป็นอุปสรรคแก่ท่านในการทำวุฏูอ์หรือ ?”

ท่านอิมาม(อฺ)ตอบว่า

“ พวกท่านรู้หรือเปล่าว่า ฉันต้องยืนอยู่เบื้องหน้าใคร ?”( 5)

( 5) อัชอาฟุร-รอฆิบีน หน้า 208. มะฏอลิบุซซุอูล เล่ม 2 , หน้า 42.

พิมพ์ครั้งที่ 2 , นูรุล-อับศ็อร หน้า 127. กัซฟุล-ฆุมมะฮฺ หน้า 198.

ฟุศูลุล-มุฮิมมะฮฺ หน้า 183. ศิฟะตุศ-ศ็อฟวะฮฺ เล่ม 2 , หน้า 55.

6. เมื่อท่านจะเริ่มเข้าทำการนมาซ

ท่านจะมีอาการตัวสั่นงันงก มีคนเคยถามว่า “ ท่านเป็นอะไรไป ?”

ท่านตอบว่า “ พวกท่านไม่รู้หรือว่า ฉันจะยืนต่อหน้าใครและปรากฏกับใคร ?” ( 6)

( 6) ศิฟะตุศ-ศ็อฟวะฮฺ เล่ม 2 , หน้า 55.

7. ครั้งหนึ่งได้เกิดไฟไหม้ขึ้นในบ้าน

ขณะที่ท่าน(อฺ) กำลังซุญูด(กราบพระผู้เป็นเจ้า)อยู่ คนทั้งหลายต่างพากันตะโกนว่า

“ โอ้ บุตรของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ) ไฟ...ไฟ..... ”

แต่แล้วท่านก็ไม่ยกศีรษะขึ้นเลยจนกระทั่งไฟดับ มีคนถามท่านเมื่อท่านลุกขึ้นนั่งแล้วว่า :

“ อะไรเป็นเหตุให้ท่านวางเฉยได้ ”

ท่านตอบว่า “ สิ่งที่ทำให้ฉันวางเฉยได้ก็คือ ไฟนรกอันยิ่งใหญ่ ” ( 7)

( 7) อัล-มะนากิบ เล่ม 2 , หน้า 251.

8. ครั้งหนึ่งบุตรของท่านอิมามที่ 4 (อฺ) ตกบ่อชาวมะดีนะฮฺต่างพากันแตกตื่น จนกระทั่งสามารถนำเขาขึ้นมาได้ ขณะนั้นท่านอิมาม (อฺ) กำลังยืนนมาซอยู่โดยไม่ยอมห่างจากสถานที่ของท่านจึงมีคนพูดกับท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านได้ตอบว่า:

“ ฉันไม่รู้สึกอะไรเพราะฉันกำลังปรารภอยู่กับพระผู้อภิบาล

ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ” ( 8)

( 8) กัซฟุล-ฆุมมะฮฺ หน้า 207.

9. นักประวัติศาสตร์และนักบูรพาคดีอิสลาม

ได้บันทึกร่วมกันว่า : อิมามซัยนุลอฺาบิดีน(อฺ)นมาซในแต่ละวันกลับคืนหนึ่งมากถึง 1 , 000รอกะอัต (9)

( 9) อัล-มะนากิบ หน้า 2 , หน้า 251. อัล-ฟุศูลุล-มุฮิมมะฮฺ หน้า 183.

นูรูล-อับศ็อร หน้า 127. มะฏอลิบุซซุอูล เล่ม 2 , หน้า 47.

10. คนรับใช้ของท่านอิมามซัยนุลอฺาบิดีน (อฺ)

เคยถูกถามในเรื่องของท่าน นางจึงถามกลับว่า

“ จะให้เล่าอย่างละเอียดหรือตอบเพียงคร่าว ๆ ?”

นางจึงกล่าวว่า “ ข้าพเจ้าไม่เคยจัดอาหารกลางวัน และไม่เคยจัดที่นอนในยามกลางคืนให้ท่านเลยแม้สักครั้งเดียว ” ( 10)

( 10) อัล-มะนากิบ เล่ม2 , หน้า 255. บิฮารุล-อันวารฺ เล่ม 11 , หน้า 21.

11. ท่านอะบูญะอฺฟัร อัล-บาเก็ร (อฺ) กล่าวว่า:

ท่านอฺะลี(อฺ)ผู้เป็นบิดาของท่านนั้น เวลาใดที่ท่านระลึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ( ซ.บ.) ท่านจะต้องซุญูด (กราบพระองค์) เสมอ ไม่ว่าท่านจะอ่านอัล-กุรอานโองการใดที่มีหมายเหตุว่าให้ซุญูด ท่านจะต้องซุญูดเสมอ คราวใดที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงสกัดกั้นความเลวร้ายอันน่าหวาดกลัวหรือแผนการร้ายของคนหนึ่งคนใดให้พ้นไปจากท่าน ท่านจะต้องซุญูดเสมอเมื่อเสร็จจากนมาซวาญิบ (ภาคบังคับ) คราวใด ท่านจะต้องซุญูดเสมอ เมื่อใดที่มีการตกลงกันได้และไกล่เกลี่ยกันได้ระหว่างคนสองฝ่ายคราวใด ท่านจะต้องซุญูดเสมอ จึงปรากฏร่องรอยของการซุญูด (การกราบพระผู้เป็นเจ้า)ขึ้นตรงตำแหน่งอวัยวะที่ใช้ในการซุญูดทั้งหมดของท่าน ด้วยเหตุนี้ใครๆ จึงให้ฉายานามท่านว่า

“ ผู้ถึงแล้วซึ่งการกราบกรานต่อพระผู้เป็นเจ้า(อัซ-ซัจญาด) ”( 11)

( 11) อะอฺยานุซ-ชีอะฮฺ เล่ม 4 , หน้า 410. บิฮารุล-อันวารฺ เล่ม 11 ,

หน้า 3.

12. ท่านอิมามบาเก็ร(อฺ)กล่าวว่า :

ปรากฏว่าในแต่ละปีจะมีตะปุ่มจากรอยกร้านที่อยู่ตามตำแหน่งอวัยวะแห่งการกราบของท่านตกหล่นออกมา และท่านก็เอามาเก็บรวมไว้ครั้นพอท่านวายชนม์ มันก็ถูกนำไปฝังรวมกับท่าน ( 12)

( 12) อัล- มะนากิบ เล่ม2 , หน้า252

13. ท่านอิมามซัจญาด(อฺ)ได้ไปบำเพ็ญฮัจญ์ด้วยการเดินเท้า ซึ่งท่านได้เวลาเดินทางจากมะดีนะฮฺถึงมักกะฮฺ เป็นเวลาถึง 20 วัน (13)

( 13) อัล-มะนากิบ เล่ม 2 , หน้า 252. เราฏ่อตุล-วาอิศีน เล่ม 1 ,

หน้า 199.

วิถีชีวิตของอิมามอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)

อาจกล่าวได้ว่า ปัจจุบันหลังจากที่เราประสบกับความสูญเสียซึ่งแบบอย่างทางจริยธรรมและบุคลิกภาพอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ไป

ต่อไปนี้เราจะต้องเอาวิถีของบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ(อฺ)กลับมาปฏิบัติด้วยการยอมรับกันอย่างจริงจังเพื่อความดีงามอันเด่นชัดของเราเอง และเพื่อได้เป็นดวงประทีปในการที่เราจะได้อาศัยแสงสว่างท่ามกลางความมืดมนอนธกาลทั้งหลายแหล่ เพื่อที่ว่าจะไดรักษาไว้ซึ่งความดีงามให้อยู่ยงคงไว้ตลอดไปและเราจะได้หวนกับไปสู่อารยธรรมแบบอิสลามกันใหม่อีกครั้ง

(อินชาอัลลอฮฺ) ที่จะนำเสนอต่อผู้อ่านขณะนี้เป็นส่วนย่อยที่สุดจากวิถีชีวิตของท่านอิมามอฺะอิ บินฮุเซน(อฺ) ขอได้พึงนำเอาไปประพฤติปฏิบัติตาไว้เถิด

วิถีชีวิตที่ 1.

ท่านซุฟยานได้กล่าวว่า : ชายคนหนึ่งเข้ามาหาท่านอิมามอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)แล้วกล่าวว่า

“ นาย.... โกรธเคืองท่าน และใส่ร้ายท่าน ”

ท่าน(อฺ)กล่าวตอบว่า “ ปล่อยเขาไปเพื่อเห็นแก่เรา ”

ครั้นพอท่าน(อฺ)มิได้ติดใจเอาเรื่องอะไร ชายคนนั้นก็คิดในใจว่าตนเองสามารถเอาชนะท่าน ( อฺ) ได้แล้ว ต่อมาชายคนนั้นมาหาท่าน (อฺ) อีก

ท่าน(อฺ)ก็กล่าวว่า :

“ นี่แน่ะท่าน ถ้าหากสิ่งที่เจ้าพูดไปมันเป็นความจริงก็ขอให้อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงอภัยแก่ข้าด้วย

แต่ถ้ามันเป็นความเท็จก็ขอให้อัลลอฮฺ(ซ.บ.)อภัยแก่เจ้าด้วยก็แล้วกัน ” ( 1)กัชฟุล-ฆุมมะฮฺ หน้า 198 , ศิฟะตุศ-ศ็อฟวะฮฺ เล่ม 2 หน้า 53 ,

มะฏอลิบุซซุอูล เล่ม 2 หน้า 43 , นูรุล-อับศ็อร หน้า 126

วิถีชีวิตที่ 2.

วันหนึ่งท่านอิมามซัยนุลอฺาบิดีน(อฺ) เดินทางจากบ้านแล้วพบแล้วชายคนหนึ่ง ปรากฎว่าชายคนนั้นด่าว่าท่าน(อฺ)จนกระทั่งคนรับใช้ที่ติดตามท่าน(อฺ)มาด้วยทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่ท่าน ( อฺ) พูดกับคนรับใช้ของท่าน (อฺ) ว่า

“ ปล่อยเขาไป ”

ต่อจากนั้นท่าน(อฺ)ก็เข้าไปหาชายคนนั้นแล้วกล่าวว่า :

“ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับเรื่องของเราที่ไม่เป็นที่เปิดเผยแก่เจ้า เจ้ามีความเดือดร้อนที่จะให้เราช่วยเหลือบ้างไหม ?”

ปรากฏว่าชายคนนั้นรู้สึกละอายแก่ใจ ท่านอิมาม(อฺ)จึงมอบผ้าคลุมผืนหนึ่งให้และสั่งคนของท่าน(อฺ)จัดเงินให้เขาอีก 1 , 000 ดิรฮัม หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวถึงกับกล่าวว่า:

“ ข้าขอปฏิญาณตนว่า แท้จริงท่านคือ บุตรคนหนึ่งของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ) ” ( 2) ศิฟะตุศ-ศ็อฟวะฮฺ เล่ม 2 , หน้า 56. กัซฟุล-ฆุมมะฮฺ หน้า 200. มะฏอลิบุซซอูล เล่ม 2 , หน้า 48. นูรุบ-อับศ็อร หน้า 128.

วิถีชีวิตที่ 3

ครั้งหนึ่งมีแขกหลายคนมาหาท่าน(อฺ) คนรับใช้จึงกุลีกุจอทำขนมปังที่อบในเตาไฟมาให้ท่าน(อฺ) ปรากฎว่าคนรับใช้ผู้นั้นนำออกมาอย่างรวดเร็วจนทำให้ตะแกรงเหล็กหลุดจากมือไปถูกศีรษะของลูกชายคนหนึ่งของท่าน

อิมามอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)ที่อยู่ใต้บันไดจนถึงแก่ชีวิต

ท่านอฺะลี(อฺ)ได้กล่าวกับคนรับใช้ผู้นั้นซึ่งกำลังเป็นทุกข์ และรุ่มร้อนใจอยู่ว่า :

“ เจ้าปลอดภัยทุกอย่างไม่ต้องกลัวหรอก เพราะเจ้ามิได้มีเจตนา ”

แล้วท่าน(อฺ)ก็จัดแจงแต่ศพลูกชายของท่าน และดำเนินการฝังเหมือนอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น

( 3) มะฏอลิบุซซอูล เล่ม 2 , หน้า 48. กัซฟุล-ฆุมมะฮฺ หน้า 200.

ศิฟะตุศ-ศ็อฟวะฮฺ เล่ม 2 , หน้า 56.

วิถีชีวิตที่ 4

ครั้งหนึ่ง ฮิชาม บินอิซมาอีล ผู้ปกครองนครมะดีนะฮฺใส่ร้ายป้ายสีท่านอิมาม(อฺ)อย่างรุนแรง ครั้นเมื่อวะลีดเขี่ยเขาออกจากตำแหน่งแล้ว เขาก็ได้ยืนพูดต่อหน้าประชาชนว่า :

“ ข้าไม่เคยกลัวใครเลยนอกจากอฺะลี บินฮุเซน คนเดียว ”

แต่เมื่ออิมาม(อฺ)เดินผ่านมา ท่านได้ให้สลามเขา แล้วกระซิบบอกเป็นการส่วนตัวว่า :

“ รับรองว่าจะไม่มีเหตุร้ายแก่ท่านจากตัวฉันเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ”

และท่าน(อฺ)ยังได้ส่งข่าวบอกเขาอีกว่า :

“ จงพิจารณาดูทรัพย์สินเงินทองของท่านขาดแคลนบ้างหรือไม่เพราะว่าที่เรานี้ยังมีให้เจ้าได้อย่างพอเพียง จงรับความปรารถนาดีจากเราและจากคนที่เคารพเชื่อฟังเราทุกคน ”

วิถีชีวิตที่ 5

เมื่อครั้งที่พวกบะนีอุมัยยะฮฺต้องเดินทางออกจากมะดีนะฮฺไปอยู่เมืองชามในครั้งที่เกิดสงคราม มัรวาน บินฮะกัมได้ฝากฝังของมีค่า และภรรยาของตนที่ชื่อว่า อฺาอิชะฮฺ บุตรีของ อุษมานบินอัฟฟาน ไว้กับท่าน(อฺ)ทั้งๆ ที่เมื่อมัรวาน บินฮะกัมได้นำชาวมะดีนะฮฺ สมุนของยะซีดและวงศ์วานของบะนี

อุมัยยะฮฺออกจากเมืองมะดีนะฮฺนั้น เขาได้พูดกับอับดุลลอฮฺ บินอุมัรว่าให้ช่วยรับสมาชิกครอบครัวของตนไว้ด้วย แต่อิบนุอุมัรปฏิเสธ ไม่ยอมทำดังนั้น มัรวานจึงหันมาพูดกับท่านอฺะลี บินฮุเซน(อฺ) โดยกล่าวว่า :

“ อะบุลฮะซัน ตัวข้าเองยังมีสมาชิกครอบครัวและของหวงอยู่(ภรรยาและสตรีที่อยู่ในปกครอง) ข้าจะขอฝากฝังให้อยู่กับผู้ที่เป็นของหวงแหนของตัวท่านด้วย ”

ท่านอิมาม(อฺ)กล่าวว่า “ ข้าตกลง ”

แล้วเขาก็นำสมาชิกครอบครัวมาฝากไว้กับท่านอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)

จากนั้นท่าน(อฺ)ก็ได้นำภรรยาของท่าน(อฺ)และของมัรวานออกไปอยู่ที่ตำบล “ ยันบะอฺ ” ใกล้กับเขตตำบล “ บะฆีบัค ” อันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย....

นี่คือจริยธรรมขั้นสูงสุด และเป็นการตอบแทนความชั่ว ด้วยการกระทำความดี(4)

(4) อิมามซัยนุลอฺาบิดีน ของอะฮฺมัด ฟะฮฺมี มุฮัมมัด หน้า 49.

วิถีชีวิตที่ 6

ท่านอิมามบาเก็ร(อฺ)กล่าวว่า: ท่านอิมามอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)มีอูฐตัวเมียอยู่ตัวหนึ่ง ท่านเคยใช้

มันในการเดินทางไปบำเพ็ญฮัจญ์ถึง 22 ครั้ง โดยที่ไม่เคยมีมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว(5)

(5) อุศูลุล-กาฟี เล่ม 1 , หน้า 467.

วิถีชีวิตที่ 7

ครั้งหนึ่งอัซมาเด็กรับใช้ของท่านอิมามซัยนุลอฺาบิดีน(อฺ) ยื่นภาชนะใส่น้ำให้แก่ท่าน(อฺ)

เพื่อที่ท่านจะทำวุฏอ์เพื่อนำนมาซ แต่แล้วภาชนะหลุดจากมือเป็นเหตุให้แตกกระจาย ท่าน(อฺ)เงยหน้าขึ้นมองเด็กรับใช้

ทันใดนั้นนางก็กล่าวกับท่าน(อฺ)ว่า :

“ แท้จริง อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ตรัสไว้ว่า

“ และเหล่าบรรดาผู้มีความอดกลั้น ข่มโทสะ ”

ท่าน(อฺ)ก็กล่าวว่า “ ข้าอดกลั้น ข่มโทสะของข้าได้แล้ว ”

เด็กคนนั้นกล่าว(อัล-กุรอาน)อีกว่า

“ และเหล่าบรรดาผู้ให้อภัยแก่ผู้คนทั้งหลาย ”

ท่านอิมาม(อฺ)กล่าวต่อว่า “ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) อภัยให้เจ้าแล้ว ”

เด็กรับใช้กล่าว(อัล-กุรอาน)อีกว่า

“ และอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงรักผู้ที่มีคุณงามความดี ”

ท่าน(อฺ)จึงกล่าวว่า :

“ เธอไปได้เลย บัดนี้เธอเป็นอิสระแล้วต่อหน้าพระพักตร์ของอัลลอฮฺ(ซ.บ.) ” ( 6)

( 6) กัชฟุล-ฆุมมะฮฺ หน้า 202.

วิถีชีวิตที่ 8

ครั้งหนึ่งท่านอิมามอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)ได้เรียกคนรับใช้สองครั้งแต่ไม่มีเสียงขานตอบว่า จนท่าน(อฺ)ต้องเรียกในครั้งที่สาม เขาจึงขานตอบ

ท่าน(อฺ)ถามว่า “ ลูกเอ๋ย เจ้าไม่ได้ยินเสียงฉันหรือ ?”

เขาตอบว่า “ ได้ยิน ”

ท่าน(อฺ)จึงถามว่า “ แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ขานรับ ?”

เขาตอบว่า “ ข้าต้องการจะแกล้งลองใจท่าน ”

ท่านอิมาม(อฺ)กล่าวว่า “ ฉันขอสดุดีต่ออัลลอฮฺที่ทรงบันดาลให้บ่าวของฉันแกล้งลองใจฉัน ”

( 7) เล่มเดิม หน้าเดิม

วิถีชีวิตที่ 9

ท่านอิมามซัจญาด(อฺ) ไม่เคยลงโทษคนรับใช้คนใดเลย หากแต่ท่าน(อฺ)จะบันทึกความผิดของแต่ละคนไว้ ครั้นพอล่วงมาถึงปลายเดือนรอมฏอนท่าน(อฺ)จะเรียกทุกคนมาประชุม แล้วแถลงถึงความผิดพลาดของแต่ละคนและขอให้พวกเขาขอการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ให้แก่ท่าน(อฺ)

และขณะเดียวกันท่าน(อฺ)ก็ขอการอภัยโทษให้แก่พวกเขาด้วย ต่อจากนั้นท่าน(อฺ)ก็จะปลดปล่อยแต่ละคนให้ได้รับอิสระและตอบแทนรางวัลให้อีกด้วย และท่าน(อฺ)ไม่เคยใช้งานใครจนเกินกำลัง(8)

( 8) อะอฺยานุช-ชีอะฮฺ เล่ม 4 , หน้า 417

วิถีชีวิตที่ 10

ปรากฏว่าท่านอิมามอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)กับท่านฮะซัน บุตรของท่านอิมามฮะซัน(อฺ)ผู้เป็นลูกผู้พี่มีเรื่องไม่เข้าใจกันประการหนึง ดังนั้นท่านฮะซันจึงมาหาท่านอิมาม(อฺ)ที่มิสญิดซึ่งท่าน(อฺ)กำลังอยู่กับสหายหลายคนท่านฮะซันเข้าไปต่อว่าอย่างเสีย ๆ หาย ๆโดยไม่ลดละแต่ประการใดซึ่งท่าน(อฺ)ได้แต่นิ่งเงียบไม่แสดงอาการตอบโต้ จนท่านฮะซันเดินกลับ ครั้นพอตกเวลากลางคืน ท่าน ( อฺ) ก็ไปหาท่านฮะซันที่บ้าน แล้วเคาะประตูเรียก ท่านฮะซันก็ออกมาพบท่านอิมามอฺะลี (อฺ) ได้กล่าวว่า:

“ ข้าแต่ท่านผู้เป็นพี่ชาย ถ้าหากเรื่องที่ท่านพูดเป็นความจริงแล้วไซร้ก็ให้อัลลอฮฺ(ซ.บ.)อภัยโทษให้ข้าฯด้วย แต่ถ้าหากท่านเป็นคนกล่าวเท็จก็ขออัลลอฮฺ(ซ.บ.)อภัยโทษแก่ท่านด้วย

ขอให้อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ประทานความสุขและความเมตตาแก่ท่านด้วย ”

จากนั้นก็หันหลังกลับ ทานฮะซันถึงกับออกเดินตามท่านไปและยื้อยุดท่านไว้ แล้วร้องไห้จนน้ำตาเปียกโชกพลางกล่าวว่า :

“ ขอสาบานด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ ข้าฯจะไม่หวนกลับไปทำสิ่งที่ท่านไม่พอใจอีกแล้ว ”

ท่านอิมามอฺะลี(อฺ) กล่าวว่า :

“ ขอให้ท่านได้รับสภาพตามที่ฉันได้กล่าวไปแล้วเถิด ” ( 9)

( 9) ศิฟะตุศ-ศ็อฟวะฮฺ เล่ม 2 , หน้า 53. กัซฟุล-ฆุมมะฮฺ หน้า 198.

มะฏอลิบุซซุอูล เล่ม 2 , หน้า 43.

วิถีชีวิตที่ 11

ท่านอิบรอฮีม บินซะอัด กล่าวว่า : ครั้งหนึ่งท่านอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)ได้ยินเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกที่บ้านของท่าน(อฺ) ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่กับท่าน(อฺ)ดังนั้นท่าน(อฺ)จึงถูกออกไปที่บ้าน จากนั้นก็กลับมาที่ประชุมต่อมีคนหนึ่งถามท่าน(อฺ)ว่า :

“ มีใครเป็นอะรไรบ้างหรือ ถึงได้มีเสียงตื่นตระหนกอย่างนั้น ?”

ท่าน(อฺ) ตอบว่า “ ใช่ ”

เขาเหล่านั้นรู้สึกยกย่องและมีความประทับใจในความอดทนของท่าน(อฺ)ยิ่งนัก ท่าน(อฺ)จึงกล่าวว่า :

“ แท้จริง บรรดาอะฮฺลุลบัยตฺนั้น พวกเราเคารพเชื่อฟังอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ในกรณีต่างๆ ที่พระองค์ทรงรัก และเราจะสดุดีพระองค์ในกรณีใด ๆ ที่เราไม่พอใจ ” ( 10)

( 10) อัล-มะนากิบ เล่ม 2 , หน้า 262. บิฮารุล-อันวาร เล่ม 11 , หน้า 27.

วิถีชีวิตที่ 12

มีชายคนหนึ่งมาต่อว่าต่อขานท่านอิมามอฺะลิ บินฮุเซน(อฺ) แต่ท่าน(อฺ)ก็ทำเป็นไม่สนใจ พอชายคนนั้นกล่าวว่า :

“ เจ้าจงระวังการจับตาของข้าให้ดี ”

ท่านอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)จึงกล่าวตอบว่า :

“ ข้าจะลดสายตาจากเจ้า ” ( 11)

(11) กัชฟุล-ฆุมมะฮฺ หน้า 206

วิถีชีวิตที่ 13

ท่านอิมามศอดิก(อฺ) ได้เล่าว่า : ท่านอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)มักจะออกเดินทางกับกลุ่มคนที่ไม่รู้จักท่านเสมอไม่เคยเว้น โดยที่ท่าน(อฺ)เสนอตัวเป็นผู้รับใช้คนในกลุ่มนั้นๆ ได้ทุกอย่างตามที่พวกเขาต้องการจะใช้ท่าน(อฺ)ต่อมาท่าน(อฺ)ได้เดินทางร่วมกับคนพวกหนึ่ง ปรากฎว่ามีคน ๆหนึ่งรู้จักท่าน(อฺ)เข้าพอดี ชายคนนั้นจึงถามพวกเขาเหล่านั้นว่า :

“ พวกท่านรู้หรือเปล่าว่า บุคคลผู้นี้เป็นใคร ?”

พวกเขาพากันตอบว่า “ ไม่รู้ซิ ”

ชายคนนั้นจึงบอกว่า “ นี่แหละคือ อฺะลี บินฮุเซน ”

คนเหล่านั้นต่างพากันวิ่งไปหาท่าน(อฺ)แล้วก้มลงจูบท่าน(อฺ)พลางคร่ำครวญว่า :

“ ข้าแต่บุตรของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ) ท่านต้องการให้พวกเราเข้านรกอันร้อนแรงกระนั้นหรือ

หากแม้นว่าเรากระทบกระทั่งท่านด้วยมือและด้วยวาจาของเราแล้ว เมื่อนั้นพวกเราก็จะต้องประสบกับความวิบัติในยามอวสานอย่างแน่นอน อะไรเป็นเหตุให้ท่านต้องทำอย่างนี้ ?”

ท่านอิมาม(อฺ) ตอบว่า :

“ ครั้งหนึ่งข้าเดินทางกับคนพวกหนึ่งที่พวกเขารู้จักข้าดี ครั้นแล้วพวกเขาก็ปฏิบัติต่อข้าเหมือนกับปฏิบัติต่อท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ)ซึ่งข้าไม่มีสิทธิถึงขนาดนั้น ข้าจึงเกรงว่า พวกเจ้าจะปฏิบัติเช่นนั้นต่อข้าอีกข้าจึงพอใจที่จะปกปิดตัวของข้าเอง ” ( 12)

(12) บิฮารุล-อันวารฺ เล่ม 11 , หน้า 21

การบำเพ็ญคุณธรรมและความเผื่อแผ่ของอิมามที่ 4

ไม่ว่าจะเป็นนักปราชญ์คนใด ถ้าเขียนเรื่องของท่านอิมามอฺะลี

ซัยนุลอฺาบิดีน(อฺ)แล้ว

จะต้องกล่าวถึงเรื่องการทำงาน และการบำเพ็ญความดีต่อคนยากจน แน่นอนความเมตตาและความเผื่อแผ่ของท่าน(อฺ)มีแก่คนทั่วไป รวมทั้งคนที่ปฏิเสธและขัดแย้งในเรื่องสิทธิของท่าน(อฺ)

เราได้รวบรวมบุคลิกภาพของท่าน(อฺ) ให้ด้านคุณธรรมและจริยธรรมอันสูงส่งไว้ในบทนนี้ซึ่งเป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่บรรดานักปราชญ์อธิบายไว้

- 1-

ท่านอิมามบาเก็ร(อฺ)ได้กล่าวว่า : สิ่งที่ท่าน(อฺ)ชอบที่สุดคือ การนำอาหารไปมอบแก่เด็กกำพร้า คนที่ได้รับความเดือดร้อนตกทุกข์ได้ยากและคนที่

ขัดสนทั่วไปที่ไม่มีทางออกในชีวิต

ท่าน ( อฺ) มอบของให้คนเหล่านั้นด้วยมือของท่าน (อฺ) เอง คนใดที่มีครอบครัวท่าน (อฺ) จะนำอาหารไปมอบให้แก่คนในครอบครัวของคนๆ นั้นด้วย ท่าน (อฺ) จะไม่รับประทานอาหารใดๆจนกว่าจะได้เริ่มต้นด้วยการบริจาคอาหารในส่วนนั้นๆ ไปด้วย (1)

(1) บิฮารุล-อันวารฺ เล่ม 20 , หน้า 11

- 2-

คราใดที่มีคนขอรับบริจาคมาหาท่านอิมามอฺะลิ บินฮุเซน(อฺ)จะกล่าวว่า :

“ ยินดีต้อนรับ บุคคลที่ถือเสบียงของเข้าวันปรโลก ” ( 2)

(2) ตัซกิเราะตุล-ค่อว๊าศ หน้า 184

- 3-

ท่านอิมามอฺะลี(อฺ)เคยบริจาคถั่ว มัน และน้ำตาล จนมีคนถามท่าน(อฺ)เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่าน ( อฺ) ตอบด้วยการอ่านโองการในอัล-กุรอานว่า:

“ สูเจ้าจะไม่บรรลุถึงคุณธรรมจนกว่าจะบริจาคของที่สูเจ้ารัก ”

( อาลิ-อิมรอน: 92)

ซึ่งของพวกนี้เป็นที่ชื่นชอบของท่าน(อฺ)(3)

(3) อะอฺยานุช-ซ็อะฮฺ 4 กอฟ 464/1

- 4-

ท่านอิมามศอดิก(อฺ) ได้กล่าวว่า : ท่านอิมามอฺะลี บินฮุเซน(อฺ) เคยออกจากบ้านในยามค่ำคืน

พร้อมทั้งแบกถุงใส่เงินทั้งดีนารฺและดิรฮัม จนเมื่อไปถึงประตูบ้านๆ หนึ่ง แล้วท่าน(อฺ)ก็เคาะประตู

จากนั้นท่าน(อฺ)ก็ยื่นให้โดยหลบหน้าออกจากคนที่มารับของจากท่าน(อฺ) ครั้นพอท่าน(อฺ)ถึงแก่การวายชนม์ คนทั้งหลายก็ไม่พบกับเหตุการณ์เช่นนี้อีก เมื่อนั้นแหละคนทั้งหลายจึงรู้ว่า ที่แท้ท่านอิมามอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)นี่เองที่เป็นคนทำเช่นนั้น (4)

(4) อุศูลุล-กาฟี เล่ม 1 , หน้า 468.

- 5-

ท่านอิมามบาเก็ร(อฺ)กล่าวว่า : เมื่อมัยยัต(ศพ)ของท่านอิมามอฺะลี(อฺ)ถูกวางลงเพื่อรับการอาบน้ำ พวกเขาก็มองเห็นที่แผ่นหลังของท่าน(อฺ)เป็นรอยคล้ายรอยหลังอูฐที่ถูกขี่ อันเกิดมาจากการที่ท่าน(อฺ)ได้แบกอาหารไปให้แก่คนยากจนอยู่เสมอนั่นเอง(5)

(5) อัล-คิศ็อล หน้า 517.

- 6-

ท่านอิมามศอดิก(อฺ)ได้เล่าว่า : ครั้งหนึ่งในวันที่ท่านอิมามอฺะลี บินฮุเซน(อฺ)ถือศีลอด ท่าน ( อฺ) ได้สั่งให้คนใช้แกงแพะให้หนึ่งตัว ครั้นพอตกเย็นท่าน (อฺ) ก็ออกเดินไปรอบๆ บริเวณบ้านเพื่อพิสูจน์ดูกลิ่นแกงแพะที่บ้านของท่าน (อฺ) ว่า ส่งกลิ่นไปถึงไหน แล้วท่าน (อฺ) ก็สั่งให้คนนำไปมอบให้บ้านนั้นๆ จนถึงบ้านหลังสุดท้ายที่หมดเขต จากนั้นท่านนำขนมปังและอินทผลัมมารับประทานเป็นอาหารค่ำของท่าน (6)

(6) บิฮารุล-อันวารฺ เล่ม 11 , หน้า 22-29.


3

4

5

6

7

8

9

10

11