เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ทำไมต้องเราต้องมารำลึก กัรบะลาอ์ และอาชูรอ? ตอนที่ 1

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ทำไมต้องเราต้องมารำลึก กัรบะลาอ์ และอาชูรอ? ตอนที่ 1


มุฮัรรอม คือ เดือนที่ยิ่งใหญ่ เดือนแห่งการสร้างมนุษย์ เดือนแห่งวีรกรรม ไม่ใช่เดือนของพิธีกรรม
อาชูรอ คือแบบฉบับของมนุษย์ผู้สมบูรณ์ ทั้งบุรุษ สตรี หนุ่มสาว เด็ก และคนชรา
กัรบะลาอ์ คือ สถานที่ซึ่งสร้างเกียรติยศแก่มวลมุสลิมทั้งผอง


คำถามหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับใครหลายๆ คน นั่นคือคำถามที่ว่า ด้วยเหตุใดเหตุการณ์ในแผ่นดินกัรบะลาอ์ หรือในวันอาชูรอ ซึ่งท่านอิมามฮูเซน (อ) พร้อมลูกหลานของท่าน และเหล่าวีรชนผู้กล้าหาญได้พลีชีพเพื่อรักษาศาสนาของพระผู้เจ้าเอาไว้ในช่วง ฮ.ศ 61 ยังคงตราตรึงเป็นความเจ็บปวดอันร้อนระอุอยู่ในหัวใจของผู้ศรัทธาจนถึงทุกวันนี้?


ทำไมเรื่องราวแห่งกัรบะลาอ์ และวันอาชูรอจึงยังไม่ถูกลบเลือนไปจากหัวใจของผู้ศรัทธา และเหตุการณ์นี้ก็เป็นวีรกรรมต้นแบบให้กับนักเคลื่อนไหว นักต่อสู้จนถึงยุคปัจจุบันนี้?
จะเป็นไปได้ไหมที่จะมีมนุษย์สักคนจะทุ่มทุนสร้างเหตุการณ์หนึ่งสักเหตุการณ์ ให้มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในแผ่นดินกัรบะลาอ์ เพื่อให้เหตุการณ์นั้นเป็นวีรกรรมต้นแบบสำหรับมนุษย์ชาติ และให้มีการรำลึกเหตุการณ์นั้นในทุกๆ ปี เหมือนเหตุการณ์ในวันอาชูรอ ของท่านอิมามฮูเซน (อ)


คำตอบ คือเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เมื่อได้เข้าไปศึกษารายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ณ ผืนแผ่นดินกัรบะลาอ์ ซึ่งเรื่องราวของการเลียนแบบก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต เมื่ออับรอฮะฮ์ได้ทุ่มทุนก่อสร้างอาคารหนึ่งขึ้นมาเพื่อชักจูงผู้คนชาวเยเมนในสมัยนั้นไม่ให้ไปเยือนนครมักกะฮ์ การไปเยือนนครมักกะฮ์ต้องเสียเงิน และการไปเยือนอาคารหนึ่งของอับรอฮะฮ์กลับได้เงิน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็หาได้มีผู้คนไปเยือนบ้านหลังนั้นที่อับรอฮะฮ์สร้างขึ้นมาเลย


การรำลึกถึงเรื่องราวแห่งกัรบะลาอ์ ในแต่ละปีต้องใช้งบประมาณในการรำลึกมากมาย แต่เหตุใดการรำลึกนี้จึงมีผู้ที่พร้อมจะเสียสละเงินทองเพื่อใช้ในการรำลึก บางพื้นที่ถึงขั้นลงชื่อต่อคิวเพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการจัดงานรำลึกอีกด้วย ซึ่งหากพิจารณาให้ดี การเสียสละเงินทองเหล่านั้นมันไม่ได้ก่อกำไรอะไรเลยในโลกดุนยานี้ แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเสียสละ พร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการรำลึกถึงเรื่องราวของอิมามฮูเซน (อ)


หากมองย้อนไปอดีตมีสงครามหลายสงครามด้วยกันที่เกิดขึ้นโดยการนำทัพของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) เช่นสงครามอุฮุด ซึ่งเป็นสงครามระหว่างมุสลิมกับผู้ปฏิเสธ ในสงครามครั้งนี้ ท่านฮัมซะฮ์ ลุงของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) และนักรบมุสลิมหลายคนได้รับชะฮีด (เสียชีวิตในหนทางของพระองค์) แต่ทำไมสงครามอุฮุด และวีรกรรมของนักรบในสงครามอุฮุดจึงไม่ถูกรำลึกเหมือนกับสงครามในกัรบะลาอ์ และวีรกรรมแห่งอาชูรอ


สงครามศิฟฟีน ที่นำทัพโดยท่านอิมามอะลี (อ) ก็เช่นเดียวกันมีการสร้างวีรกรรมของนักรบมุสลิม มีผู้เสียพลีชีวิตในหนทางของพระองค์ แต่ทำไมสงครามซิฟฟีนมิได้ถูกรำลึกอย่างยิ่งใหญ่ เหมือนกับการรำลึกถึงสงครามในท้องทุ่งกัรบะลาอ์ของท่านอิมามฮูเซน (อ)


การรำลึกถึงเหตุการณ์ในแผ่นดินกัรบะลาอ์ และวีรกรรมของท่านอิมามฮูเซน (อ) ในทุกๆ ของผู้ที่มีความรักต่อท่านอิมามฮูเซน (อ) เป็นการรำลึกที่ไม่ธรรมดา รำลึกกันอย่างยิ่งใหญ่ในทุกๆ ปีเมื่อเดือนมุฮัรรอมมาเยือน ในปีก่อนหน้านี้ ณ สุสานฝังศพของท่านอิมามฮูเซน (อ) มีผู้ที่เดินทางไปร่วมรำลึกถึงท่านอิมามฮูเซนมากถึงเจ็ดล้านคน และในปีนี้คาดว่าจะมากกว่าปีที่แล้วมาก


ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผู้ที่อยู่ในสายธารชีอะฮ์อิมามียะฮ์จะรำลึกถึงเหตุการณ์ในวันอาชูรอทุกวัน และรำลึกถึงเหตุการณ์แห่งกัรบะลาอ์ในทุกๆ สถานที่ "ทุกๆ วันคืออาชูรอ ทุกๆ แผ่นดินคือกัรบะลาอ์" แต่การรำลึกในเดือนมุฮัรรอมนั้นจะเข้มข้นกว่าการรำลึกในวันเวลาอื่นๆ เนื่องจากอยู่ในช่วงวันครบรอบที่เกิดเหตุการณ์


คำตอบที่ชัดแจ้งที่สุดต่อคำถามต่างๆ ข้างต้นคือพระดำรัสของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) อยู่ในบทสะบะอ์ โองการที่ 46 พระองค์ได้ทรงตรัสว่า

 

قُلْ إِنَّمَا أَعِظُكُمْ بِوَاحِدَةٍ أَنْ تَقُومُوا لِلَّهِ مَثْنَى وَفُرَادَى

"จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ฉันขอเตือนพวกท่านเพียงข้อเดียวว่า พวกท่านจงยืนขึ้นเพื่ออัลลอฮ์ (ครั้งละ) สองคนและคนเดียว"

 

เป็นคำตักเตือนหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าให้มนุษยชาติจงยืนหยัดต่อสู้เพื่อพระองค์เท่านั้น มาตรแม้นว่ามีเพียงคนเดียวหรือสองคนก็ตาม


พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) คือพระผู้ทรงเอกะ และความเป็นเอกะของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขตใดสำหรับพระองค์ ในโองการข้างต้นพระองค์ทรงมีคำตักเตือนมายังมนุษย์ทุกคน หมายถึงข้อตักเตือนนี้นั้นเป็นของพระองค์ที่สำคัญยิ่งสำหรับมนุษย์ และหากมนุษย์คนใดมีความเชื่อว่าพระองค์ผู้ทรงยิ่งใหญ่ที่ไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับพระองค์ ดังนั้นคำตักเตือนของพระองค์ก็จะเป็นตัวพิสูจน์ให้มนุษย์ผู้นั้นได้ทราบว่า คำตักเตือนนี้ของพระองค์ก็ต้องไม่มีที่สิ้นสุดเช่นเดียวกัน


ในโองการข้างต้น พระผู้เป็นเจ้าอยู่ในตำแหน่งของผู้ตักเตือนมนุษย์ ตักเตือนต่อสิ่งใดหรือ? พระองค์ได้ทรงตักเตือนมนุษย์ให้อยู่ในหนทางของพระองค์เท่านั้น โดยการยืนหยัดต่อสู้เพื่อพระองค์เดียว ทุกภารกิจ ทุกกิจการจงปฏิบัติเพื่อพระองค์เท่านั้น และการปฏิบัติเพื่อพระองค์หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่า ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้ปฏิบัติเพื่อโอ้อวดผู้อื่น ไม่ได้ปฏิบัติเพื่อหวังในสินจ้างรางวัล


และหากถามว่า ถ้าหากทุกๆ การปฏิบัติของมนุษย์เมื่อปฏิบัติเพื่อพระองค์แล้ว จะส่งผลอะไรแก่มนุษย์บ้าง?


บทความโดยมัรฮูม เชคมาลิกี ภักดี

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม