อิมามมะฮ์ดีในอัลกุรอาน

อิมามมะฮ์ดีในอัลกุรอาน


หากเราจะกล่าวถึงอิมามมะฮ์ดี จากโองการของอัลกุรอานนั้นมีประมาณ 203 โองการ ด้วยกัน เมื่อมีการตัฟซีร (อรรถาธิบาย)และตะอ์วีล (การตีความ) จะบ่งบอกถึง อิมามมะฮ์ดี ผู้ที่มีเชื้อสายมาจากท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ็อลฯ)  ดังตัวอย่างบางส่วน ต่อไปนี้

 

ذَلِكَ الْكِتَابُ لاَ رَيْبَ فِيهِ هُدًى لِّلْمُتَّقِينَ
الَّذِينَ يُؤْمِنُونَ بِالْغَيْبِ وَيُقِيمُونَ الصَّلوةَ وَمِمَّا رَزَقْنَاهُمْ يُنفِقُونَ

 

คัมภีร์นี้ ไม่มีความสงสัยใดๆ ในนั้น เป็นคำแนะนำสำหรับบรรดาผู้ยำเกรงเท่านั้น
คือ บรรดาผู้ศรัทธาต่อสิ่งเร้นลับและดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และส่วนหนึ่งจากสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขานั้น พวกเขาก็บริจาค

 

คำอธิบาย


บรรดาผู้ยำเกรง (มุตตะกีน) บ่งชี้ถึงชีอะฮ์ของท่านอมีรุลมุอ์มินีน อะลี  (อ.)
ส่วนคำว่า เร้นลับ (อัล- ฆัยบ์) หมายถึง ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) [ ๑]

 

فَانفَجَرَتْ مِنْهُ اثْنَتَا عَشْرَةَ عَيْناً قَدْ عَلِمَ كُلُّ أُنَاسٍ مَّشْرَبَهُمْ كُلُواْ وَاشْرَبُواْ مِن رِّزْقِ اللَّهِ وَلاَ تَعْثَوْاْ فِي الأَرْضِ مُفْسِدِينَ

 

เจ้าจงฟาดหินด้วยไม้เท้า แล้วตาน้ำสิบสองตาก็พุ่งออกจากหินนั้น แน่นอนกลุ่มชนแต่ละกลุ่มย่อมรู้แหล่งน้ำดื่มของตน พวกเจ้าจงกินและจงดื่มจากปัจจัยยังชีพของอัลลอฮฺ และจงอย่าก่อกวนในผืนแผ่นดิน ในฐานะผู้บ่อนทำลาย

 

ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวกับท่านญาาบิร ซึ่งเป็นฮะดีษที่มีความยาว ว่า

 

فالائمة يا جابر اثنا عشر اماما اولهم علي ابن ابي طالب و آخرهم القائم صلوات اللّه

 

โอ้ญาบิรเอ๋ย   อะอิมมะฮฺหรืออิมามผู้บริสุทธิ์ ๑๒ ท่าน คนแรก คือ อะลี บุตรของอบูฏอลิบ ส่วนคนสุดท้ายคือ กออิม (มะฮ์ดี) (ขออัลลอฮ์ ทรงประสาทพรแก่พวกเขา) [ ๒]

 

وَإِذِ ابْتَلَى إِبْرَاهِيمَ رَبُّهُ بِكَلِمَاتٍ فَأَتَمَّهُنَّ قَالَ إِنِّي جَاعِلُكَ لِلنَّاسِ إِمَامًا

และจงรำลึกถึง ขณะที่พระผู้อภิบาลของอิบรอฮีมได้ทดสอบเขา ด้วยพระบัญชาบางประการแล้วเขาก็ได้สนองตามพระบัญชานั้นโดยครบถ้วน พระองค์ตรัสว่าแท้จริงข้าจะให้เจ้าเป็นผู้นำ (อิมาม) มนุษย์ชาติ

 

ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวกับท่านมุฟัฎฎ็อล บิน อุมัร เกี่ยวกับพระบัญชาของอัลลอฮ์ (ซบ.) ที่ว่า และเราได้ทดสอบเขา (ฟะอะตัมมะฮุนนะ) คำๆ นี้ได้บ่งชี้ถึงอิมามมะฮ์ดี (อ.) ซึ่งอัลลอฮ์(ซบ.) ได้ประทานอิมามัตครบสมบูรณ์ทั้ง ๑๒ ท่าน  โดยสิ้นสุดที่อิมามมะฮ์ดี  ซึ่ง ๙ ท่านเป็นบุตรที่สืบเชื้อสายมาจากท่านอิมามฮุเซน(อ.) ทั้งสิ้น [ ๓]

 

قَالُواْ نَعْبُدُ إِلَهَكَ وَإِلَهَ آبَائِكَ إِبْرَاهِيمَ وَإِسْمَاعِيلَ وَإِسْحَقَ إِلَهًا وَاحِدًا وَنَحْنُ لَهُ مُسْلِمُونَ

 

พวกเขากล่าวว่า พวกเราจะเคารพสักการะพระเจ้าของท่าน และพระเจ้าแห่งบรรดาบิดาของท่าน  อิบรอฮีม อิสมาอีล และอิสฮาก แต่เพียงองค์เดียวและพวกเราจะเป็นผู้สวามิภักดิ์ต่อพระองค์เท่านั้น

 

ท่านอิมามบากิร (อ.) กล่าวว่า โองการข้างต้นที่กล่าวว่า (พวกเราจะเคารพสักการะพระเจ้าของท่าน) จนสิ้นโองการเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี (อ.) หมายถึง วันที่ท่านอิมามมะฮ์ดี ปรากฏกาย ประชาชนและบุตรหลานของเขาจะพูดเหมือนกันว่า พวกเราจะเคารพสักการะพระเจ้าของท่าน และพระเจ้าแห่งบรรดาบิดาของท่าน  อิบรอฮีม อิสมาอีล และอิสฮาก [ ๔]

 

فَاسْتَبِقُواْ الْخَيْرَاتِ أَيْنَ مَا تَكُونُواْ يَأْتِ بِكُمُ اللّهُ جَمِيعًا إِنَّ اللّهَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ  

ดังนั้นพวกเจ้าจงแข่งขันความดีทั้งหลาย ที่ใดก็ตามที่พวกเจ้าปรากฏอยู่อัลลอฮ์ก็จะทรงนำพวกเจ้ามาทั้งหมด แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง

 

ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวถึงโองการข้างต้นว่า อัซฮาบของท่านอิมามมะฮ์ดีมี ๓๐๐ คน อาจมีเผื่อเหลือเผื่อขาดอีก ๑๐ คน ขอสาบานด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ว่าในวันนั้นประชาชาติจำนวนหนึ่งจะมารวมกันภายใน ๑ ชั่วโมง เสมือนการรวมกลุ่มกันของก้อนเมฆในฤดูใบไม้ร่วง [ ๕]

 

كَمَثَلِ حَبَّةٍ أَنبَتَتْ سَبْعَ سَنَابِلَ فِي كُلِّ سُنبُلَةٍ مِّائَةُ حَبَّةٍ

 

ดังอุปมัยเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งที่งอกขึ้นเป็นเจ็ดรวง ซึ่งในแต่ละรวงนั้นมีร้อยเมล็ด

 

ท่านอิมามอะลี (อ.) อธิบายโองการดังกล่าวว่า เป็นคุณลักษณะหนึ่งของมะฮ์ดี  เนื่องจากมะฮ์ดีคือผู้บังคับบัญชาวิลายัตคนสุดท้าย ซึ่งเขาจะส่งสาส์นถึงตัวแทนทุกคนโดยกำชับว่า พวกเจ้าทั้งหลายต้องแสดงความยุติธรรมต่อประชาชนอย่างเต็มร้อย ท่านอิมามได้กล่าวต่ออีกว่า และหลังจากนั้นความชั่วทั้งหลายจะหมดไปจากโลกนี้ ซึ่งความจำเริญและความดีงามทั้งหลายจะแทนที่ การนำมาซึ่งความดี ๑ ทะนานจะมีคุณค่าเท่ากับ ๗๐๐ ทะนานและนี้คือความหมายของโองการ [ ๖]

 

آمَنَ الرَّسُولُ بِمَا أُنزِلَ إِلَيْهِ مِن رَّبِّهِ وَالْمُؤْمِنُونَ كُلٌّ آمَنَ بِاللّهِ وَمَلآئِكَتِهِ وَكُتُبِهِ وَرُسُلِهِ

เราะซูลศรัทธาต่อสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาแก่ท่านจากพระพระผู้อภิบาลของท่าน และมุอ์มินทั้งหลายก็ศรัทธา ทุกคนศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และมลาอิกะฮ์ของพระองค์ และบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ และบรรดาเราะซูลของพระองค์

 

ผู้ศรัทธาทั้งหลาย (มุอ์มินูน) ในโองการหมายถึง บรรดาอะอิมมะฮ์ (อ.) ได้มีรายงานฮะดีษจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ว่า คืนที่ฉันขึ้นมิอ์รอจญฺทางด้านขวามือของอารัช (บัลลังก์) ฉันเห็นอะลี ฟาฏิมะฮ์ ฮะซัน ฮุเซน อะลี บิน ฮุเซน มุฮัมมัด บิน อะลี ญะอ์ฟัร บิน มุฮัมมัด มูซา บิน ญะอฺฟัร อะลี บิน มูซา มุฮัมมัด บิน อะลี อะลี บิน มุฮัมมัด ฮะซัน บิน อะลี และ มะฮ์ดี บิน ฮะซัน เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังส่องแสง ทั้งหมดอยู่ในท่ายืน และกำลังหมกมุ่นนมาซกันอย่างเข็มแข็ง มะฮ์ดีท่ามกลางพวกเขาเปรียบเสมือนกิ่งของต้นไม้

 

อัลลอฮ์ (ซบ.) ตรัสว่า โอ้มุฮัมมัด! บุคคลพวกนี้ คือ ข้อพิสูจน์ของฉันบนหน้าแผ่นดิน และนี่คือมะฮ์ดีผู้ยืนหยัดในหมู่ประชาชาติซึ่งเป็นทายาทของเจ้า ฉันขอสาบานด้วยความสูงส่งของฉันว่าเขาคือ ข้อพิสูจน์ที่เป็นวาญิบสำหรับหมู่มวลมิตร (เอาลิยาอ์) ของฉัน และเป็นผู้ทวงหนี้ศัตรูแทนฉัน [ ๗]

 


แหล่งอ้างอิง


[ ๑] ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์ หน้า ๔๔๓   ฆอยะตุลมะรอม หน้า ๗๑๙   บิฮารุลอันวาร เล่ม ๕๑ หน้า ๙๒
[ ๒] ฆอยะตุลมะรอม หน้า ๒๒๔
[ ๓] อัล มะฮ์ดี ฟิล กุรอาน หน้า ๑๓ คัดลอกมาจาก ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์ หน้า ๕๐๗ ตัฟซีร อัลบุรฮาน เล่ม ๑ หน้า ๑๔๗
[ ๔] อิซบาตุลมะฮ์ดี เล่ม ๗ หน้า ๙๓  ตัฟซีร อัล บุรฮาน เล่ม ๑ หน้า ๑๕๖
[ ๕] ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์ อิซบาตุลฮุดา เล่ม ๗ หน้า ๙๕  ฆอยะตุลมะรอม หน้า ๒๒๐  ตัฟซีรอัล บุรฮาน เล่ม ๑ หน้า ๑๖๒ กล่าวถึง อัซฮาบของอิมามมะฮ์ดี (อ.)
[ ๖] มะฮ์ดี ฟิล กุรอาน หน้า ๑๕  ตัฟซีรอัล-บุรฮาน เล่ม ๑ หน้า ๒๕๓
[ ๗] ฟะรออิดุลซุมฏัยน์ เล่ม ๒ หน้า ๓๒


ขอขอบคุณเว็บไซต์อิมามมะฮ์ดี


imamalmahdi.com