ศาสดาอีซา (อ.) ผู้ช่วยเหลืออิมามมะฮ์ดี (อ.)

ศาสดาอีซา (อ.) ผู้ช่วยเหลืออิมามมะฮ์ดี (อ.)

 

ความเชื่อที่ว่า ในวันหนึ่งผู้ช่วยให้รอด (มุนญี) จะมาและจะทำให้โลกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยกับความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมนั้นมีอยู่ในทุกศาสนา และประเด็นเกี่ยวกับการปรากฏตัวของผู้ถูกสัญญา (เมาอูด) ที่เร้นกายก็ถูกพยากรณ์เอาไว้ในทุกศาสนา และทุกศาสดาได้แจ้งข่าวดีไว้ว่าในยุคสุดท้าย (อาคิรุซซะมาน) จะมีบุรุษแห่งพระเจ้า ผู้หนึ่งที่มีตำแหน่งผู้ปกครอง (วิลายะฮ์) และภารกิจแห่งพระเจ้าจะปรากฏตัว (ซุฮูร) ขึ้น และจะนำทางชาวโลกออกจากความแตกแยกและความกลับกลอกไปสู่สันติภาพและเอกภาพ ขณะที่ ท่านศาสดาอีซา (อ.) หรือพระเยซู ก็จะกลับลงมาอยู่เคียงข้างท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และจะเป็นหนึ่งในผู้ช่วยเหลือของท่าน

  

    คำว่า “เมาอูด” หมายถึง “ผู้ที่ถูกสัญญา” และคำว่า “มุนญี” ก็หมายถึง “ผู้ช่วยให้รอดพ้น” และหากพิจารณาในด้านของภาษาแล้ว เป็นเครื่องชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความหมายและความเข้าใจที่ได้รับจากทั้งคำสองนี้ แม้จะมีรูปและถ้อยคำที่แตกต่างกัน แต่ก็สื่อถึงสิ่งเดียวกัน และยังหมายถึงความเชื่อที่หยั่งรากฝังลึกเกี่ยวกับการปรากฏตัว (ซูฮูร) ของผู้ที่ถูกสัญญาและถูกรอคอยในยุคสุดท้าย (อาคิรุซซะมาน)

 

      ทุกศาสนาที่มีรากฐานที่มาจากพระเจ้านั้นจะมี “ผู้ถูกสัญญา” และ “ผู้ช่วยให้รอด” แห่งยุคสุดท้าย ซึ่งจะมีสถานภาพอันพิเศษในศาสนานั้นๆ และในศาสนาทั้งหมดเหล่านี้ “เมาอูด” (ผู้ถูกสัญญา) จะมีความหมายหนึ่งเดียวกัน นั่นก็คือ วันที่โลกเต็มไปด้วยความอธรรมและการกดขี่ แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่พระเจ้าทรงมีแด่มนุษยชาตินั้น พระองค์จะทรงให้ผู้ที่จะช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น ผู้ที่ถูกสัญญาไว้ปรากฏตัว (ซุฮูร) ขึ้น และพร้อมกับการทำลายความอธรรมและการกดขี่ เขาจะทำให้โลกเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม


ท่านศาสดาอีซา (อ.) เคียงข้างท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)


- ผู้นำทางชาวคริสต์

 

       พระเจ้า ผู้ทรงสร้างโลก ได้ทรงตรัสเกี่ยวกับความเป็นผู้ชี้นำของท่านมะซีห์ อีซา (อ.) ไว้ว่า :

 

وَ إِنْ مِنْ أَهْلِ الْکِتابِ إِلَّا لَیُؤْمِنَنَّ بِهِ قَبْلَ مَوْتِهِ وَ یَوْمَ الْقِیامَةِ یَکُونُ عَلَیْهِمْ شَهِیداً

 

“และไม่มีชาวคัมภีร์คนใด นอกจากเขาจะต้องศรัทธาต่ออีซา ก่อนที่เขาจะตาย และในวันฟื้นคืนชีพเพื่อการพิพากษานั้น เขา (อีซา) จะเป็นพยานยืนยันต่อพวกเขา”

(อัลกุรอาน บทอันนิซาอ์ โองการที่ 159)

 

       ท่านอิมามมุฮัมมัด บากิร (อ.) กล่าวว่า :

 

انَّ عِیسیَ یَنْزلُ قَبْلَ یَوْمِ الْقِیامَة اِلی الدُّنیَا فَلا یَبْقَی اهْلُ مِلَّة یَهُودیٍّ وَ لا غَیْرُهُ اِلَّا آمَنَ بِهِ قَبْلَ مَوْتِهِ وَ یُصَلِّی خَلْفَ الْمَهْدِیِّ

 

"แท้จริงอีซาจะลงมายังโลกนี้ก่อนวันฟื้นคืนชีพเพื่อการพิพากษา ดังนั้นจะไม่มีชาวศาสนาคนใด ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรืออื่นจากชาวยิว นอกจากจะต้องศรัทธาต่อเขา ก่อนการตายของเขา และเขาจะทำนมาซตามหลังมะฮ์ดี" (1)

 

       หลังจากที่ลงมาจากฟากฟ้า อีซา (อ.) จะทำให้ชาวคริสต์รับรู้ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับศาสนาของพระเจ้า ท่านจะทำลายกางเขน และจะทำให้ศาสนาคริสต์ที่ถูกบิดเบือนเป็นโมฆะ


- การปฏิบัติตามท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)

 

      เมื่อท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ปรากฏตัว (ซุฮูร) ท่านศาสดาอีซา (อ.) จะลงมายังโลก ณ บัยตุ้ลมักดิส (เยรูซาเล็ม) และจะนมาซตามหลังท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และการกระทำนี้ของท่านศาสดาอีซา (อ.) จะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับชาวคริสต์ในการยอมรับรัฐบาลโลกของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)

 

      ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) กล่าวว่า :

 

وَ الَّذی بَعَثَنی بِالْحَقِّ نَبیّاً لَوْ لَمْ یَبْقَ مِنَ الدُّنیاَ اِلَّا یَوْمٌ وَاحِدٌ لَطَوَّلَ اللهُ ذَلِکَ الْیُومَ حَتَّی یَخْرُجَ فِیهِ وَلَدیَ الْمَهْدیُّ فَیِنِزلَ رُوحُ اللهِ عیسَی ابْنُ مَرْیَمَ فَیُصَلّیَ خَلْفَهُ وَ تُشْرِقَ الْارْضُ بِنُورِهِ وَ یَبْلُغَ سُلْطَانُهُ الْمَشرِقَ وَ الْمَغْرِب

 

"ขอสาบานต่อพระเจ้าผู้ซึ่งได้ทรงแต่งตั้งฉันให้เป็นศาสดาด้วยสัจธรรม มาตรว่าไม่มีเวลาเหลือจากโลกนี้ นอกจากเพียงวันเดียว แน่นอนอัลลอฮ์จะทรงทำให้วันนั้นยาวนาน จนกว่ามะฮ์ดีลูกหลานของฉันจะยืนหยัดขึ้นในวันนั้น จากนั้นรุฮุลลอฮ์ อีซาบุตรของมัรยัม ก็จะลงมา แล้วเขาจะนมาซตามหลังมะฮ์ดี และแผ่นดินจะจรัสแสงด้วยรัศมีของเขา และอำนาจการปกครองของเขาจะครอบคลุมไปทั้งตะวันออกและตะวันตก" (2)

 

- ผู้ช่วยของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)

 

       พร้อมกับการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ท่านศาสดาอีซา มะซีห์ (อ.) ก็จะปรากฏตัวด้วยเช่นกัน และจะเข้าสมทบกับท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และท่านจะกล่าวว่า :

 

اِنَّما بَعِثْتُ وَزیرا، وَلَمْ اُبْعَثْ اَمیرا

 

“แท้จริงฉันถูกส่งมาให้เป็นผู้ช่วยเหลือ และฉันไม่ได้ถูกส่งมาให้เป็นผู้ปกครอง” (3)

 

       ท่านจะรับคำสั่งจากท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ให้ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการในปฏิบัติการโจมตีกองทัพของดัจญาล (4) ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เองในริวายะฮ์ (คำรายงาน) ต่างๆ จากท่ามกลางบรรดาเจ้าหน้าที่ของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) นั้น ท่านศาสดาอีซา มะซีห์ (อ.) ด้วยเหตุผลของการมีบทบาทที่สำคัญและไม่มีใครเหมือนของท่านในการทำให้รัฐบาลโลกของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) แข็งแกร่งและแผ่ขยายออกไปนั้น ท่านจะถูกกล่าวถึงในนาม “วะซีร” (เสนาบดี)

 

       ดูเหมือนว่าท่านศาสดาอีซา (อ.) ในยุคของการปรากฏตัว (ซุฮูร) นั้น ท่านจะรับผิดชอบบทบาทของผู้ช่วยเหลือและที่ปรึกษาอันดับหนึ่งของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ท่ามกลางผู้ช่วยและเจ้าหน้าที่รัฐบาลของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) (5) ด้วยกับบรรดาสหายและตัวแทนที่มีคุณลักษณะเช่นนี้เอง ในที่สุดท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ก็จะสามารถทำให้รัฐบาลโลกอิสลามบรรลุความเป็นจริงได้ และท่านจะทำให้โลกเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม


- การตัดสินและการยืนยันถึงสัจธรรม

 

      การลงมาของท่านศาสดาอีซา (อ.) เพื่อที่จะตัดสินความจริงและการทำให้ข้อพิสูจน์เป็นที่สมบูรณ์เหนือบรรดาผู้ปฏิบัติตามศาสนาทั้งมวลที่ยอมรับในเอกานุภาพ (เตาฮีด) ของพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวยิวและชาวคริสต์ทั่วโลก

 

      ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) กล่าวว่า :

 

يَكُونُ عِيسَى ابْنُ مَرْيَمَ فِي أُمَّتِي حَكَمًا مُقْسِطًا وَتُرْفَعُ الشَّحْنَاءُ وَالتَّبَاغُضُ وَيَفِيضَ الْمَالُ حَتَّى لا يَقْبَلَهُ أَحَدٌ وَ تُنْزَعُ حُمَةُ كلِّ دابَّةٍ وَ تَکُونُ الْأَرْضُ  کَفَاتُوْرِ الفِضَّة

 

“อีซาบุตรของมัรยัมจะเป็นผู้ตัดสินและผู้ธำรงความยุติธรรมในหมู่ประชาชาติของฉัน ความเกลียดชังและความเป็นศัตรูกันจะถูกขจัดออกไป และความมั่งคั่งจะมีอย่างล้นเหลือจนกระทั่งว่าไม่มีผู้ใดจะรับมัน พิษภัย (และอันตราย) ของสัตว์เลื้อยคลานจะถูกนำออกไป และแผ่นดินจะมีความบริสุทธิ์เหมือนธาตุเงิน" (6)


- การทำลายดัจญาล

 

      ใช่แล้ว! คำสอนของศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามมีความสอดคล้องตรงกันในประเด็นที่ว่า ในที่สุดอีซา อัลมะซีห์ (พระเยซู) จะเป็นผู้ทำลายดัจญาลในยุคการลงมาจากสวรรค์ของท่าน ตามริวายะฮ์ (คำรายงาน) จำนวนมาก ในขณะที่ดัจญาลได้ย่างกายเข้าสู่ปาเลสไตน์และบัยตุลมักดิส (เยรูซาเล็ม) นั้น เป็นช่วงเวลาที่ชาวมุสลิมกำลังเตรียมตัวที่จะทำนมาซพร้อมกับท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเองท่านศาสดาอีซา (อ.) จะลงมาจากฟากฟ้า และภายหลังจากการทำนมาซโดยการนำของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ประตูมัสยิดจะถูกเปิดตามคำขอของท่านศาสดาอีซา (อ.) ทันใดนั้นสายตาของท่านศาสดาอีซา (อ.) ก็จะมองเห็นกองทัพจำนวนเจ็ดหมื่นคนของชาวยิว ภายใต้การนำของดัจญาล ดัจญาลเมื่อเห็นท่านศาสดาอีซา (อ.) ก็จะเป็นเหมือนเกลือที่ละลายในน้ำ และท่านศาสดาอีซา (อ.) ก็จะไปยังเขา และจะสังหารเขาโดยการฟันด้วยดาบ ด้วยกับการตายของดัจญาล กองทัพของเขาก็จะแตกกระสานซ่านเซ็น โขดหินต้นไม้และหนามก็จะพูด ด้วยการแนะนำให้รู้ถึงบรรดาผู้ปฏิเสธ (กุฟฟาร) การสังหารพวกเขาโดยมือของบรรดามุสลิมก็จะถูกจัดเตรียมขึ้น” (7)

 

      ดังนั้นตามเนื้อหาที่ได้อธิบายไปนั้นเป็นเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นว่า อนาคตที่ชาวคริสต์กำลังรอคอยอยู่นั้นไม่มีความแตกต่างใดๆ กับช่วงเวลาอันจำเริญที่ชาวมุสลิมกำลังรอคอย และชาวโลกทั้งมวลจะได้สัมผัสกับรสชาติของชีวิตที่แท้จริงภายใต้รัฐบาลโลกหนึ่งเดียวของพระเจ้า โดยการนำและการมีบทบาทร่วมกันของท่านศาสดาอีซา อัลมะซีห์ (อ.) และท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)

 

แหล่งอ้างอิง :

 

(1) บิฮารุลอันวาร, อัลลามะฮ์ มัจญ์ลิซี, เล่มที่ 53, หน้าที่ 51

(2) บิฮารุลอันวาร, อัลลามะฮ์ มัจญ์ลิซี, เล่มที่ 51, หน้าที่ 71

(3) มุอ์ญัม อะฮาดีษิลมะฮ์ดี, อะลี อัลกูรอนี, เล่มที่ 1, หน้าที่ 527 ; อิษบาตุลฮุดาต, ฮุรรุลอามิลี, เล่มที่ 3, หน้าที่ 613

(4) อัชชีอะฮ์ วัรร็อจญ์อะฮ์, มุฮัมมัด ริฎอ ฏอบะซี นะญะฟี, เล่มที่ 1, หน้าที่ 167

(5) ฆอยะตุลมุรอม ฟี ฮุจญะติลคิซอม, อัน ฏอรีกิลค็อศ วัลอาม, ฮาชิม บะห์รอนี, หน้าที่ 697

(6) ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์, กุนดูซี, เล่มที่ 3, หน้าที่ 88

(7) กัชฟุลอัซรอร วะ อิดะตุลอับรอร, อะห์มัด บินมุฮัมมัด มัยบุดี, เล่มที่ 2, หน้าที่ 142 – 143; ตัฟซีรุลกุรอานิลอะซีม, อิบนุกะซีร, เล่มที่ 6, หน้าที่ 592 – 595

 

แปล/เรียบเรียง : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ